อัพเดท: 27 ธันวาคม 2024
ไม่ค่อยมีเวลาใช่ไหม? นี่คือ VPN iOS ฟรีที่ดีที่สุดในปี 2025:
- 🥇 ExpressVPN : มันไม่มีแพลนระดับฟรี แต่มันเป็น VPN สำหรับ iOS ที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย ในปี 2025 และคุณก็สามารถทดลองใช้มันได้อย่างไม่มีความเสี่ยงผ่านการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน ExpressVPN ใช้งานได้อย่างสมบูรณ์แบบกับ iOS 18 และฟีเจอร์อื่น ๆ ของ Apple อย่างเช่น CarPlay และมันก็ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ความปลอดภัยขั้นสูง, ความเร็วการเชื่อมต่อที่เร็วที่สุด, รองรับการสตรีมมิ่งได้ดีมาก และแอปก็ใช้งานง่าย รวมถึงมีภาษาไทยด้วย
เราใช้เวลาอยู่หลายสัปดาห์ไปกับการทดสอบ VPN iOS ฟรี กว่า 40+ ตัว และก็เจอตัวที่ดีจริง ๆ อยู่แค่ไม่กี่ตัว Private Relay ของ Apple นั้นจะไม่ได้ปกป้องข้อมูลของคุณอย่างเต็มรูปแบบ เนื่องจากมันจะทำงานเฉพาะบน Safari เท่านั้น ดังนั้นเราจึงมองหาทางเลือกอื่นจาก VPN ฟรี
ปกติแล้วเราจะไม่ค่อยแนะนำให้ใช้ VPN ฟรี เพราะว่ามันมักจะมีข้อจำกัดมากมาย VPN ฟรี ส่วนใหญ่ที่เราได้ทดสอบนั้นจะขาดฟีเจอร์ความปลอดภัยพื้นฐาน, จะจำกัดความเร็วของเรา, ใช้แบตของ iPhone และ iPad เยอะ และก็ทำให้เกิดปัญหากับฟีเจอร์ของ Apple อย่าง CarPlay และ AirPlay หรือไม่ก็อาจจะมีปัญหาการใช้งานกับ iOS 18
ถึงจะเป็นเช่นนั้นแต่เราก็ยังเจอ VPN iOS ฟรี ที่น่าสนใจอยู่ VPN ทั้งหมดในรายการนี้สามารถใช้งานกับ iOS เวอร์ชันล่าสุดได้ (รวมถึง iOS 18), มันมีความเร็วดีสำหรับการเรียกดูเนื้อหาและการสตรีมมิ่ง และก็ยังมีแอป iOS ที่ใช้งานง่ายอีกด้วย นอกจากนี้ เกือบทุกตัวก็ไม่มีโฆษณาเลยด้วย
แต่มันก็ยังไม่สามารถเทียบได้กับ ExpressVPN ซึ่งเป็นตัวเลือก #1 ของเรา มันเร็วมาก ๆ ไม่เหมือน VPN ฟรี, มีแบนด์วิดท์ไม่จำกัด, รองรับการสตรีมมิ่งได้ดีเยี่ยม และก็มีเซิร์ฟเวอร์ที่ครอบคลุมเป็นอย่างดี แถมแอป iOS ของมันนั้นใช้งานกับฟีเจอร์ของ Apple ได้เป็นอย่างดี และก็ถูกอัปเดตอยู่เสมอเพื่อให้รองรับ iOS เวอร์ชันใหม่ นอกจากนี้มันก็สามารถทำงานร่วมกับ App Tracking Transparency ของ Apple เพื่อปกป้องข้อมูลของคุณได้อย่างเต็มรูปแบบ หมายเหตุจากบรรณาธิการ: ExpressVPN และเว็บไซต์นี้อยู่ในกลุ่มบริษัทที่มีเจ้าของเดียวกัน
ทดลองใช้ ExpressVPN สำหรับ iOS เลย
สรุปโดยย่อเกี่ยวกับ VPN iOS ฟรี ที่ดีที่สุดปี 2025
หมายเหตุบรรณาธิการ: VPN ที่เราแนะนำในบทความนี้จะมีนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลที่เข้มงวด หมายความว่าพวกเขาจะไม่สามารถดูหรือบันทึกสิ่งที่คุณทำทางออนไลน์ได้ มันจะขึ้นกับคุณเองที่จะต้องใช้ VPN อย่างถูกต้องตามกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง เราและเพื่อนร่วมงานที่ SafetyDetectives ไม่สนับสนุนการละเมิดลิขสิทธิ์ใด ๆ ทั้งสิ้น
🥇1. ExpressVPN — VPN iOS ที่ดีที่สุดในปี 2025
ExpressVPN เป็น VPN โปรดของเราในปี 2025 — มันมีฟีเจอร์ความปลอดภัยระดับชั้นนำของโลกเป็นภาษาไทย และมันก็เป็น VPN ที่ดีที่สุดสำหรับใช้สตรีมมิ่งอีกด้วย จากการทดสอบของเรา มันสามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบบน iOS 18 และก็ไม่ก่อให้เกิดปัญหาใด ๆ กับ AirPlay และ CarPlay เลย (ทั้งสำหรับ Wi-Fi และเครือข่ายเซลลูลาร์) มันไม่มีแพลนระดับฟรี แต่การสั่งซื้อทั้งหมดนั้นจะมีการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน ดังนั้นคุณสามารถลองใช้งานมันแล้วค่อยขอคืนเงินเต็มจำนวนได้ ถ้าคุณรู้สึกว่ามันไม่เหมาะกับความต้องการของคุณ
ข้อดีสำคัญของ ExpressVPN ก็คือมันเป็น VPN ที่เร็วที่สุด ระหว่างการทดสอบของเรา หน้าเว็บและวิดีโอก็โหลดเสร็จในทันที เราสามารถเล่นเกมมือถือได้อย่างไม่มีอาการแลค และเราก็สามารถสตรีมมิ่งในความชัดระดับ HD ได้อย่างไม่มีการบัฟเฟอร์ ด้วยเซิร์ฟเวอร์ใน 105 ประเทศ คุณจะไม่เจอปัญหาการเชื่อมต่อไปยังตำแหน่งใกล้เคียงเลยด้วย ซึ่งก็จะทำให้คุณได้ความเร็วที่สูงที่สุดอย่างสม่ำเสมอ มันไม่จำกัดความเร็วเหมือนอย่างที่ hide.me ทำในแพลนระดับฟรี
ExpressVPN ใช้งานได้กับแอปสตรีมมิ่งยอดนิยมทั้งหมด ซึ่งรวมถึง Netflix ในประเทศต่าง ๆ, Amazon Prime, Disney+ ประเทศต่าง ๆ รวมถึงเว็บไซต์อย่าง Hulu, Max, BBC iPlayer, DAZN, Crunchyroll, beIN Sports, และอีกมากมาย มันจะต่างจาก VPN ฟรี ตรงที่มันไม่มีการจำกัดข้อมูลที่เปิดให้คุณใช้งาน ดังนั้นคุณจึงสามารถดูได้นานเท่าที่คุณต้องการ การโหลดบิทบน iOS นั้นไม่ใช่เรื่องที่สะดวกนัก แต่ ExpressVPN นั้นเป็นหนึ่งใน VPN ที่ดีที่สุดสำหรับใช้ดาวน์โหลดไฟล์ — มันเปิดให้คุณโหลดบิทได้บนทุกเซิร์ฟเวอร์
ExpressVPN นั้นมีความเร็วสูงและติดตั้งง่าย มันสามารถใช้งานได้กับ iPhone 6S ขึ้นไป, iPad Pro ทุกรุ่น, iPad Air 2-5, iPad 5-9 และ iPad Mini 4-6 เราชอบเป็นพิเศษตรงที่หน้าโฮมของมันนั้นทำให้เราสามารถเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่เคยเชื่อมต่อเมื่อไม่นานมานี้ได้อย่างรวดเร็ว และก็ยังมีเครื่องมือ สถานที่อัจฉริยะ เพื่อช่วยบ่งชี้เซิร์ฟเวอร์ที่เร็วที่สุดให้คุณได้ มันจะคล้ายกับฟีเจอร์เชื่อมต่ออย่างเร็วของ Proton VPN แต่จะต่างกับของ Proton VPN เล็กน้อย ตรงที่คุณยังสามารถเลือกตำแหน่งได้อยู่ นอกจากนี้มันยังมี kill switch สำหรับ iOS ด้วย แต่มันไม่มีวิดเจ็ตสำหรับการแยกอุโมงค์
มันเป็นตัวเลือกที่ดีมากถ้าคุณกำลังจะเดินทางไปในประเทศที่ถูกจำกัด ExpressVPN จะทำการ obfuscation ให้กับเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมด ซึ่งทำให้ทราฟฟิคของคุณดูเหมือนทราฟฟิค HTTPS นี่จะทำให้คุณสามารถเข้าใช้งานอินเทอร์เน็ตในที่ที่มีการจำกัดการใช้ VPN อย่างในจีนและอิหร่านได้ นอกจากนี้คุณยังจะได้รับการป้องกันขั้นสูง ซึ่งก็จะรวมถึงตัวบล็อกโฆษณา, ตัวติดตาม และเว็บไซต์อันตรายที่ใช้งานได้ดี และก็ยังมีตัวเลือกสำหรับบล็อกเว็บไซต์ผู้ใหญ่อีกด้วย
การสมัครใช้บริการจาก ExpressVPN ทั้งหมดนั้นจะมาพร้อมกับเครื่องมือจัดการรหัสผ่านให้ใช้ฟรี (ExpressVPN Keys) มันมีความปลอดภัยมาก ๆ และก็เปิดให้คุณสามารถเก็บรหัสผ่านได้ไม่จำกัดจำนวน, มีระบบกรอกอัตโนมัติและบันทึกอัตโนมัติซึ่งไร้ที่ติ และก็มีตัวสร้างรหัสผ่านที่ดีมากด้วย มันยังขาดฟีเจอร์บางประการอย่างเช่นการแชร์รหัสผ่าน ซึ่งเครื่องมือจัดการรหัสผ่านชั้นนำแบบสแตนด์อโลนรายอื่น ๆ สำหรับ iOS นั้นมีให้ใช้งาน แต่ก็ถือว่าดีมากแล้วสำหรับส่วนเสริมที่แถมมาให้ใช้ฟรี และเราก็ชอบที่ยังสามารถใช้มันได้ฟรีต่อไปเรื่อย ๆ ถึงแม้ว่าการสมัครใช้งาน ExpressVPN จะหมดอายุแล้วก็ตาม
ExpressVPN นั้นมีแพลนแบบรายเดือนและรายปี ราคาเริ่มต้นที่ US$4.99 / เดือน มันมีราคาสูงเล็กน้อย แต่ไม่มี VPN ไหนอีกแล้วที่จะคุ้มค่าไปกว่านี้
สรุป:
ExpressVPN นั้นไม่ฟรี แต่มันมีความคุ้มค่ามากที่สุดเมื่อเทียบกับ VPN ทั้งหมดในปี 2025 มันมีความเร็วสูงที่สุด และก็เป็น VPN ที่มีความปลอดภัยที่สุดสำหรับ iOS มันยังใช้งานกับเว็บไซต์สตรีมมิ่งชั้นนำได้ทั้งหมด, ทำงานในประเทศที่ถูกจำกัดได้, รองรับการโหลดบิทบนทุกเซิร์ฟเวอร์ และก็ยังมีแอปที่ใช้งานง่ายอีกด้วย การสั่งซื้อทั้งหมดนั้นมีการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
อ่านรีวิวฉบับเต็มเกี่ยวกับ ExpressVPN
🥈2. Proton VPN — VPN iOS ฟรี คุณภาพดีที่มีข้อมูลให้ใช้ได้ไม่จำกัด + มีความเร็วดี
Proton VPN เป็น VPN iOS ฟรี ที่เร็วที่สุดในรายการนี้ และมันก็เป็น VPN น้อยรายที่มีแพลนระดับฟรีซึ่งเปิดให้ใช้ข้อมูลได้ไม่จำกัด — นี่หมายความว่าคุณสามารถเรียกดูเนื้อหาบนอินเทอร์เน็ตได้นานเท่าที่คุณต้องการโดยไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องข้อมูลที่ถูกจำกัด ในขณะที่ VPN ฟรีรายอื่น ๆ ต่างก็จะมีข้อจำกัดด้านข้อมูลที่เปิดให้ใช้งานได้ในแบบรายวันหรือรายเดือน
Proton VPN รักษาความเร็วได้ดีมาก ๆ สำหรับแพลนระดับฟรี ในขณะที่ hide.me และ Hotspot Shield นั้นก็เปิดให้ใช้ข้อมูลได้ไม่จำกัดเหมือนกันในแพลนระดับฟรี แต่ทั้งสอง VPN นั้นก็จะจำกัดความเร็วของคุณ ในการทดสอบของเรา เราได้ความเร็วดีสำหรับทั้งการเรียกดูเนื้อหาและการเล่นเกม แต่ท้ายที่สุดแล้ว ความเร็วของ Proton VPN ก็ยังคงห่างชั้นกับ ExpressVPN อยู่มาก
แอป iOS ของ ProtonVPN ใช้งานได้กับ iOS 15.0 และ iPadOS 15.0 หรือใหม่กว่า และก็สามารถปรับแต่งการตั้งค่าได้ รวมถึงใช้งานง่ายอีกด้วย ในการทดสอบของเรา เราสามารถใช้ VPN ได้อย่างไม่มีปัญหาทั้งบน Wi-Fi และเครือข่ายเซลลูลาร์ และมันก็ใช้งานกับฟีเจอร์ CarPlay ได้ด้วย นอกจากนี้ มันยังมีวิดเจ็ต iOS, kill switch สำหรับ iOS และฟีเจอร์ ‘เปิดตลอด’ ซึ่งจะเชื่อมต่อ VPN ใหม่โดยอัตโนมัติในทันทีถ้าเกิดปัญหาขึ้น เพื่อช่วยรักษาความปลอดภัยให้กับคุณ
แอปนี้จะใช้การตั้งค่าแบบเชื่อมต่ออย่างเร็ว ซึ่งจะทำการเชื่อมต่อคุณโดยอัตโนมัติไปยังเซิร์ฟเวอร์ฟรีที่ดีที่สุดสำหรับตำแหน่งของคุณ แต่คุณจะไม่มีตัวเลือกในการเลือกเซิร์ฟเวอร์เอง (คุณสามารถขอให้มันเลือกเซิร์ฟเวอร์ใหม่ให้คุณได้ในทุก 90 วินาที แทน) นอกจากนี้มันก็ไม่มีการแยกอุโมงค์สำหรับ iOS ด้วย
แพลนระดับฟรีของ Proton VPN จะไปจำกัดคุณในด้านอื่น ๆ แทน ยกตัวอย่างเช่นคุณจะสามารถเข้าถึงได้แค่เซิร์ฟเวอร์ในสหรัฐอเมริกา, เนเธอร์แลนด์, โรมาเนีย, โปแลนด์ และญี่ปุ่น โดยที่มันจะรองรับแค่ 1 อุปกรณ์ ซึ่งไม่รองรับการโหลดบิท และก็จะขาดฟีเจอร์ที่มีในแพลนระดับพรีเมียมอย่างเช่นตัวบล็อกโฆษณา, ตัวติดตาม และมัลแวร์ และเซิร์ฟเวอร์แบบ Secure Core
ถ้าคุณกำลังต้องการใช้ VPN ฟรี เพื่อทำการสตรีมมิ่ง Proton VPN ก็อาจจะตอบโจทย์ของคุณได้บ้าง ถึงแม้ว่ามันจะไม่รองรับการสตรีมมิ่ง แต่มันก็สามารถเข้าถึง Netflix และ Amazon ในประเทศที่มีเซิร์ฟเวอร์ฟรีได้เกือบทุกครั้ง
Proton VPN มีแพลนแบบจ่ายเงินในราคาเริ่มต้นที่ US$3.59 / เดือน และจะทำให้คุณเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ได้ใน 112 ประเทศ 10 การเชื่อมต่อ, ความเร็วที่สูงกว่า, รองรับการสตรีมมิ่ง และอีกมากมาย คุณจะสามารถดู
Netflix, Amazon Prime ได้หลายประเทศ และแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งอื่น ๆ อีกมากมาย แพลนจ่ายเงินทั้งหมดของพวกเขานั้นมาพร้อมกับการรับประกันคืนเงินตามสัดส่วนภายใน 30 วัน
สรุป:
Proton VPN นั้นเป็น VPN iOS ฟรี ที่ใช้งานได้ดี มันเปิดให้คุณใช้งานได้โดยไม่จำกัดด้านข้อมูล, มีฟีเจอร์ความปลอดภัยที่ครบครัน, มีความเร็วดีใช้ได้ และสามารถเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ได้ใน 5 ประเทศ แต่มันไม่รองรับการสตรีมมิ่งและการโหลดบิท และคุณก็สามารถเชื่อมต่อได้แค่ 1 การเชื่อมต่อ แพลนระดับพรีเมียมจะเพิ่มการรองรับการสตรีมมิ่งและการโหลดบิท, เปิดให้เข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ได้ใน 112 ประเทศ และอื่น ๆ อีกมากมาย
อ่านรีวิวฉบับเต็มเกี่ยวกับ Proton VPN
🥉3. hide.me — VPN ฟรีและดีสำหรับผู้ใช้งานเริ่มต้น
hide.me มีอินเทอร์เฟซบน iOS ที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้งานมาก ๆ และก็ใช้งานง่ายมาก ๆ เลยอีกด้วย มันเปิดให้คุณสามารถตั้งค่าทางลัด Siri เพื่อทำการเชื่อมต่อและตัดการเชื่อมต่อ VPN ได้, มีการตั้งค่าการเชื่อมต่ออัตโนมัติ และก็มีฟีเจอร์ Lock App ซึ่งจะทำให้คุณสามารถตั้งค่า PIN 6 หลัก หรือใช้ Face ID เพื่อเข้าถึงแอป, ป้องกันการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาตได้ นอกจากนี้มันมีวิดเจ็ต iOS ด้วย
ฟีเจอร์ทั้งหมดของมันนั้นทำงานได้ดีในการทดสอบของเรา และเราก็ไม่เจอปัญหาการเชื่อมต่อใด ๆ เลยกับ iOS 18 แถมมันยังใช้งานได้กับ iOS 12.0 และใหม่กว่าด้วย นอกจากนี้คุณก็ยังสามารถติดตั้ง VPN ด้วยตัวเองบน iOS เวอร์ชันที่เก่ากว่าได้ด้วย
เราคิดว่ามันดีมากที่ hide.me เปิดให้ใช้ข้อมูลได้ไม่จำกัด (ไม่มีโฆษณา) สำหรับแพลนระดับฟรี ดังนั้นคุณจะสามารถใช้มันเพื่อปกป้องการเชื่อมต่อของคุณได้ ไม่ว่าคุณจะใช้เวลาบนโลกออนไลน์ผ่านอุปกรณ์ iOS นานขนาดไหนก็ตาม — และคุณไม่จำเป็นต้องสร้างบัญชีเลยด้วย
hide.me มีเซิร์ฟเวอร์ใน 7 ประเทศที่คุณสามารถใช้ในแพลนระดับฟรีได้ — มากกว่า VPN ฟรี ตัวอื่น ๆ ทั้งหมด มันมีเซิร์ฟเวอร์อยู่ใน สหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร, เยอรมนี, ฝรั่งเศส และอีกมากมาย ด้วยวิธีนี้ คุณจะสามารถเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้คุณที่สุดได้เพื่อให้ได้ความเร็วที่สูงที่สุด
แพลนระดับฟรีของ hide.me นั้นมีข้อเสียบางประการ มันจะเก็บความเร็วที่สุดเอาไว้ให้กับผู้ใช้งานที่จ่ายเงินเท่านั้น แต่มันก็ยังช้ากว่า ExpressVPN และ Proton VPN อยู่ดี มันสามารถใช้งานได้กับแอปสตรีมมิ่งยอดนิยม เช่น Netflix, Amazon Prime และ Disney+ แบบได้บ้างไม่ได้บ้าง และมันก็ไม่รองรับการโหลดบิท และคุณก็จะสามารถเชื่อมต่อได้แค่ 1 อุปกรณ์ในเวลาเดียวกันเท่านั้น
hide.me มีแพลนแบบจ่ายเงินราคาเริ่มต้นที่ US$2.39 / เดือน และมันก็มีเซิร์ฟเวอร์อยู่ใน 58 ประเทศ 10 การเชื่อมต่อพร้อมกัน และรองรับการสตรีมมิ่งได้เป็นอย่างดี แพลนทั้งหมดของ hide.me มาพร้อมกับการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
สรุป:
hide.me มีแอป iOS ที่ใช้ได้ดีมาก ๆ สำหรับผู้ใช้งานเริ่มต้นเนื่องจากมันมีดีไซน์ที่ดูเข้าใจง่ายและก็มีฟีเจอร์เฉพาะสำหรับ iOS อยู่มากมาย แพลนระดับฟรีนั้นมีตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ให้เลือก 7 แห่ง และก็มีข้อมูลให้ใช้ได้ไม่จำกัด แต่มันไม่เหมาะสำหรับสตรีมมิ่ง การอัปเกรดไปเลือกใช้แพลนระดับพรีเมียมจะทำให้คุณสามารถเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์เพิ่มได้ในหลายประเทศ, มีความเร็วสูงขึ้น และก็รองรับการสตรีมมิ่งได้เป็นอย่างดี
อ่านรีวิวฉบับเต็มเกี่ยวกับ hide.me
4. TunnelBear — เครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่สำหรับ iOS
แพลนระดับฟรีของ TunnelBear นั้นจะเปิดให้คุณเข้าถึงเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดใน 47 ประเทศ ซึ่งก็เยอะกว่า VPN ฟรี ตัวอื่น ๆ ทั้งหมดในรายการของเรา นี่หมายความว่าคุณจะสามารถค้นหาเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้เคียงเพื่อทำการเชื่อมต่อได้ โดยไม่ต้องแย่งกันใช้เซิร์ฟเวอร์ฟรีที่แออัดกับผู้ใช้งานรายอื่น ๆ
แพลนระดับฟรีนั้นจะมาพร้อมกับฟีเจอร์ทั้งหมดที่ TunnelBear มีให้สำหรับ iOS นี่จะรวมถึง kill switch (VigilantBear) และการแยกอุโมงค์ (SplitBear) ซึ่งจะทำให้คุณสามารถเลือกได้ว่าเว็บไซต์ไหนที่ไม่ต้องผ่านอุโมงค์ VPN — อย่างเช่นแอปธนาคารซึ่งอาจจะบล็อก VPN เรายังชอบด้วยที่มันมีวิดเจ็ต iOS และคุณก็สามารถเลือกได้จาก 10+ ไอคอนสำหรับแอป iOS บนหน้าโฮม
แอปของมันใช้งานได้ดีสำหรับ iOS ทุกเวอร์ชัน (รวมถึง iOS 18) และเราก็ไม่เจอปัญหาการเชื่อมต่อใด ๆ ตอนที่ใช้เน็ต Wi-Fi หรือเน็ตมือถือเลยในการทดสอบของเรา นอกจากนี้มันก็ใช้งานง่าย และมีธีมหมีที่ดูสนุกสนานด้วย คุณสามารถเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่เร็วที่สุดได้ภายใน 1 คลิก หรือตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์อื่น ๆ ก็ได้ด้วยการคลิกที่โถน้ำผึ้งบนแผนที่ดิจิทัล ซึ่งก็สะดวกมาก ๆ มันใช้งานได้กับ iOS 12.0 หรือใหม่กว่า
เวอร์ชันฟรีของ TunnelBear เปิดให้คุณใช้ข้อมูลได้ 2 GB ต่อเดือน ถึงแม้ว่ามันจะมีข้อมูลให้จำกัด แต่มันก็เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการเรียกดูเนื้อหาทั่วไป, การเช็คอีเมล หรือสำหรับใช้งานอย่างปลอดภัยกับ Wi-Fi สาธารณะ ถ้าคุณต้องการข้อมูลเพิ่ม ลองเข้าไปดู แพลนระดับฟรีของ Proton VPN ซึ่งมีแบนด์วิดท์ให้ไม่จำกัด
เวอร์ชันฟรีของ TunnelBear นั้นจะมีความเร็วดี โดยที่เว็บไซต์และวิดีโอส่วนใหญ่จะโหลดเสร็จภายใน 2 วินาที และมันก็รองรับการสตรีมมิ่งได้ด้วย แต่ด้วยข้อมูลที่มีจำกัด คุณจึงจะสามารถดูวิดีโอในความชัดระดับ HD ได้เพียงแค่ 30 นาที เท่านั้น
แพลนแบบจ่ายเงินของ TunnelBear มีราคาเริ่มต้นที่ US$3.33 / เดือน และก็มีข้อมูลให้ใช้ได้ไม่จำกัด รวมถึงคุณสามารถเลือกตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์เฉพาะได้อีกด้วย
สรุป:
TunnelBear นั้นเป็น VPN ที่ใช้ดีและใช้ง่ายสำหรับผู้ใช้งาน iOS ซึ่งจะเปิดให้คุณเข้าถึงตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์และฟีเจอร์ทั้งหมด (รวมถึง การแยกอุโมงค์) ในแพลนระดับฟรี มันรองรับการสตรีมมิ่ง แต่ด้วยข้อมูลจำกัดแค่ 2 GB คุณจึงสามารถดูวิดีโอความชัดระดับ HD ได้ไม่นาน ถ้าคุณต้องการข้อมูลไม่จำกัด คุณจะต้องอัปเกรดไปใช้แพลนแบบจ่ายเงิน
อ่านรีวิวฉบับเต็มเกี่ยวกับ TunnelBear
5. Avira Phantom VPN — เหมาะสำหรับใช้เรียกดูเนื้อหาบน iOS ในปริมาณไม่มาก
Avira Phantom VPN เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับใช้เรียกดูเนื้อหาบน iOS ในปริมาณไม่มาก คุณจะใช้งานได้สูงสุด 1 GB (500 MB ถ้าไม่ลงทะเบียน) ซึ่งก็เสมือนว่าคุณสามารถเรียกดูเนื้อหาหรือเช็คอีเมลทั่วไปได้ประมาณ 5 ชั่วโมง ถ้าต้องการข้อมูลไม่จำกัด Proton VPN จะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
เราชอบที่ Avira เปิดให้คุณเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดบน iOS ได้ฟรี ด้วยเซิร์ฟเวอร์ใน 37 ประเทศ เครือข่ายของมันจะเล็กกว่า TunnelBear เล็กน้อย แต่มันก็ยังดีกว่า VPN ฟรี ส่วนใหญ่ที่จำกัดให้คุณเลือกเซิร์ฟเวอร์ได้จากแค่ไม่กี่ตำแหน่ง
แอป iOS ของ Avira นั้นใช้งานได้กับ iOS 11 และ iPadOS 13.0 หรือใหม่กว่า และเราก็ไม่พบปัญหาการเชื่อมต่อใด ๆ ตอนที่เราทดลองใช้มันกับ iOS 18 มันมีความปลอดภัยดีใช้ได้ — มันมีการป้องกันการรั่วไหล DNS แต่เราไม่ค่อยชอบที่มันไม่มี kill switch ให้
Avira มีความสะดวกตรงที่มันเปิดให้เชื่อมต่อได้ไม่จำกัด ดังนั้นคุณจึงไม่ต้องลงชื่อออกจากบัญชีของคุณก่อนที่จะย้ายไปใช้บนอุปกรณ์ iOS เครื่องอื่น นอกจากนี้มันก็ยิ่งสะดวกขึ้นไปอีกตรงที่คุณไม่จำเป็นต้องสร้างบัญชีเพื่อที่จะใช้ VPN นี้บน iOS คุณสามารถดาวน์โหลด VPN และปกป้องทราฟฟิคของคุณได้อย่างรวดเร็ว
ความเร็วของ Avira บน iOS นั้นก็ดีมาก ถึงแม้ว่ามันจะรองรับเฉพาะ OpenVPN บน iOS แต่เราก็ไม่เจอปัญหาความเร็วตกเลย และก็มีการบัฟเฟอร์เพียงเล็กน้อยเท่านั้นตอนที่เรากดดูวิดีโอแบบข้าม ๆ เราชอบเป็นพิเศษที่มันสามารถเข้าถึง Netflix และเว็บไซต์สตรีมมิ่งอื่น ๆ อย่างเช่น Crunchyroll ได้หลายประเทศ แต่สุดท้ายแล้วมันก็ยังไม่สามารถสู้การรองรับการสตรีมมิ่งของ ExpressVPN ได้
Avira Phantom Pro มีราคา US$5.99 / ปี และก็มีการรับประกันคืนเงินภายใน 60 วัน
สรุป:
Avira Phantom VPN นั้นเป็นตัวเลือกฟรีที่ทรงพลังสำหรับผู้ใช้งาน iOS ซึ่งต้องการเข้าถึงเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ที่ดีสำหรับใช้เรียกดูเนื้อหาแบบไม่มาก แพลนระดับฟรีบน iOS เปิดให้คุณเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ได้ใน 37 ประเทศ, มันมีความปลอดภัยที่ดีบน iOS และมันก็รองรับการสตรีมมิ่งได้ดี สามารถเข้าถึง Netflix ได้หลายประเทศ แพลนระดับฟรีมีข้อมูลให้ใช้ได้ 500 MB ต่อเดือน (1 GB ถ้าคุณลงทะเบียน) แพลนแบบจ่ายเงินมีการรับประกันคืนเงินภายใน 60 วัน
อ่านรีวิวฉบับเต็มเกี่ยวกับ Avira Phantom VPN
ตารางเปรียบเทียบอย่างเร็ว:
หมายเหตุจากบรรณาธิการ: ExpressVPN และเว็บไซต์นี้อยู่ในกลุ่มบริษัทที่มีเจ้าของเดียวกัน
วิธีการทดสอบ: เกณฑ์ในการเปรียบเทียบและจัดอันดับ
เพื่อที่จะทำการค้นหา VPN iOS ฟรี ที่ดีที่สุด เราได้ทำตามวิธีการทดสอบที่เข้มงวดของพวกเรา เพื่อให้แน่ใจได้ว่าทุกตัวเลือกในรายการของเรานั้นจะทำงานได้ตามมาตรฐานที่สูงของพวกเรา เกณฑ์ที่เราคำนึงถึงนั้นประกอบไปด้วยความสะดวกในการใช้งานของแอป iOS, ความเร็ว, ความปลอดภัย, ฟีเจอร์ที่มีให้ใช้งาน และอื่น ๆ:
- เราตรวจสอบดูปริมาณข้อมูลที่เปิดให้ใช้งานได้ VPN ฟรีส่วนใหญ่จะจำกัดข้อมูลที่คุณใช้ได้ในแต่ละเดือน อย่างไรก็ตาม VPN ที่เราเลือกมานี้ต่างก็จะมีข้อมูลที่ไม่จำกัด หรือไม่ก็จำกัดแต่ให้มากพอต่อการใช้งาน
- เราได้ทดสอบให้แน่ใจแล้วว่า VPN แต่ละตัวนั้นมีความเร็วที่ดีพอ VPN ทุกตัวต่างก็จะทำให้ความเร็วในการเชื่อมต่อลดลงไม่มากก็น้อย เนื่องจากกระบวนการเข้ารหัส VPN ฟรีบางรายทำให้ปัญหาเรื่องนี้แย่ลงไปอีกด้วยการจำกัดความเร็วและจำกัดจำนวนเซิร์ฟเวอร์ที่คุณเลือกใช้ได้ให้เหลือแค่ไม่กี่แห่ง ซึ่งทำให้คนแย่งกันใช้จนเกิดความแออัด VPN ฟรี ที่เราแนะนำต่างก็มีความเร็วที่ดีใช้ได้ แต่ก็ยังไม่มีตัวไหนที่เร็วเท่ากับ ExpressVPN
- เรามองหาผู้ให้บริการที่มีความปลอดภัยสูง VPN ฟรีบางรายนั้นจะขาดฟีเจอร์ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยที่สำคัญ VPN ในรายการนี้จะมีฟีเจอร์ความปลอดภัยระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมอย่างเช่นการเข้ารหัส AES 256-bit และนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลที่เข้มงวด ส่วนใหญ่แล้วจะมี kill switch ให้ใช้งานด้วย เพื่อป้องกันการรั่วไหลของทราฟฟิค
- เราเลือก VPN ที่ใช้งานง่าย VPN ทั้งหมดในรายการของเรานี้มีแอป iOS ที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้งาน ดังนั้นถึงแม้ว่าคุณจะไม่ถนัดเรื่องเทคโนโลยี แต่คุณก็สามารถใช้งานมันได้อย่างง่ายดาย บางตัวมีวิดเจ็ต iOS และสามารถใช้งานร่วมกับ Siri ในการเชื่อมต่อและตัดการเชื่อมต่อได้ด้วย
- เรามองหาบริการที่รองรับการสตรีมมิ่ง VPN ที่เราแนะนำส่วนใหญ่จะรองรับการสตรีมมิ่งได้ไม่ดีนักในแพลนระดับฟรี แต่มันก็ยังสามารถใช้งานกับเว็บไซต์อย่าง Netflix และ Amazon Prime ได้แบบเป็นครั้งคราว
- เราเลือก VPN ที่มีแพลนระดับพรีเมียมในราคาที่ไม่แพง ผู้ใช้งานบางรายอาจจะอยากอัปเกรดไปใช้แพลนจ่ายเงินของ VPN เพื่อที่จะเข้าถึงฟีเจอร์ได้อย่างเต็มรูปแบบ ดังนั้น เราจึงเลือกเฉพาะ VPN ที่มีแพลนจ่ายเงินในราคาที่สมเหตุสมผล
ความเสี่ยงและข้อเสียของการใช้ VPN ฟรีสำหรับ iOS
- ความปลอดภัยที่ไม่เพียงพอ ขอให้ระวังอยู่เสมอถ้าเลือกใช้ VPN ฟรี เนื่องจากมันจะขาดฟีเจอร์ความปลอดภัยสำคัญ บางรายนั้นอาจจะไม่มีการเข้ารหัสที่แน่นหนาเลยด้วย หรือไม่ก็อาจจะทำให้ที่อยู่ IP ของคุณรั่วไหลออกไป เนื่องจากไม่มีการป้องกันการรั่วไหล
- ความเร็วตกอย่างมีนัยสำคัญ ถึงแม้ว่า VPN ทุกตัวนั้นต่างก็จะทำให้ความเร็วของคุณตกเหมือนกันทั้งนั้น แต่ VPN ฟรี มักจะทำให้ความเร็วตกลงไปอย่างชัดเจนมากที่สุด นี่มักจะเป็นเพราะว่ามันให้คุณเข้าถึงตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ได้ในจำนวนที่จำกัด ทำให้การเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้เคียงกลายเป็นเรื่องยาก และก็ส่งผลให้เกิดความคับคั่งกับเซิร์ฟเวอร์ที่เปิดให้บริการ
- ปัญหาการเชื่อมต่อ VPN ฟรี iOS ส่วนใหญ่นั้นจะประสบปัญหาจากการเชื่อมต่อที่ไม่เสถียร ซึ่งก็ไม่แปลกเพราะว่ามันมีจำนวนเซิร์ฟเวอร์จำกัด และบริการฟรีก็ยิ่งมีคนใช้เยอะ นี่จะทำให้คุณอาจไม่สามารถเชื่อมต่ออย่างเสถียรได้ ซึ่งก็จะส่งผลต่อการใช้ CarPlay และ AirPlay ด้วย
- จำกัดการเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ VPN ฟรี ส่วนใหญ่จะเปิดให้คุณเข้าถึงตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ได้แค่ไม่กี่แห่ง ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องดี นี่หมายความว่าคุณจะไม่สามารถเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้คุณได้ ส่งผลให้ความเร็วการเชื่อมต่อต่ำ
- การจำกัดข้อมูล VPN ฟรีเกือบทั้งหมดนั้นจะจำกัดปริมาณข้อมูลที่คุณจะใช้ได้ในแต่ละเดือน (หรือแต่ละวัน) ยิ่งถ้าจำกัดหนัก ๆ คุณก็จะใช้มันหมดไปอย่างรวดเร็วกับการเรียกดูเนื้อหาบนอินเทอร์เน็ตเพียงไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง และถึงแม้ว่าจะมีตัวที่เปิดให้ใช้ข้อมูลได้สูงมาก ๆ แต่มันก็ยังไม่เพียงพออยู่ดีถ้าคุณจะใช้ VPN สำหรับสตรีมมิ่งหรือดาวน์โหลดเนื้อหาเป็นหลัก Proton VPN นั้นเป็น VPN รายเดียวที่เปิดให้ใช้ข้อมูลได้ไม่จำกัดบนแพลนระดับฟรี
- เข้าถึงฟีเจอร์ได้จำกัด VPN ฟรี มักจะจำกัดฟีเจอร์ที่ดีที่สุดเอาไว้ให้กับผู้ที่จ่ายเงินเท่านั้น ดังนั้นคุณจะไม่สามารถเข้าถึงฟีเจอร์แบบ ตัวบล็อกโฆษณา, การแยกอุโมงค์ และฟีเจอร์ที่มีประโยชน์อื่น ๆ ได้ ยกเว้นว่าคุณจะอัปเกรดไปใช้แพลนแบบจ่ายเงิน และถึงแม้จะเข้าใช้งานฟีเจอร์ได้ในแพลนระดับฟรี แต่มันก็มักจะเป็นแบบที่ใช้ได้ไม่เต็มที่อยู่ดี
- ไม่รองรับการสตรีมมิ่งและการโหลดบิท VPN ฟรีส่วนใหญ่จะไม่อนุญาตให้ทำการสตรีมมิ่ง หรือไม่ก็เข้าถึงเว็บไซต์สตรีมมิ่งยอดนิยมไม่ได้ และส่วนใหญ่ก็ไม่อนุญาตให้ใช้สำหรับการแชร์ไฟล์แบบ P2P บนเซิร์ฟเวอร์ฟรีด้วย ถึงแม้ว่าคุณจะใช้ VPN ที่รองรับการสตรีมมิ่งและการโหลดบิทแล้ว แต่คุณก็อาจจะเจอปัญหาเรื่องข้อมูลที่จำกัดอยู่ดี เราอยากจะแนะนำเป็นอย่างยิ่งให้เลือกใช้ VPN แบบจ่ายเงินที่ราคาไม่แพงอย่างเช่น ExpressVPN ซึ่งเป็น VPN ที่ดีที่สุดแล้วสำหรับใช้สตรีมมิ่งและโหลดบิท
- บันทึกทราฟฟิคของคุณ VPN ฟรีบางรายนั้นมีนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลที่อ่อนแอหรือไม่ก็ไม่มีเลย นี่หมายความว่าพวกเขาจะเก็บข้อมูลกิจกรรมออนไลน์ของคุณ และนำไปขายให้ผู้โฆษณาบุคคลที่สามเพื่อทำกำไรจากแพลนระดับฟรีของพวกเขา
VPN iOS ฟรี vs แบบจ่ายเงิน
VPN ฟรี ทุกตัวในรายการของเรานั้นมีฟีเจอร์ความปลอดภัยที่สำคัญสำหรับใช้ปกป้องความเป็นส่วนตัวของคุณ มันมีฟีเจอร์มาตรฐานอย่างนโยบายการไม่บันทึกข้อมูล, การป้องกันการรั่วไหล และการเข้ารหัส AES 256-bit ระดับทหาร และอื่น ๆ แถมบางตัวยังมีฟีเจอร์ขั้นสูงอย่างตัวบล็อกโฆษณาและตัวติดตาม, perfect forward secrecy และเซิร์ฟเวอร์แบบ RAM-only อีกด้วย
ถึงจะเป็นเช่นนั้นแต่มันก็ยังขาดฟีเจอร์สำคัญที่ VPN พรีเมียมมีให้ เครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่, การเชื่อมต่อพร้อมกันหลายอุปกรณ์, การรองรับการสตรีมมิ่งและการโหลดบิท และความเร็วที่สูงที่สุดที่จะเป็นไปได้ สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เป็นสิ่งที่แพลนระดับฟรีมักจะไม่มีให้
นี่เป็นตัวอย่างบางประการ:
- hide.me และ Proton VPN เปิดให้ใช้ข้อมูลได้ไม่จำกัดอย่างไม่มีเงื่อนไข แต่ TunnelBear และ Avira Phantom VPN จะจำกัดข้อมูลจนทำให้คุณสามารถใช้มันเพื่อเรียกดูเนื้อหาได้ในปริมาณไม่มาก
- Proton VPN มีเซิร์ฟเวอร์ฟรีอยู่ใน 5 ประเทศ ในขณะที่ hide.me นั้นมีอยู่ใน 7 ประเทศ
- Proton VPN นั้นมีความปลอดภัยที่มีคุณภาพดี แต่ไม่เปิดให้ใช้งาน NetShield ซึ่งเป็นตัวบล็อกโฆษณาของมัน ในขณะที่ hide.me จะจำกัดความเร็วการเชื่อมต่อของคุณสำหรับแพลนระดับฟรี
- Proton VPN และ hide.me จะอนุญาตให้เชื่อมต่อได้แค่ 1 อุปกรณ์
ในขณะที่ VPN พรีเมียมจะมีฟีเจอร์ให้ใช้งานได้มากกว่า และก็มีประสิทธิภาพที่ดีกว่า แพลนแบบจ่ายเงินจะทำให้คุณสามารถเข้าถึงเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่ในหลายประเทศ, ความเร็วที่ไม่จำกัด, การรองรับ P2P และการสตรีมมิ่งที่เชื่อถือได้, สามารถเข้าถึงฟีเจอร์ขั้นสูงได้อย่างไม่มีจำกัด อย่างเช่นเซิร์ฟเวอร์พิเศษ, การแยกอุโมงค์ และอื่น ๆ นอกจากนี้ส่วนใหญ่แล้วก็จะมีการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน หรือนานกว่านั้นอีกด้วย
โดยรวมแล้ว ไม่ว่าแพลนระดับฟรีจะดีแค่ไหน แพลนแบบจ่ายเงินก็จะมอบประสบการณ์ที่ดีกว่าให้คุณได้อยู่ดี
VPN iOS ฟรี ที่ควรหลีกเลี่ยง
- AceVPN AceVPN นั้นจะขาดฟีเจอร์ความปลอดภัยที่สำคัญอย่างเช่น kill switch, มันมีตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์แค่ 20 แห่ง และที่แย่ที่สุดคือมันไม่ได้มีแอปจริง ๆ มันจะใช้วิธีการให้คุณไปปรับแต่งค่าบนอุปกรณ์แทน ซึ่งก็ซับซ้อนและไม่สะดวกเลย
- HolaVPN HolaVPN นั้นอันตรายต่อการใช้งานเป็นอย่างสูง มันเป็น VPN แบบ P2P ซึ่งก็หมายความว่าเมื่อคุณเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ คุณจะได้รับการจัดสรรที่อยู่ IP ของผู้ใช้งานคนอื่น และคนอื่นก็จะได้ที่อยู่ IP ของคุณ นี่อาจจะทำให้คุณประสบปัญหาใหญ่ได้ถ้าคนอื่นนำที่อยู่ IP ของคุณไปทำเรื่องผิดกฎหมาย นอกจากนี้ เรื่องความเป็นส่วนตัวของมันก็แย่มาก ๆ
- PhoneGuardian PhoneGuardian นั้นไม่อันตรายเท่ากับตัวอื่น ๆ ในรายการนี้ เพราะมันไม่ได้ทำหน้าที่เหมือนที่ VPN ทั่วไปทำสักเท่าไร มันเพียงแค่ทำการเข้ารหัสข้อมูลของคุณ ในขณะที่ที่อยู่ IP และตำแหน่งของคุณยังถูกมองเห็นได้อยู่ แถมเนื่องจากมันไม่มีฟีเจอร์ความปลอดภัยอื่นเลย ข้อมูลของคุณจึงยังไม่ได้รับการปกป้อง
- TurboVPN นโยบายความเป็นส่วนตัวของ TurboVPN นั้นค่อนข้างคลุมเครือและดูชวนให้กังวล ถึงแม้มันจะบอกว่ามันไม่เก็บกิจกรรมออนไลน์ของคุณ ซึ่งก็เป็นเรื่องดีแต่มันไม่ได้พูดถึงเรื่องที่อยู่ IP ของคุณเลย นี่หมายความว่าคุณจะไม่มีทางรู้เลยว่า VPN นี้บันทึกและเก็บข้อมูลละเอียดอ่อนของคุณเอาไว้หรือไม่
- FinchVPN ปัญหาหลักของ FinchVPN นั้นคือบริการของมันบัคเยอะและไม่น่าไว้วางใจ ยกตัวอย่างเช่น มันไม่มีนโยบายความเป็นส่วนตัวเลย และเว็บไซต์ของมันก็ไม่มีรายละเอียดใด ๆ บอกเลยว่า VPN มีฟีเจอร์อะไรบ้าง
- SuperVPN SuperVPN นั้นทำหน้าที่ปกป้องความเป็นส่วนตัวของคุณได้แย่มาก ๆ มันบันทึกข้อมูลต่าง ๆ ของคุณมากมาย ซึ่งรวมถึงที่อยู่ IP, เบราว์เซอร์, ที่อยู่อีเมล, ตำแหน่ง และระบบปฏิบัติการ (มันเคยประสบปัญหาข้อมูลเหล่านี้รั่วไหลถึง 133 GB มาแล้วด้วย) แถมก็ไม่มีวิธีติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าเลยด้วย ในกรณีที่คุณต้องการความช่วยเหลือ
แบรนด์ชั้นนำอื่น ๆ ที่ไม่ติดอันดับ
- PrivadoVPN แพลนระดับฟรีของมันเปิดให้คุณใช้แบนด์วิดท์ได้ 10 GB และก็สามารถเข้าเซิร์ฟเวอร์ได้ใน 10 ประเทศ ซึ่งรวมถึงสหรัฐอเมริกา มันไม่มีโฆษณา และก็สามารถใช้ทางลัดผ่าน Siri ได้ อย่างไรก็ตาม PrivadoVPN นั้นไม่รองรับการสตรีมมิ่งในแพลนระดับฟรี และมันก็ขาดฟีเจอร์ความปลอดภัยไปหลายอย่างเลยด้วย นอกจากนี้ก็สามารถใช้มันได้กับอุปกรณ์แค่ 1 เครื่อง
- Hotspot Shield Hotspot Shield มีแพลนระดับฟรีที่ไม่จำกัดข้อมูล และก็สามารถเข้าถึงตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ได้ 3 แห่ง ซึ่งรวมถึงสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกา แต่แพลนระดับฟรีของมันไม่เปิดให้ใช้งาน kill switch, และก็บังคับให้คุณดูโฆษณาในทุก ๆ 15 นาที และจากการทดสอบของเรา มันก็มีปัญหาการเชื่อมต่อตอนที่ใช้ iOS 18 ด้วย
- ZoogVPN ZoogVPN นั้นเปิดให้ใช้ข้อมูลได้ถึง 10 GB ต่อเดือนแต่ว่าคุณจะเข้าถึงได้เพียงแค่เซิร์ฟเวอร์ใน 3 ประเทศเท่านั้น (สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และเนเธอร์แลนด์) และมันก็ใช้การเข้ารหัส การเข้ารหัส 128-bit AES ที่ปลอดภัยน้อยกว่า (แทนที่จะเป็นการเข้ารหัส 256-bit AES เหมือน VPN ทั้งหมดในรายการของเรา)
คำถามพบบ่อย
]มี VPN iOS ฟรี 100% หรือไม่?
มี โดยที่ VPN iOS ในรายการของเรา นั้นมีถึง 4 ตัวที่มีแพลนแบบฟรี 100% ExpressVPN ไม่มีแพลนระดับฟรี แต่มันมีความคุ้มค่าดีมาก ๆ และก็มาพร้อมกับการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
อย่างไรก็ตาม VPN ฟรีส่วนใหญ่จะบล็อกฟีเจอร์ทั้งหลายไว้ให้คนที่จ่ายเงิน ยกตัวอย่างเช่น Proton VPN จะไม่รองรับการสตรีมมิ่งและการโหลดบิทในแพลนระดับฟรี และ hide.me ก็จะจำกัดความเร็วสำหรับผู้ใช้งานฟรี ด้วยสาเหตุนี้ เราถึงแนะนำเป็นอย่างยิ่งให้ลองอัปเกรดไปใช้ ExpressVPN หรือ VPN อื่น ๆ ที่ราคาไม่แพง ถ้าคุณเป็นผู้ใช้งานที่คิดจะใช้มันบ่อยครั้ง
VPN iOS ฟรี ปลอดภัยหรือไม่?
ไม่ VPN iOS ฟรีส่วนใหญ่นั้นไม่ปลอดภัย เพราะพวกมันจะขาดฟีเจอร์ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยที่สำคัญอย่างเช่น การเข้ารหัส AES 256-bit และมันก็อาจจะบันทึก (และขาย) ข้อมูลของคุณด้วย
VPN ฟรีที่เราแนะนำ นั้นมีความปลอดภัยและเชื่อถือได้ พวกมันต่างก็มาพร้อมกับฟีเจอร์ความปลอดภัยระดับมาตรฐานอุตสาหกรรม และก็มีฟีเจอร์ความปลอดภัยขั้นสูงอย่างเช่นการป้องกันการรั่วไหลเต็มรูปแบบ, เซิร์ฟเวอร์แบบ RAM-only และ perfect forward secrecy
ฉันจะหา VPN ฟรีมาใช้บน iOS ได้อย่างไร?
คุณสามารถหา VPN ฟรีใช้บน iPhone หรือ iPad ได้ใน 3 ขั้นตอนง่าย ๆ:
- ขั้นตอนที่ 1 เลือก VPN สำหรับ iOS ที่คุณภาพดีและมีแพลนระดับฟรี เราแนะนำ Proton VPN — มันทั้งเร็ว ทั้งปลอดภัย และก็ไม่มีข้อจำกัดด้านข้อมูลหรือแบนด์วิดท์
- ขั้นตอนที่ 2 ดาวน์โหลดและติดตั้งแอป VPN คุณสามารถค้นหาแอปได้จาก Apple App Store และก็สามารถติดตั้งตามขั้นตอนได้อย่างง่ายดาย
- ขั้นตอนที่ 3 เปิดแอป VPN เท่านั้นเอง คุณก็สามารถใช้งาน VPN ฟรี บนอุปกรณ์ iOS ของคุณได้แล้ว
ฉันสามารถสตรีม Netflix ด้วยการใช้ VPN iOS ฟรี ได้หรือไม่?
VPN ฟรี บางตัวนั้นสามารถใช้งานกับ Netflix ได้ แต่ส่วนใหญ่แล้วจะไม่ได้ ส่วนน้อยตัวที่สามารถใช้งานกับ Netflix ได้ ก็จะมีข้อมูลให้ใช้เพียงพอสำหรับการสตรีมรายการทีวีได้แค่ไม่เกิน 1 ตอน
ดังนั้นเราจึงแนะนำเป็นอย่างยิ่งให้ใช้ VPN แบบจ่ายเงินอย่าง ExpressVPN เพื่อประสบการณ์ในการสตรีมมิ่ง Netflix ที่ดีที่สุด มันมีข้อมูลให้ไม่จำกัด, มีความเร็วสูงมาก ๆ และก็มีแอปที่ใช้งานง่ายสำหรับทุกอุปกรณ์หลัก และมันก็ยังใช้งานกับเว็บไซต์สตรีมมิ่งอื่น ๆ ได้ถึง 100+ เว็บไซต์ทั่วโลก