
อัพเดท: 1 พฤษภาคม 2022

มีเวลาไม่พออ่านรีวิวทั้งหมดใช่ไหมล่ะ นี่คือรายการเครื่องมือจัดการรหัสผ่านที่ดีที่สุดสำหรับ2022:
- 🥇
Dashlane —แอพพลิเคชั่นสำหรับ Windows ที่มีความปลอดภัยขั้นสูงสุด, ส่วนขยายบราวเซอร์ที่ใช้งานได้ง่ายสำหรับ Chrome, Firefox, Edge, IE, Opera, Brave และ Safari และยังใช้งานได้กับ Windows Hello, VPN, เครื่องมือเปลี่ยนรหัสผ่านภายในคลิกเดียว, การควบคุมดาร์กเว็บและพื้นที่จัดเก็บรหัสผ่านขนาด 1 GB
ฉันได้ทดสอบเครื่องมือจัดการรหัสผ่านที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในตลาด เพื่อดูว่าบริการไหนเหมาะสำหรับคอมพิวเตอร์ Windows ในปี 2022 — เครื่องมือนี้มีการเข้ารหัสระดับสูง ใช้งานร่วมกับ Windows ได้อย่างง่ายดายและสามารถซิงค์ข้อมูลบนอุปกรณ์ต่าง ๆ สามารถใช้งานได้กับฟังชั่นไบโอเมตริกอย่างเช่น Windows Hello และทำหน้าที่สามารถสร้าง บันทึกและกรอกรหัสผ่านอัตโนมัติได้อย่างยอดเยี่ยม
แต่น่าเสียดายที่เครื่องมือจัดการรหัสผ่านจากบุคคลที่สามนั้นไม่มีประสิทธิภาพ มีบัคและขาดฟีเจอร์ที่สำคัญไป — และหลายเครื่องมือไม่มีการปรับปรุงฟังก์ชั่นการใช้งานบนบราวเซอร์ (ซึ่งมันแย่มาก)
แต่หลังจากทดลองมาเป็นเวลาหลายอาทิตย์และทำการเปรียบเทียบเครื่องมือจัดการรหัสผ่านต่าง ๆ ที่ยอดเยี่ยมในตลาด ฉันได้เจอผลิตภัณฑ์ที่มีความโดดเด่นในด้านความปลอดภัย ความง่ายในการใช้งานและความคุ้มค่าโดยรวม
เครื่องมือจัดการรหัสผ่านที่ดีที่สุดสำหรับ Windows ในปี 2022:
- 1.🥇
Dashlane — เครื่องมือจัดการรหัสผ่านสำหรับ Windows ที่ดีที่สุดโดยรวมใน 2022 - 2.🥈
1Password — ใช้งานได้ง่ายมาก (และเหมาะกับการใช้งานในครอบครัว) - 3.🥉
RoboForm — มีความสามารถในการกรอกแบบฟอร์มอัตโนมัติที่ยอดเยี่ยม - 4.
Keeper — มีส่วนเสริมด้านความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพ (พื้นที่จัดเก็บข้อมูลมากถึง 100 GB, แชทเข้ารหัส) - 5.
LastPass — มีแผนการใช้งานฟรีที่ดีและแผนพรีเมี่ยมที่มีฟีเจอร์ความปลอดภัยขั้นสูง - และอีก 5 บริการ!
- การเปรียบเทียบเครื่องมือจัดการรหัสผ่านที่ดีที่สุดสำหรับ Windows
- วิธีเลือกเครื่องมือจัดการรหัสผ่านที่ดีที่สุดสำหรับ Windows ในปี 2022
- แบรนด์ดังที่ไม่ได้อยู่ในรายการนี้
- คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเครื่องมือจัดการรหัสผ่านสำหรับ Windows
🥇1. Dashlane — เครื่องมือจัดการรหัสผ่านสำหรับ Windows ที่ดีที่สุดโดยรวมใน 2022

แอปเบราเซอร์ของ Dashlane นั้นใช้งานง่ายมากและฉันใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีในการตั้งค่าและใช้งานที่จัดเก็บรหัสผ่าน บริการใช้งานได้ง่ายมาก ตั้งแต่นำเข้ารหัสผ่านไปยังที่เก็บของ Dashlane ไปจนถึงตั้งค่าการยืนยันลายนิ้วมือใน Windows Hello ก็สามารถทำได้ง่าย
Dashlane มี:
- พื้นที่จัดเก็บรหัสผ่านไม่จำกัด
- การซิงค์ในหลายอุปกรณ์
- การแบ่งปันรหัสผ่าน
- เครื่องมือเปลี่ยนรหัสผ่านภายในคลิกเดียว
- เครือข่ายส่วนตัวเสมือน (VPN)
- การตรวจสอบความแข็งแกร่งของรหัสผ่าน
- การควบคุมดาร์กเว็บ
- การเข้าถึงอัตโนมัติ
- พื้นที่จัดเก็บรหัสผ่านที่ปลอดภัย (1 GB)
ฟีเจอร์ที่ฉันชอบที่สุดของ Dashlane ก็คือ เครื่องมือเปลี่ยนรหัสผ่านภายในคลิกเดียว หลังจากที่ Dashlane ตรวจสอบที่เก็บรหัสผ่านของฉันแล้ว ฉันก็สามารถทำการเปลี่ยนรหัสผ่านที่อ่อนแอด้วยรหัสผ่านใหม่ที่เข้มแข็งกว่าบนหลายเว็บไซต์ในคราวเดียวกัน สำหรับเครื่องมือจัดการรหัสผ่านส่วนใหญ่ คุณต้องเปลี่ยนรหัสผ่านที่ไม่รัดกุมด้วยตนเองทีละครั้ง ดังนั้นตัวเลือกนี้สามารถช่วยประหยัดเวลาได้อย่างมาก!
Dashlane ยังนำเสนอ VPN อีกด้วย — เมื่อฉันทดสอบ บริการสามารถทำการเข้ารหัสการเชื่อมต่อของฉันโดยไม่ทำให้ความเร็วลดลงเลย ฉันมีความเร็วที่รวดเร็วมากในทุกเซิร์ฟเวอร์ และสามารถสตรีมวิดีโอแบบ HD ได้โดยไม่มีสะดุด
ประหยัด 25% สำหรับ Dashlane!
สรุป:
Dashlane เป็นเครื่องมือจัดการรหัสผ่านสำหรับ Windows ที่ฉันชอบมากที่สุด มันใช้งานได้อย่างปลอดภัย ใช้งานได้ง่ายและมาพร้อมกับฟีเจอร์พิเศษมากมาย รวมถึงเครื่องมือเปลี่ยนรหัสผ่านในคลิกเดียว, VPN, สามารถใช้งานได้ใน Windows Hello, พื้นที่จัดเก็บข้อมูลขนาด 1 GB และอื่น ๆ อีกมากมาย แผนบริการฟรีของ Dashlane ให้คุณสามารถทดลองใช้ Dashlane Premium ได้ฟรีและยังมีการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วันอีกด้วย
อ่านรีวิวตัวเต็มของ Dashlane >
🥈2. 1Password — เครื่องมือจัดการรหัสผ่านที่ใช้งานได้ง่ายที่สุด

ระหว่างการทดสอบ แอปเดสก์ท็อปของ 1Password ทำงานบน Windows ได้อย่างราบรื่น ช่วยให้ฉันสร้าง จัดระเบียบและแบ่งปันรหัสผ่านได้อย่างง่ายดาย ฉันยังชอบที่ 1Password ใช้งานได้กับ Windows Hello ดังนั้นฉันจึงสามารถใช้ลายนิ้วมือและรหัสประจำตัวเพื่อพื้นที่จัดเก็บรหัสผ่านของฉันได้อย่างรวดเร็ว 1Password ยังรองรับอุปกรณ์ที่ใช้ Windows Hello เช่น เครื่องอ่านลายนิ้วมือหรือคีย์ USB บนอุปกรณ์รุ่นเก่า
1Password มาพร้อมกับฟีเจอร์:
- พื้นที่จัดเก็บรหัสผ่านไม่จำกัด
- การซิงค์ในหลายอุปกรณ์
- 2FA
- การแบ่งปันรหัสผ่าน
- การตรวจสอบความแข็งแกร่งของรหัสผ่าน
- การควบคุมดาร์กเว็บ
- การกู้คืนบัญชี
- พื้นที่จัดเก็บรหัสผ่านที่ปลอดภัย (1 GB)
ฉันชอบฟีเจอร์การตรวจสอบความปลอดภัยของรหัสผ่านของ 1Password มาก มันไม่ใช่ฟีเจอร์ที่โดดเด่นอะไรของ 1Password ไม่เหมือนกับ Dashlane ที่ใช้งานได้อย่างยอดเยี่ยม อย่างไรก็ตาม ฉันรู้สึกประทับใจกับความง่ายในการตรวจสอบว่ารหัสผ่านใดของฉันที่ไม่รัดกุม ซ้ำซ้อนหรือถูกละเมิด ยังดีที่ฟีเจอร์การตรวจสอบความปลอดภัยของ 1Password สามารถตรวจสอบวันหมดอายุของบัตรเครดิต โดยจะแจ้งให้คุณทราบหากบัตรของคุณจะหมดอายุในเร็ว ๆ นี้และจำเป็นต้องเปลี่ยน
1Password นำเสนอแผนการใช้งาน 2 แบบ —
ทดลองใช้งาน 1Password โดยได้ปราศจากความเสี่ยงเป็นเวลา 14 วัน!
สรุป:
1Password เป็นเครื่องมือจัดการรหัสผ่านสำหรับ Windows ที่ใช้งานได้ง่ายและมีฟีเจอร์มากมาย — เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ใช้เริ่มต้นและผู้ที่ไม่มีความรู้ด้านเทคนิคหรือครอบครัวขนาดใหญ่ (คุณสามารถเพิ่มผู้ใช้ได้มากเท่าที่คุณต้องการในแผนสำหรับครอบครัว) 1Password มีการเข้ารหัสที่รัดกุม, 2FA, การตรวจสอบความปลอดภัยรหัสผ่าน, การตรวจสอบดาร์กเว็บ, การแบ่งปันรหัสผ่านที่ปลอดภัย, การกู้คืนบัญชีและอื่น ๆ คุณสามารถทดลองใช้ฟีเจอร์ระดับพรีเมียมทั้งหมดได้ด้วยการทดลองใช้ฟรี 14 วัน
อ่านรีวิวตัวเต็มของ 1Password >
🥉3. RoboForm — ดีที่สุดสำหรับการกรอกแบบฟอร์มขั้นสูง

แอพ RoboForm Windows และส่วนขยายเบราว์เซอร์นั้นทั้งง่ายต่อการติดตั้งและใช้งาน — อินเทอร์เฟสที่ใช้งานง่ายและตัวเลือกการปรับแต่งที่หลากหลายทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ใช้ที่ไม่เชี่ยวชาญด้านเทคนิค
มีเทมเพลต 7 แบบที่ RoboForm สามารถกรอกได้โดยอัตโนมัติ รวมถึงแบบฟอร์มที่อยู่ ธนาคาร รถยนต์ และหนังสือเดินทาง ในการทดสอบของฉัน RoboForm สามารถกรอกแบบฟอร์มในแต่ละแบบได้ในคลิกเดียว มันสามารถกรอกข้อมูลทั้งหมดของฉันในช่องที่เหมาะสมได้โดยไม่มีข้อผิดพลาด
RoboForm มีฟีเจอร์:
- ไม่จำกัดจำนวนรหัสผ่านและจำนวนอุปกรณ์
- การเข้าสู่ระบบแอพพลิเคชัน Windows
- 2FA
- การตรวจสอบรหัสผ่าน
- การเข้าถึงอัตโนมัติ
- โฟลเดอร์จัดเก็บข้อมูลที่ปลอดภัยสำหรับการแบ่งปันรหัสผ่าน
- การบันทึกบุ๊คมาร์คที่ปลอดภัย
- พื้นที่จัดเก็บบันทึกที่ปลอดภัย
RoboForm นั้นเหมือนกับ Sticky Passwordตรงที่เป็นเครื่องมือจัดการรหัสผ่านที่นำเสนอการเข้าสู่ระบบแอพพลิเคชัน ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถบันทึกและกรอกข้อมูลเข้าสู่ระบบอัตโนมัติสำหรับแอพพลิเคชัน Windows ของคุณ เช่น Skype และ iTunes ได้
ฉันยังชอบพื้นที่เก็บข้อมูลที่ปลอดภัยของ RoboForm บริการช่วยให้ฉันบันทึกและแบ่งปันข้อมูลสำคัญได้อย่างง่ายดาย เช่น รหัสเซฟ รหัสผ่านอินเทอร์เน็ตและแม้แต่สูตรลับของครอบครัว!
เครื่องมือตรวจสอบรหัสผ่านของ RoboForm ให้บริการได้ดีพอ ๆ กับ Dashlane บริการใช้อัลกอริธึมโอเพนซอร์ซ “zxcvbn” ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์หลายคนเชื่อว่าเป็นเครื่องมือตรวจสอบความเข็งแกร่งของรหัสผ่านที่ดีที่สุด
RoboForm - ส่วนลด 42%
สรุป:
RoboForm มีความสามารถในการกรอกแบบฟอร์มที่ยอดเยี่ยม บริการสามารถกรอกแบบฟอร์มเว็บได้อย่างแม่นยำด้วยการคลิกเพียงครั้งเดียว RoboForm ยังมาพร้อมฟีเจอร์เพิ่มเติมมากมาย เช่น 2FA, การเข้าสู่ระบบแอปพลิเคชัน, พื้นที่จัดเก็บบุ๊กมาร์กและอื่น ๆ คุณสามารถลองใช้ RoboForm ได้ด้วยการทดลองใช้ฟรี 30 วันและบริการยังมีการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วันอีกด้วย
อ่านรีวิวตัวเต็มของ RoboForm >
4. Keeper — ดีที่สุดสำหรับฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยเพิ่มเติม

แอพ Keeper Windows นั้นดีมาก มีอินเทอร์เฟสที่สะอาด ทันสมัยและมีการจัดระเบียบอย่างดี ฟีเจอร์ทั้งหมดสามารถเข้าถึงได้ง่ายและทุกอย่างทำงานได้เป็นอย่างดี
Keeper มี:
- การควบคุมดาร์กเว็บ (BreachWatch)
- แชทเข้ารหัส (KeeperChat)
- การตรวจสอบความแข็งแกร่งของรหัสผ่าน
- พื้นที่จัดเก็บรหัสผ่านที่ปลอดภัย (มากถึง 100 GB)
- การเข้าถึงอัตโนมัติ
- เข้าสู่ระบบไบโอเมตริกซ์ด้วย Windows Hello
ฉันชอบฟีเจอร์การตรวจสอบดาร์กเว็บของ Keeper มาก ในขณะที่คู่แข่งชั้นนำอย่าง Dashlane ยังสแกนดาร์กเว็บเพื่อหาข้อมูลประจำตัวที่ละเมิดอีก ฉันคิดว่า Keeper ทำงานได้ดีพอสมควร ในระหว่างการทดสอบ Keeper แจ้งเตือนฉันว่าอีเมลของฉันถูกละเมิด ซึ่งเครื่องมือจัดการรหัสผ่านคู่แข่งส่วนใหญ่ไม่สามารถตรวจจับได้!
แถม Keeper ยังมีแอปเข้ารหัสข้อความอีกด้วย นอกจากการรักษาความปลอดภัยของการสื่อสารแล้ว ยังช่วยให้คุณถอนข้อความและตั้งเวลาทำลายข้อความได้อีกด้วย ข้อดีอีกอย่างคือ คุณสามารถซื้อพื้นที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์ได้สูงสุด 100 GB เครื่องมือจัดการรหัสผ่านอื่น ๆ ในรายการนี้นำเสนอได้ตัวเลือกสูงสุด 1 GB
แผนฟรีของ
ส่วนลด 50% สุดพิเศษสำหรับ Keeper
สรุป:
Keeper เป็นเครื่องมือจัดการรหัสผ่านที่มีความปลอดภัยสูงและยังมาพร้อมกับฟีเจอร์เพิ่มเติมมากมาย เช่น การตรวจสอบดาร์กเว็บ, พื้นที่เก็บข้อมูลที่ปลอดภัย 10 GB, การยืนยันตัวตนหลายขั้นตอน, แชทเข้ารหัสและการตรวจสอบความปลอดภัยรหัสผ่าน Keeper มีแผนให้เลือกมากมายทั้งสำหรับบุคคลและครอบครัวและคุณสามารถทดลองใช้ฟีเจอร์ระดับพรีเมียมทั้งหมดของ Keeper ด้วยการทดลองใช้ฟรี 30 วัน
5. LastPass — ฟีเจอร์ฟรีที่ดีสำหรับผู้ใช้ Windows

ทั้งแอพพลิเคชั่น Windows และส่วนขยายเบราว์เซอร์ของ LastPass ทำงานได้ดีในระหว่างการทดสอบ — ฉันไม่มีปัญหาในการใช้งานฟีเจอร์ที่นำเสนอให้ทั้งหมดและฉันพบว่าการสร้างบันทึก การกรอกข้อมูลและการแบ่งปันรหัสผ่านสามารถทำได้อย่างง่ายดาย แต่ว่าส่วนเสริมบนเบราเซอร์ของ LastPass นั้นมีข้อจำกัดเมื่อเทียบจากบริการคู่แข่งอย่าง Dashlane และ1Password
LastPass Free ฟรี ยังมีบริการ:
- การกู้คืนบัญชี
- ตัวเปลี่ยนรหัสผ่านอัตโนมัติ
- การยืนยันตัวตน 2FA & TOTP
สิ่งที่ฉันชอบมากที่สุดเกี่ยวกับ LastPass คือมีตัวเลือกมากมายในการกู้คืนบัญชีของคุณ ในกรณีที่คุณลืมรหัสผ่านหลัก เช่น LastPass สามารถส่งรหัสกู้คืนไปยังโทรศัพท์มือถือของคุณหรือคุณสามารถกู้คืนรหัสผ่านหลักก่อนหน้านี้ได้ถึง 30 วันหลังจากตั้งรหัสผ่านหลักใหม่
ฉันยังชอบที่ LastPass มาพร้อมกับการยืนยันตัวตน 2FA และ TOTP เพื่อช่วยเพิ่มความปลอดภัยอีกชั้นหนึ่ง ฉันยังชอบบริการที่มีการตรวจสอบความปลอดภัยของรหัสผ่านและการแจ้งเตือนการละเมิดข้อมูลส่วนตัวเหมือนที่ Dashlane นำเสนอ
ประสิทธิภาพของ
LastPass - ส่วนลด 100%
สรุป:
LastPass มีแผนฟรีที่ดีสำหรับผู้ใช้ Windows บริการให้คุณสามารถจัดเก็บรหัสผ่านได้ไม่จำกัดบนเดสก์ท็อปหรืออุปกรณ์มือถือไม่จำกัดจำนวนสำหรับผู้ใช้ 1 คน นอกจากนี้ยังมี การแบ่งปันรหัสผ่านกับผู้ใช้รายอื่น, 2FA, การกู้คืนบัญชีและการตรวจสอบรหัสผ่าน LastPass เวอร์ชันพรีเมี่ยมเพิ่มฟีเจอร์ขั้นสูง เช่น การแบ่งปันรหัสผ่านกับผู้ใช้หลายราย การตรวจสอบดาร์กเว็บ การเข้าถึงกรณีฉุกเฉินและที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์ คุณสามารถทดลองใช้งาน LastPass ได้โดยใช้บัญชีทดลองใช้งานฟรี 30 วัน
อ่านรีวิวตัวเต็มของ LastPass >
6. Sticky Password — แผนพรีเมี่ยมที่ดีและตัวเลือกสำหรับการพกพา

- รหัสผ่านแอป
- พื้นที่จัดเก็บบันทึกข้อมูลที่ปลอดภัย
- ตัวเลือกซิงค์บนคลาวด์และ Wi-Fi
- โปรแกรมแบบพกพาบน USB
ฉันชอบที่ Sticky Password สามารถบันทึกและป้อนข้อมูลรหัสผ่านสำหรับแอป Windows เช่น Skype และ iTunes ของคุณได้ RoboForm นำเสนอสิ่งนี้เช่นกัน แต่เครื่องมือจัดการรหัสผ่านระดับพรีเมียมอื่น ๆ อีกมากมายที่ไม่ได้นำเสนอสิ่งนี้
เครื่องมือจัดการรหัสผ่านบน USB ของ Sticky Password ก็เป็นฟีเจอร์ที่ดีเช่นกัน คุณสามารถโหลด Sticky Password เวอร์ชันพกพาลงในแฟลชไดรฟ์ เพื่อให้คุณสามารถเข้าถึงรหัสผ่านและข้อมูลทั้งหมดของคุณบน PC ทุกเครื่อง ฉันยังชอบที่ Sticky Password ให้ตัวเลือกแก่คุณในการจัดเก็บข้อมูลในอุปกรณ์หรือบนคลาวด์ได้
หากคุณเป็นคนรักสัตว์ มีเหตุผลอีกข้อในการเลือก Sticky Password กำไรส่วนหนึ่งจากสมัครบริการพรีเมียมในแต่ละครั้งจะมอบให้ Save The Manatee Club ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่อุทิศให้กับการอนุรักษ์ประชากรพะยูน
StickyPassword - ส่วนลด 85%
สรุป:
Sticky Password นำเสนอฟีเจอร์การจัดการรหัสผ่านมาตรฐานทั้งหมด รวมถึงการจัดเก็บข้อมูลในเครื่องและเวอร์ชัน USB แบบพกพา ใช้งานง่ายบน Windows และยังสามารถบันทึกรหัสผ่านแอป Windows ของคุณได้ แผนบริการฟรีนำเสนอการทดลองใช้ Sticky Password Premium ฟรี 30 วันและการซื้อทั้งหมดยังมีการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
อ่านรีวิว Sticky Password ตัวเต็ม >
7. Avira Password Manager — แอป Windows ที่ใช้งานได้ง่าย + แผนฟรีที่ดี

ฉันพบว่า Avira Password Manager ใช้งานได้ง่ายบน Windows อินเทอร์เฟสมีความคล่องตัวและสามารถสร้าง บันทึกและกรอกรหัสผ่านอัตโนมัติโดยไม่มีปัญหาในการทดสอบของฉัน
Avira Password Manager มี:
- การยืนยัน 2FA ในตัว (แผนฟรี)
- การตรวจสอบที่เก็บ รหัสผ่าน (แผนพรีเมี่ยม)
- การตรวจสอบการละเมิดข้อมูล (แผนชำระเงิน)
การตั้งค่าเครื่องมือยืนยันตัวตนในตัวนั้นทำได้ง่ายมาก ฉันเพิ่งถ่ายภาพรหัส QR Code บนเว็บไซต์ที่ใช้งานได้กับ 2FA และ Avira ก็สร้างรหัสผ่านแบบใช้ครั้งเดียวชั่วคราว (TOTP) ใหม่สำหรับเว็บไซต์เหล่านั้นทุก ๆ 30 วินาที
Avira Password Manager - ส่วนลด 100%
สรุป:
Avira Password Manager นั้นใช้งานง่ายและปลอดภัยด้วยแผนบริการฟรีที่ดีและบริการพรีเมี่ยมราคาถูก แผนบริการฟรีมอบพื้นที่จัดเก็บรหัสผ่านไม่จำกัดบนอุปกรณ์ไม่จำกัด, 2FA และการซิงค์หลายอุปกรณ์ ในขณะที่รุ่นพรีเมียมเพิ่มการตรวจสอบพื้นที่จัดเก็บรหัสผ่านและการตรวจสอบการละเมิดข้อมูล คุณสามารถซื้อบริการ Avira Password Manager เป็นแอปแบบสแตนด์อโลนหรือรวมกับแพ็คเกจ Avira Prime แถมยังรับประกันคืนเงินได้ภายใน 30 วันสำหรับทุกแผน
อ่านรีวิวตัวเต็มของ Avira Password Manager >
8. Bitwarden — เครื่องมือจัดการรหัสผ่านแบบโอเพ่นซอร์ส

มีฟีเจอร์:
- การเข้ารหัสที่แข็งแกร่ง
- การยืนยัน 2 ขั้นตอน (2FA)
- การตรวจสอบความปลอดภัยของรหัสผ่าน
- การตรวจสอบการละเมิดรหัสผ่าน
- ตัวเลือกการจัดเก็บบนคลาวด์หรือในพื้นที่
แผนบริการฟรีของ Bitwarden นั้นค่อนข้างดี มีพื้นที่จัดเก็บรหัสผ่านไม่จำกัดบนอุปกรณ์ไม่จำกัด และยังสามารถแบ่งปันรหัสผ่านแบบไม่จำกัดได้กับผู้ใช้อีก 1 คน เครื่องมือจัดการรหัสผ่านชั้นนำหลายบริการจำกัดการใช้งานในอุปกรณ์เพียง 1 เครื่องในแผนบริการฟรีและไม่อนุญาตให้แบ่งปัน ในขณะที่ Dashlane นำเสนอกาจัดเก็บรหัสผ่านมากถึง 50 รหัสใน 1 อุปกรณ์และให้คุณสามารถแบ่งปันได้มากถึง 5 รหัส นอกจากนี้ยังมีการตรวจสอบความปลอดภัยของรหัสผ่าน, การตรวจสอบการละเมิดข้อมูล, การยืนยันตัวตนผ่าน TOT และอื่น ๆ อีกมากมาย ฟีเจอร์เพิ่มเติมเหล่านี้มีให้บริการในแผนพรีเมี่ยมของ Bitwarden เท่านั้น
แต่ว่า Bitwarden ไม่ได้นำเสนอบริการที่ใช้งานได้ง่ายเท่ากับเครื่องมือจัดการหัสผ่านพรีเมี่ยมอื่น ๆะดับพรีเมียมอื่นๆ เช่น Dashlane ฉันพบว่ากระบวนการนำเข้ารหัสผ่านจากเครื่องมือจัดการรหัสผ่านอื่นนั้นค่อนข้างซับซ้อน ฉันยังพบว่าอินเทอร์เฟสบน Windows นั้นใช้งานได้ไม่ง่ายนักเมื่อเทียบกับ Dashlane อย่างไรก็ตามรหัสผ่านของฉันซิงค์ได้ง่ายระหว่างอุปกรณ์และฟีเจอร์การกรอกรหัสผ่านอัตโนมัติก็ทำงานได้ดี
หากคุณเป็นผู้ใช้ที่มีความรู้ทางเทคนิค ฉันคิดว่า Bitwarden อาจเป็นตัวเลือกราคาประหยัดที่ดีสำหรับคุณ หากคุณไม่มีความรู้ด้านเทคโนโลยี คุณควรเลือกใช้เครื่องมือจัดการรหัสผ่านที่ใช้งานได้ง่ายกว่า เช่น Dashlane หรือ 1Password
รับ Bitwarden ฟรี!
สรุป:
Bitwarden เป็นเครื่องมือจัดการรหัสผ่านโอเพ่นซอร์สที่มีราคาไม่แพง รองรับการจัดการรหัสผ่านพื้นฐานได้ดีและมีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้แผนบริการฟรีของ Bitwarden ยังมีการจัดเก็บรหัสผ่านแบบไม่จำกัดบนอุปกรณ์ไม่จำกัดและการแบ่งปันแบบไม่จำกัดกับผู้ใช้อื่นอีก 1 คน ถึงแม้ว่าจะใช้งานได้ไม่ง่ายเหมือนคู่แข่งชั้นนำอย่าง Dashlane และ Keeperแต่ก็เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ใช้ที่มีความรู้ด้านเทคนิคที่ต้องการตัวเลือกราคาประหยัด
อ่านรีวิวตัวเต็มของ Bitwarden >
9. Enpass — ตัวเลือกราคาประหยัดสำหรับแผนตลอดชีพ

อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับเครื่องมือจัดการรหัสผ่านชั้นนำอย่าง Dashlane และRoboForm แล้ว Enpass ยังมีข้อจำกัดมากกว่า ยิ่งไปกว่านั้นนี่เป็นเครื่องมือจัดการรหัสผ่านเพียงบริการเดียวในรายการของฉันที่นำเสนอการจัดเก็บข้อมูลในอุปกรณ์เท่านั้น ผู้ใช้ที่ต้องการความปลอดภัยคิดว่า นี่เป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยที่สุด แต่ฉันชอบ Sticky Password มากกว่าเพราะบริการให้คุณเลือกได้ว่าจะบันทึกข้อมูลของคุณในอุปกรณ์หรือคลาวด์
ด้วย Enpass คุณสามารถซิงค์ข้อมูลของคุณกับแอปที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์ เช่น Google Drive และ Dropbox ได้ แต่มันอาจซับซ้อนเกินไปสำหรับผู้ใช้ที่ไม่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี นอกจากนี้คุณยังจะต้องจ่ายเพิ่มสำหรับบริการเหล่านี้ด้วย
Enpass มีเวอร์ชันเดสก์ท็อปฟรีและยังมีแอปเวอร์ชันมือถือฟรีที่มีข้อจำกัด (บันทึกได้สูงสุด 25 รหัสผ่าน) เริ่มต้นที่
Enpass - ส่วนลด 25%
สรุป:
Enpass เป็นเครื่องมือจัดการรหัสผ่านพื้นฐานที่ทำงานได้ดี นำเสนอการจัดเก็บข้อมูลในเครื่องเท่านั้น ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ใช้ขั้นสูง อย่างไรก็ตามหากคุณต้องการจัดเก็บข้อมูลของคุณในระบบคลาวด์ คุณจะต้องชำระค่าบริการที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์ของบริษัทอื่น Enpass มีเวอร์ชันฟรีและเป็นหนึ่งในเครื่องมือจัดการรหัสผ่านที่มาพร้อมกับการสมัครสมาชิกตลอดชีพ
10. Norton Password Manager — ตัวเลือกบริการฟรีที่ดี

Norton Password Manager มี:
- พื้นที่จัดเก็บรหัสผ่านไม่จำกัด
- เครื่องมือสร้างรหัสผ่าน
- การตรวจสอบที่จัดเก็บรหัสผ่าน
- การยืนยันตัวตน 2FA พื้นฐาน
- เครื่องมือเปลี่ยนรหัสผ่านอัตโนมัติ
Norton Password Manager ไม่มีเครื่องมือ 2FA ขั้นสูง, สามารถแบ่งปันรหัสผ่านระหว่างผู้ใช้หรือการยืนยันตัวตนด้วย TOTP ในตัว ซึ่คู่แข่งอย่าง RoboForm และKeeper มีฟีเจอร์เหล่านี้นำเสนอในบริการราคาถูกและ Dashlane ยังมี VPN ที่ปลอดภัยและการตรวจสอบดาร์กเว็บแบบเรียลไทม์อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้ว่า Norton Password Manager จะไม่มีฟีเจอร์เหล่านี้ แต่
แต่ถ้าคุณไม่ต้องการแอนตี้ไวรัสใหม่ คุณสามารถดาวน์โหลด Norton Password Manager ได้ฟรี บน Windows PC ของคุณ คุณสามารถเข้าถึงส่วนขยายเบราว์เซอร์ได้บนเบราว์เซอร์ยอดนิยมทั้งหมดและแอพมือถือนั้นสามารถใช้งานบน Android และ iOS ได้อย่างง่ายดาย
Norton Password Manager - ส่วนลด 100%
สรุป:
Norton Password Manager เป็นเครื่องมือจัดการรหัสผ่านฟรีที่มีการเข้ารหัสที่ปลอดภัย ไม่บันทึกข้อมูลผู้ใช้งานและฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่เป็นประโยชน์ มันไม่ได้เต็มไปด้วยฟีเจอร์มากมายเหมือนกับเครื่องมือจัดการรหัสผ่านชั้นนำอย่าง Dashlane แต่มีการซิงค์ไม่จำกัดอุปกรณ์, การตรวจสอบที่เก็บรหัสผ่านและฟีเจอร์การเปลี่ยนรหัสผ่านอัตโนมัติ Norton Password Manager ยังมาพร้อมกับ Norton 360 ที่มีการตรวจสอบดาร์กเว็บ, VPN, การควบคุมโดยผู้ปกครองและการรับประกันคืนเงินภายใน 60 วัน
อ่านรีวิวตัวเต็มของ Norton Password Manager >
ตารางเปรียบเทียบเครื่องมือจัดการรหัสผ่านที่ดีที่สุดสำหรับ Windows
เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน | เวอร์ชั่นฟรี | ราคาเริ่มต้น | ความสามารถในการใช้งานร่วมกับ Windows Hello | การตรวจสอบการละเมิดรหัสผ่าน | เข้ารหัสพื้นที่จัดเก็บ | อินเตอร์เฟสผู้ใช้ในภาษาไทย |
1.🥇 |
50 รหัสผ่านใน 1 อุปกรณ์ | US$3.99 / เดือน | มี | มี | 1 GB | ไม่ |
2.🥈 |
ไม่มี | US$2.99 / เดือน | มี | มี | 1 GB | ไม่ |
3.🥉 |
ไม่จำกัดรหัสผ่าน บน 1 อุปกรณ์ | US$1.16 / เดือน | มี | มี | ไม่ | ไม่ |
4. |
ไม่จำกัดรหัสผ่าน บน 1 อุปกรณ์ | US$3.75 / เดือน | มี | มี | มากถึง 10 GB | ไม่ |
5. |
ไม่จำกัดจำนวนรหัสผ่านและจำนวนอุปกรณ์ | US$3.00 / เดือน | มี | มี | 1 GB | ไม่ |
6. |
รหัสผ่านไม่จำกัดใน 1 อุปกรณ์ | US$29.99 / ปี | ไม่ | ไม่ | ไม่ | ไม่ |
7. |
รหัสผ่านไม่จำกัดบนอุปกรณ์ไม่จำกัด | US$2.67 / เดือน | ไม่ | มี | 1GB | ไม่ |
8. |
รหัสผ่านไม่จำกัดบนอุปกรณ์ไม่จำกัด | US$10.00 / ปี | ไม่ | มี | 1GB | ไม่ |
9. |
รหัสผ่านไม่จำกัด (เดสก์ท็อป), 25 รหัสผ่าน (มือถือ) | US$23.99 / ปี | ไม่ | มี | ไม่ | มี |
10. |
รหัสผ่านไม่จำกัดบนอุปกรณ์ไม่จำกัด | ไม่ | ไม่ | ไมม่ | ไม่ |
วิธีเลือกเครื่องมือจัดการรหัสผ่านที่ดีที่สุดสำหรับ Windows ในปี 2022
- ความปลอดภัย เครื่องมือจัดการรหัสผ่านที่ดีจะมีการรักษาความปลอดภัยระดับสูงด้วยการเข้ารหัสระดับเดียวกับธนาคาร โปรโตคอลการไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานและการยืนยันตัวตนสองขั้นตอน (2FA) ตัวเลือกอันดับแรกของฉันมีฟีเจอร์ความปลอดภัยที่สำคัญทั้งหมด เพื่อช่วยให้รหัสผ่านและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของคุณปลอดภัย 100%
- ฟีเจอร์ เครื่องมือจัดการรหัสผ่านจำนวนมากมีฟีเจอร์ที่หลากหลาย แต่ไม่ใช่ทุกฟีเจอร์ที่จะเป็นประโยชน์หรือทำงานได้ดี แต่แบรนด์ทั้งหมดที่อยู่ในรายการนี้มีฟีเจอร์พิเศษคุณภาพสูง รวมถึงการแบ่งปันรหัสผ่านที่เข้ารหัสและการสแกนดาร์กเว็บ เครื่องมือจัดการรหัสผ่านบางบริการยังมีฟีเจอร์พิเศษที่ไม่เหมือนใคร ตัวอย่างเช่น
Dashlane ที่เป็นเครื่องมือจัดการรหัสผ่านเดียวในตลาดที่มี VPN - ความง่ายในการใช้งาน รายการของฉันมีบริการที่ใช้งานได้ง่าย สามารถใช้งานได้หลายแพลตฟอร์ม มีอินเตอร์เฟสที่นำทางได้ง่ายและมีส่วนเสริมบนเบราเซอร์ เครื่องมือจัดการรหัสผ่านทั้งหมดในรายการนี้มีทั้งแผนส่วนบุคคลและแผนสำหรับครอบครัว (ฉันขอแนะนำ
1Password สำหรับครอบครัว) - การช่วยเหลือลูกค้า ฉันทดสอบการติดต่อขอความช่วยเหลือผ่านไลฟ์แชท โทรศัพท์และอีเมล์ เพื่อการันตีต่อคุณว่าบริการที่ฉันแนะนำสามารถให้ความช่วยเหลือคุณได้ตลอดเวลาเมื่อคุณต้องการ บริการที่ฉันนำเสนอยังมีส่วนคำถามที่พบบ่อย ฐานความรู้และฟอรั่มเพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถค้นหาคำตอบที่พวกเขามีได้อย่างง่ายดาย
- ความคุ้มค่า เครื่องมือจัดการรหัสผ่านที่ดีที่สุดสำหรับ Windows ควรมีราคาที่เหมาะสมสำหรับทุกงบประมาณ ตัวเลือกที่ฉันแนะนำที่มีราคาจับต้องได้และมาพร้อมกับการทดลองใช้ฟรีและ/หรือการการันตีคืนเงิน
เครื่องมือจัดการรหัสผ่านจากบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ไม่ติดโผของฉัน
- NordPass นั้นปลอดภัย เรียบง่ายและใช้งานง่าย อย่างไรก็ตามฟีเจอร์ที่นำเสนอนั้นไม่โดดเด่นมากเท่ากับบริการชั้นนำอื่น ๆ มันขาดฟีเจอร์พิเศษที่คู่แข่งอย่าง
Dashlane นำเสนอเช่นที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์ที่ปลอดภัยและเครื่องมือเปลี่ยนรหัสผ่านอัตโนมัติ - Kaspersky Password Manager เป็นแบรนด์การรักษาความปลอดภัยบนเว็บที่น่าเชื่อถือและเครื่องมือจัดการรหัสผ่านนั้นเน้นฟีเจอร์พื้นฐานและใช้งานง่าย Kaspersky ไม่มีฟีเจอร์พิเศษที่นำเสนอในเครื่องมือจัดการรหัสผ่าน เช่น
Dashlane หรือ1Password - Zoho Vault เป็นเครื่องมือจัดการรหัสผ่านที่ดี แต่พัฒนามาสำหรับทีมและธุรกิจ ฟีเจอร์หลายอย่างจึงไม่มีประโยชน์สำหรับบุคคลหรือครอบครัว
เครื่องมือจัดการรหัสผ่านสำหรับ Windows — คำถามที่พบบ่อย:
ทำไมฉันจึงใช้เครื่องมือจัดการรหัสผ่านของ Chrome / Firefox / Edge ไม่ได้
แม้ว่าเครื่องมือจัดการรหัสผ่านในตัวของเบราว์เซอร์จะใช้งานได้สะดวก แต่มันใช้งานได้ไม่ดีนัก มันใช้งานได้แค่บนเบราว์เซอร์เท่านั้น ไม่สามารถซิงค์ข้ามอุปกรณ์ ไม่สามารถแชร์รหัสผ่าน ฟังก์ชันป้อนอัตโนมัติก็ทำงานได้ไม่ดีและไม่มีการตรวจสอบความปลอดภัยที่เก็บรหัสผ่านของคุณ
ผลิตภัณฑ์ที่ฉันแนะนำสามารถสร้างรหัสผ่านที่รัดกุมและไม่สามารถเจาะเข้าถึงได้และยังสามารถกรอกรหัสผ่านและแบบฟอร์มบนเว็บอัตโนมัติได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์เพิ่มเติม เช่น การแบ่งปันรหัสผ่าน การตรวจสอบรหัสผ่านและการตรวจสอบดาร์กเว็บและทำงานได้บนเบราว์เซอร์ อุปกรณ์และระบบปฏิบัติการทั้งหมด
ฉันสามารถซิงค์รหัสผ่าน Windows กับอุปกรณ์ Android / iOS / Mac ได้หรือไม่
แน่นอน! สิ่งที่ยอดเยี่ยมอย่างหนึ่งเกี่ยวกับเครื่องมือจัดการรหัสผ่านของบุคคลที่สามคือ พวกเขามีฟังก์ชันการทำงานบนอุปกรณ์ เบราว์เซอร์และระบบปฏิบัติการเกือบทุกประเภท
ตัวอย่างเช่น ด้วยเครื่องมือจัดการรหัสผ่านทั้งหมดในรายการนี้คุณสามารถติดตั้งแอพพลิเคชั่นมือถือบน iPhone, แอพพลิเคชั่นเดสก์ท็อปบน PC และแอพพลิเคชั่น Android บนแท็บเล็ตได้ — และข้อมูลรหัสผ่านและไฟล์ที่เข้ารหัสทั้งหมดของคุณจะซิงค์ กับอุปกรณ์แต่ละเครื่องของคุณ
เครื่องมือจัดการรหัสผ่านเหล่านี้ปลอดภัยจริงหรือเปล่า
แน่นอน! ฉันแนะนำเฉพาะเครื่องมือจัดการรหัสผ่านที่ใช้โปรโตคอล zero-knowledge เท่านั้น — ซึ่งทั้งหมดได้รับการเข้ารหัสก่อนที่จะไปยังเซิร์ฟเวอร์ของผู้จัดการรหัสผ่าน การเข้ารหัสทางเดียวนี้ทำให้บริษัทไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลของคุณไได้
นอกจากนี้วิธีการเข้ารหัสที่เครื่องมือจัดการรหัสผ่านเหล่านี้ใช้นั้นแทบจะไม่สามารถเจาะเข้าถึงได้ ซึ่งเป็นวิธีเดียวกับที่ธนาคาร บริษัทเทคโนโลยีและกองทัพใช้
แม้จะมีใครก็ตามแฮ็กคอมพิวเตอร์ของคุณและพบรหัสผ่านหลักของคุณ พวกเขาก็ไม่สามารถเข้าถึงรหัสผ่านอื่น ๆ ของคุณได้ เพราะไม่สามารถยืนยันตัวตนสองขั้นตอนได้
พูดง่าย ๆ ก็คือ เครื่องมือจัดการรหัสผ่านเหล่านี้ทั้งหมดมีความปลอดภัยอย่างมาก