
อัพเดท: 1 พฤษภาคม 2022
![10 แอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุด[2022]: Windows, Android, iOS & Mac](https://static.safetydetectives.com/wp-content/uploads/2020/06/10-Best-Antivirus-in-2020-Windows-Android-iOS-Mac-300x158.jpg)
มีเวลาไม่พอใช่ไหม นี่คือแอนตี้ไวรัสฟรีที่ดีที่สุดสำหรับ2022:
- 🥇
Norton : การป้องกันไวรัสและมัลแวร์ที่ยอดเยี่ยม มาพร้อมฟีเจอร์พิเศษมากมายเช่น VPN เครื่องมือจัดการรหัสผ่านและการควบคุมโดยผู้ปกครองรับการปกป้องจาก2022 ได้ที่นี่
มีบริการนับร้อยให้คุณเลือกใช้และพวกเขาอ้างว่าจะนำเสนอการป้องกันที่ดีที่สุดในราคาที่ดีที่สุด แต่ฉันได้ทดสอบ 67 ของซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสชั้นนำในตลาด และมีเพียงไม่กี่บริการเท่านั้นที่แข็งแกร่ง ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะได้รับการพิจารณาให้เป็นหนึ่งในแอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดใน2022
อย่างน้อยที่สุดซอฟท์แวร์แอนตี้ไวรัสจะต้องมีการป้องกันจากมัลแวร์รูปแบบใหม่ — ไวรัส สปายแวร์ รูทคิดส์ โทรจันและแรนซัมแวร์ — และบริการแอนตี้ไวรัสทุกอันในรายการนี้นำเสนอการปกป้องระดับชั้นนำต่อมัลแวร์ในทุกรูปแบบ
แต่แพ็คเกจแอนตี้ไวรัสส่วนใหญ่ในปัจจุบันมีมากกว่าแค่เครื่องมือสแกนไวรัส — พวกมันมาพร้อมกับฟีเจอร์ที่เพิ่มการป้องกันเพิ่มเติม เช่น ไฟร์วอลล์, เครือข่ายเครือข่ายส่วนตัวเสมือน (VPN), เครื่องมือจัดการรหัสผ่านและการควบคุมโดยผู้ปกครอง (และบริการอื่น ๆ อีกมากมาย) ฟีเจอร์พิเศษเหล่านี้ช่วยปรับปรุงระบบความปลอดภัยในอุปกรณ์ของคุณ เนื่องจากอุปกรณ์ของคุณมีความปลอดภัยมากขึ้น คุณจึงมีโอกาสถูกแฮ็กหรือเปิดเผยข้อมูลที่ละเอียดอ่อนเมื่อใช้งานน้อยลง
แล้วคุณจะรู้ได้อย่างไรว่าผลิตภัณฑ์แอนตี้ไวรัสใดมีความปลอดภัยที่ดีที่สุด มีการป้องกันมัลแวร์ที่ดีที่สุดและคุ้มค่าที่สุด ฉันเปรียบเทียบกับบริการแอนตี้ไวรัสระดับชั้นนำในตลาดและจัดอันดับมันจากความปลอดภัย ฟังก์ชั่นการใช้งาน ความเร็วและราคา
สรุปย่อของซอฟแวร์แอนตี้ไวรัสที่ดีที่ยอดสำหรับ2022:
- 1.🥇
Norton — โปรแกรมป้องกันไวรัสคุณสมบัติโดยรวมดีที่สุดในปี 2022 - 2.🥈
Bitdefender — ชุดรักษาความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ตที่มีความครอบคลุมมากที่สุด - 3.🥉
Intego — แอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับ Mac (สำหรับระบบปฏิบัติการ macOS) - 4.
TotalAV — ดีที่สุดในด้านความง่ายดายในการใช้งาน (แนะนำสำหรับมือใหม่) - 5.
McAfee — การป้องกันเว็บที่ดีที่สุด (มาพร้อมแผนการบริการสำหรับครอบครัว) - แอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับ2022อันดับที่ 6-10
- ตารางการเปรียบเทียบตัวเลือกระดับชั้นนำ
- เกณฑ์ที่ฉันใช้ในการให้คะแนนซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสแห่งปี 2022
- แบรนด์ดังที่ไม่ได้คุณภาพ
- คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัส
🥇1. Norton 360 — แอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับ Windows, Android & iOS

ซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสของ Norton ใช้เครื่องมือสแกนที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งขับเคลื่อนโดยการวิเคราะห์ฮิวริสติกและการเรียนรู้ของเครื่องทำให้สามารถสแกนค้นหาและลบมัลแวร์ประเภทใหม่ล่าสุดและมัลแวร์ขั้นสูงสุดทั้งหมดได้ พวกเขาได้คะแนนการป้องกัน 100% ในระหว่างการทดสอบทั้งหมดของฉันและได้คะแนนการตรวจจับและการป้องกันภัยคุกคามสูงกว่าโปรแกรมป้องกันไวรัสในตัว (เช่น Windows Defender) สิ่งหนึ่งที่ฉันชอบเกี่ยวกับ Norton 360 โดยเฉพาะเวอร์ชัน Windows คือมันทั้งใช้ได้งานง่ายมากและยังมีการตั้งค่าขั้นสูงมากมายสำหรับผู้ใช้ที่มีความรู้ด้านเทคนิคที่ต้องการปรับแต่งการป้องกันความปลอดภัย
Norton 360 มาพร้อมกับ:
- ไฟร์วอล์ที่ปลอดภัย
- เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน
- การป้องกันเว็บแคม
- VPN (ไม่จำกัดข้อมูล)
- การควบคุมดาร์กเว็บ
- พื้นที่จัดเก็บบนคลาวด์
- การป้องกันแรนซัมแวร์
- และอื่น ๆ อีกมากมาย…
Norton นำเสนอฟีเจอร์ที่ยอดเยี่ยมมากมายในทุกแพคเกจ แผนเริ่มต้นอย่าง AntiVirus Plus มีราคาที่ US$9.99 / ปี มีฟีเจอร์ไม่เยอะเท่าไหร่ แต่ยังมีการป้องกันมัลแวร์แบบเรียลไทม์, ไฟร์วอลล์, เครื่องมือจัดการรหัสผ่านและพื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ขนาด 2 GB แผน Norton 360 Standard นั้นมีความคุ้มค่าอย่างมาก คุณจะได้รับ VPN, พื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ขนาด 10 GB และการตรวจสอบดาร์กเว็บเพิ่มขึ้นมาในราคา US$19.99 / ปี
นอกจากนี้การอัปเกรดเป็น
Norton 360 นั้นเป็นแอนตี้ไวรัสที่ยอดเยี่ยมมาก — มันแข็งแกร่ง มีราคาถูก เชื่อถือได้และใช้งานได้ง่าย มันเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ทั่วไปที่กำลังมองหาโปรแกรมแอนตี้ไวรัสที่สมบูรณ์และใช้งานง่ายพร้อมการป้องกันความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ดีที่สุดสำหรับการสมัครสมาชิกรายปีราคาประหยัด ข้อเสียเพียงอย่างเดียวที่นี่ (หากคุณคิดว่ามันเป็นแบบนั้น) ก็คืออินเทอร์เฟซผู้ใช้งานและการสนับสนุนลูกค้าของ Norton ไม่มีให้บริการในภาษาไทย แต่อย่างไรก็ตามคุณสามารถเลือกภาษาได้หลากหลาย ดังนั้นหากคุณพูดภาษาอังกฤษได้ก็ไม่มีปัญหา
สรุป:
Norton 360 เป็นตัวเลือกแอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดใน2022 Norton นำเสนอแพ็คเกจความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่แข็งแกร่งที่สุด — การป้องกันจากภัยคุกคามที่เป็นอันตรายที่สมบูรณ์แบบ พร้อมฟีเจอร์พิเศษมากมายเช่น VPN (พร้อมข้อมูลไม่จำกัด) เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน ที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์ที่ปลอดภัย การควบคุมโดยผู้ปกครองและอีกมากมาย และคุณสามารถทดลองใช้ Norton โดยปราศจากความเสี่ยงด้วยการรับประกันคืนเงิน 60 วัน
🥈2. Bitdefender การรักษาความปลอดภัยแบบหัวจรดเท้า — การป้องกันมัลแวร์ขั้นสูงมาพร้อมคุณสมบัติเพิ่มเติมจำนวนมาก

ในระหว่างการทดสอบของฉัน Bitdefender พบและลบภัยคุกคามที่เป็นอันตรายออกจากระบบของฉันได้ทั้งหมด และเนื่องจากเอ็นจิ้นของ Bitdefender เป็นระบบคลาวด์ การสแกนมัลแวร์ทั้งหมดของ Bitdefender จึงเกิดขึ้นบนเซิร์ฟเวอร์คลาวด์ของ Bitdefender ซึ่งจะลดการใช้งานอุปกรณ์ของคุณลงไปได้ Bitdefender มีผลกระทบต่อระบบ ปฏิบัติการในคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปทั้ง Windows และ Mac ของฉัน เป็นศูนย์ แม้ในเวลาที่ใช้งานเครื่องอย่างหนัก และสแกนเต็มรูปแบบ
Bitdefender นั้นเหมือนกับ Norton ที่มีการตั้งค่าขั้นสูงสำหรับผู้ใช้ที่รู้วิธีการปรับแต่งการป้องกันไวรัส คุณสามารถตั้งค่าการสแกนแบบกำหนดเองสำหรับเฉพาะส่วนของคอมพิวเตอร์ของคุณ เช่นสคริปต์ การแชร์เครือข่าย บูตเซกเตอร์และแม้แต่ไฟล์ใหม่/ที่แก้ไข การตั้งค่าขั้นสูงของ Bitdefender ทำให้พวกเขามีชื่อเสียงในฐานะหนึ่งในเครื่องมือสแกนมัลแวร์ที่ทรงพลังและทำการปรับแต่งได้มากที่สุด
แต่ Bitdefender ไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องสแกนป้องกันมัลแวร์เท่านั้น บริการยังมีชุดรักษาความปลอดภัยที่ครอบคลุมมากที่สุด ซึ่งให้การป้องกันที่ดีที่สุดสำหรับทั้งคอมพิวเตอร์และมือถือ และมาพร้อมฟีเจอร์ต่าง ๆ อย่างเช่น:
- การป้องกันเว็บ
- การเพิ่มประสิทธิภาพระบบ
- VPN (จำกัด 200 MB ต่อวัน)
- การควบคุมของผู้ปกครอง
- เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน
- การป้องกันเว็บแคม
- การป้องกันแรนซัมแวร์
- และอื่น ๆ อีกมากมาย…
การป้องกันเว็บของ Bitdefender นั้นยอดเยี่ยม — ป้องกันการฟิชชิ่งได้ บล็อกเว็บไซต์ฟิชชิ่งส่วนมากในการทดสอบของฉันได้และฉันชอบ Safepay อย่างมาก มันเป็นหน้าต่างเบราว์เซอร์ที่ปลอดภัยและเข้ารหัสสำหรับการทำธุรกรรมออนไลน์และการช็อปปิ้ง ฉันชอบการป้องกันแรนซัมแวร์แบบหลายชั้นของ Bitdefender เป็นพิเศษ ซึ่งมันช่วยเพิ่มชั้นการป้องกันข้อมูลบนไฟล์สำคัญของคุณเพื่อไม่ให้มันถูกเข้ารหัสระหว่างที่แรนซัมแวร์โจมตี
VPN ของ Bitdefender เป็นหนึ่งในบริการที่ดีที่สุดในตลาด มีเซิร์ฟเวอร์ที่เข้ารหัสที่มีความเร็วที่ดีในทั่วโลก แต่ที่ VPN ของ Bitdefender ต่างจาก VPN ของ Norton ที่จำกัดการใช้ข้อมูลรายวันของคุณในแผนส่วนใหญ่ (ยกเว้นแผนที่แพงที่สุด)
ในด้านอินเทอร์เฟซผู้ใช้ Bitdefender รองรับมากกว่า 15 ภาษารวมถึง ภาษาไทยด้วย ดังนั้นคุณสามารถเพลิดเพลินกับประสบการณ์การใช้งานที่ราบรื่นโดยไม่ต้องกังวลว่าจะไม่เข้าใจสิ่งที่นำเสนอในแอพพลิเคชั่น
แต่ Bitdefender มีแพ็คเกจราคาถูกหลายแบบให้เลือก Bitdefender Antivirus Plus มีราคา US$23.99 / ปี มีฟีเจอร์ระดับพรีเมียมมากมายของ Bitdefender (ยกเว้นการป้องกันเว็บแคม การควบคุมโดยผู้ปกครองและเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพอุปกรณ์) แต่ใช้ได้เฉพาะกับคอมพิวเตอร์ Windows เท่านั้น Bitdefender Internet Security จะเพิ่มการควบคุมโดยผู้ปกครอง ไฟร์วอลลและใช้งานได้บนคอมพิวเตอร์ Windows อีก 3 เครื่องในราคา US$32.00 / ปี ในขณะที่แผน Bitdefender Total Security จะเพิ่มจำนวนผู้ใช้อีก 5 คน สำหรับอุปกรณ์ Windows, macOS, Android และ iOS ในราคาUS$36.00 / ปี และ Bitdefender Premium Security ที่มีฟีเจอร์ทั้งหมดของ Bitdefender และ VPN ที่ไม่มีการจำกัดข้อมูล ในราคาเพียง US$69.99 / ปี มันมีราคาสูงกว่าบริการอื่น ๆ แต่ VPN ของบริการนี้ดีเทียบเท่ากับบริการ VPN แสตนอโลนด์ชั้นนำหลาย ๆ บริการเลย ฉันคิดว่ามันคุ้มค่ามาก
สรุป:
Bitdefender นำเสนอการสแกนไวรัสบนคลาวด์และเครื่องมือด้านความปลอดภัยบนอินเตอร์เน็ตมากมายในราคาที่ถูกกว่าบริการอื่น ๆ ฉันขอแนะนำ Bitdefender หากคุณมั่นใจในคอมพิวเตอร์ของคุณและมองหาชุดรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ครอบคลุม พร้อมบริการพิเศษเช่น VPN การควบคุมโดยผู้ปกครองและเครื่องมือจัดการรหัสผ่าน คุณสามารถทดลองใช้ Bitdefender ได้โดยไม่มีความเสี่ยงด้วยการรับประกันคืนเงิน 14 วัน
อ่านรีวิวตัวเต็มของ Bitdefender >
🥉3. Intego — แอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับ Mac

- การปกป้องกันมัลแวร์แบบเรียลไทม์
- เครื่องมือทำความสะอาดและเพิ่มประสิทธิภาพ Mac
- ตัวเลือกการสำรองข้อมูลขั้นสูงของ Mac
- ตัวเลือกความปลอดภัยของเครือข่าย
- การควบคุมของผู้ปกครอง
เครื่องสแกนไวรัสของ Intego นั้นรวดเร็วมากและมีอัตราการตรวจจับมัลแวร์ที่สมบูรณ์แบบเทียบกับการทดสอบอื่น ๆ ของฉัน (ทั้งบน macOS และ PC) และการสแกนนั้นรวดเร็ว — สแกนไฟล์มากกว่า 800,000 ไฟล์ในเวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมง และการสแกนที่ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที เนื่องจากระบบแคชไฟล์ของ Intego จะไม่สนใจไฟล์ที่สแกนแล้ว (Norton ใช้เทคโนโลยีเดียวกันเพื่อข้ามไฟล์ที่สแกนไปแล้ว)
Intego มีฟีเจอร์ที่ดีเยอะแยะมากมาย — ฉันชอบวิธีที่คุณสามารถเชื่อมต่อไดรฟ์ภายนอกหรืออุปกรณ์ iOS กับ Mac ของคุณและเรียกใช้การสแกนไวรัสด้วยเครื่องสแกนไวรัสของ Intego เนื่องจาก Intego ไม่ได้เสนอการป้องกันความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ตสำหรับมือถือ วิธีนี้ช่วยให้คุณไม่ต้องซื้อแพ็คเกจแอนตี้ไวรัสหลายแพ็คเกจเพื่อปกป้องอุปกรณ์ iOS ของคุณ — แต่ถ้าคุณต้องการมากกว่าการสแกนไวรัสบน iOS คุณยังต้องซื้อโปรแกรมแอนตี้ไวรัสอีก
Intego มีตัวเลือกแพ็คเกจหลายแบบให้เลือก
Intego ยังมีผลิตภัณฑ์สำหรับ Windows อย่าง
สรุป:
การป้องกันมัลแวร์ที่ยอดเยี่ยมบน Mac ของ Intego ทำให้มันเป็นโปรแกรมแอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับ macOS ใน 2022 มันสามารถช่วยเหลือและปรับปรุงความปลอดภัยของอุปกรณ์ Apple และเพิ่มประสิทธิภาพอุปกรณ์ได้ แถมยังมีตัวเลือกราคาที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย ด้วยการการันตีคืนเงินภายใน 30 วัน คุณสามารถทดลองใช้ดูได้ว่ามันเป็นการป้องกันที่ดีที่สุดสำหรับคุณหรือไม่
4. TotalAV — ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสที่ใช้งานง่ายมากที่สุด

เครื่องสแกนไวรัสของ TotalAV นั้นใช้เทคโนโลยีการป้องกันไวรัสของ Avira ที่รวดเร็ว น่าเชื่อถือและมีอัตราการตรวจจับมัลแวร์ที่เกือบจะสมบูรณ์แบบ เครื่องสแกนตรวจจับมัลแวร์ในทดสอบของฉันได้ถึง 99% ตั้งแต่ไวรัสและโทรจันไปจนถึงแรนซัมแวร์ โดยขาดไฟล์ที่ซับซ้อนไปเพียงไม่กี่ไฟล์ (ซึ่ง Norton และ Bitdefender ตรวจจับได้)
TotalAV มีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยเพิ่มเติมมากมาย:
- การป้องกันการฟิชชิ่ง
- เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
- VPN
- เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน
ฟีเจอร์ส่วนใหญ่ของ TotalAV นั้นดีมาก ยกเว้นเครื่องมือจัดการรหัสผ่าน ซึ่งฉันคิดว่าจำเป็นต้องมีการปรับปรุงอย่างมาก — หากคุณต้องการเครื่องมือจัดการรหัสผ่านที่ดีที่มาพร้อมกับแอนตี้ไวรัส ฉันขอแนะนำ Norton หรือ Avira
แต่ว่าฉันชอบเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพของ TotalAV อย่างมาก — ในระหว่างการทดสอบ มันทำให้คอมพิวเตอร์ของฉันมีพื้นที่ว่างมากกว่าคู่แข่งส่วนใหญ่ ๆ ฉันชอบที่ VPN ของ TotalAV — มันปลอดภัย ใช้งานได้กับแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งหลัก ปลอดภัยและความเร็วที่สม่ำเสมอบนทุกเซิร์ฟเวอร์ (นี่เป็นเหตุผลที่พวกเขาเป็นแอนตี้ไวรัสที่มาพร้อมกับ VPN ที่ดีที่สุด)
หากคุณสงสัยในเรื่องภาษาในบริการ TotalAV ไม่รองรับภาษาไทย
สรุป:
TotalAV มีเอนจินป้องกันไวรัสที่ทรงพลังและฟีเจอร์ที่ดีมากมายภายในแดชบอร์ดที่ใช้งานง่าย — ฉันขอแนะนำ TotalAV สำหรับผู้ใช้เริ่มต้นที่ต้องการเพียงแค่ต้องการสิ่งที่ปลอดภัยปลอดภัยและใช้งานง่าย แพ็คเกจของ TotalAV ล้วนมีฟีเจอร์ที่หลากหลายและฟีเจอร์ทั้งหมดนี้ออกแบบมาเพื่อให้ใช้งานได้ง่ายที่สุด TotalAV มีการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
5. McAfee Total Protection — ดีที่สุดด้านการรักษาความปลอดภัยออนไลน์ (+ เหมาะสำหรับครอบครัว)

ความสามารถในการป้องกันไวรัสที่ยอดเยี่ยมของ McAfee เพียงอย่างเดียวทำให้ Total Protection เป็นผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยม — โดยได้คะแนนการตรวจจับมัลแวร์ทั้งหมด 100% แอนตี้ไวรัสของ McAfee ทำให้คอมพิวเตอร์ของฉันทำงานช้าลงในระหว่างการสแกนทั้งระบบ ซึ่งแตกต่างจาก Norton และ Bitdefender — ในขณะที่ฉันสามารถใช้งานและใช้ Microsoft Office ได้ ฉันไม่สามารถดูวิดีโอหรือเล่นเกมได้
ในทางกลับกัน McAfee มีฟีเจอร์พิเศษที่ค่อนข้างดี หนึ่งฟีเจอร์ที่โดดเด่นของ McAfee ก็คือ ซอฟต์แวร์ด้านความปลอดภัย “My Home Network” มันนำเสนอแผนที่อุปกรณ์ทุกอันที่เชื่อมต่อกับเครือข่าย WiFi ในบ้านของคุณที่สามารถอ่านได้ง่าย ช่วยให้คุณสามารถควบคุมความปลอดภัยในโลกออนไลน์และให้คุณสามารถปกป้องอุปกรณ์ทุกชิ้นจากผู้บุกรุกภายนอกได้
ฉันชอบการควบคุมโดยผู้ปกครองของ McAfee มาก เพราะนอกเหนือจากการบล็อกเนื้อหาและแอปที่ไม่เหมาะสมหรือไม่ต้องการแล้ว บริการยังมาพร้อมกับการติดตามตำแหน่งขั้นสูง ซึ่งช่วยให้คุณสามารถติดตามอุปกรณ์ของบุตรหลานของคุณได้อย่างแม่นยำ (ฟีเจอร์นี้สามารถระบุตำแหน่งอุปกรณ์ได้ดีกว่าเครื่องมือของ Google หรือ Apple มาก)
McAfee Total Protection Basic (US$84.99 / ปี) สามารถใช้งานได้ในเพียง 1 อุปกรณ์เท่านั้น แถมยังมีราคาแพงเมื่อเทียบกับแผนที่คล้ายกันของ Norton หรือ Bitdefender ฉันเลยไม่แนะนำแผนบริการนี้ แต่อย่างไรก็ตามแผนPlus (US$49.99 / ปี) ในสามารถใช้งานได้ใน 5 อุปกรณ์และแผน Premium (US$54.99 / ปี) ก็มาพร้อมกับการควบคุมของผู้ปกครองและสามารถใช้งานได้ใน 10 อุปกรณ์ ซึ่งให้ความคุ้มค่ามากกว่า แถม McAfee ยังนำเสนอส่วนลดสำหรับแผน 2 ปีอีกด้วย ซึ่งทำให้แผนบริการนี้เป็นแผนระยะยาวที่คุ้มสุด ๆ อีกแผนหนึ่งเลย
แต่ว่า McAfee ไม่รองรับภาษา ซึ่งมันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ดีนัก แต่ถ้าคุณคุ้นเคยกับภาษาอังกฤษหรือภาษาอื่น ๆ ที่รองรับ คุณก็จะไม่พบปัญหาใด ๆ
สรุป:
McAfee Total Protection นำเสนอความปลอดภัยบนอินเทอร์เน็ตที่หลากหลาย สำหรับคอมพิวเตอร์และมือถือทุกเครื่อง ฟีเจอร์ “My Home Network” ของ McAfee นั้นยอดเยี่ยมมาก โดยมีการควบคุมความปลอดภัยแบบรวมศูนย์ในทุกอุปกรณ์ในเครือข่ายของคุณ และฟีเจอร์การควบคุมโดยผู้ปกครองนั้นยังใช้งานได้อย่างยอดเยี่ยม McAfee Total Protection นั้นยอดเยี่ยมอย่างมากสำหรับครอบครัวที่ต้องการทำให้เครือข่าย Wi-Fi ของตัวเองมีความปลอดภัยและเพิ่มความปลอดภัยให้กับเด็ก ๆ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ แพ็คเกจ Total Protection ทั้งหมดมาพร้อมกับการรับประกันคืนเงิน 30 วันโดยไม่มีข้อผูกมัด
6. Avira Prime — เครื่องสแกนไวรัสที่ยอดเยี่ยม + การเพิ่มประสิทธิภาพระบบ

Avira Prime ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ที่ยอดเยี่ยมมากมายเช่น:
- การปกป้องกันมัลแวร์แบบเรียลไทม์
- การป้องกันแรนซัมแวร์ขั้นสูง
- การเพิ่มประสิทธิภาพความเป็นส่วนตัว
- การเพิ่มประสิทธิภาพระบบ
- VPN
- เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน
- แอพพลิเคชั่นสำหรับ Android และ iOS
ในขณะที่ผลิตภัณฑ์แอนตี้ไวรัสจำนวนมากมีเครื่องมือปรับแต่งที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้อุปกรณ์ของคุณทำงานได้อย่างราบรื่นและเพิ่มพื้นที่ว่างในฮาร์ดไดรฟ์ ฉันคิดว่าเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพระบบของ Avira เป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดซึ่งประกอบด้วย:
- เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพ Startup มันช่วยลดเวลาในการสตาร์ทอัพ PC ของฉันได้ 2 นาที!
- การเพิ่มประสิทธิภาพเกม จัดสรรทรัพยากรระบบโดยอัตโนมัติและหยุดการทำงานในเบื้องหลังเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบ
- เครื่องมือลบไฟล์ขยะ ลบไฟล์ที่ซ้ำกัน ไฟล์ที่ไม่ได้ใช้และไฟล์แคชบางไฟล์
ในราคา US$59.99 / ปี
แต่ว่าแอพพลิเคชั่น Windows ของ Avira นั้นไม่ได้รองรับภาษาไทย นี่เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่คุณควรนำไปพิจารณา!
หากคุณสนใจบริการของ Avira แต่คุณไม่ต้องการเสียเงินใด ๆ ในตอนนี้
สรุป:
คลาวด์สแกนเนอร์ของ Avira และเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพระบบที่ยอดเยี่ยมทำให้พวกเขาเป็นชุดรักษาความปลอดภัยที่มีกินเนื้อที่น้อยที่สุดในรายการของฉัน แพ็คเกจ Avira Prime ยังมี VPN เครื่องมือจัดการรหัสผ่านและครอบคลุมสำหรับอุปกรณ์สูงสุด 5 เครื่องในทุกระบบปฏิบัติการ คุณสามารถทดลองใช้ Avira ได้โดยไม่มีความเสี่ยงด้วยการรับประกันคืนเงิน 60 วัน
7. Kaspersky การรักษาความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ต — ดีที่สุดด้านการช้อปปิ้งและการทำธุรกรรมกับธนาคารออนไลน์

ขณะนี้เราไม่มีหลักฐานที่บ่งชี้ว่า Kaspersky ที่ตั้งอยู่ในมอสโกนั้นเป็นภัยคุกคามต่อผู้ใช้ คุณสามารถอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตัดสินใจของเราในการแนะนำบริการต่อในเว็บไซต์ของเราได้ที่นี่
โปรแกรมแอนตี้ไวรัสของ Kaspersky ให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรมและสามารถตรวจจับมัลแวร์ทุกประเภทอย่างต่อเนื่อง — โปรแกรมนี้มีประสิทธิภาพ 100% ในการทดสอบการป้องกันมัลแวร์ทั้งหมดของฉัน
Kaspersky ยังมีฟีเจอร์ความปลอดภัยทางไซเบอร์อีกมากมายเช่น:
- การป้องกันการฟิชชิ่ง
- Safe Money เบราว์เซอร์ที่ปลอดภัย
- VPN (จำกัด 200 MB ต่อวัน)
- การป้องกันเว็บแคม
ฉันชอบฟีเจอร์ Safe Money ของ Kaspersky มาก — โปรแกรมจะตรวจจับเมื่อคุณกำลังจะชำระเงินออนไลน์หรือเข้าถึงเว็บไซต์ของธนาคาร โดยเสนอให้เปิดเบราว์เซอร์ที่ปลอดภัยและไม่สามารถเข้าถึงได้จากมัลแวร์และสปายแวร์ Kaspersky ฉันชอบฟีเจอร์ Safe Money แต่ฉันชอบเบราว์เซอร์ที่ปลอดภัยของ Bitdefender มากกว่านั่นคือ Safepay ซึ่งโหลดได้เร็วกว่าของ Kaspersky นำเสนอแป้นพิมพ์เสมือนเมื่อจัดการธุรกรรมออนไลน์เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกตรวจจับด้วยคีย์ล็อกเกอร์
ในความคิดของฉัน
หากคุณอยากรู้เกี่ยวกับตัวเลือกภาษาโปรดทราบว่า Kaspersky นั้นไม่มีให้บริการในภาษาไทย
สรุป:
Kaspersky นำเสนอแพ็คเกจป้องกันไวรัสที่ออกแบบมาอย่างดี พร้อมด้วยเครื่องมือสแกนป้องกันมัลแวร์ที่ดีและบริการเสริมที่เป็นประโยชน์ เช่น เบราว์เซอร์ที่ปลอดภัยสำหรับการเงินออนไลน์ ผู้ปกครองควรพิจารณาอัปเกรดเป็นแผน Total Security ระดับพรีเมียมของ Kaspersky ซึ่งเพิ่มการควบคุมโดยผู้ปกครองที่ยอดเยี่ยม ทุกการซื้อบริการของ Kaspersky มีการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
อ่านรีวิวตัวเต็มของ Kaspersky >
8. Panda Dome — ดีที่สุดในด้านราคาที่มีความยืดหยุ่น

ในระหว่างการทดสอบเครื่องสแกนมัลแวร์ของ Panda นั้นทำงานได้ดี (อัตราการตรวจจับมัลแวร์ที่ 95% และอัตราการตรวจจับแรนซัมแวร์ที่ 100%) และฉันชอบฟีเจอร์เพิ่มเติมส่วนใหญ่ที่นำเสนอด้วย ฟีเจอร์เพิ่มเติมตัวหนึ่งของ Panda ที่ฉันชอบมากคือ Rescue Kit ซึ่งเป็นเวอร์ชันที่สามารถบู๊ตได้ของ Panda ซึ่งสามารถใช้งานได้จากธัมบ์ไดรฟ์ (ในกรณีที่คอมพิวเตอร์ของคุณติดมัลแวร์อย่างหนัก)
ตัวเลือกราคาที่ยืดหยุ่นของ Panda ได้แก่:
Free รวมการป้องกันไวรัสแบบเรียลไทม์สำหรับ Windows และเครื่องสแกนแอปสำหรับ Android รวมถึง Rescue Kit และ VPN (จำกัด 1 เซิร์ฟเวอร์และ 150 MB ต่อวัน)Essential (US$28.79 / ปี) เพิ่มการป้องกันมัลแวร์แบบเรียลไทม์ของ Android และ macOS ไฟร์วอลล์ Windows และการป้องกัน Wi-FiAdvanced (US$28.49 / ปี) เพิ่มการควบคุมโดยผู้ปกครองสำหรับ Windows การป้องกันแรนซัมแวร์และการใช้งานอินเตอร์เน็ตที่ปลอดภัยComplete (US$42.99 / ปี) เพิ่มเครื่องมือจัดการรหัสผ่าน เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพอุปกรณ์และเครื่องมือเข้ารหัสไฟล์และเครื่องทำลายเอกสารPremium (US$66.99 / ปี) . เพิ่มการเข้าถึง VPN แบบไม่จำกัด เครื่องมือจัดการการอัปเดตและการสนับสนุนทางเทคนิคตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน
แผนทั้งหมดของ Panda มอบความคุ้มค่าให้อย่างมาก แม้แต่แผนบริการฟรีก็ค่อนข้างดี โดยมีการป้องกันไวรัสแบบเรียลไทม์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผลิตภัณฑ์ป้องกันไวรัสฟรีจำนวนมากไม่ได้นำเสนอ
ฟีเจอร์ทั้งหมดของ Panda นั้นยอดเยี่ยมมาก แต่ฉันค่อนข้างผิดหวังกับ VPN ของ Panda — มันทำงานได้ไม่ดีในการทดสอบความเร็วและจำกัดการใช้งาน ตัวเลือกการใช้งานแบบไม่จำกัดมีให้บริการเฉพาะในแผนราคาแพงที่สุดเท่านั้น หากคุณ หากคุณกำลังมองหา VPN ที่รวมอยู่ในแพ็คเกจแอนตี้ไวรัส ฉันขอแนะนำ Bitdefender หรือ TotalAV
สรุป:
หากคุณต้องการเครื่องสแกนมัลแวร์ฟรีที่เรียบง่าย มาพร้อมการป้องกันแบบเรียลไทม์หรือชุดรักษาความปลอดภัยบนอินเทอร์เน็ตเต็มรูปแบบ Panda มีตัวเลือกให้คุณ Panda มาพร้อมความพิเศษมากมาย เช่น การป้องกันมัลแวร์เรียกค่าไถ่ขั้นสูง, Rescue Kit เพื่อช่วยกู้ชีพคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะที่โดนมัลแวร์โจมตี, โปรแกรมจัดการรหัสผ่าน, การควบคุมดูแลการใช้งานของบุตรหลาน, โปรแกรมเข้ารหัสไฟล์ และโปรแกรมทำลายไฟล์ Panda ยังมีการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วันอีกด้วย
9. Trend Micro — ดีที่สุดสำหรับการป้องกันฟิชชิ่ง

โปรแกรมสแกนไวรัสของ Trend Micro ทำคะแนนได้ค่อนข้างดีในการทดสอบของฉัน โดยมันสามารถตรวจจับไวรัสโทรจัน แรนซัมแวร์และสปายแวร์ส่วนใหญ่ในระบบของฉันได้ แม้ว่าจะไม่ได้คะแนนเยอะเท่ากับคู่แข่งชั้นนำอย่างNorton และ Bitdefender ก็ตาม
อย่างไรก็ตามการป้องกันฟิชชิ่งคือจุดที่โปรแกรมป้องกันไวรัสนี้โดดเด่นมาก
การฟิชชิงนั้นมีมากขึ้นและมันทำให้ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสตรวจพบได้ยากมากขึ้น อาชญากรไซเบอร์สามารถสร้างเว็บไซต์ที่ซ้ำกันได้ (กลยุทธ์ที่เรียกว่า “การปลอมแปลงโดเมน”) ซึ่งออกแบบมาเพื่อหลอกล่อให้คุณกรอกข้อมูลส่วนตัวและรหัสผ่าน
เว็บเบราว์เซอร์เช่น Chrome และ Firefox มีการป้องกันฟิชชิ่งอยู่ในตัว แต่ฟีเจอร์การป้องกันการฟิชชิ่งของ Trend Micro ตรวจพบเว็บไซต์ฟิชชิ่งในการทดสอบของฉันมากกว่า Chrome, Safari หรือ Microsoft Edge รวมกันเสียอีก
ก่อนที่ฉันจะลืมเรามาพูดถึงอินเทอร์เฟซผู้ใช้กันก่อนดีกว่า Trend Micro ได้รับการแปลเป็น 20 ภาษา แต่ไม่ใช่ในภาษาไทย
สรุป:
Trend Micro นำเสนอชุดฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวที่แข็งแกร่งสำหรับผู้ใช้ Windows, Mac, Android และ iOS – บริษัทยังมีแอพพลิเคชั่น Chromebook อีกด้วย! Trend Micro มีความสามารถในการป้องกันฟิชชิ่งได้ดีเป็นพิเศษและจะช่วยคุณหลีกเลี่ยงเว็บไซต์ที่เป็นอันตรายที่ต้องการขโมยหมายเลขบัตรเครดิตหรือรหัสผ่านของคุณ และ Trend Micro ยังมีการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วันอีกด้วย
อ่านรีวิวตัวเต็มของ Trend Micro >
10. BullGuard — โปรแกรมป้องกันไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับการป้องกันที่ทรงประสิทธิภาพสูง (เหมาะสำหรับเกม)

โปรแกรมป้องกันไวรัส BullGuard ทำคะแนนได้ดีมากในการทดสอบล่าสุดของฉัน มันสามารถตรวจจับมัลแวร์ทุกแบบที่ฉันใส่ไว้ในคอมพิวเตอร์ได้ ฉันคิดว่า BullGuard เป็นหนึ่งให้บริการที่ให้การป้องกันฟิชชิ่งที่ดีที่สุด โดยได้คะแนนผลลัพธ์ที่สมบูรณ์แบบ เมื่อฉันทดสอบกับเว็บไซต์ปลอมหลายร้อยเว็บ
ฟีเจอร์ของ BullGuard อีกอย่างหนึ่งที่ฉันชอบคือ Game Booster — มันลดการใช้งานทรัพยากรในระบบ เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของ CPU ระหว่างการเล่นเกม ในระหว่างการทดสอบของฉัน Game Booster จะเพิ่มอัตราเฟรมและลดเวลาในการโหลดขณะเล่นเกมที่ต้องใช้ทรัพยากรสูง เช่น Destiny 2: Beyond Light และ Apex Legends. ในขณะที่ฉันประทับใจเกมบูสเตอร์ของ BullGuard แต่ฉันชอบแอนตี้ไวรัสสำหรับเกมของ Norton มากกว่าซึ่งบริการช่วยให้ฉันมีเฟรมเรทที่ดีกว่า BullGuard
ฉันยังชอบการป้องกันการโจรกรรมข้อมูลของ BullGuard ซึ่งให้การตรวจสอบเครดิตแบบเรียลไทม์และการประกันการโจรกรรมข้อมูลแก่ผู้ใช้ในสหรัฐอเมริกา แคนาดาและประเทศยุโรปตะวันตกส่วนใหญ่ (Norton และ McAfee ปกป้องเฉพาะผู้ใช้ในสหรัฐอเมริกาด้วยการป้องกันการโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคลเท่านั้น)
แต่ฉันไม่ชอบของการควบคุมโดยผู้ปกครองของ BullGuard ซักเท่าไหร่และฉันไม่ชอบที่บริษัทไม่ได้นำเสนอ VPN เป็นส่วนหนึ่งของแพ็คเกจแอนตี้ไวรัสเหมือนกับ Norton และ McAfee
แอพพลิเคชันของ BullGuard สามารถแสดงผลเป็นภาษาอังกฤษ เยอรมัน เดนมาร์ก ฝรั่งเศสและสเปนได้
สรุป:
BullGuard มีเครื่องสแกนมัลแวร์ที่ดี ฟีเจอร์เพิ่มเติมมากมายและเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพเกมที่ปรับปรุงประสิทธิภาพสำหรับนักเล่นเกมบน PC ผู้ใช้ที่มองหาความพิเศษ เช่น การป้องกันการโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคลและการครอบคลุมอุปกรณ์สูงสุด 10 เครื่องสามารถดาวน์โหลด BullGuard Premium Protection ได้ ในขณะที่คนที่มองหาโปรแกรมป้องกันไวรัสที่สามารถใช้งานได้ง่าย ครอบคลุมสำหรับอุปกรณ์ 3 เครื่องควรเข้าไปดู BullGuard Internet Security แผนทั้งหมดของ BullGuard รวมถึงเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพเกม นั้นมาพร้อมกับการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
อ่านรีวิวตัวเต็มของ BullGuard >
โบนัส. Malwarebytes — โปรแกรมป้องกันไวรัสสไตล์มินิมอล (พร้อมกันป้องกันเว็บที่ดี)

นอกจากนี้ Malwarebytes ยังมาพร้อมการป้องกันเว็บที่เป็นเลิศ ซึ่งสามารถระบุและปิดกั้นแบบใสฟิชชิ่งต่าง ๆ ที่ฉันทดลองเข้าเยี่ยมชมในระหว่างการทดลองใช้งานได้สำเร็จ และ Malwarebytes ยังมีบริการ VPN ไม่จำกัดดาต้า ที่มีเซิร์ฟเวอร์อยู่ใน 30 ประเทศด้วยกัน และยังมีความเร็วคุณภาพอีกด้วย อย่างไรก็ตาม VPN ของ Malwarebytes ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีสำหรับการสตรีมหรือทอร์เรนต์ (หากคุณกำลังมองหา VPN ที่ดีในการเข้าถึงเว็บไซต์สตรีมมิ่งและทอร์เรนต์ ฉันขอแนะนำ ExpressVPN)
แต่ก็น่าเสียดายที่ Malwarebytes ไม่มีคุณสมบัติเสริมเหมือนอย่างที่โปรแกรมป้องกันไวรัสอื่น ๆ ในรายการจัดอันดับนี้มีให้ (เช่น ไฟร์วอลล์ เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพคอมพิวเตอร์ PC ระบบควบคุมการใช้อุปกรณ์ของบุตรหลาน เป็นต้น) แม้ว่าฉันอยากจะให้ Malwarebytes เพิ่มคุณสมบัติพิเศษอื่นเข้าไปก็ตาม ฉันก็ยังคิดว่ามันเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ใช้ที่กำลังมองหา
สาระสำคัญ:
Malwarebytes มีตัวสแกนมัลแวร์ที่ดี การป้องกันเว็บเป็นเลิศ และ VPN คุณภาพ แต่ไม่มีคุณสมบัติอย่างอื่นให้ใช้อีก ในขณะที่ Malwarebytes ยังขาดคุณสมบัติอื่นๆอีกมากมายที่ฉันคิดว่าสมควรจะมีในโปรแกรมป้องกันไวรัสแบบพรีเมี่ยมในปี 2022 ก็ยังถือว่าโดยรวมแล้วมันยังเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ใช้ที่กำลังมองหาโปรแกรมป้องกันไวรัสที่เรียบง่ายไม่หวือหวา ทั้งนี้ Malwarebytes มาพร้อมการรับประกันคืนเงินที่ยาวนานถึง 60 วัน
อ่านบทวิจารณ์ฉบับเต็มสำหรับ Malwarebytes ที่นี่ >
โบนัส. MacKeeper แอนตี้ไวรัสที่ใช้งานง่าย & มีฟีเจอร์ครบถ้วนสำหรับ Mac
MacKeeper เป็นหนึ่งในแอนตี้ไวรัสที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานกับ Mac ซึ่งหาได้ยาก และบริการยังมาพร้อมกับการป้องกันมัลแวร์ที่ยอดเยี่ยม ฟีเจอร์ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวที่สร้างช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับอุปกรณ์ Apple และมีแอปสำหรับ macOS ที่ใช้งานได้ง่าย
MacKeeper มีอินเตอร์เฟซให้บริการใน 17 ภาษา แต่ตอนนี้ยังไม่มีให้บริการในภาษาไทย
ในการทดสอบของฉัน MacKeeper สามารถตรวจจับมัลแวร์ที่สร้างมาสำหรับ Mac ได้ถึง 99% เช่นเดียวกับแอนตี้ไวรัสสำหรับ Mac ที่ยอดเยี่ยมอย่าง Intego และ McAfee และเครื่องมือทำความสะอาดและเพิ่มประสิทธิภาพ Mac ได้ลบไฟล์ขยะและไฟล์ที่ซ้ำกันประมาณ 3.5 GB ออกจาก MacBook Pro ของฉัน (ฉันชอบที่ MacKeeper นำเสนอตัวเลือกในการลบไฟล์แนบอีเมลที่ไม่ต้องการ ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันไม่เคยเห็นในโปรแกรมป้องกันไวรัสอื่น ๆ )
VPN ของ MacKeeper ยังใช้งานได้ดีมาก ๆ อีกด้วย มันปลอดภัย รวดเร็วและสามารถเข้าถึงบริการสตรีมมิ่งอย่าง Netflix ได้อีกด้งบ สิ่งหนึ่งที่ฉันไม่ชอบเกี่ยวกับ VPN คือมันขาดความโปร่งใสในนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลไป ฉันต้องการใช้ MacKeeper นำเสนอข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับวิธิการจัดการข้อมูลของพวกเขา
และในอีกด้านหนึ่ง MacKeeper นั้นขาดการป้องกันการฟิชชิ่ง ซึ่งฉันคิดว่ามันเป็นฟีเจอร์ที่สำคัญอย่างมากสำหรับแอนตี้ไวรัสใน 2022 บริการยังไม่มีไฟร์วอลล์หรือการควบคุมโดยผู้ปกครอง ซึ่งทั้งสองฟีเจอร์นี้มีให้บริการใน Intego
MacKeeper นำเสนอแผนบริการที่หลากหลาย ในราคาเริ่มต้นที่US$10.95 / เดือน แผนทั้งหมดมีฟีเจอร์เหมือนกัน ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวระหว่างแผนคือ ระยะเวลาการให้บริการและจำนวนคอมพิวเตอร์ Mac ที่ครอบคลุม (1-3)
สรุป:
MacKeeper เป็นแอนตี้ไวรัสสำหรับ Mac ที่ดีมาก มีอัตราการตรวจจับมัลแวร์ที่เกือบจะสมบูรณ์แบบ มีเครื่องมือล้างระบบที่ยอดเยี่ยม และนำเสนอ VPN ที่ปลอดภัยและรวดเร็วพร้อมข้อมูลไม่จำกัด อย่างไรก็ตามมันไม่มีการป้องกันฟิชชิ่ง ไฟร์วอลล์ และการควบคุมโดยผู้ปกครอง MacKeeper นำเสนอแผนชำระเงินหลายแบบและแผนทั้งหมดมาพร้อมกับการรับประกันคืนเงิน 14 วัน
ปกป้องอุปกรณ์ของคุณด้วย MCAFEE เลยตอนนี้
อ่านรีวิว MacKeeper ตัวเต็มของเราได้ที่นี่>
ตารางเปรียบเทียบโปรแกรมป้องกันไวรัสที่ดีที่สุดประจำปี2022
โปรแกรมป้องกันไวรัส | ราคาเริ่มต้น | ไฟร์วอลล์ | รวม VPN | รุ่นใช้งานฟรี | การรับประกันคืนเงิน |
1.🥇 |
US$9.99 / ปี | มี | ไม่จำกัด ดาต้า | ไม่มี | 60 วัน |
2.🥈 |
US$23.99 / ปี | มี | 200 MB/ วัน | ไม่มี | 30 วัน |
3.🥉 |
US$19.99 / ปี | มี | ไม่มี | ไม่มี | 30 วัน |
4. |
US$29.00 / ปี | มี | ไม่จำกัด (พร้อมการป้องกันไวรัสและการรักษาความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ตอย่างสมบูรณ์) | มี | 30 วัน |
5. |
US$49.99 / ปี | มี | ไม่จำกัด ดาต้า (กับการต่ออายุสมาชิกอัตโนมัติ) | ไม่มี | 30 วัน |
6. |
US$45.99 / ปี | ไม่มี | ไม่จำกัด ดาต้า (กับแผน Avira Prime) | มี | 60 วัน |
7. |
US$29.99 / ปี | มี | 300 MB/วัน | มี | 30 วัน(USA) และ 14 วัน (UK) |
8. |
US$28.49 / ปี | มี | ไม่จำกัด (กับแผน Panda Dome) | มี | 30 วัน |
9. |
US$19.95 / ปี | ไม่มี | ไม่มี | ไม่มี | 30 วัน |
10. |
US$9.99 / ปี | มี | ไม่มี | ไม่มี | 30 วัน |
โบนัส. |
US$39.99 / ปี | ไม่มี | ไม่จำกัด (กับแผน Malwarebytes Premium + Privacy) | มี | 60 วัน |
โบนัส. MacKeeper | US$10.95 / เดือน | ไม่มี | ไม่จำกัด | ไม่มี | 14 วัน |
ฉันให้คะแนนแอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดในปี 2022 อย่างไร
- การป้องกันมัลแวร์ที่แข็งแกร่ง ฉันแนะนำเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถป้องกันภัยคุกคามจากมัลแวร์ขั้นสูงสุดได้ – ไม่เพียงแค่ไวรัสเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสปายแวร์ รูทคิท แรนซัมแวร์และสิ่งอื่น ๆ ที่อาจทำให้ฉันหรืออุปกรณ์ของฉันได้รับอันตราย ฉันได้ทำการทดสอบมัลแวร์ การทดสอบภาวะวิกฤตและการทดสอบประสิทธิภาพของ CPU เป็นการส่วนตัวเพื่อให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้สามารถให้การป้องกันที่แข็งแกร่งจากไวรัส มัลแวร์และภัยคุกคามความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ตที่เป็นอันตรายอื่น ๆ
- ไม่มี (หรือน้อยที่สุด) ผลบวกลวง ขณะที่ไม่มีซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสไหนมีภูมิคุ้มกันผลบวกลวงได้ 100% ก็มีบางโปรแกรมที่มีผลบวกลวงได้มากกว่าโปรแกรมอื่น ฉันคิดเสมอว่าหากโปรแกรมป้องกันไวรัสมีผลบวกลวงนั้นย่อมดีกว่าตรวจสอบมัลแวร์จริง ๆ พลาดไป แต่การได้รับการแจ้งเตือนผลการติดเชื้อลวงนั้นก็น่ารำคาญไม่น้อยเลย โปรแกรมป้องกันไวรัสในรายการจัดอันดับนี้จะมีผลบวกลวงเป็นศูนย์ หรือมีแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้นในทุกการทดสอบ
- ฟีเจอร์คุณภาพสูง แอนตี้ไวรัสส่วนใหญ่นำเสนอฟีเจอร์ความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ตเพิ่มเติมในแพ็คเกจป้องกันไวรัสแบบชำระเงิน แต่หลายครั้งความพิเศษเหล่านี้เป็นเพียงส่วนเสริมที่ดูล่อตาล่อใจ ซึ่งจะทำให้คอมพิวเตอร์ของคุณช้าลงและส่งผลต่อประสิทธิภาพของอุปกรณ์ของคุณ (ไม่ต้องพูดถึงการเพิ่มราคาเลย) ฉันได้ทดสอบฟีเจอร์ของผลิตภัณฑ์ในรายการนี้เป็นการส่วนตัวเพื่อรับประกันว่าฟีเจอร์ของโปรแกรมป้องกันไวรัสมีประโยชน์และมีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่ราคาแพงและฟีเจอร์พิเศษที่ทำมาเพื่อล่อตาล่อใจ
- ความเร็วและประสิทธิภาพ โปรแกรมป้องกันไวรัสที่ดีที่สุดคือโปรแกรมที่ไม่กินเนื้อหาและทำงานได้อย่างราบรื่น แม้ในคอมพิวเตอร์รุ่นเก่าหรือช้ากว่าในทุกระบบปฏิบัติการ ฉันทดสอบและวัดผลเพื่อดูด้วยตัวเองว่าแอนตี้ไวรัสแต่ละตัวในรายการนี้ทำงานได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพเพียงใด เมื่อเทียบกับแอนตี้ไวรัสอื่น ๆ
- รองรับหลายแพลตฟอร์ม โปรแกรมป้องกันไวรัสชั้นนำจะใช้ได้กับระบบปฏิบัติการทุกชนิด รวมถึงระบบปฏิบัติการยอดนิยมอย่าง Windows, macOS, Android และ iOS และแม้ว่าตัวเลือกของฉันจะไม่ได้รองรับทุกแพลตฟอร์ม (ยกตัวอย่างเช่น Intego ที่ออกแบบมาเพื่อ Mac โดยเฉพาะ) โปรแกรมป้องกันไวรัสส่วนใหญ่ที่ผมแนะนำก็ทำงานได้อย่างไร้ที่ติทั่วทุกระบบปฏิบัติการ
- ความง่ายในการใช้งาน ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือผู้เชี่ยวชาญ คุณต้องมีการป้องกันไวรัสสำหรับคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์และแท็บเล็ตของคุณ แต่ถ้าซอฟต์แวร์นั้นมีต้องใช้ความรู้ด้านเทคนิคมากจนคุณต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีเพื่อที่จะได้รับการปกป้อง ถ้าอย่างนั้นมันก็ไม่เหมาะสำหรับผู้ใช้ส่วนใหญ่ ฉันได้ทดสอบซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสแต่ละตัวด้วยตัวเอง เพื่อให้แน่ใจว่าทุกบริการจะสามารถตั้งค่าได้ง่ายและใช้งานได้อย่างถูกต้อง
- ดูแลลูกค้าดี การได้เข้าใช้งานหลากหลายช่องทางสนับสนุนลูกค้าในกรณีที่คุณต้องการความช่วยเหลือในเรื่องของซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสนั้นเป็นสิ่งสำคัญ แบรนด์ที่อยู่ในรายการจัดอันดับนี้มีตัวเลือกการดูแลลูกค้าที่หลากหลาย เช่น การสนทนาสด การช่วยเหลือทางอีเมล ศูนย์รวมฐานความรู้ คำถามที่พบบ่อย และฟอรั่ม ฉันได้ลองติดต่อฝ่ายดูแลลูกค้า เรียกดูฐานความรู้ และโพสต์คำถามลงในฟอรั่ม และฉันรู้สึกพึงพอใจกับการจัดการข้อสงสัยและแก้ไขปัญหาที่แบรนด์เหล่านี้มีให้
- ความคุ้มค่า แอนตี้ไวรัสนั้นอาจเป็นการลงทุนราคาสูงได้ ฉันพิจารณาปัจจัยที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เช่น ฟีเจอร์การป้องกันเว็บและการใช้งานอินเตอร์เน็ต จำนวนอุปกรณ์ที่ครอบคลุมและมีการทดลองใช้ฟรีหรือการรับประกันคืนเงินหรือไม่ โดยส่วนตัวแล้วฉันรู้สึกว่าแอนตี้ไวรัสชั้นนำทั้งหมดนี้มีความคุ้มค่าอย่างมาก
ทำไมเราถึงยังแนะนำ Kaspersky
หลังจากการรุกรานในยูเครนของรัสเซียในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2022 สำนักงานความมั่นคงของข้อมูล (BSI) ของเยอรมนีได้เตือนบริษัทต่าง ๆ เกี่ยวกับการใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันไวรัสของ Kaspersky เนื่องจากบริษัทอาจมีความผูกพันกับรัฐบาลรัสเซีย ซึ่งตามมาด้วยการตัดสินใจของคณะกรรมการกลางการกำกับดูแลกิจการสื่อสารแห่งสหรัฐอเมริกาในการเพิ่ม Kaspersky ในรายการภัยคุกคามด้านความมั่นคงแห่งชาติ
อย่างไรก็ตาม ณ จุดนี้ยังไม่มีหลักฐานใด ๆ บ่งชี้ว่า Kaspersky นั้นไม่ปลอดภัย
ในปี 2017 Kaspersky ได้เริ่มโครงการ Global Transparency Initiative โดยย้ายศูนย์จัดเก็บข้อมูลไปยังสวิตเซอร์แลนด์ เปิดศูนย์ความโปร่งใสในสวิตเซอร์แลนด์ สเปน แคนาดา บราซิล และมาเลเซีย ซึ่งมีการประเมินซอร์สโค้ดและซอฟต์แวร์อัปเดตอย่างต่อเนื่องและผ่านการตรวจสอบ Service Organization Control for Service Organizations (SOC 2) (SOC 2) ประเภทที่ 1
ยิ่งไปกว่านั้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา Kaspersky ได้เปิดเผยเหตุการณ์การจารกรรมทางไซเบอร์หลายกรณี รวมถึงกรณีที่เกิดขึ้นทั้งรัสเซียและสหรัฐอเมริกาและนักวิจัยของ Kaspersky ก็เป็นหนึ่งในกลุ่มที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในอุตสาหกรรม
เราไม่มีเหตุผลที่จะคิดว่า Kaspersky เป็นภัยคุกคามต่อผู้ใช้ในขณะนี้ แต่ถ้าคุณกังวลว่า Kaspersky จะทำให้คุณตกอยู่ในความเสี่ยง เรามีทางเลือกอื่นอีกมากมายให้เลือก รวมถึง Norton หรือ Bitdefender
แอนตี้ไวรัสจากบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ไม่ติดโผของฉัน:
- Avast/AVG Avast (ซึ่งเป็นเจ้าของโดย AVG) ถูกกล่าวหาติดตามและขายข้อมูลผู้ใช้เพื่อผลกำไร ด้วยเหตุนี้เราจึงไม่แนะนำผลิตภัณฑ์ Avast ในเว็บไซต์นี้อีกต่อไป คุณสามารถอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อกล่าวหาและการตัดสินใจของเราได้ที่นี่
- ESET ESET พวกเขามีชื่อเสียงในด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์อย่างมาก น่าเสียดายที่ผลิตภัณฑ์แอนตี้ไวรัสในบ้าน ในปัจจุบันไม่เป็นมิตรกับผู้ใช้มากพอที่ให้ฉันจะใส่ไว้ในรายการนี้ อย่างไรก็ตามแอพพลิเคชั่น Android ของ ESET ได้รับตำแหน่งที่ดีใน 5 แอพพลิเคชั่นแอนตี้ไวรัสฟรีสำหรับ Android
- Webroot Webroot เป็นโปรแกรมขนาดเล็กที่มีเครื่องสแกนมัลแวร์ที่ดีและเครื่องมือจัดการรหัสผ่านที่ยอดเยี่ยม แต่การป้องกันแรนซัมแวร์นั้นไม่ดีเท่าที่ควร เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพระบบควรปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่านี้และบริการไม่มีส่วนเสริมที่ฉันต้องการเหมือนในแอนตี้ไวรัสระดับพรีเมียม 2022
- Sophos Sophos สามารถตรวจจับมัลแวร์ได้ทุกประเภท แอปก็ใช้งานง่ายมากและสามารถจัดการอุปกรณ์จากระยะไกลได้สูงสุด 10 อุปกรณ์ อย่างไรก็ตามฉันไม่ชอบฟีเจอร์เพิ่มเติมของบริการ ฉันคิดว่าบริการที่อยู่ในรายการของฉันนั้นให้ความคุ้มค่าที่มากกว่า
- Comodo Comodo เป็นแอนตี้ไวรัสฟรีที่มีอัตราการกำจัดมัลแวร์ที่ดีพอสมควร แต่ผลิตภัณฑ์แอนตี้ไวรัสในหลายแพลตฟอร์มของบริการนั้นมีบัคมากเกินไปและฟีเจอร์บางอย่างก็ทำงานได้ไม่ดีนัก
ซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับ2022 — คำถามที่พบบ่อย
แอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับ Windows 10 คืออะไร
ฉันแนะนำ
แต่ โปรแกรมป้องกันไวรัสทั้งหมดในรายการนี้จะใช้งานได้กับผู้ใช้ Windows 10 ทุกราย (และหลายแบรนด์ยังใช้ได้กับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะรุ่นเก่า ๆ ที่ใช้ Windows 7 และ Windows XP อีกด้วย)
สำหรับผู้ใช้ Windows ที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์ฟรีที่ดีกว่าโปรแกรมป้องกันไวรัส Windows Defender ในตัวของ Microsoft ฉันขอแนะนำ
อ่านเกี่ยวกับแอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับ Windows 10 ได้ที่นี่ >
ฉันต้องการมันจริง ๆ หรือ ต้องการแอนตี้ไวรัสใน2022
หากคุณใช้อินเทอร์เน็ต คุณจำเป็นต้องป้องกันภัยคุกคามออนไลน์อยู่เสมอ ข่าวดีก็คือคุณอาจใช้โปรแกรมแอนตี้ไวรัสอยู่แล้ว — หากคุณใช้ Windows, Mac หรือระบบปฏิบัติการมือถือของคุณมีโปรแกรมป้องกันไวรัสอยู่แล้ว และโปรแกรมป้องกันไวรัสในตัวเหล่านี้ก็ถือว่าใช้งานได้ไม่เลว แต่มันยังขาดการป้องกันในด้านอื่น ๆ ไป
แพ็คเกจแอนตี้ไวรัสชั้นนำทั้งหมดนำเสนอการป้องกันระดับสูง — เครื่องมือป้องกันมัลแวร์เต็มรูปแบบ (รวมถึงการป้องกันการฟิชชิ่ง การป้องกันแรนซัมแวร์ การป้องกันเว็บแคมและการป้องกัน Wi-Fi) การปรับปรุงความปลอดภัย (รวมถึงไฟร์วอลล์ที่ปรับแต่งได้ การควบคุมโดยผู้ปกครองและการเพิ่มประสิทธิภาพอุปกรณ์) และฟีเจอร์พิเศษ (เช่น เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน เครื่องมือทำลายไฟล์ และ VPN
ดังนั้นการซื้อโปรแกรมป้องกันไวรัสจึงไม่ได้เกี่ยวกับว่าคุณจำเป็นต้องใช้มันหรือไม่ – เพราะคุณต้องใช้มันอยู่แล้ว – แต่มันขึ้นอยู่กับระดับการป้องกันที่คุณต้องการต่างหาก
แอนตี้ไวรัสนั้นคุ้มค่าแค่ไหน
ตัวอย่างเช่นแอนตี้ไวรัสฟรีส่วนใหญ่ไม่มีการป้องกันแบบเรียลไทม์ ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยไม่ให้มัลแวร์ติดตั้งบนอุปกรณ์ของคุณได้ในขณะที่คุณใช้คอมพิวเตอร์ ผลิตภัณฑ์ฟรียังไม่ให้คุณเข้าถึงฟีเจอร์ที่มีประโยชน์เหมือนในบริการพรีเมี่ยม เช่น การป้องกันแรนซัมแวร์ การป้องกันเว็บหรือเครือข่ายส่วนตัวเสมือน (VPN)
ในทางกลับกันแอนตี้ไวรัสพรีเมี่ยมนั้นนำเสนอฟีเจอร์เหล่านี้ทั้งหมด รวมถึงฟีเจอร์พิเศษอื่น ๆ อีกมากมาย (เช่น เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน การควบคุมของผู้ปกครองและเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพระบบ) แอนตี้ไวรัสระดับพรีเมียมยังสามารถใช้งานได้ในหลายอุปกรณ์ในระบบปฏิบัติการหลักทั้งหมด ดังนั้นคุณจึงสามารถปกป้องอุปกรณ์ทั้งหมดของคุณได้
แอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับ Mac คืออะไร
ฉันขอแนะนำ
ผลิตภัณฑ์แอนตี้ไวรัสส่วนใหญ่ในรายการนี้มีแอพพลิเคชันสำหรับ Mac ที่มีความสามารถสูงเช่นกัน และมันสามารถทำงานโดยไม่มีปัญหาใด ๆ แม้ว่าอาจมีเงื่อนไขบางประการก็ตาม
ตัวอย่างเช่น
อ่านเกี่ยวกับแอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับ Mac ได้ที่นี่ >
ฉันจะเลือกซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับฉันได้อย่างไร
การเลือกชุดซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสที่เหมาะสมอาจเป็นการตัดสินใจที่ทำได้ยาก — มันมีตัวเลือกมากมายและผลิตภัณฑ์ที่แพงที่สุดไม่แปลว่ามันให้การปกป้องที่ดีที่สุดเสมอไป
สิ่งที่คุณควรทำเพื่อช่วยค้นหาผลิตภัณฑ์ป้องกันไวรัสที่เหมาะสมมีดังนี้
- พิจารณาว่าคุณต้องการฟีเจอร์ใด การป้องกันไวรัสขั้นพื้นฐานเป็นสิ่งจำเป็น แต่ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ตอื่น ๆ ก็มีความสำคัญเช่นกัน หากคุณใช้เครือข่าย Wi-Fi สาธารณะ คุณควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มี VPN หากคุณมีลูก คุณควรหาโปรแกรมป้องกันไวรัสที่มีการควบคุมโดยผู้ปกครอง ผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมมากขึ้นในรายการนี้ เช่น
Norton 360 นำเสนอฟีเจอร์ขั้นสูง (และอื่น ๆ อีกมากมาย) - พิจารณาว่าคุณอุปกรณ์ใดและจำนวนเท่าใด คุณอาจมีอุปกรณ์มากกว่าหนึ่งเครื่องที่ต้องการการป้องกันไวรัส ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดในรายการนี้นำเสนอแผนพร้อมการอนุญาตให้ใช้งานในหลายอุปกรณ์ เช่น คุณสามารถใช้งาน
McAfee ได้สูงสุด 10 อุปกรณ์รวมถึงสมาร์ทโฟน ขณะที่ตัวเลือกอันดับต้นของฉันจะมีบริการแอปคุณภาพชั้นหนึ่งสำหรับระบบปฏิบัติการรายใหญ่ เช่น Windows, macOS, Android และ iOS แต่โปรแกรมป้องกันไวรัสบางแบรนด์ก็ไม่มีแอปสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ เช่น – ตัวอย่างเช่น BullGuard ไม่ได้นำเสนอแอป iPhone แต่ให้บริการที่ดีสำหรับ PC เกม - ใช้ประโยชน์จากการทดลองใช้ฟรี/การรับประกันคืนเงิน มีหลายบริการในรายการนี้ที่ให้ทดลองใช้งานฟรีโดยไม่มีข้อผูกมัด ตัวอย่างเช่น คุณสามารถใช้งาน
Panda ในเดือนแรกได้ฟรี และแบรนด์อื่น ๆ เกือบทุกแห่งเสนอการรับประกันคืนเงินแบบ “ไม่มีคำถาม” ตัวอย่างเช่นTotalAV นำเสนอการคืนเงินภายใน 30 วันและNorton มีระยะเวลาการขอเงินคืนยาวนานถึง 60 วัน - ทดลองใช้ซอฟท์แวร์ ใช้เวลาทดสอบผลิตภัณฑ์ที่คุณเลือก หากคุณไม่พอใจ ติดต่อฝ่ายสนับสนุนลูกค้า หรือเพียงแค่ขอรับเงินคืน – แบรนด์เหล่านี้มีชื่อเสียงที่ต้องรักษาและพวกเขาจะปฏิบัติตามคำขอคืนเงินอย่างเคร่งครัด คุณสามารถทดสอบผลิตภัณฑ์ทั้งหมดในรายการนี้ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ — ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม
โปรแกรมป้องกันไวรัสจะทำให้อุปกรณ์ของคุณทำงานช้าลงหรือไม่
ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสอาจจะทำให้อุปกรณ์ของคุณทำงานช้าลงได้ แต่โดยปรกติแล้ว การที่อุปกรณ์ช้าลงนั้นมักเกิดขึ้นในระหว่างที่ระบบกำลังสแกนเต็มรูปแบบ อย่างไรก็ตาม โปรแกรมป้องกันไวรัสที่ดีที่สุด จะทำงานอย่างรวดเร็วและไม่สะดุดแม้ในระหว่างการสแกนเต็มรูปแบบ ทำให้คุณสามารถใช้งานอุปกรณ์ได้โดยไม่ติดขัด
ตัวเลือกอันดับต้นของฉัน,
นอกจากนี้ ตัวเลือกอันดับต้นของฉันบางแบรนด์ เช่น