มีเวลาไม่พอใช่ไหม นี่คือแอนตี้ไวรัสฟรีที่ดีที่สุดสำหรับ2024:
- 🥇 Norton: การปกป้องไวรัสและมัลแวร์ที่ยอดเยี่ยม มาพร้อมกับฟีเจอร์เพิ่มเติมมากมาย อย่างเช่นการป้องกันการฟิชชิ่ง, VPN, เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน, การควบคุมของผู้ปกครอง, การตรวจสอบดาร์กเว็บแบบเรียลไทม์, การสำรองข้อมูลบน Cloud และอื่น ๆ อีกมากมาย
มีบริการนับร้อยให้คุณเลือกใช้และพวกเขาอ้างว่าจะนำเสนอการป้องกันที่ดีที่สุดในราคาที่ดีที่สุด ฉันได้ทดสอบซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสชั้นนำแล้วและมีเพียงไม่กี่บริการเท่านั้นที่แข็งแกร่ง ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะได้รับการพิจารณาให้เป็นหนึ่งในแอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดแห่งปี 2024
แอนตี้ไวรัสส่วนใหญ่ในปัจจุบันมีมากกว่าแค่โปรแกรมสแกนไวรัส มันยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ที่ช่วยเพิ่มการป้องกันเพิ่มเติม เช่น ไฟร์วอลล์ การป้องกันเว็บฟิชชิ่ง เครือข่ายส่วนตัวเสมือน (VPN) เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน การควบคุมโดยผู้ปกครองและการป้องกันสำหรับอุปกรณ์พกพา
แต่ก็มีแอนตี้ไวรัสจำนวนมากเหมือนกันที่ไม่สามารถให้บริการได้ตามที่โฆษณาไว้ เช่น มีอัตราการตรวจจับมัลแวร์ต่ำ ไม่สามารถบล็อกเว็บไซต์ที่เป็นอันตรายอย่างสม่ำเสมอและฟีเจอร์พิเศษไม่ได้รับการออกแบบมาอย่างดีและแทบไม่มีประโยชน์เลย (แม้จะเรียกเก็บค่าบริการเพิ่มเติมจากคุณก็ตาม)
ฉันใช้เวลาหลายสัปดาห์ทดสอบ แอนติไวรัสที่ดีที่สุด ในตลาด — ฉันจัดอันดับตามความปลอดภัย, ฟังก์ชัน, ความเร็ว, และราคา. Norton คือตัวที่ดีที่สุด แต่ฉันพบผลิตภัณฑ์อื่น ๆ อีก 10 ตัวที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน อ่านต่อเพื่อศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับแต่ละตัวและตัดสินใจว่าตัวไหนเหมาะกับคุณที่สุด
ทดลองใช้งาน Norton ได้อย่างปลอดภัยเป็นเวลา 60 วัน
สรุปย่อของซอฟแวร์แอนตี้ไวรัสที่ดีที่ยอดสำหรับ2024:
- 1.🥇 Norton — โปรแกรมป้องกันไวรัสคุณสมบัติโดยรวมดีที่สุดในปี 2024
- 2.🥈 Bitdefender — ดีที่สุดสำหรับการสแกนที่ใช้ทรัพยากรน้อย (พร้อมคุณสมบัติเสริมมากมาย)
- 3.🥉 TotalAV — ดีที่สุดสำหรับการใช้งานที่ง่าย (แนะนำสำหรับผู้เริ่มต้น)
4. McAfee — ดีที่สุดสำหรับการป้องกันเว็บ (พร้อมแพ็คเกจครอบครัวที่ยอดเยี่ยม) - 5. Intego — เหมาะสำหรับปกป้อง Mac มาพร้อมกับฟีเจอร์เพิ่มประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยม
- อันดับ 6-10 ของ 2024 แอนติไวรัสที่ดีที่สุด
- ตารางเปรียบเทียบของทั้งหมดที่เลือกมา
หมายเหตุจากบรรณาธิการ: Intego และเว็บไซต์นี้อยู่ในกลุ่มบริษัทที่มีเจ้าของเดียวกัน
🥇1. Norton 360 — แอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับ Windows, Android & iOS
Norton 360 นำเสนอการป้องกันจากไวรัสและมัลแวร์แบบที่ไม่มีใครเทียบได้ มันเป็นชุดรักษาความปลอดภัยอินเทอร์เน็ตที่สร้างขึ้นมาเป็นอย่างดีและได้รับการดูแลอย่างดี ซึ่งช่วยให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลทั้งหมดจะปลอดภัย เป็นส่วนตัวและได้รับการปกป้องอย่างเต็มที่และทำงานได้ดีในทุกระบบปฏิบัติการ มันเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้งานที่บ้านซึ่งกำลังมองหาแอนตี้ไวรัสที่ใช้งานง่าย มีความครบถ้วนสมบูรณ์ และมีการคุ้มกันบนโลกไซเบอร์ที่ดีที่สุด ทั้งหมดนี้ด้วยค่าบริการรายปีที่แสนจะถูก
ซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสของ Norton ใช้เครื่องมือสแกนที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งขับเคลื่อนโดยการวิเคราะห์ฮิวริสติกและการเรียนรู้ของเครื่องทำให้สามารถสแกนค้นหาและลบมัลแวร์ประเภทใหม่ล่าสุดและมัลแวร์ขั้นสูงสุดทั้งหมดได้ พวกเขาได้คะแนนการป้องกัน 100% ในระหว่างการทดสอบทั้งหมดของฉันและได้คะแนนการตรวจจับและการป้องกันภัยคุกคามสูงกว่าโปรแกรมป้องกันไวรัสในตัว (เช่น Windows Defender)
Norton 360 มาพร้อมกับฟีเจอร์เพิ่มเติมมากมาย ที่ใช้งานได้ง่ายและมีประสิทธิภาพ และมีฟีเจอร์ดังนี้:
- ไฟร์วอล์ที่ปลอดภัย
- เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน
- การป้องกันเว็บแคม
- VPN (ไม่จำกัดข้อมูล)
- การควบคุมดาร์กเว็บ
- พื้นที่จัดเก็บบนคลาวด์
- เบราว์เซอร์ที่มีความปลอดภัย
- การป้องกันแรนซัมแวร์
ฟีเจอร์ที่ฉันชอบเป็นพิเศษคือการตรวจสอบดาร์กเว็บ (เป็นเครื่องมือตรวจสอบดาร์กเว็บที่ดีที่สุดที่ฉันเคยทดสอบ) โดยจะสแกนดาร์กเว็บเพื่อหาข้อมูลส่วนบุคคลหลายอย่าง รวมถึงรายละเอียดบัตรเครดิต เอกสารประกัน เลขที่บ้าน หมายเลขโทรศัพท์ ชื่อในเกมและอื่น ๆ และจะแจ้งเตือนคุณทันทีหากตรวจพบข้อมูลที่ถูกละเมิด
Norton นั้นยังมีเครื่องมือจัดการรหัสผ่านที่ใช้งานได้ดีรวมมาให้ได้ — นี่เป็นเครื่องมือสำคัญเพื่อที่จะรักษาความปลอดภัยทางออนไลน์ที่ดี มันจะช่วยสร้างรหัสผ่านที่มีความแข็งแกร่งและก็ช่วยเก็บรักษามันเอาไว้ เพื่อที่คุณจะไม่ต้องคอยมาจำเอง น่าเสียดายที่มันไม่มีระบบการแชร์รหัสผ่านและ TOTP authenticator ติดมาในตัวเหมือน คู่แข่งแบบสแตนด์อโลนรายอื่น ๆ แต่มันก็สามารถทำงานพื้นฐานอื่น ๆ ได้เป็นอย่างดี
VPN ที่มีความปลอดภัยนั้นก็เป็นฟีเจอร์เสริมที่เยี่ยมเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณใช้งานเครือข่าย Wi-Fi สาธารณะที่ไม่ปลอดภัย มันจะช่วยเข้ารหัสการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของคุณ เพื่อทำให้กิจกรรมออนไลน์ของคุณนั้นไม่สามารถถูกติดตามได้
นอกจากนี้เราก็รู้สึกชอบฟีเจอร์การป้องกันเว็บแคมด้วย มันจะหยุดการเข้าถึงเว็บแคมของคุณอย่างไม่ได้รับอนุญาต มันสามารถทำงานได้เป็นอย่างดีในการทดสอบของเรา — ทำให้มันเป็นตัวเลือกที่ไว้วางใจได้สำหรับคนที่เป็นกังวลว่าจะมีอาชญากรไซเบอร์มาสอดแนมพวกเขา
Norton นำเสนอฟีเจอร์ที่ยอดเยี่ยมมากมายในทุกแพคเกจ ในราคาเพียง US$29.99 / ปี* แผนที่ถูกที่สุด AntiVirus Plus มีฟีเจอร์ไม่เยอะเท่าไหร่ แต่มีการตรวจจับมัลแวร์เรียลไทม์, ไฟร์วอลล์, เครื่องมือจัดการรหัสผ่านและพื้นที่สำรองข้อมูลบนคลาวด์ 2 GB แผน Norton 360 Standard เป็นตัวเลือกที่ดี เพราะเพิ่ม VPN ที่ไม่จำกัดข้อมูลและการตรวจสอบดาร์กเว็บและให้การปกป้อง 3 อุปกรณ์ในราคาเพียงUS$39.99 / ปี*
Norton 360 Deluxe เป็นแพ็คเกจที่คุ้มค่าที่สุด ราคาเพียง US$49.99 / ปี* คุณจะสามารถใช้งานได้ในหลายอุปกรณ์ (มากถึง 5 อุปกรณ์), มีพื้นที่การจัดเก็บข้อมูลที่มากกว่า (มากถึง 50 GB) และสามารถใช้แอปการควบคุมของผู้ปกครองที่ดีที่สุดได้
สรุป:
Norton 360 เป็นตัวเลือกแอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดใน2024 Norton นำเสนอแพ็คเกจความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่แข็งแกร่งที่สุด — การป้องกันจากภัยคุกคามที่เป็นอันตรายที่สมบูรณ์แบบ พร้อมฟีเจอร์พิเศษมากมายเช่น VPN (พร้อมข้อมูลไม่จำกัด) เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน ที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์ที่ปลอดภัย การควบคุมโดยผู้ปกครองและอีกมากมาย และคุณสามารถทดลองใช้ Norton โดยปราศจากความเสี่ยงด้วยการรับประกันคืนเงิน 60 วัน
🥈2. Bitdefender การรักษาความปลอดภัยแบบหัวจรดเท้า — โปรแกรมไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับการสแกนที่ใช้ทรัพยากรน้อย + คุณสมบัติเสริมมากมาย
Bitdefender เป็นโปรแกรมป้องกันไวรัสขั้นสูง — ใช้ฐานข้อมูลมัลแวร์ขนาดใหญ่ร่วมกับการเรียนรู้ของเครื่องและปัญญาประดิษฐ์เพื่อตรวจจับและป้องกันมัลแวร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าคู่แข่งรายอื่น ๆ ในตลาด
Bitdefender พบและกำจัดทุกภัยอันตรายจากระบบของฉัน เมื่อฉันทดสอบมัน ด้วยเหตุผลที่เครื่องมือของมันเป็นแบบบนคลาวด์ การสแกน malware ทั้งหมดจึงเกิดขึ้นบนเซิร์ฟเวอร์คลาวด์ของ Bitdefender ซึ่งช่วยลดภาระบนอุปกรณ์ของคุณ Bitdefender ไม่ทำให้ระบบของฉันทั้งใน Windows และ Mac laptops ได้รับผลกระทบมาก แม้ในระหว่างการสแกนดิสก์ทั้งหมดที่ปกติต้องใช้ทรัพยากรเยอะ
แต่ Bitdefender ไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องสแกนป้องกันมัลแวร์เท่านั้น บริการยังมีชุดรักษาความปลอดภัยที่ครอบคลุมมากที่สุด ซึ่งให้การป้องกันที่ดีที่สุดสำหรับทั้งคอมพิวเตอร์และมือถือ และมาพร้อมฟีเจอร์ต่าง ๆ อย่างเช่น:
- การป้องกันเว็บไซต์
- การเพิ่มประสิทธิภาพระบบ
- VPN ที่มีเซิร์ฟเวอร์ในประเทศไทย (จำกัดข้อมูลการใช้งานที่ 200 MB/วัน)
- การควบคุมของผู้ปกครอง
- เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน
- การป้องกันเว็บแคม
- การป้องกันแรนซัมแวร์
การป้องกันเว็บของ Bitdefender ยอดเยี่ยม — การป้องกันการฟิชชิ่งสามารถบล็อกเว็บไซต์ฟิชชิ่งส่วนใหญ่ในการทดสอบของฉันได้ และฉันชอบ Safepay มาก มันเป็นหน้าต่างเบราว์เซอร์ที่ถูกเข้ารหัสที่ปลอดภัยสำหรับการทำธุรกรรมการเงินและช้อปปิ้งออนไลน์ ฉันชอบการป้องกันแรนซัมแวร์หลายชั้นของ Bitdefender ซึ่งเพิ่มชั้นการป้องกันข้อมูลไฟล์ที่สำคัญของคุณเพื่อป้องกันไม่ให้ถูกเข้ารหัสจากการโจมตีแรนซัมแวร์
VPN ของ Bitdefender นั้นยังเป็นหนึ่งใน VPN ที่ดีที่สุดอีกด้วย มันสามารถเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ที่ถูกเข้ารหัสทั่วโลกได้ด้วยความเร็วสูงสุด — แต่น่าเสียดายที่ต่างจาก Norton VPN ตรงที่ Bitdefender VPN นั้นจะจำกัดข้อมูลการใช้งานรายวันของคุณสำหรับทุกแพลน ยกเว้นแพลนที่มีราคาแพงที่สุด
Bitdefender นั้นเหมือนกับ Norton ที่มีการตั้งค่าขั้นสูงสำหรับผู้ใช้ที่รู้วิธีการปรับแต่งการป้องกันไวรัส คุณสามารถตั้งค่าการสแกนแบบกำหนดเองสำหรับเฉพาะส่วนของคอมพิวเตอร์ของคุณ เช่นสคริปต์ การแชร์เครือข่าย บูตเซกเตอร์และแม้แต่ไฟล์ใหม่/ที่แก้ไข การตั้งค่าขั้นสูงของ Bitdefender ทำให้พวกเขามีชื่อเสียงในฐานะหนึ่งในเครื่องมือสแกนมัลแวร์ที่ทรงพลังและทำการปรับแต่งได้มากที่สุด
ในด้านอินเทอร์เฟซผู้ใช้ Bitdefender รองรับมากกว่า 15 ภาษารวมถึง ภาษาไทยด้วย ดังนั้นคุณสามารถเพลิดเพลินกับประสบการณ์การใช้งานที่ราบรื่นโดยไม่ต้องกังวลว่าจะไม่เข้าใจสิ่งที่นำเสนอในแอพพลิเคชั่น
Bitdefender นั้นมีแพ็กเกจราคาถูกให้เลือกมากมาย Bitdefender Antivirus Plus ซึ่งมีราคาอยู่ที่ US$29.99 / ปี จะมีฟีเจอร์ระดับพรีเมียมของ Bitdefender ให้ใช้งานได้หลากหลาย (ยกเว้นการป้องกันเว็บแคม, ระบบควบคุมสำหรับผู้ปกครอง และเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับอุปกรณ์) แต่ว่ามันจะมีให้ใช้งานได้บน Windows เท่านั้น
แผนบริการที่ฉันชอบมากที่สุดคือ Bitdefender Total Security ซึ่งให้การปกป้อง 5 อุปกรณ์ ทั้ง Windows, macOS, Android และ iOS ในราคาเพียง US$49.99 / ปี และยังมีแผน Bitdefender Premium Security ที่รวมฟีเจอร์ทั้งหมดของ Bitdefender เอาไว้และเพิ่ม VPN ที่ไม่มีการจำกัดการใช้งานให้ในราคาเพียง US$79.99 / ปี บริการนี้มีราคาที่แพงกว่าคู่แข่งอื่น ๆ ในตลาด แต่ VPN ที่นำเสนอนั้นให้บริการได้ดีเทียบเท่ากับ VPN สแตนอโลนด์ได้เลย ดังนั้นถึงจะแพงหน่อย แต่ฉันก็ยังคิดว่ามันคุ้มค่าอยู่ดี
สรุป:
Bitdefender นำเสนอฟีเจอร์สแกนบนคลาวด์และความปลอดภัยบนอินเตอร์เน็ตมากมายในราคาที่ถูกกว่าคู่แข่งส่วนใหญ่ เราแนะนำให้เลือก Bitdefender หากคุณกำลังมองหาเครื่องมือรักษาความปลอดภัยบนอินเตอร์เน็ตบนคลาวด์ที่มาพร้อมกับบริการพิเศษ เช่น VPN, การควบคุมโดยผู้ปกครองและเครื่องมือจัดการรหัสผ่าน คุณสามารถทดลองใช้ Bitdefender ได้อย่างปลอดภัยด้วยการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
อ่านรีวิวตัวเต็มของ Bitdefender >
🥉3. TotalAV — แอนติไวรัสที่ดีที่สุดด้านการใช้งานง่าย (เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นมาก)
TotalAV นั้นมีตัวสแกนไวรัสที่ยอดเยี่ยม และก็มีฟีเจอร์เสริมดี ๆ อยู่มากมาย ทั้งหมดนี้รวมอยู่ในแดชบอร์ดที่ดูเข้าใจง่าย — ทำให้มันเป็นตัวเลือกที่ดีมาก ๆ สำหรับผู้ใช้งานมือใหม่ ที่ไม่อยากจะต้องยุ่งยากกับเมนูและการตั้งค่าที่ซับซ้อน อย่างไรก็ตาม TotalAV นั้นก็ยังมีตัวเลือกการปรับแต่งมากมายให้ผู้ใช้งานขั้นสูงได้เลือกใช้
สแกนเนอร์แอนติไวรัสของ TotalAV ทำงานได้รวดเร็วและเชื่อถือได้, มีอัตราการตรวจจับมัลแวร์ที่เกือบสมบูรณ์แบบ สแกนเนอร์นี้ตรวจจับได้ 99% ของมัลแวร์ทั้งหมดในการทดสอบของฉัน ทั้งไวรัสและโทรจันไปจนถึงแรนซัมแวร์ ยกเว้นเพียงบางไฟล์ที่ซับซ้อน (ซึ่ง Norton และ Bitdefender สามารถตรวจจับได้)
TotalAV จะมี WebShield ซึ่งจะป้องกันไม่ให้คุณเข้าไปในเว็บไซต์อันตราย มันจะช่วยป้องกันได้โดยการเปรียบเทียบเว็บที่คุณเข้ากับบัญชีดำของเว็บไซต์ที่ไม่ปลอดภัย จากนั้นมันก็จะบล็อกเว็บที่ตรงกับฐานข้อมูลบัญชีดำ ระหว่างการทดสอบของเรา มันสามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพมากกว่า Chrome และ Firefox ในการบล็อกเว็บไซต์อันตรายที่ทั้งสองเบราวเซอร์ต่างก็พลาดไป
ยิ่งไปกว่านั้น TotalAV ก็ยังมี Smart Scan (สแกนอัจฉริยะ) ซึ่งจะทำให้การบำรุงรักษาอย่างประจำกลายเป็นเรื่องง่ายด้วยการควบรวมทั้งหมดมาไว้ในการสแกนที่เดียว นี่จะรวมถึงทั้งการสแกนไวรัส การสแกนคุกกี้ติดตาม และการทำความสะอาดดิสก์ เราชอบมากที่การสแกนนี้มันช่วยประหยัดเวลาของเราได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้คุณยังจะได้รับเครื่องมือป้องกันภัยอันตรายทางอินเทอร์เน็ตอีกมากมาย เราชอบเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ TotalAV เป็นพิเศษ (ซึ่งสามารถสั่งให้ทำงานแยกจาก Smart Scan (สแกนอัจฉริยะ) ได้) ระหว่างการทดสอบของเรา มันสามารถทำความสะอาดพื้นที่ในคอมพิวเตอร์ของเราได้มากกว่าคู่แข่งรายอื่น ๆ และเราก็ชอบ VPN ของ TotalAV ด้วย — มันทั้งปลอดภัย ใช้งานได้กับเว็บไซต์สตรีมมิ่งยอดนิยม และก็รักษาระดับความเร็วได้ดีมากสำหรับทุกเซิร์ฟเวอร์ (เพราะแบบนั้นมันถึงถูกจัดอันดับเป็นหนึ่งใน VPN ที่ถูกบันเดิลมากับแอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุด)
เครื่องมือจัดการรหัสผ่านก็ดีมากเช่นกัน Total Password นั้นสามารถจัดเก็บรหัสผ่านทั้งหมดรวมถึงข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อนอื่น ๆ ได้อย่างปลอดภัยในพื้นที่จัดเก็บซึ่งถูกเข้ารหัสเอาไว้ คุณจะสามารถใช้งานฟีเจอร์ระดับมาตรฐานทั้งหมดได้ อย่างเช่นการบันทึกและการกรอกอัตโนมัติ, เครื่องมือสร้างรหัสผ่านที่ปรับแต่งได้, การซิงค์ข้ามอุปกรณ์ และอีกมากมาย มันสามารถทำงานได้ดีในการทดสอบของเรา เรื่องเดียวที่เราไม่ชอบก็คือว่ามันไม่สามารถแชร์รหัสผ่านได้ ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่มันก็ยังมีฟีเจอร์ที่ไม่เหมือนใครอยู่อย่างเช่น Secure Me (ช่วยให้ฉันปลอดภัย) — ซึ่งจะเป็นเครื่องมือที่ทำให้คุณออกจากระบบจากระยะไกลได้
หากคุณสงสัยในเรื่องภาษาในบริการ TotalAV ไม่รองรับภาษาไทย
แผนบริการที่ฉันชอบมากที่สุดคือ TotalAV Total Security ให้การปกป้องมากถึง 6 อุปกรณ์และมีราคาเพียง US$49.00 / ปี บริการมาพร้อมกับ VPN , เครื่องมือจัดการรหัสผ่านพรีเมี่ยมและเครื่องมือปิดกั้นโฆษณา แต่หากคุณมีงบจำกัด TotalAV Antivirus Pro ก็มีแผนราคาถูกที่ให้การปกป้องครอบคลุม 3 อุปกรณ์ในราคาเพียง US$19.00 / ปี แผนบริการทั้งหมดมาพร้อมกับการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
สรุป:
TotalAV มีเอนจินป้องกันไวรัสที่ทรงพลังและฟีเจอร์ที่ดีมากมายภายในแดชบอร์ดที่ใช้งานง่าย — ฉันขอแนะนำ TotalAV สำหรับผู้ใช้เริ่มต้นที่ต้องการเพียงแค่ต้องการสิ่งที่ปลอดภัยปลอดภัยและใช้งานง่าย แพ็คเกจของ TotalAV ล้วนมีฟีเจอร์ที่หลากหลายและฟีเจอร์ทั้งหมดนี้ออกแบบมาเพื่อให้ใช้งานได้ง่ายที่สุด TotalAV มีการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
4. McAfee Total Protection — ดีที่สุดด้านการรักษาความปลอดภัยออนไลน์ (+ เหมาะสำหรับครอบครัว)
McAfee Total Protection มีคุณลักษณะด้านความปลอดภัยสำหรับอินเทอร์เน็ตที่ยอดเยี่ยม — การป้องกันมัลแวร์, การป้องกันการฟิชชิ่ง, โปรแกรมจัดการรหัสผ่าน, VPN และการตรวจสอบและป้องกันการโจรกรรมตัวตน และคุณลักษณะทั้งหมดของมันนั้นใช้งานง่าย, สื่อสารได้ชัดเจน และทำงานได้ตามที่มีกล่าวอ้าง
ความสามารถในการป้องกันไวรัสที่ยอดเยี่ยมอย่างเดียวก็ทำให้ McAfee เป็นตัวเลือกที่ดีมากแล้ว — ได้คะแนน 100% ในการตรวจจับมัลแวร์ทั้งหมดจากตัวอย่างในการทดสอบของฉัน McAfee ตรวจจับ, บล็อก และลบทั้งภัยคุกคามอย่างง่ายและซับซ้อน รวมถึงไวรัส, โทรจัน, สปายแวร์, คีย์ล็อกเกอร์, และรูทคิทได้ทั้งหมด
ในทางกลับกัน McAfee มีฟีเจอร์พิเศษที่ค่อนข้างดี หนึ่งฟีเจอร์ที่โดดเด่นของ McAfee ก็คือ ซอฟต์แวร์ด้านความปลอดภัย “My Home Network” มันนำเสนอแผนที่อุปกรณ์ทุกอันที่เชื่อมต่อกับเครือข่าย WiFi ในบ้านของคุณที่สามารถอ่านได้ง่าย ช่วยให้คุณสามารถควบคุมความปลอดภัยในโลกออนไลน์และให้คุณสามารถปกป้องอุปกรณ์ทุกชิ้นจากผู้บุกรุกภายนอกได้
นอกจากนี้ McAfee ก็ยังมี Scam Protection (การป้องกันสแกม) ซึ่งจะปกป้องคุณจากสแกนด้วยการเตือนคุณเกี่ยวกับลิงก์อันตรายในอีเมล ข้อความ โซเชียลมีเดีย หรือเว็บเบราว์เซอร์ เราชอบมากที่มันสามารถติดธงลิงก์อันตรายได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เราสามารถหลีกเลี่ยงเว็บไซต์อันตรายได้
ฟีเจอร์การสแกน Wi-Fi ในแอปอุปกรณ์เคลื่อนที่ก็ใช้งานได้ดีมากเช่นกัน มันจะตรวจสอบเครือข่าย Wi-Fi ที่คุณเชื่อมต่อ และมันก็จะบอกคุณว่าการเข้ารหัสนั้นดีพอที่จะช่วยปกป้องข้อมูลของคุณให้ปลอดภัยได้หรือไม่ เราเห็นว่ามันมีประโยชน์เวลาเดินทาง — มันจะแจ้งเตือนเราหากมันตรวจพบความเปราะบางของเครือข่ายสาธารณะ (อย่างเช่นในร้านกาแฟ) และมันก็จะช่วยให้เราตัดสินใจได้ว่าจะเชื่อมต่อต่อไปหรือจะเปลี่ยนไปหาเครือข่ายที่ปลอดภัยกว่า
อย่างไรก็ตาม McAfee ทำให้คอมพิวเตอร์ของฉันช้าลงบ้างระหว่างการสแกนระบบทั้งหมด (ไม่เหมือนกับ Norton และ Bitdefender) ในขณะที่ฉันสามารถท่องเว็บ, ใช้ Microsoft Office, และดูวิดีโอบน YouTube (แต่มีการบัฟเฟอร์บางครั้ง) ฉันไม่สามารถเล่นเกมที่ใช้ CPU เยอะได้เนื่องจากหน้าจอของฉันจะค้างระหว่างการเล่นเกม
แผนบริการของ McAfee มีราคาเริ่มด้นที่ US$35.99 / ปี ซึ่งมีความคุ้มค่าอย่างมาก แผน Plus (US$35.99 / ปี) ให้การปกป้องครอบคลุม 5 อุปกรณ์และแผน Premium สำหรับครอบครัว (US$69.99 / ปี) เพิ่มการป้องกันสำหรับผู้ปกครองและให้การปกป้องไม่จำกัดอุปกรณ์ และยังมีแผน Advanced (US$89.99 / ปี) และ Ultimate (US$199.99 / ปี) ที่เพิ่มประกันการป้องกันการขโมยข้อมูลส่วนบุคคลมูลค่าความเสียหายครอบคลุมหนึ่งล้านดอลลาร์ แผน Ultimate ยังนำเสนอการตรวจสอบบัตรเครดิตที่ครอบคลุมและประกันแรนซัมแวร์อีกด้วย
แต่ว่า McAfee ไม่รองรับภาษา ซึ่งมันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ดีนัก แต่ถ้าคุณคุ้นเคยกับภาษาอังกฤษหรือภาษาอื่น ๆ ที่รองรับ คุณก็จะไม่พบปัญหาใด ๆ
สรุป:
McAfee Total Protection นั้นมีการป้องกันภัยอันตรายทางอินเทอร์เน็ตที่หลากหลายสำหรับทั้งคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เคลื่อนที่ การป้องกันการฟิชชิงและการป้องกัน Wi-Fi ของมันนั้นใช้งานดีมาก มันสามารถบล็อกเว็บไซต์ที่มีความเสี่ยงได้ทั้งหมด และมันก็มีระบบควบคุมความปลอดภัยแบบรวมศูนย์ซึ่งใช้งานได้ในแอปอุปกรณ์เคลื่อนที่ของ McAfee และระบบควบคุมสำหรับผู้ปกครองของมันก็เป็นหนึ่งในโปรแกรมที่ใช้งานได้ดีที่สุดเลยอีกด้วย นี่ทำให้ McAfee Total Protection เป็นตัวเลือกที่ดีมากสำหรับครอบครัวที่มองหาเครือข่าย Wi-Fi ที่มีความปลอดภัยสูง และต้องการช่วยรักษาความปลอดภัยให้ลูก ๆ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ แพ็กเกจ Total Protection ทั้งหมดนั้นจะมีการรับประกันคืนเงินแบบไม่ผูกมัดเป็นเวลา 30 วัน
5. Intego — ดีที่สุดสำหรับการป้องกัน Mac อย่างครอบคลุม
Intego นั้นถือว่าเป็นแอนตี้ไวรัสสำหรับ macOS ที่ดีที่สุดอีกบริการหนึ่งเลย แอนตี้ไวรัสส่วนใหญ่เน้นให้การปกป้อง Windows PCs แม้แต่คู่แข่งอย่าง Norton ยังนำเสนอฟีเจอร์สำหรับ macOS ไม่มากเท่าเวอร์ชั่น Windows เลย แอนตี้ไวรัสสำหรับ Mac ของ Intego นั้นถูกออกแบบมาเพื่อให้ความปลอดภัยสูงสุดและเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่ macOS ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ฟีเจอร์การรักษาความปลอดภัยของ Apple มากขึ้น เช่น:
- การปกป้องกันมัลแวร์แบบเรียลไทม์
- เครื่องมือทำความสะอาดและเพิ่มประสิทธิภาพ Mac
- ตัวเลือกการสำรองข้อมูลขั้นสูงของ Mac
- ตัวเลือกความปลอดภัยของเครือข่าย
- การควบคุมของผู้ปกครอง
เครื่องสแกนไวรัสของ Intego นั้นรวดเร็วมากและมีอัตราการตรวจจับมัลแวร์ที่สมบูรณ์แบบเทียบกับการทดสอบอื่น ๆ ของฉัน (ทั้งบน macOS และ PC) เครื่องสแกนนั้นทำงานได้รวดเร็วมาก สามารถสแกน 800,000 ไฟล์ได้ในเวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมง ฉันยังชอบที่การสแกนครั้งต่อไปใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที เพราะโปรแกรมของ Intego มีระบบแคชไฟล์ที่จะสแกนไฟล์ที่เคยสแกนแล้ว (Norton ใช้เทคโนโลยีเดียวกันเพื่อข้ามไฟล์ที่เคยสแกนก่อนหน้านี้แล้ว)
ฉันยังชอบสมาร์ทไฟร์วอลล์ที่ปรับแต่งได้ของ Intego โปรแกรมจะตรวจสอบการเชื่อมต่อเครือข่ายทั้งขาเข้าและขาออก และแจ้งเตือนคุณถึงโปรแกรมที่พยายามเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ซึ่งป้องกันไม่ให้โปรแกรมส่งข้อมูลจากอุปกรณ์ Mac ของคุณโดยที่คุณไม่รู้ตัว (เหมาะสำหรับการตรวจจับสปายแวร์ที่พยายามส่งข้อมูลที่สำคัญไปยังแฮกเกอร์) ไฟร์วอลล์ยังปรับการตั้งค่าโดยอัตโนมัติตามสภาพแวดล้อมของคุณ เช่นเมื่อคุณอยู่ที่บ้าน ที่ทำงานหรือใช้เครือข่าย Wi-Fi สาธารณะ เพื่อรับรองได้ว่าคุณได้เปิดการตั้งค่าที่เหมาะสมที่สุด
Intego มีฟีเจอร์เพิ่มเติมที่ยอดเยี่ยมมากมาย ฉันที่คุณสามารถเชื่อมต่อไดรฟ์ภายนอกหรืออุปกรณ์ iOS กับ Mac ของคุณและสแกนไวรัสด้วย Intego ได้ เนื่องจาก Intego ไม่ได้เสนอการป้องกันความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ตสำหรับมือถือ วิธีนี้ช่วยให้คุณไม่ต้องซื้อแพ็คเกจแอนตี้ไวรัสหลายเพิ่มเติมเพื่อปกป้องอุปกรณ์ iOS อื่น ๆ ของคุณ แต่ถ้าคุณต้องการทำมากกว่าการสแกนไวรัสบน iOS คุณจะต้องซื้อแอปแอนตี้ไวรัส iOS แยกต่างหาก
แพ็กเกจ Mac Premium Bundle X9 ของ Intego นั้นยอดเยี่ยม — มีคุณลักษณะดีที่สุดทั้งหมดของ Intego รวมถึงเครื่องมือปรับปรุงดิสก์และการควบคุมโดยผู้ปกครอง ยังมีแพ็กเกจ Mac Internet Security X9 ด้วย แต่จะมีแค่การป้องกันมัลแวร์แบบ real-time และไฟร์วอลล์เท่านั้น เริ่มต้นที่ US$19.99 / ปี Intego มีราคาสูงกว่าคู่แข่งเล็กน้อย แต่ส่วนใหญ่คู่แข่งนั้นนำเสนอโปรแกรมพื้นฐานมากสำหรับผู้ใช้ Mac (โดยทั่วไปจะมีเพียงตัวสแกนมัลแวร์)
Intego ยังมีผลิตภัณฑ์สำหรับ Windows อย่าง Antivirus for Windows แต่ก็เป็นเพียงเครื่องสแกนไวรัสธรรมดาและไม่ใช่ซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยเต็มรูปแบบอย่างผลิตภัณฑ์ Mac ของ Intego หากคุณต้องการโปรแกรมป้องกันไวรัสสำหรับ Windows ตัวเลือกอื่น ๆ ในรายการนี้เป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
สรุป:
Intego เป็น แอนติไวรัสที่ดีที่สุด สำหรับ macOS ในปี 2024 — มันนำเสนอการป้องกันมัลแวร์ที่ยอดเยี่ยมบน Mac มันเพิ่มประสิทธิภาพและปรับปรุงเครื่องมือด้านความปลอดภัยและปรับปรุงอุปกรณ์ที่ Apple มีอยู่แล้วอย่างมาก และมีราคาที่ดี นอกจากนี้ยังมีการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วันโดยไม่มีความเสี่ยง เพื่อให้คุณทดลองดูว่ามันมีการป้องกันที่ดีที่สุดสำหรับคุณหรือไม่
หมายเหตุจากบรรณาธิการ: Intego และเว็บไซต์นี้อยู่ในกลุ่มบริษัทที่มีเจ้าของเดียวกัน
6. Panda Dome — ดีที่สุดในด้านราคาที่มีความยืดหยุ่น
Panda นำเสนอเครื่องมือสแกนไวรัสขั้นสูงและหน้าตาที่ใช้งานง่าย และมี 5 แผนให้เลือก — ฉันชอบที่ Panda นำเสนอโซลูชันความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยมให้กับทุกคน ไม่ว่าจะมีงบประมาณเท่าไรก็ตาม ฉันพอใจที่เครื่องมือสแกนมัลแวร์ของ Panda ทำงานได้ดีในระหว่างการทดสอบ (อัตราการตรวจจับมัลแวร์ 95% และอัตราการตรวจจับแรนซัมแวร์ 100%) และฉันยังชอบคุณสมบัติเพิ่มเติมส่วนใหญ่อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม เรารู้สึกค่อนข้างผิดหวังกับ VPN ของ Panda — มันทำงานได้ไม่ดีนักด้านการทดสอบความเร็ว และ VPN ที่ไม่จำกัดข้อมูลนั้นก็มีให้ใช้งานเฉพาะในแพลนที่แพงที่สุดเท่านั้น หากคุณกำลังมองหา VPN ที่มาพร้อมกับแพ็กเกจแอนตี้ไวรัส เราก็ขอแนะนำให้คุณเลือกใช้ Norton หรือ TotalAV แทน
แต่ในอีกแง่มุมหนึ่ง เราก็ชอบ Rescue Kit (ชุดช่วยเหลือ) มาก ๆ ซึ่งมันจะเป็น Panda เวอร์ชันที่สามารถใช้งานได้จากแฟลชไดรฟ์ (เอาไว้สำหรับกรณีที่คอมพิวเตอร์ของคุณติดมัลแวร์อย่างรุนแรง)
Panda นั้นมีแพลนหลากหลายให้เลือก ซึ่งรวมถึงแพลนฟรีที่ค่อนข้างจำกัดด้วย Panda Free นั้นจะมีการป้องกันไวรัสแบบเรียลไทม์สำหรับ Windows พร้อมกับตัวสแกนแอปสำหรับ Android และก็ยังมี Rescue Kit (ชุดช่วยเหลือ) รวมถึง VPN ด้วย (จำกัดให้ใช้งานได้ 1 เซิร์ฟเวอร์ 150 MB ต่อวัน)
Essential แผนที่มีราคาถูกที่สุด (US$20.00 / ปี) นำเสนอไฟร์วอลล์และการปกป้อง Wi-Fi แผน Advanced มีราคาที่ US$28.49 / ปี เพิ่มการป้องกันแรนซัมแวร์ ในขณะที่อผน Complete (US$40.50 / ปี) เพิ่มเครื่องมือจัดการรหัสผ่านและเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพจำนวนมาก Panda Dome Premium เพิ่ม VPN ที่ไม่จำกัดข้อมูลการใช้งาน และนำเสนอการช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง ในราคาเพียง US$63.00 / ปี แผนทั้งหมดมาพร้อมกับการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วันและให้คุณสามารถเลือกได้ว่าต้องการใช้งานกับอุปกรณ์ใดบ้าง
สรุป:
Panda มีตัวเลือกสำหรับทุกผู้ใช้ ไม่ว่าพวกเขาจะต้องการสแกนเนอร์มัลแวร์ฟรีแบบง่าย ๆ ที่มีการป้องกันแบบเรียลไทม์หรือชุดความปลอดภัยอินเทอร์เน็ตที่มีคุณสมบัติครบครัน Panda มาพร้อมกับคุณสมบัติพิเศษมากมาย รวมถึงการป้องกันแรนซัมแวร์ขั้นสูง ชุดกู้คืน (“Rescue Kit”) สำหรับการแก้ไขพีซีที่ติดมัลแวร์ โปรแกรมจัดการรหัสผ่าน การควบคุมการใช้งานของผู้ปกครอง และตัวเข้ารหัสและทำลายไฟล์ และทุกแผนพรีเมียมของ Panda ได้รับการสนับสนุนจากการรับประกันการคืนเงินภายใน 30 วัน
7. Kaspersky Premium — โปรแกรมไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับการช้อปปิ้งออนไลน์ + ธุรกรรมทางธนาคาร
ขณะนี้เราไม่มีหลักฐานที่บ่งชี้ว่า Kaspersky ที่ตั้งอยู่ในมอสโกนั้นเป็นภัยคุกคามต่อผู้ใช้ คุณสามารถอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตัดสินใจของเราในการแนะนำบริการต่อในเว็บไซต์ของเราได้ที่นี่
Kaspersky Internet Security มีการป้องกันแอนติไวรัสที่ดีที่สุด พร้อมฟีเจอร์เสริมที่น่าประทับใจเช่น การป้องกันเว็บไซต์ที่อันตรายที่จะช่วยให้คุณปลอดภัยออนไลน์ โปรแกรมของมันได้แสดงผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรมต่อทุกประเภทของมัลแวร์ — โปรแกรมนี้มีประสิทธิภาพ 100% ในทุกการทดสอบป้องกันมัลแวร์ของฉัน
Kaspersky ยังมีฟีเจอร์ความปลอดภัยทางไซเบอร์อีกมากมายเช่น:
- การป้องกันการฟิชชิ่ง
- เบราว์เซอร์ปลอดภัย Safe Money
- VPN (ข้อมูลไม่จำกัด)
- โปรแกรมจัดการรหัสผ่าน
- ตรวจสอบบ้านอัจฉริยะ
ฉันชอบฟีเจอร์ Safe Money ของ Kaspersky มาก — โปรแกรมจะตรวจจับเมื่อคุณกำลังจะชำระเงินออนไลน์หรือเข้าถึงเว็บไซต์ของธนาคาร โดยเสนอให้เปิดเบราว์เซอร์ที่ปลอดภัยและไม่สามารถเข้าถึงได้จากมัลแวร์และสปายแวร์ Kaspersky ฉันชอบฟีเจอร์ Safe Money แต่ฉันชอบเบราว์เซอร์ที่ปลอดภัยของ Bitdefender มากกว่านั่นคือ Safepay ซึ่งโหลดได้เร็วกว่าของ Kaspersky นำเสนอแป้นพิมพ์เสมือนเมื่อจัดการธุรกรรมออนไลน์เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกตรวจจับด้วยคีย์ล็อกเกอร์
ในอีกแง่มุมหนึ่ง ตัวสแกนความเปราะบางนั้นเป็นสิ่งที่ค่อนข้างน่าผิดหวัง การสแกนหาความเปราะบางนั้นใช้เวลานานมาก และก็ไม่สามารถตรวจจับความเปราะบางใด ๆ ได้เลย เราไม่คิดเลยว่าจะเป็นแบบนี้ เนื่องจากตัวอัปเดตแอปที่ติดมาในตัวของ Kaspersky นั้นก็สามารถบ่งชี้แอปที่ล้าสมัยในระบบของเราได้อยู่แล้ว
ส่วนตัวแล้ว Kaspersky Premium นั้นเป็นแผนที่ให้ความคุ้มค่ามากที่สุด ซึ่งนำเสนอทั้งเครื่องมือสแกนมัลแวร์, การป้องกันเว็บ, Safe Money เบราเซอร์ปลอดภัย, VPN ที่ไม่มีการจำกัดข้อมูล, เครื่องมือจัดการรหัสผ่านที่ไม่จำกัดจำนวนรหัสผ่าน, การตรวจสอบ Wi-Fi เพื่อให้คุณสามารถตรวจสอบได้ตลอดเวลาว่าใครเชื่อมต่ออยู่กับเครือข่ายของคุณและการป้องกันสำหรับผู้ปกครองฟรีเป็นเวลา 1 ปีเต็มสำหรับผู้ใช้ 1 คนในราคาเพียง US$38.99 / ปี นี่เป็นตัวเลือกที่ดีมากและยังมีตัวเลือกการป้องกันสำหรับ 5, 10 และ 20 อุปกรณ์ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของคุณด้วย
หากคุณอยากรู้เกี่ยวกับตัวเลือกภาษาโปรดทราบว่า Kaspersky นั้นไม่มีให้บริการในภาษาไทย
สรุป:
Kaspersky นำเสนอแพ็คเกจแอนติไวรัสที่ออกแบบได้ดี พร้อมเครื่องมือสแกนมัลแวร์ที่ดี และคุณจะยังได้รับบริการเสริมที่มีประสิทธิภาพเช่น เบราว์เซอร์ปลอดภัยสำหรับการเงินออนไลน์, VPN, โปรแกรมจัดการรหัสผ่าน และการควบคุมการใช้งานของผู้ปกครองฟรี 1 ปี แผนทั้งหมดของ Kaspersky มีการคืนเงินใน 30 วันถ้าคุณไม่พอใจ
อ่านรีวิวตัวเต็มของ Kaspersky >
8. Avira Prime — โปรแกรมไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับการปรับปรุงระบบ
Avira เป็นหนึ่งในแอนติไวรัสที่แข็งแกร่งที่สุดและทรงพลังที่สุด — ทำคะแนนได้สูงอย่างสม่ำเสมอในระหว่างการทดสอบอิสระ (และได้คะแนนอัตราการตรวจจับ 100% ระหว่างการทดสอบทั้งหมดของฉัน) และเทคโนโลยีป้องกันมัลแวร์ของ Avira ยังถูกใช้งานคู่แข่งหลายรายรวมถึง TotalAV Avira ทำงานบนคลาวด์ทั้งหมด มันจะไม่ทำให้อุปกรณ์ของคุณช้าลงเหมือนกับคู่แข่งรายอื่น ๆ ที่ต้องดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ขนาดใหญ่มายังระบบของคุณ
Avira Prime มาพร้อมกับฟีเจอร์เพิ่มเติมที่ยอดเยี่ยม อย่างเช่น:
- การเพิ่มประสิทธิภาพความเป็นส่วนตัว
- การเพิ่มประสิทธิภาพระบบ
- VPN
- เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน
- แอพพลิเคชั่นสำหรับ Android และ iOS
เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพของ Avira นั้นเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ดีที่สุด ในขณะที่แอนตี้ไวรัสส่วนใหญ่นั้นจะมาพร้อมกับเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพที่จะช่วยให้อุปกรณ์ของคุณทำงานได้อย่างราบรื่นและช่วยเพิ่มพื้นที่จัดเก็บให้ แต่ Avira นั้นจะมาพร้อมกับเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพและจัดการพื้นที่ขั้นสูงซึ่งบันเดิลมากับแอนตี้ไวรัส ประกอบไปด้วย:
- เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพ Startup มันช่วยลดเวลาในการสตาร์ทอัพ PC ของฉันได้ 2 นาที!
- การเพิ่มประสิทธิภาพเกม จัดสรรทรัพยากรระบบโดยอัตโนมัติและหยุดการทำงานในเบื้องหลังเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบ
- เครื่องมือลบไฟล์ขยะ ลบไฟล์ที่ซ้ำกัน ไฟล์ที่ไม่ได้ใช้และไฟล์แคชบางไฟล์
Avira Prime นั้นจะเป็นแอนตี้ไวรัสที่เหมาะเป็นพิเศษถ้าหากคุณมี PC ที่เก่าและช้า รวมถึงมีพื้นที่ฮาร์ดดิสก์น้อย เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพระบบของ Avira นั้นทำให้คอมพิวเตอร์ Windows 7 เครื่องเก่าของเรานั้นกลับมาเร็วเหมือนใหม่เลย — มันเกือบจะดูเหมือนว่ามีความเร็วเทียบเท่ากับ PC Windows 10 เลยด้วยซ้ำ! และเนื่องจาก engine ของแอนตี้ไวรัส Avira นั้นทำงานบนคลาวด์ทั้งหมด มันก็จะไม่ทำให้อุปกรณ์ของคุณช้าลงเหมือนคู่แข่งรายอื่น ๆ ที่ดาวน์โหลดแพ็กเกจซอฟต์แวร์ขนาดใหญ่มาไว้ในระบบของคุณ
ในราคา US$59.99 / ปี Avira Prime นั้นมีความคุ้มค่า แต่มันแพงกว่าบางแพ็คเกจแอนติไวรัสที่ได้รับการจัดอันดับสูงพอ ๆ กัน Avira มีแผนที่ราคาถูกลงไปอีก อย่าง Internet Security (US$34.99 / ปี) แต่ Prime เป็นแพ็คเกจเดียวที่รวมการปรับปรุงระบบขั้นสูง, VPN ที่มีข้อมูลไม่จำกัด, และแอปมือถือ
แต่ว่าแอพพลิเคชั่น Windows ของ Avira นั้นไม่ได้รองรับภาษาไทย นี่เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่คุณควรนำไปพิจารณา!
เวอร์ชั่นฟรีของ Avira นั้นถือว่าเป็นหนึ่งในแอนตี้ไวรัสฟรีที่ดีที่สุดอีกบริการหนึ่งเลย หากคุณไม่ต้องการจ่ายค่าบริการใด ๆ ในตอนนี้ Avira Free สามารถช่วยปกป้องอุปกรณ์ของคุณแบบเรียลไทม์ได้และ Avira ฟรียังมี VPN ให้ใช้อีกด้วย
สรุป:
Avira เป็นชุดความปลอดภัยที่ใช้ทรัพยากรน้อยที่สุดในรายการของฉัน ด้วยเครื่องมือสแกนที่อยู่บนคลาวด์และเครื่องมือปรับปรุงระบบที่ยอดเยี่ยม นอกจากนี้ยังมี VPN, โปรแกรมจัดการรหัสผ่าน, และครอบคลุมสูงสุด 5 อุปกรณ์ในทุกระบบปฏิบัติการ คุณสามารถทดลองใช้ Avira โดยไม่มีความเสี่ยงด้วยการรับประกันคืนเงินภายใน 60 วันถ้าไม่พอใจ
9. Trend Micro — โปรแกรมแอนติไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับการท่องเว็บที่ปลอดภัย
Trend Micro มีเครื่องมือป้องกันมัลแวร์ที่ดี รวมถึงส่วนขยายเว็บเบราว์เซอร์ที่ยอดเยี่ยมที่ตรวจสอบความเสี่ยงด้านความปลอดภัย, ป้องกันการหลอกลวงออนไลน์ และตรวจสอบเว็บไซต์สำหรับเนื้อหาที่ไม่ปลอดภัย ตัวสแกนแอนติไวรัสได้รับคะแนนค่อนข้างดีในการทดสอบของฉัน มันจับไวรัส, โทรจัน, แรนซัมแวร์, และสปายแวร์บนระบบของฉันได้มากมาย แม้ว่าจะไม่ได้รับคะแนนเท่ากับผู้แข่งขันชั้นนำอื่น ๆ เช่น Norton และ Bitdefender Trend Micro ยังนำเสนอการตั้งค่าการปรับแต่งการสแกนหลายอย่าง ช่วยให้ผู้ใช้ปรับการป้องกันมัลแวร์ได้
Trend Micro ตรวจพบเว็บไซต์หลอกลวงมากกว่า Chrome, Firefox, หรือ Safari ตอนที่ฉันทดสอบ นอกจากนี้ยังตรวจพบลิงค์หลอกลวง, เนื้อหาที่ไม่ปลอดภัย, โค้ดที่มีเจตนาทำร้าย และแม้กระทั่งข้อมูลที่ผิดพลาด และยังบล็อกโฆษณาและสแกนประวัติการท่องเว็บของฉันเพื่อหาเว็บไซต์ที่อันตรายที่ฉันอาจจะได้เยี่ยมชมโดยไม่ได้ตั้งใจ
ก่อนที่ฉันจะลืม เรามาพูดถึงอินเทอร์เฟซผู้ใช้กันก่อนดีกว่า อินเตอร์เฟส Windows ของ Trend Micro ได้รับการแปลเป็น 20 ภาษา รวมถึงภาษาไทย
Trend Micro นั้นประกอบไปด้วยเครื่องมือจัดการรหัสผ่าน ที่มีการเข้ารหัส 256-bit AES มันจะมีฟีเจอร์พื้นฐานอย่างพื้นที่จัดเก็บรหัสผ่านไม่จำกัด, การสร้างรหัสผ่าน, การกรอกอัตโนมัติ และระบบยืนยันตัวตนสองชั้น อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับคู่แข่งระดับชั้นนำอย่าง 1Password และ Dashlane แล้วนั้น มันก็ยังมีฟีเจอร์น้อยกว่าและใช้งานยากกว่าอยู่ดี ถึงจะเป็นเช่นนั้นแต่มันก็ยังถือว่าเป็นตัวเลือกขั้นพื้นฐานด้านการจัดการรหัสผ่านที่ใช้งานได้ดี
Trend Micro มีราคาเริ่มต้นที่ US$19.95 / ปี และยังมีหลายแผนบริการให้เลือก Trend Micro Antivirus + Security ปกป้องอุปกรณ์ Windows 1 เครื่องด้วยการป้องกันมัลแวร์ การป้องกันแรนซัมแวร์ขั้นสูงและเบราว์เซอร์ที่ปลอดภัยสำหรับธุรกรรมการเงินออนไลน์ Trend Micro Internet Security ปกป้องอุปกรณ์สูงสุด 3 เครื่อง (PC เท่านั้น) และเพิ่มเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพอุปกรณ์ การป้องกันโซเชียลมีเดียและการควบคุมของผู้ปกครอง Trend Micro Maximum Security ปกป้องอุปกรณ์สูงสุด 5 เครื่อง (รวมถึง Windows, Android, Mac, iOS และ Chromebook) และเพิ่มเครื่องมือจัดการรหัสผ่าน. แผนที่ครอบคลุมมากที่สุด Premium Security Suite มีราคาอยู่ที่ US$54.95 / ปี ให้การปกป้องครอบคลุม 10 อุปกรณ์และเพิ่มการป้องกันการขโมยข้อมูลส่วนบุคคลและ VPN ที่มีฟีเจอร์ครบครัน
สรุป:
Trend Micro นำเสนอฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ตและเครื่องสแกนมัลแวร์ที่แข็งแกร่งสำหรับผู้ใช้ Windows, Mac, Android, iOS และ Chromebook การป้องกันเว็บใช้งานได้ดีและส่วนขยายเบราว์เซอร์สามารถช่วยคุณหลีกเลี่ยงเว็บไซต์ที่เป็นอันตราย ลิงก์ที่ไม่น่าไว้ใจและตรวจจับเนื้อหาที่น่าสงสัยได้ แผนบริการของ Trend Micro ทั้งหมดมีการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
อ่านรีวิวตัวเต็มของ Trend Micro >
10. Malwarebytes — แอนติไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับการป้องกันพื้นฐาน
Malwarebytes เป็นแอนตี้ไวรัสที่ใช้งานง่ายไม่ซับซ้อน นำเสนอการป้องกันสำหรับทุกระบบปฏิบัติการและอุปกรณ์ ในระหว่างการทดสอบเครื่องมือสแกนของ Malwarebytes สามารถตรวจจับมัลแวร์ได้ถึง 95% ซึ่งถือว่าทำได้ดีเลยทีเดียว (แต่ก็ไม่ดีเท่าบริการคู่แข่งอย่าง Norton)
Malwarebytes ยังนำเสนอ VPN ที่ไม่จำกัดข้อมูลการใช้งาน มีเซิร์ฟเวอร์ในกว่า 40+ ประเทศและมีความเร็วที่ดี อย่างไรก็ตาม VPN ของ Malwarebytes นั้นไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีหากคุณต้องการสตรีมหรือทอร์เรนต์ (หากคุณมองหา VPN ที่ช่วยให้คุณสามารถรับชมสตรีมหรือทอร์เรนต์ได้อย่างปลอดภัย เราขอแนะนำ ExpressVPN)
ถึงจะกล่าวเป็นเช่นนั้น แต่เราก็ชื่นชอบการป้องกันเว็บไซต์ของ Malwarebytes ซึ่งสามารถตรวจจับและบล็อกเว็บไซต์ฟิชชิงส่วนใหญ่ที่เราพยายามเข้าถึงระหว่างการทดสอบได้ นอกจากนี้ก็สามารถบล็อกโฆษณา, ตัวติดตาม และสแกมอื่น ๆ ได้อีกด้วย น่าเสียดายที่ Browser Guard ซึ่งควรจะเพิ่มความเร็วให้กับเบราว์เซอร์ด้วยการบล็อกโฆษณาและเนื้อหาไม่พึงประสงค์ มันสามารถบล็อกโฆษณาได้เพียงหนึ่งในสามเท่านั้น — แตกต่างจากคู่แข่งอย่าง Avira ซึ่งสามารถบล็อกโฆษณาได้เกือบทั้งหมด
Malwarebytes ยังนำเสนอบริการป้องกันการขโมยข้อมูลส่วนบุคคลอีกด้วย แต่มันถูกนำเสนอเป็นบริการแยกในราคาที่สูงกว่า ราคาเริ่มต้นที่ US$99.99 / ปี อย่างไรก็ตามหากคุณสมัครบริการป้องกันการขโมยข้อมูลส่วนบุคคล คุณจะได้รับ Malwarebytes Plus ที่มีแอนตี้ไวรัส, การป้องกันบราวเซอร์ (Browser Guard) และ VPN อีกด้วย ซึ่งถือว่าเป็นข้อเสนอที่ดีมาก
แต่ก็น่าเสียดายที่ Malwarebytes ไม่มีคุณสมบัติเสริมเหมือนอย่างที่โปรแกรมป้องกันไวรัสอื่น ๆ ในรายการจัดอันดับนี้มีให้ (เช่น ไฟร์วอลล์ เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพคอมพิวเตอร์ PC ระบบควบคุมการใช้อุปกรณ์ของบุตรหลาน เป็นต้น) แม้ว่าฉันอยากจะให้ Malwarebytes เพิ่มคุณสมบัติพิเศษอื่นเข้าไปก็ตาม ฉันก็ยังคิดว่ามันเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ใช้ที่กำลังมองหาโปรแกรมป้องกันไวรัสสไตล์มินิมอล ที่พวกเขาจะสามารถติดตั้งเพียงครั้งเดียวแล้วปล่อยให้มันทำงานเองก็ลืมไปได้เลย Malwarebytes มีราคาเริ่มต้นที่ US$44.99 / ปี
สรุป:
Malwarebytes เป็นแอนตี้ไวรัสที่ใช้งานง่าย นำเสนอเครื่องสแกนและการป้องกันเว็บที่มีประสิทธิภาพ มี VPN ที่น่าเชื่อถือและอินเตอร์เฟสที่ใช้งานง่าย นอกจากนี้บริการยังนำเสนอฟีเจอร์การป้องกันการขโมยข้อมูลส่วนบุคคลที่มีฟีเจอร์ครบครัน (แต่ไม่ได้นำเสนออยู่ในแผนบริการพื้นฐาน) แม้ว่าบริการจะขาดฟีเจอร์พื้นฐานอย่างการปิดกั้นโฆษณา แต่ Malwarebytes แต่ยังเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่มองหาแอนตี้ไวรัสธรรมดา ๆ Malwarebytes มาพร้อมกับการรับประกันคืนเงิน 60 วัน
อ่านบทวิจารณ์ฉบับเต็มสำหรับ Malwarebytes ที่นี่ >
โบนัส. MacKeeper แอนติไวรัสที่เข้าใจง่ายและคุณสมบัติที่หลากหลายสำหรับ Mac
MacKeeper เป็นหนึ่งในแอนตี้ไวรัสที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานกับ Mac ซึ่งหาได้ยาก และบริการยังมาพร้อมกับการป้องกันมัลแวร์ที่ยอดเยี่ยม ฟีเจอร์ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวที่สร้างช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับอุปกรณ์ Apple และมีแอปสำหรับ macOS ที่ใช้งานได้ง่าย
MacKeeper มีอินเตอร์เฟซให้บริการใน 17 ภาษา แต่ตอนนี้ยังไม่มีให้บริการในภาษาไทย
ในการทดสอบของฉัน MacKeeper ตรวจจับมัลแวร์ที่เฉพาะเจาะจงสำหรับ Mac มากกว่า 99% ซึ่งคล้ายกับ แอนติไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับ Mac ซึ่งรวมถึง Intego และ McAfee และเครื่องมือทำความสะอาดและปรับปรุง Mac ของมันได้ลบไฟล์ขยะและไฟล์ซ้ำประมาณ 7 GB ออกจาก MacBook Pro ของฉัน (ฉันยังชอบมากที่ MacKeeper นำเสนอตัวเลือกในการลบไฟล์แนบอีเมลที่ไม่พึงประสงค์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันไม่เคยเห็นในแอนติไวรัสอื่นๆ)
VPNMacKeeper นั้นก็ใช้งานได้ดีมาก ๆ ด้วย — ทั้งปลอดภัย เร็ว และใช้งานเข้ากันได้กับเว็บไซต์สตรีมมิ่งส่วนใหญ่ เรื่องเดียวที่เราไม่ชอบเกี่ยวกับ VPN นี้ก็คือมันไม่เปิดเผยเรื่องนโยบายการไม่บันทึกข้อมูล เราอยากเห็นข้อมูลที่ชัดเจนกว่านี้ว่า MacKeeper บริหารจัดการข้อมูลของผู้ใช้งานอย่างไร
ในอีกแง่มุมหนึ่งนั้น MacKeeper ยังขาดการป้องกันการฟิชชิง ซึ่งเราถือเป็นฟีเจอร์ความปลอดภัยที่มีความสำคัญสำหรับแอนตี้ไวรัสในปี 2024 นอกจากนี้มันก็ยังไม่มีไฟร์วอลล์และระบบควบคุมสำหรับผู้ปกครอง ซึ่ง Intego มีให้ทั้งคู่
MacKeeper นำเสนอแผนบริการที่หลากหลาย ในราคาเริ่มต้นที่US$10.95 / เดือน แผนทั้งหมดมีฟีเจอร์เหมือนกัน ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวระหว่างแผนคือ ระยะเวลาการให้บริการและจำนวนคอมพิวเตอร์ Mac ที่ครอบคลุม (1-3)
สรุป:
MacKeeper เป็นแอนตี้ไวรัสสำหรับ Mac ที่ดีมาก มีอัตราการตรวจจับมัลแวร์ที่เกือบจะสมบูรณ์แบบ มีเครื่องมือล้างระบบที่ยอดเยี่ยม และนำเสนอ VPN ที่ปลอดภัยและรวดเร็วพร้อมข้อมูลไม่จำกัด อย่างไรก็ตามมันไม่มีการป้องกันฟิชชิ่ง ไฟร์วอลล์ และการควบคุมโดยผู้ปกครอง MacKeeper นำเสนอแผนชำระเงินหลายแบบและแผนทั้งหมดมาพร้อมกับการรับประกันคืนเงิน 14 วัน
อ่านรีวิว MacKeeper ตัวเต็มของเราได้ที่นี่>
ตารางเปรียบเทียบโปรแกรมป้องกันไวรัสที่ดีที่สุดประจำปี2024
หมายเหตุจากบรรณาธิการ: Intego และเว็บไซต์นี้อยู่ในกลุ่มบริษัทที่มีเจ้าของเดียวกัน
วิธีที่ฉันให้คะแนนแอนติไวรัสที่ดีที่สุดของปี 2024
- ฉันทดสอบอัตราการตรวจจับมัลแวร์และความสามารถในการสแกน ฉันได้ดำเนินการทดสอบมัลแวร์หลายสิบครั้ง, ทดสอบการป้องกันแบบเรียลไทม์, ทดสอบประสิทธิภาพ CPU, และอื่น ๆ มากมาย เพื่อให้แน่ใจว่าสินค้าแต่ละตัวให้การป้องกันที่แข็งแกร่งต่อไวรัส, มัลแวร์ และภัยคุกคามด้านความปลอดภัยบนอินเทอร์เน็ตอื่น ๆ ทั้งหมด หลังจากนั้นจะมี เฉพาะผลิตภัณฑ์ที่ป้องกันภัยคุกคามมัลแวร์ชั้นสูงที่สุดเท่านั้นที่จะได้อยู่ในรายการนี้ — ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไม่เพียงแต่ตรวจจับและกำจัดไวรัส แต่ยังจัดการกับสปายแวร์, รูทคิต, แรนซัมแวร์, และสิ่งอื่น ๆ ที่อาจทำให้ฉันหรืออุปกรณ์ของฉันเสียหาย Norton และ Bitdefender ทำได้ดีที่สุดด้านนี้ แต่แอนติไวรัสอื่น ๆ ในรายการนี้ก็มีประสิทธิภาพดีเช่นกัน
- ฉันนับจำนวนผลบวกเทียม แม้ว่าจะไม่มีโปรแกรมแอนติไวรัสที่ ป้องกันผลบวกเทียมได้ 100% แต่มีบางโปรแกรมที่ทำให้เกิดผลบวกเทียมน้อยกว่า ฉันยังคิดว่ามันดีกว่าที่แอนติไวรัสจะทำให้เกิดผลบวกเทียมมากกว่าที่จะพลาดมัลแวร์จริง แต่การได้รับการแจ้งเตือนที่เป็นเท็จอย่างต่อเนื่องก็สามารถสร้างความรำคาญได้ แอนติไวรัสในรายการนี้มีผลเป็นศูนย์หรือน้อยมากเกี่ยวกับผลบวกเทียมระหว่างการทดสอบของฉัน
- ฉันค้นหาคุณลักษณะที่มีคุณภาพสูง ส่วนใหญ่แบรนด์แอนติไวรัสจะมีคุณลักษณะเพิ่มเติมในแพ็กเกจแอนติไวรัสแบบชำระเงิน แต่บ่อยครั้งที่คุณลักษณะเพิ่มเติมเหล่านี้เป็นเพียงเหมือนของตกแต่งที่ทำให้คอมพิวเตอร์ของคุณทำงานหนักขึ้นและกระทบต่อประสิทธิภาพของอุปกรณ์ (ราคาสูงขึ้นด้วย) ฉัน ทดสอบคุณลักษณะที่มีในผลิตภัณฑ์ในรายการนี้ เพื่อยืนยันว่ามันมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผลจริง ๆ Bitdefender มีคุณลักษณะที่มีประสิทธิผลหลากหลายที่สุด แต่ TotalAV มีเครื่องมือปรับแต่งที่ยอดเยี่ยม
- ฉันทดสอบด้านความเร็วและประสิทธิภาพ แอนติไวรัสที่ดีที่สุดนั้นต้องใช้ทรัพยากรน้อยและทำงานได้ราบรื่น — แม้บนคอมพิวเตอร์ที่เก่าหรือช้า ฉันทดสอบและวัดว่าแต่ละแอนติไวรัสในรายการนี้ทำงานได้เร็วและมีประสิทธิภาพเพียงใดเมื่อเทียบกับแอนติไวรัสอื่น ๆ และให้คะแนนเพิ่มเติมกับตัวที่ไม่ทำให้คอมพิวเตอร์ช้าลง
- ฉันตรวจสอบการสนับสนุนหลายแพลตฟอร์ม แอนติไวรัสที่ดีที่สุดสามารถใช้งานได้กับทุกระบบปฏิบัติการ รวมถึงตัวที่นิยมอย่าง Windows, macOS, Android และ iOS. ทั้งนี้แม้ว่าจะไม่ใช่ทุกตัวเลือกของฉันที่สนับสนุนทุกระบบปฏิบัติการ (ตัวอย่างเช่น Intego ออกแบบมาสำหรับ Mac เท่านั้น) แต่แอนติไวรัสส่วนใหญ่ที่ฉันทดสอบทำงานได้ดีทั่วทุกระบบปฏิบัติการ
- ฉันติดต่อฝ่ายสนับสนุนลูกค้าหลายครั้ง ฉันได้ติดต่อทีมสนับสนุนลูกค้าของแต่ละบริษัท อ่านฐานความรู้ของพวกเขา และโพสต์คำถามในเว็บบอร์ดของพวกเขา ฉันพอใจกับวิธีที่แต่ละ แอนติไวรัส ในรายการนี้จัดการคำถามและแก้ไขปัญหาของฉัน ฉันยังดูที่ตัวเลือกสนับสนุนลูกค้าที่แตกต่างกันและจำนวนภาษาที่พวกเขาสามารถตอบได้ — แบรนด์ในรายการนี้นำเสนอหลายตัวเลือกในการสนับสนุนลูกค้า เช่นการแชทสด, การสนับสนุนทางอีเมล, ฐานความรู้, คำถามที่พบบ่อย, และเว็บบอร์ด
- ฉันประเมินความคุ้มค่าของแต่ละผลิตภัณฑ์ โปรแกรมไวรัสที่ดีที่สุดอาจเป็นการลงทุนราคาแพง ฉันพิจารณาปัจจัยที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เช่นการป้องกันเว็บและการท่องเว็บ, จำนวนอุปกรณ์ที่ครอบคลุม และมีการทดลองใช้ฟรีหรือการคืนเงินหรือไม่ ทุก แอนติไวรัส ชั้นนำนี้มีความคุ้มค่าที่ดี
- ฉันใช้วิธีการทดสอบของเรา สุดท้าย ฉัน ปฏิบัติตามวิธีการทดสอบที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว ตอนให้คะแนนแต่ละผลิตภัณฑ์นี้ ฉันทำตามสถานการณ์ในชีวิตจริงด้วยเกณฑ์ที่รวมถึงการตรวจสอบความปลอดภัย, ความเร็ว, ความง่ายในการใช้งาน, ความคุ้มค่า และการสนับสนุนลูกค้า แต่ละ แอนติไวรัสที่ดีที่สุด ในรายการนี้ทำงานได้ดีกว่าคู่แข่งรายอื่น ๆและผ่านทุกการตรวจสอบด้วยวิธีการของเรา
แอนติไวรัสที่ติดตั้งมาแล้ว vs. แอนติไวรัสของบุคคลที่สาม — ตัวไหนดีกว่ากัน?
แอนติไวรัสของบุคคลที่สามที่เชื่อถือได้เป็นตัวเลือกที่ดีกว่า การป้องกันที่ติดตั้งมาแล้วของระบบปฏิบัติการ Mac และ Windows ไม่สามารถเทียบเท่ากับความปลอดภัยอย่างครอบคลุมที่ แอนติไวรัสที่ดีที่สุด ให้ได้ ในขณะที่การป้องกันฟรีพื้นฐานที่ระบบเหล่านี้ให้นั้นเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แต่มันไม่ให้การป้องกันที่เพียงพอต่อภัยอันตรายที่มีความซับซ้อนในปี 2024
ถ้าคุณเป็นผู้ใช้ Windows คุณจะมี Windows Defender ในคอมพิวเตอร์ของคุณ (คอมพิวเตอร์ Windows 10 และ 11 ใหม่ ๆ เรียกมันว่า Windows Security หรือ Microsoft Defender) ทั้งนี้แม้ว่าจะเป็นแอนติไวรัสฟรีที่ดีพอ แต่มันได้รับคะแนนต่ำเป็นประจำสำหรับการตรวจจับมัลแวร์เมื่อเทียบกับแบรนด์อิสระชั้นนำอื่นๆ เช่น Norton และ Bitdefender นอกจากนี้, มันไม่ได้รับการอัปเดตเป็นประจำเหมือนกับผลิตภัณฑ์อิสระชั้นนำ และมันขาดเครื่องมือความปลอดภัยเพิ่มเติมทั้งหมดที่แอนติไวรัสแบบชำระเงินที่ดีมีให้ เช่น VPN, เครื่องมือปรับปรุงประสิทธิภาพ, ตัวจัดการรหัสผ่าน, และอื่นๆ
ฉันแนะนำให้ลงทุนกับ แอนติไวรัสที่ดีที่สุด เช่น Norton เพื่อให้คุณปลอดภัยออนไลน์ มันมีชุดเครื่องมือที่ครอบคลุมเพื่อให้คุณมั่นใจในความปลอดภัย — รวมถึงการตรวจสอบ dark web ที่ดีที่สุดในตลาด แต่ถ้าคุณต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ฟรี แพ็กเกจฟรีที่ดีเช่น Avira ก็จะทำให้คุณปลอดภัยมากกว่า Windows Defender สามารถทำได้
Macs นั้นมีโอกาสน้อยกว่าที่จะติดมัลแวร์เมื่อเทียบกับคอมพิวเตอร์ Windows — แต่ก็ยังต้องการการป้องกัน! Macs มีคุณสมบัติการป้องกันบางประการที่ติดตั้งมาแล้ว ซึ่งรวมถึงการป้องกันเว็บ, เครื่องมือป้องกันการโจรกรรม, เครื่องมือตรวจสอบแอป และเครื่องสแกนแอป นั่นมีประสิทธิภาพพอสมควร แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้คุณปลอดภัย Mac ของคุณยังอาจจะเสี่ยงต่อแรนซัมแวร์, สปายแวร์, แอดแวร์, และภัยอันตรายอื่น ๆ
สำหรับการป้องกันที่เพิ่มขึ้นบน Mac คุณควรพิจารณาใช้ แอนติไวรัสที่ดีที่สุด เฉพาะสำหรับ Mac เช่น Intego มันให้การตรวจจับมัลแวร์ที่ไม่มีที่ติ, เครื่องมือทำความสะอาด Mac ที่มีประสิทธิภาพ, การควบคุมสำหรับผู้ปกครอง และคุณสมบัติอื่น ๆ มากมาย
โดยรวมแล้ว ไม่ค่อยเป็นไปได้ที่จะพึ่งพาการป้องกันที่ติดตั้งมาในคอมพิวเตอร์ของคุณ คุณควรจะเลือกใช้ โปรแกรมไวรัสที่ดีที่สุดเพื่อให้คุณได้รับการป้องกันออนไลน์อย่างเต็มที่ ผลิตภัณฑ์ในรายการของฉัน จะให้คุณได้รับการป้องกันที่ดีกว่าเครื่องมือที่ติดตั้งมาของ Windows และ Mac
ทำไมเราถึงยังแนะนำ Kaspersky
รัฐบาลเยอรมนีและสหรัฐอเมริกาได้เตือนให้งดใช้ Kaspersky ตามที่รัสเซียบุกยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 สำนักงานความมั่นคงด้านสารสนเทศแห่งประเทศเยอรมนี (BSI) เตือนบริษัทให้งดใช้ผลิตภัณฑ์ แอนติไวรัส ของ Kaspersky เนื่องจากการเชื่อมโยงที่เป็นไปได้กับรัฐบาลรัสเซีย ต่อมา คณะกรรมการสื่อสารสหรัฐฯ ได้ทำการเพิ่ม Kaspersky เข้าไปในรายการของภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศ
อย่างไรก็ตาม ณ เวลานี้ ยังไม่มีหลักฐานที่แสดงว่า Kaspersky ไม่ปลอดภัย ในปี 2017, Kaspersky เริ่มโครงการ Global Transparency Initiative — ย้ายศูนย์ข้อมูลของมันไปยังประเทศสวิตเซอร์แลนด์, เปิดศูนย์โปร่งใสที่สวิตเซอร์แลนด์, สเปน, แคนาดา, บราซิล, และมาเลเซีย และโค้ดกับการอัพเดตซอฟต์แวร์ของมันได้รับการประเมินอย่างต่อเนื่อง และผ่านการตรวจสอบของ Service Organization Control for Service Organizations (SOC 2) Type 1
นอกจากนี้ Kaspersky ได้เปิดโปงสปายแวร์ไซเบอร์จำนวนมาก ซึ่งรวมถึงกรณีที่มีทั้งจากรัสเซียและสหรัฐ และนักวิจัยของมันเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับความน่าเชื่อถือมากที่สุดในอุตสาหกรรม
ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ เราไม่มีเหตุผลใดๆ ที่จะคิดว่า Kaspersky ตอนนี้เป็นภัยต่อผู้ใช้ แต่หากคุณกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยออนไลน์ของคุณจาก Kaspersky มีตัวเลือกอื่น ๆ มากมายที่คุณสามารถเลือกใช้ รวมถึง Norton หรือ Bitdefender
แอนตี้ไวรัสจากบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ไม่ติดโผของฉัน:
- ESET ESET พวกเขามีชื่อเสียงในด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์อย่างมาก น่าเสียดายที่ผลิตภัณฑ์แอนตี้ไวรัสในบ้าน ในปัจจุบันไม่เป็นมิตรกับผู้ใช้มากพอที่ให้ฉันจะใส่ไว้ในรายการนี้ อย่างไรก็ตามแอพพลิเคชั่น Android ของ ESET ได้รับตำแหน่งที่ดีใน 5 แอพพลิเคชั่นแอนตี้ไวรัสฟรีสำหรับ Android
- Webroot Webroot เป็นโปรแกรมขนาดเล็กที่มีเครื่องสแกนมัลแวร์ที่ดีและเครื่องมือจัดการรหัสผ่านที่ยอดเยี่ยม แต่การป้องกันแรนซัมแวร์นั้นไม่ดีเท่าที่ควร เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพระบบควรปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่านี้และบริการไม่มีส่วนเสริมที่ฉันต้องการเหมือนในแอนตี้ไวรัสระดับพรีเมียม 2024
- Sophos Sophos สามารถตรวจจับมัลแวร์ได้ทุกประเภท แอปก็ใช้งานง่ายมากและสามารถจัดการอุปกรณ์จากระยะไกลได้สูงสุด 10 อุปกรณ์ อย่างไรก็ตามฉันไม่ชอบฟีเจอร์เพิ่มเติมของบริการ ฉันคิดว่าบริการที่อยู่ในรายการของฉันนั้นให้ความคุ้มค่าที่มากกว่า
- Heimdal Heimdal นั้นเป็น แอนตี้ไวรัสที่คุณภาพใช้ได้ และมีไฟร์วอลล์ที่ดี firewall และมันก็ยังฟีเจอร์ตรวจสอบขั้นสูงให้ใช้งานด้วย น่าเสียดายที่มันยังมีบัคที่น่ารำคาญคงค้างอยู่ และก็มีฟีเจอร์ความปลอดภัยน้อยเมื่อเทียบกับคู่แข่งที่มีราคาเท่า ๆ กันในรายการนี้
- Comodo Comodo เป็นแอนตี้ไวรัสฟรีที่มีอัตราการกำจัดมัลแวร์ที่ดีพอสมควร แต่ผลิตภัณฑ์แอนตี้ไวรัสในหลายแพลตฟอร์มของบริการนั้นมีบัคมากเกินไปและฟีเจอร์บางอย่างก็ทำงานได้ไม่ดีนัก
- AVG. AVG มีอัตราการตรวจจับมัลแวร์ที่สมบูรณ์แบบ พร้อมกับฟีเจอร์เสริมที่หลากหลาย แต่คุณต้องใช้แอป 6 ตัวเพื่อใช้งานฟีเจอร์ทั้งหมด ซึ่งทำให้เวลาเริ่มต้นคอมพิวเตอร์ของฉันช้าลง
- Avast. Avast มีการป้องกันโปรแกรมไวรัสที่ดี แต่มีการตรวจสอบการละเมิดข้อมูลที่จำกัดและ VPN ที่ธรรมดา
- G Data. G Data นั้นมีการป้องกันแอนตี้ไวรัสที่ใช้งานได้ดี และก็มีอินเทอร์เฟซที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้งาน อย่างไรก็ตาม การป้องกันฟิชชิงของมันยังต้องปรับปรุงมากกว่านี้ และมันก็ยังขาดฟีเจอร์เสริมอย่าง VPN ในตัวและระบบควบคุมสำหรับผู้ปกครองขั้นสูงด้วย
คำถามที่พบบ่อย
แอนตี้ไวรัสควรจะมีฟีเจอร์อะไรบ้าง?
แอนตี้ไวรัสที่ดี จะต้องสามารถปกป้องคุณภัยอันตรายดิจิทัลในรูปแบบต่าง ๆ ได้ และก็จะต้องเป็นมิตรต่อผู้ใช้งานด้วย นี่เป็นรายการสรุปเกี่ยวกับฟีเจอร์สำคัญที่คุณควรจะมองหา:
ฟีเจอร์สำคัญ:
- การตรวจจับและนำมัลแวร์ออก: ต้องสามารถใช้งานกับมัลแวร์ได้หลากหลายชนิด
- การป้องกันแบบเรียลไทม์: ป้องกันการติดไวรัสก่อนที่มันจะสร้างความเสียหายได้
- อัปเดตเป็นประจำ: เพื่อพร้อมป้องกันภัยอันตรายล่าสุด
- ใช้งานสะดวก: มีอินเทอร์เฟซที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้งานและติดตั้งง่าย
- ไม่ส่งผลกระทบต่อระบบมาก: ต้องใช้งานได้ราบรื่น ไม่ทำให้อุปกรณ์ของคุณช้าลง
ฟีเจอร์ขั้นสูง:
- ไฟร์วอลล์: เฝ้าระวังทราฟฟิคเครือข่ายเพื่อบล็อกการเข้าถึงซึ่งไม่ได้รับอนุญาต
- VPN: ช่วยให้คุณใช้งานออนไลน์ได้อย่างปลอดภัยและมีความเป็นส่วนตัว
- เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน: ช่วยจัดการรหัสผ่านที่แข็งแกร่งและไม่ซ้ำแบบกับรหัสอื่น
- ระบบควบคุมสำหรับผู้ปกครอง: ป้องกันการใช้งานออนไลน์ของเด็ก
- การป้องกันการโจรกรรมเอกลักษณ์บุคคล: ปกป้องข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลทางการเงิน
- เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพระบบ: ช่วยบำรุงรักษาประสิทธิภาพให้อุปกรณ์
- การสำรองและกู้คืนข้อมูล: ปกป้องข้อมูลสำคัญไม่ให้เกิดความเสียหาย
แอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับ Windows 10 คืออะไร
ฉันแนะนำ Norton 360 ให้เป็น โปรแกรมไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้ Windows 10 ส่วนใหญ่ มันให้การป้องกันแอนติไวรัสที่ดีที่สุดตามการทดสอบของฉัน, และยังมีคุณสมบัติเสริมที่ยอดเยี่ยม — การป้องกันการโจรกรรมทางอินเทอร์เน็ต, การป้องกัน Wi-Fi, ตัวจัดการรหัสผ่าน, ไฟร์วอลล์, VPN และอื่น ๆ อีกมากมาย.
แต่โปรแกรมไวรัสทั้งหมดในรายการนี้ จะทำงานได้ดีพอสำหรับผู้ใช้ Windows 10 ทั้งหมด (และหลายโปรแกรมยังทำงานได้บนพีซีรุ่นเก่าที่ใช้ Windows 7 และ Windows XP)
ฉันต้องการมันจริง ๆ หรือ ต้องการแอนตี้ไวรัสใน2024
หากคุณเป็นคนที่ใช้งานอินเทอร์เน็ต คุณก็ต้องได้รับการป้องกันจากภัยอันตรายออนไลน์ ข่าวดีก็คือ คุณอาจจะมีแอนตี้ไวรัสใช้อยู่แล้ว — ถ้าคุณใช้งาน Windows หรือ Mac หรือระบบปฏิบัติการอุปกรณ์เคลื่อนที่ เครื่องของคุณก็จะมีแอนตี้ไวรัสคอยคุ้มกันอยู่แล้ว และแอนตี้ไวรัสแบบบิ้วท์อินเหล่านี้นั้นก็ไม่เลว แต่มันก็ยังมีช่องโหว่ด้านความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์อยู่พอตัว
แพ็คเกจแอนตี้ไวรัสชั้นนำทั้งหมดนำเสนอการป้องกันระดับสูง — เครื่องมือป้องกันมัลแวร์เต็มรูปแบบ (รวมถึงการป้องกันการฟิชชิ่ง การป้องกันแรนซัมแวร์ การป้องกันเว็บแคมและการป้องกัน Wi-Fi) การปรับปรุงความปลอดภัย (รวมถึงไฟร์วอลล์ที่ปรับแต่งได้ การควบคุมโดยผู้ปกครองและการเพิ่มประสิทธิภาพอุปกรณ์) และฟีเจอร์พิเศษ (เช่น เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน เครื่องมือทำลายไฟล์ และ VPN Norton 360 และ Bitdefender Total Security ทั้งคู่มีฟีเจอร์ทั้งหมดและฟีเจอร์อื่น ๆ อีกมากมาย
ดังนั้นการซื้อโปรแกรมป้องกันไวรัสจึงไม่ได้เกี่ยวกับว่าคุณจำเป็นต้องใช้มันหรือไม่ – เพราะคุณต้องใช้มันอยู่แล้ว – แต่มันขึ้นอยู่กับระดับการป้องกันที่คุณต้องการต่างหาก
แอนตี้ไวรัสนั้นคุ้มค่าแค่ไหน
คุ้มค่าอย่างแน่นอน แม้ว่าแอนตี้ไวรัสฟรี ซึ่งรวมถึง Windows Defender ที่ติดตั้งใน PC ทุกเครื่องได้รับการปรับปรุงอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่มันก็ยังขาดฟีเจอร์การป้องกันที่จำเป็นสำหรับการรักษาความปลอดภัยออนไลน์แบบสมบูรณ์ใน 2024
ตัวอย่างเช่นแอนตี้ไวรัสฟรีส่วนใหญ่ไม่มีการป้องกันแบบเรียลไทม์ ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยไม่ให้มัลแวร์ติดตั้งบนอุปกรณ์ของคุณได้ในขณะที่คุณใช้คอมพิวเตอร์ ผลิตภัณฑ์ฟรียังไม่ให้คุณเข้าถึงฟีเจอร์ที่มีประโยชน์เหมือนในบริการพรีเมี่ยม เช่น การป้องกันแรนซัมแวร์ การป้องกันเว็บหรือเครือข่ายส่วนตัวเสมือน (VPN)
แอนตี้ไวรัสแบบจ่ายเงินที่ดีที่สุด นั้นจะมาพร้อมกับฟีเจอร์ทั้งหมดเหล่านี้ รวมถึงฟีเจอร์เสริมอีกมากมาย (อย่างเช่นเครื่องมือจัดการรหัสผ่าน, ระบบควบคุมสำหรับผู้ปกครอง และเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพระบบ) แอนตี้ไวรัสระดับพรีเมียมอย่าง Norton นั้นจะมีการครอบคลุมหลายอุปกรณ์สำหรับระบบปฏิบัติการสำคัญ ๆ ทั้งหมดอีกด้วย ดังนั้นคุณก็สามารถป้องกันอุปกรณ์ทั้งหมดของครอบครัวคุณได้
แอนตี้ไวรัสที่ดีมีราคาเท่าไหร่
แอนตี้ไวรัสที่ดีไม่ได้มีราคาแพงอะไรมากนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงฟีเจอร์การป้องกันที่นำเสนอ
ยกตัวอย่างเช่น Norton แอนตี้ไวรัสที่ได้คะแนนสูงที่สุดของเรา ราคาเริ่มต้นเพียง $19.99 / เดือน คุณสามารถจ่ายเงินเพิ่มเล็กเพื่ออัปเกรดแพลนของคุณให้ครอบคลุมอุปกรณ์ทั้งหมดของคุณ และเพื่อให้สามารถเข้าถึงฟีเจอร์ได้มากยิ่งขึ้น อย่างเช่นการเฝ้าติดตามเว็บมืด, VPN, และการคุ้มกันจากการโจรกรรมเอกลักษณ์บุคคล
อย่างไรก็ตามมีบางบริการที่มีราคาแพงเกินไปและไม่ได้นำเสนฟีเจอร์คุณภาพดี ดังนั้นคุณควรมองหาแอนตี้ไวรัสที่นำเสนอฟีเจอร์ที่คุ้มค่ากับราคาที่นำเสนอ
แอนตี้ไวรัสที่ราคาถูกที่สุดคือเท่าไหร่
Bitdefender เป็นหนึ่งในบริการแอนตี้ไวรัสที่มีราคาถูกที่สุด บริการเริ่มต้นที่ US$29.99 / ปี และยังมีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่ดีที่สุดอีกด้วย
อย่างไรก็ตามแบรนด์ชั้นนำก็มักจะนำเสนอส่วนลดพิเศษอยู่เป็นประจำ ซึ่งช่วยลดค่าบริการได้เยอะมาก (ยกตัวอย่างเช่น Norton ที่กำลังนำเสนอส่วนลด 58% ดังนั้นแผนเริ่มต้นพวกเขามีราคาเหลือเพียง US$54.99 / ปี*)
แอนตี้ไวรัสราคาถูก (และฟรี) บางบริการไม่ได้นำเสนอระดับการป้องกันที่เหมาะสมแบบนี้ ดังนั้นในขณะที่คุณอาจจะประหยัดเงินได้ แต่คุณก็อาจทำให้อุปกรณ์ของคุณตกอยู่ในความเสี่ยงได้เช่นกัน นั่นเป็นเหตุผลที่คุณควรเลือกใช้เฉพาะแอนตี้ไวรัสราคาประหยัดที่เชื่อถือได้ซึ่งมีการป้องกันความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยม
แอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับ Mac คืออะไร
ฉันขอแนะนำ Intego แอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับ Mac ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับ macOS และใช้งานได้ดีมากในการทดสอบของฉัน มีฟีเจอร์ที่ยอดเยี่ยมมากมายเช่นการป้องกันแบบเรียลไทม์และไฟร์วอลล์เครือข่ายที่ปรับแต่งได้
ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ตาม แต่ผลิตภัณฑ์แอนตี้ไวรัสส่วนใหญ่ในรายการนี้ ต่างก็มีแอปพลิเคชันที่มีคุณภาพสำหรับ Mac เช่นกัน และพวกมันก็จะสามารถใช้งานได้อย่างไม่มีปัญหา แต่อาจจะมีเงื่อนไขเล็กน้อย
ตัวอย่างเช่น Norton 360 เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ใช้ Mac แต่ฟีเจอร์บางอย่าง (เช่น การสำรองบนคลาว์และการควบคุมของผู้ปกครอง) ถูก จำกัดบน Mac เนื่องจากข้อจำกัดของ Apple
ฉันสามารถมีแอนตี้ไวรัสมากกว่า 1 ตัวในคอมพิวเตอร์ของฉันได้หรือไม่?
ได้แต่เราไม่แนะนำให้ใช้แอนตี้ไวรัสมากกว่า 1 ตัวไปพร้อม ๆ กัน เวลาที่มีแอนตี้ไวรัสหลายตัวทำงานพร้อมกันบนระบบเดียวกัน มันก็จะทำงานแบบแทรกแซงระหว่างกันและกัน ทำให้ไวรัสและภัยอันตรายอื่น ๆ สามารถหลบหลีกการป้องกันของคอมพิวเตอร์คุณได้ง่ายยิ่งขึ้น มีตัวเลือกแอนตี้ไวรัสดี ๆ ให้ใช้งานได้มากมาย และคุณก็ไม่จำเป็นต้องใช้มันเกินหนึ่งตัว
โทรศัพท์ต้องใช้แอนตี้ไวรัสหรือไม่?
ควรต้องใช้ ไม่ว่าคุณจะใช้ iPhone หรือ Android ก็ตาม การมีแอนตี้ไวรัสติดไว้เพื่อปกป้องโทรศัพท์ของคุณนั้นย่อมเป็นความคิดที่ดี ถึงแม้ว่ารูปแบบของภัยอันตรายนั้นจะแตกต่างไปจากคอมพิวเตอร์ แต่อุปกรณ์เคลื่อนที่อย่างโทรศัพท์มือถือนั้นก็เป็นเป้าหมายชั้นดีสำหรับอาชญากรไซเบอร์ การฟิชชิงนั้นเป็นปัญหาที่พบเจอได้บ่อยมากสำหรับ Android และ iOS และก็มีไวรัสหลายตัวที่สามารถสร้างความเสียหายให้กับมือถือ Android ได้ บางแบรนด์ในรายการนี้นั้นมีเวอร์ชันที่รองรับสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ด้วย แต่เราแนะนำให้เปิดอ่านดูจากหน้าที่มีรายละเอียดเฉพาะสำหรับอุปกรณ์ iPhones และ Android เลยจะดีกว่า
จะติดตั้งแอนตี้ไวรัสได้อย่าง?
การติดตั้งแอนตี้ไวรัสนั้นง่ายมาก ๆ — ง่ายกว่าการแก้ไขคอมพิวเตอร์ที่ติดไวรัสแล้วเป็นอย่างมาก ที่คุณต้องทำก็แค่เลือกแอนตี้ไวรัสอย่างเช่น Norton จากนั้นก็ดาวน์โหลดซอฟต์แวร์และเปิด wizard ติดตั้ง ในระหว่างที่คุณทำตาม wizard ติดตั้งอยู่นั้น ก็ให้คุณอ่านขั้นตอนอย่างระมัดระวัง — แอนตี้ไวรัสบางตัวนั้นจะมีซอฟต์แวร์เสริมที่อาจจะไม่จำเป็นสำหรับคุณติดมาด้วยระหว่างการติดตั้ง หลังจากที่ติดตั้งเสร็จแล้ว ซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสก็จะเริ่มทำงานโดยอัตโนมัติ และมันก็จะพาคุณไปชมหน้าอินเทอร์เฟซพร้อมแนะนำให้คุณทำการสแกนเริ่มต้น
ฉันจะเลือกซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับฉันได้อย่างไร
การเลือกชุดซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสที่เหมาะสมอาจเป็นการตัดสินใจที่ทำได้ยาก — มันมีตัวเลือกมากมายและผลิตภัณฑ์ที่แพงที่สุดไม่แปลว่ามันให้การปกป้องที่ดีที่สุดเสมอไป
สิ่งที่คุณควรทำเพื่อช่วยค้นหาผลิตภัณฑ์ป้องกันไวรัสที่เหมาะสมมีดังนี้
- พิจารณาว่าคุณต้องการฟีเจอร์ใด การป้องกันไวรัสขั้นพื้นฐานเป็นสิ่งจำเป็น แต่ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ตอื่น ๆ ก็มีความสำคัญเช่นกัน หากคุณใช้เครือข่าย Wi-Fi สาธารณะ คุณควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มี VPN หากคุณมีลูก คุณควรหาโปรแกรมป้องกันไวรัสที่มีการควบคุมโดยผู้ปกครอง ผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมมากขึ้นในรายการนี้ เช่น Norton 360 นำเสนอฟีเจอร์ขั้นสูง (และอื่น ๆ อีกมากมาย)
- พิจารณาว่าคุณต้องปกป้องอุปกรณ์ใดและจำนวนเท่าใด คุณอาจมีอุปกรณ์มากกว่าหนึ่งเครื่องที่ต้องใช้แอนตี้ไวรัส ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดในรายการนี้มาแผนพร้อมใบอนุญาตการใช้งานในหลายอุปกรณ์ ตัวอย่างเช่น คุณสามารถใช้แผนระดับสูงของ McAfee เพื่อใช้งานบนอุปกรณ์ได้ไม่จำกัดจำนวน รวมถึงสมาร์ทโฟน ถึงแม้ตัวเลือกยอดนิยมส่วนใหญ่ของฉันจะเสนอแอปคุณภาพสูงสำหรับระบบปฏิบัติการหลักทั้งหมด รวมถึง Windows, macOS, Android และ iOS แต่แอนตี้ไวรัสบางบริการไม่มีแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ ตัวอย่างเช่น Intego ไม่มีแอปสำหรับ iOS หรือ Android แต่นี่เป็นตัวเลือกอันดับแรก ๆ ของฉันสำหรับ macOS
- ใช้ประโยชน์จากการทดลองใช้ฟรี/การรับประกันคืนเงิน มีหลายบริการในรายการนี้ที่ให้ทดลองใช้งานฟรีโดยไม่มีข้อผูกมัด ตัวอย่างเช่น คุณสามารถใช้งาน Panda ในเดือนแรกได้ฟรี และแบรนด์อื่น ๆ เกือบทุกแห่งเสนอการรับประกันคืนเงินแบบ “ไม่มีคำถาม” ตัวอย่างเช่น TotalAV นำเสนอการคืนเงินภายใน 30 วันและ Norton มีระยะเวลาการขอเงินคืนยาวนานถึง 60 วัน
- ทดลองใช้ซอฟต์แวร์ใช้เวลาทดสอบผลิตภัณฑ์ที่คุณเลือก เมื่อคุณไม่พอใจคุณสามารถติดต่อฝ่ายสนับสนุนลูกค้าหรือขอคืนเงิน แบรนด์เหล่านี้เป็นชื่อเสียงที่คุณควรไว้วางใจและพวกเขาจะปฏิบัติตามคำขอคืนเงินอย่างเคร่งครัด คุณสามารถทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดในรายการนี้ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม
โปรแกรมป้องกันไวรัสจะทำให้อุปกรณ์ของคุณทำงานช้าลงหรือไม่
ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสอาจจะทำให้อุปกรณ์ของคุณทำงานช้าลงได้ แต่โดยปรกติแล้ว การที่อุปกรณ์ช้าลงนั้นมักเกิดขึ้นในระหว่างที่ระบบกำลังสแกนเต็มรูปแบบ อย่างไรก็ตาม โปรแกรมป้องกันไวรัสที่ดีที่สุด จะทำงานอย่างรวดเร็วและไม่สะดุดแม้ในระหว่างการสแกนเต็มรูปแบบ ทำให้คุณสามารถใช้งานอุปกรณ์ได้โดยไม่ติดขัด
ตัวเลือกอันดับต้นของฉัน, Norton และ Bitdefender, ไม่มีผลกระทบใด ๆ ต่อประสิทธิภาพการใช้งานอุปกรณ์ระหว่างการทดสอบการใช้งาน ฉันสามารถสตรีมวิดีโอ เล่นเกม ทำงานออนไลน์ และโทรแบบวิดีโอได้ในขณะที่โปรแกรมกำลังทำงานอยู่เบื้องหลัง
นอกจากนี้ บางตัวเลือกที่ดีที่สุดของฉันมีเครื่องมือปรับปรุงระบบที่ยอดเยี่ยมที่จะช่วยล้างและเพิ่มความเร็วของอุปกรณ์ของคุณ และบางแบรนด์ยังมีตัวบูสเกม (ฉันแนะนำ Norton สำหรับเกมเมอร์) ที่ทำให้คุณสามารถเล่นเกมสมรรถนะสูงโดยที่ความเร็วไม่ตก