
อัพเดท: 1 มิถุนายน 2023
![10 แอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุด[2023]: Windows, Android, iOS & Mac](https://static.safetydetectives.com/wp-content/uploads/2020/06/10-Best-Antivirus-in-2020-Windows-Android-iOS-Mac-300x158.jpg)
มีเวลาไม่พอใช่ไหม นี่คือแอนตี้ไวรัสฟรีที่ดีที่สุดสำหรับ2023:
- 🥇 Norton: การปกป้องไวรัสและมัลแวร์ที่ยอดเยี่ยม มาพร้อมกับฟีเจอร์เพิ่มเติมมากมาย อย่างเช่นการป้องกันการฟิชชิ่ง, VPN, เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน, การควบคุมของผู้ปกครอง, การตรวจสอบดาร์กเว็บแบบเรียลไทม์, การสำรองข้อมูลบน Cloud และอื่น ๆ อีกมากมาย
มีบริการนับร้อยให้คุณเลือกใช้และพวกเขาอ้างว่าจะนำเสนอการป้องกันที่ดีที่สุดในราคาที่ดีที่สุด ฉันได้ทดสอบซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสชั้นนำแล้วและมีเพียงไม่กี่บริการเท่านั้นที่แข็งแกร่ง ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะได้รับการพิจารณาให้เป็นหนึ่งในแอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดแห่งปี 2023
แอนตี้ไวรัสส่วนใหญ่ในปัจจุบันมีมากกว่าแค่โปรแกรมสแกนไวรัส มันยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ที่ช่วยเพิ่มการป้องกันเพิ่มเติม เช่น ไฟร์วอลล์ การป้องกันเว็บฟิชชิ่ง เครือข่ายส่วนตัวเสมือน (VPN) เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน การควบคุมโดยผู้ปกครองและการป้องกันสำหรับอุปกรณ์พกพา
แต่ก็มีแอนตี้ไวรัสจำนวนมากเหมือนกันที่ไม่สามารถให้บริการได้ตามที่โฆษณาไว้ เช่น มีอัตราการตรวจจับมัลแวร์ต่ำ ไม่สามารถบล็อกเว็บไซต์ที่เป็นอันตรายอย่างสม่ำเสมอและฟีเจอร์พิเศษไม่ได้รับการออกแบบมาอย่างดีและแทบไม่มีประโยชน์เลย (แม้จะเรียกเก็บค่าบริการเพิ่มเติมจากคุณก็ตาม)
แล้วคุณจะรู้ได้อย่างไรว่าผลิตภัณฑ์แอนตี้ไวรัสใดมีความปลอดภัยที่ดีที่สุด มีการป้องกันมัลแวร์ที่ดีที่สุดและคุ้มค่าที่สุด ฉันเปรียบเทียบกับบริการแอนตี้ไวรัสระดับชั้นนำในตลาดและจัดอันดับมันจากความปลอดภัย ฟังก์ชั่นการใช้งาน ความเร็วและราคา
ทดลองใช้งาน Norton ได้อย่างปลอดภัยเป็นเวลา 60 วัน
สรุปย่อของซอฟแวร์แอนตี้ไวรัสที่ดีที่ยอดสำหรับ2023:
- 1.🥇 Norton — โปรแกรมป้องกันไวรัสคุณสมบัติโดยรวมดีที่สุดในปี 2023
- 2.🥈 Bitdefender — ชุดรักษาความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ตที่มีความครอบคลุมมากที่สุด
- 3.🥉 McAfee — การป้องกันเว็บที่ดีที่สุด (มาพร้อมแผนการบริการสำหรับครอบครัว)
- 4. TotalAV — ดีที่สุดในด้านความง่ายดายในการใช้งาน (แนะนำสำหรับมือใหม่)
- 5. Intego — แอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับ Mac (สำหรับระบบปฏิบัติการ macOS)
- แอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับ2023อันดับที่ 6-10
- ตารางการเปรียบเทียบตัวเลือกระดับชั้นนำ
🥇1. Norton 360 — แอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับ Windows, Android & iOS

Norton 360 นำเสนอการป้องกันจากไวรัสและมัลแวร์แบบที่ไม่มีใครเทียบได้ มันเป็นชุดรักษาความปลอดภัยอินเทอร์เน็ตที่สร้างขึ้นมาเป็นอย่างดีและได้รับการดูแลอย่างดี ซึ่งช่วยให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลทั้งหมดจะปลอดภัย เป็นส่วนตัวและได้รับการปกป้องอย่างเต็มที่และทำงานได้ดีในทุกระบบปฏิบัติการ มันเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้งานที่บ้านซึ่งกำลังมองหาแอนตี้ไวรัสที่ใช้งานง่าย มีความครบถ้วนสมบูรณ์ และมีการคุ้มกันบนโลกไซเบอร์ที่ดีที่สุด ทั้งหมดนี้ด้วยค่าบริการรายปีที่แสนจะถูก
ซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสของ Norton ใช้เครื่องมือสแกนที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งขับเคลื่อนโดยการวิเคราะห์ฮิวริสติกและการเรียนรู้ของเครื่องทำให้สามารถสแกนค้นหาและลบมัลแวร์ประเภทใหม่ล่าสุดและมัลแวร์ขั้นสูงสุดทั้งหมดได้ พวกเขาได้คะแนนการป้องกัน 100% ในระหว่างการทดสอบทั้งหมดของฉันและได้คะแนนการตรวจจับและการป้องกันภัยคุกคามสูงกว่าโปรแกรมป้องกันไวรัสในตัว (เช่น Windows Defender)
Norton 360 มาพร้อมกับฟีเจอร์เพิ่มเติมมากมาย ที่ใช้งานได้ง่ายและมีประสิทธิภาพ และมีฟีเจอร์ดังนี้:
- ไฟร์วอล์ที่ปลอดภัย
- เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน
- การป้องกันเว็บแคม
- VPN (ไม่จำกัดข้อมูล)
- การควบคุมดาร์กเว็บ
- พื้นที่จัดเก็บบนคลาวด์
- การป้องกันแรนซัมแวร์
- และอื่น ๆ อีกมากมาย…
ฟีเจอร์ที่ฉันชอบเป็นพิเศษคือการตรวจสอบดาร์กเว็บ (เป็นเครื่องมือตรวจสอบดาร์กเว็บที่ดีที่สุดที่ฉันเคยทดสอบ) โดยจะสแกนดาร์กเว็บเพื่อหาข้อมูลส่วนบุคคลหลายอย่าง รวมถึงรายละเอียดบัตรเครดิต เอกสารประกัน เลขที่บ้าน หมายเลขโทรศัพท์ ชื่อในเกมและอื่น ๆ และจะแจ้งเตือนคุณทันทีหากตรวจพบข้อมูลที่ถูกละเมิด
Norton นำเสนอฟีเจอร์ที่ยอดเยี่ยมมากมายในทุกแพคเกจ แผนเริ่มต้นอย่าง AntiVirus Plus มีราคาที่ US$19.99 / ปี มีฟีเจอร์ไม่เยอะเท่าไหร่ แต่ยังมีการป้องกันมัลแวร์แบบเรียลไทม์, ไฟร์วอลล์, เครื่องมือจัดการรหัสผ่านและพื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ขนาด 2 GB แผน Norton 360 Standard นั้นมีความคุ้มค่าอย่างมาก คุณจะได้รับ VPN, พื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ขนาด 10 GB และการตรวจสอบดาร์กเว็บเพิ่มขึ้นมาในราคา US$39.99 / ปี
Norton 360 Deluxe เป็นแพ็คเกจที่คุ้มค่าที่สุด ราคาเพียง US$49.99 / ปี คุณจะสามารถใช้งานได้ในหลายอุปกรณ์ (มากถึง 5 อุปกรณ์), มีพื้นที่การจัดเก็บข้อมูลที่มากกว่า (มากถึง 50 GB) และสามารถใช้แอปการควบคุมของผู้ปกครองที่ดีที่สุดได้ Norton 360 with LifeLock มีราคาที่ US$99.99 / ปี แผนบริการนี้จะเพิ่มการป้องกันการขโมยข้อมูลส่วนตัวและการตรวขสอบหมายเลขบัตรเครดิตผ่านบริษัทลูกของ Norton และยังมี LifeLock แต่มีให้สำหรับผู้ใช้ในอเมริกาเท่านั้น
สรุป:
Norton 360 เป็นตัวเลือกแอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดใน2023 Norton นำเสนอแพ็คเกจความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่แข็งแกร่งที่สุด — การป้องกันจากภัยคุกคามที่เป็นอันตรายที่สมบูรณ์แบบ พร้อมฟีเจอร์พิเศษมากมายเช่น VPN (พร้อมข้อมูลไม่จำกัด) เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน ที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์ที่ปลอดภัย การควบคุมโดยผู้ปกครองและอีกมากมาย และคุณสามารถทดลองใช้ Norton โดยปราศจากความเสี่ยงด้วยการรับประกันคืนเงิน 60 วัน
รับการปกป้องด้วย Norton เลยตอนนี้
🥈2. Bitdefender การรักษาความปลอดภัยแบบหัวจรดเท้า — การป้องกันมัลแวร์ขั้นสูงที่มาพร้อมกับฟีเจอร์เพิ่มเติมมากมาย

Bitdefender เป็นโปรแกรมป้องกันไวรัสขั้นสูง — ใช้ฐานข้อมูลมัลแวร์ขนาดใหญ่ร่วมกับการเรียนรู้ของเครื่องและปัญญาประดิษฐ์เพื่อตรวจจับและป้องกันมัลแวร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าคู่แข่งรายอื่น ๆ ในตลาด
ระหว่างการทดสอบของเรานั้น Bitdefender ตรวจพบและนำสิ่งที่เป็นอันตรายออกจากระบบของเราได้ทั้งหมด และเนื่องจากระบบของมันเป็นแบบคลาวด์ การสแกนมัลแวร์ทั้งหมดจึงเกิดขึ้นบนคลาวด์เซิร์ฟเวอร์ของ Bitdefender ทำให้ไม่สร้างภาระบนอุปกรณ์ของคุณ Bitdefender นั้นแทบจะไม่ส่งผลกับทั้งแล็ปท็อป Windows และ Mac ของเราเลย ถึงแม้จะเป็นช่วงที่มีการสแกนแบบทั้งดิสก์ที่ปกติต้องใช้ทรัพยากรมากก็ตาม
Bitdefender นั้นเหมือนกับ Norton ที่มีการตั้งค่าขั้นสูงสำหรับผู้ใช้ที่รู้วิธีการปรับแต่งการป้องกันไวรัส คุณสามารถตั้งค่าการสแกนแบบกำหนดเองสำหรับเฉพาะส่วนของคอมพิวเตอร์ของคุณ เช่นสคริปต์ การแชร์เครือข่าย บูตเซกเตอร์และแม้แต่ไฟล์ใหม่/ที่แก้ไข การตั้งค่าขั้นสูงของ Bitdefender ทำให้พวกเขามีชื่อเสียงในฐานะหนึ่งในเครื่องมือสแกนมัลแวร์ที่ทรงพลังและทำการปรับแต่งได้มากที่สุด
แต่ Bitdefender ไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องสแกนป้องกันมัลแวร์เท่านั้น บริการยังมีชุดรักษาความปลอดภัยที่ครอบคลุมมากที่สุด ซึ่งให้การป้องกันที่ดีที่สุดสำหรับทั้งคอมพิวเตอร์และมือถือ และมาพร้อมฟีเจอร์ต่าง ๆ อย่างเช่น:
- การป้องกันเว็บไซต์
- การเพิ่มประสิทธิภาพระบบ
- VPN (จำกัด 200 MB ต่อวัน)
- การควบคุมของผู้ปกครอง
- เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน
- การป้องกันเว็บแคม
- การป้องกันแรนซัมแวร์
- และอื่น ๆ อีกมากมาย…
การป้องกันบนเว็บไซต์ของ Bitdefender นั้นยอดเยี่ยมมาก — ป้องกันการฟิชชิ่งได้ บล็อกเว็บไซต์ฟิชชิ่งส่วนมากในการทดสอบของฉันได้และฉันชอบ Safepay อย่างมาก มันเป็นหน้าต่างเบราว์เซอร์ที่ปลอดภัยและเข้ารหัสสำหรับการทำธุรกรรมออนไลน์และการช็อปปิ้ง ฉันชอบการป้องกันแรนซัมแวร์แบบหลายชั้นของ Bitdefender เป็นพิเศษ ซึ่งมันช่วยเพิ่มชั้นการป้องกันข้อมูลบนไฟล์สำคัญของคุณเพื่อไม่ให้มันถูกเข้ารหัสระหว่างที่แรนซัมแวร์โจมตี
VPN ของ Bitdefender นั้นยังเป็นหนึ่งใน VPN ที่ดีที่สุดอีกด้วย มันสามารถเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ที่ถูกเข้ารหัสทั่วโลกได้ด้วยความเร็วสูงสุด — แต่น่าเสียดายที่ต่างจาก Norton VPN ตรงที่ Bitdefender VPN นั้นจะจำกัดข้อมูลการใช้งานรายวันของคุณสำหรับทุกแพลน ยกเว้นแพลนที่มีราคาแพงที่สุด
ในด้านอินเทอร์เฟซผู้ใช้ Bitdefender รองรับมากกว่า 15 ภาษารวมถึง ภาษาไทยด้วย ดังนั้นคุณสามารถเพลิดเพลินกับประสบการณ์การใช้งานที่ราบรื่นโดยไม่ต้องกังวลว่าจะไม่เข้าใจสิ่งที่นำเสนอในแอพพลิเคชั่น
แต่ Bitdefender มีแพ็คเกจราคาถูกหลายแบบให้เลือก Bitdefender Antivirus Plus มีราคา US$19.99 / ปี มีฟีเจอร์ระดับพรีเมียมมากมายของ Bitdefender (ยกเว้นการป้องกันเว็บแคม การควบคุมโดยผู้ปกครองและเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพอุปกรณ์) แต่ใช้ได้เฉพาะกับคอมพิวเตอร์ Windows เท่านั้น Bitdefender Internet Security จะเพิ่มการควบคุมโดยผู้ปกครอง ไฟร์วอลลและใช้งานได้บนคอมพิวเตอร์ Windows อีก 3 เครื่องในราคา US$32.99 / ปี
แผนที่ฉันชอบมากที่สุดคือ Bitdefender Total Security ซึ่งสามารถใช้งานได้ใน 5 อุปกรณ์ รวมถึง Windows, macOS, Android และ iOS ในราคาเพียง US$35.99 / ปี และ Bitdefender Premium Security ที่มีฟีเจอร์ทั้งหมดของ Bitdefender และ VPN ที่ไม่มีการจำกัดข้อมูล ในราคาเพียง US$49.99 / ปี มันมีราคาสูงกว่าบริการอื่น ๆ แต่ VPN ของบริการนี้ดีเทียบเท่ากับบริการ VPN แสตนอโลนด์ชั้นนำหลาย ๆ บริการเลย ฉันคิดว่ามันคุ้มค่ามาก
สรุป:
Bitdefender นำเสนอการสแกนไวรัสบนคลาวด์และเครื่องมือด้านความปลอดภัยบนอินเตอร์เน็ตมากมายในราคาที่ถูกกว่าบริการอื่น ๆ ฉันขอแนะนำ Bitdefender หากคุณมั่นใจในคอมพิวเตอร์ของคุณและมองหาชุดรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ครอบคลุม พร้อมบริการพิเศษเช่น VPN การควบคุมโดยผู้ปกครองและเครื่องมือจัดการรหัสผ่าน คุณสามารถทดลองใช้ Bitdefender ได้โดยไม่มีความเสี่ยงด้วยการรับประกันคืนเงิน 14 วัน
รับการปกป้องด้วย Bitdefender เลยตอนนี้
อ่านรีวิวตัวเต็มของ Bitdefender >
🥉3. McAfee Total Protection — ดีที่สุดด้านการรักษาความปลอดภัยออนไลน์ (+ เหมาะสำหรับครอบครัว)

McAfee Total Protection มีฟีเจอร์ทุกอย่างที่คุณต้องการสำหรับการป้องกันอินเตอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันมัลแวร์, การป้องกันการฟิชชิ่ง, เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน, VPN และการตรวจสอบและการประกันภัยการโจรกรรมข้อมูลประจำตัว และฟีเจอร์ทั้งหมดของมันนั้นก็ใช้งานง่าย และก็ทำงานได้ตามที่กล่าวจริง
ความสามารถในการป้องกันไวรัสที่ยอดเยี่ยมของ McAfee เพียงอย่างเดียวทำให้ Total Protection เป็นผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยม — โดยได้คะแนนการตรวจจับมัลแวร์ทั้งหมด 100% แอนตี้ไวรัสของ
ในทางกลับกัน McAfee มีฟีเจอร์พิเศษที่ค่อนข้างดี หนึ่งฟีเจอร์ที่โดดเด่นของ McAfee ก็คือ ซอฟต์แวร์ด้านความปลอดภัย “My Home Network” มันนำเสนอแผนที่อุปกรณ์ทุกอันที่เชื่อมต่อกับเครือข่าย WiFi ในบ้านของคุณที่สามารถอ่านได้ง่าย ช่วยให้คุณสามารถควบคุมความปลอดภัยในโลกออนไลน์และให้คุณสามารถปกป้องอุปกรณ์ทุกชิ้นจากผู้บุกรุกภายนอกได้
และเราก็ยังชอบการปกป้อง Wi-Fi ของ McAfee มาก ๆ เลย มาก เพราะนอกเหนือจากการบล็อกเนื้อหาและแอปที่ไม่เหมาะสมหรือไม่ต้องการแล้ว บริการยังมาพร้อมกับการติดตามตำแหน่งขั้นสูง ซึ่งช่วยให้คุณสามารถติดตามอุปกรณ์ของบุตรหลานของคุณได้อย่างแม่นยำ (ฟีเจอร์นี้สามารถระบุตำแหน่งอุปกรณ์ได้ดีกว่าเครื่องมือของ Google หรือ Apple มาก)
สิ่งเดียวที่ฉันไม่ชอบเกี่ยวกับ McAfee ก็คือมันทำให้คอมพิวเตอร์ของฉันช้าลงเมื่อทำการสแกนเต็มรูปแบบ (ไม่เหมือน Norton และ Bitdefender) ในขณะที่ฉันสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ต ใช้ Microsoft Office และดูวิดีโอบน YouTube (แต่มีการสะดุดอยู่บ้าง) ได้ แต่ฉันไม่สามารถเล่นเกมที่ต้องใช้ CPU มาก เนื่องจากหน้าจอของฉันค้างระหว่างการเล่นเกม
แพลนของ McAfee ซึ่งมีราคาเริ่มต้นเพียงแค่ US$39.99 / ปี นั้นมีความคุ้มค่าเป็นที่สุด แพลนระดับ Plus (US$39.99 / ปี) นั้นจะครอบคลุมถึง 5 อุปกรณ์ ในขณะที่แพลนระดับ Premium family (US$64.99 / ปี) จะเพิ่มระบบควบคุมสำหรับผู้ปกครองและครอบคลุมได้ไม่จำกัดจำนวนเครื่อง และก็ยังมีแพลนระดับ Advanced (US$89.99 / ปี) ซึ่งจะเพิ่มความคุ้มครองโจรกรรมถึง 1 ล้านดอลลาร์ รวมถึงการป้องกันการโจรกรรมอื่น ๆ
แต่ว่า McAfee ไม่รองรับภาษา ซึ่งมันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ดีนัก แต่ถ้าคุณคุ้นเคยกับภาษาอังกฤษหรือภาษาอื่น ๆ ที่รองรับ คุณก็จะไม่พบปัญหาใด ๆ
สรุป:
McAfee Total Protection นำเสนอฟีเจอร์การความปลอดภัยบนอินเตอร์เน็ตมากมายสำหรับคอมพิวเตอร์และมือถือ การป้องกันฟิชชิ่งและ Wi-Fi นั้นใช้งานได้ดีมาก โดยบล็อกเว็บไซต์ที่มีความเสี่ยงได้ทั้งหมดและให้การควบคุมความปลอดภัยจากส่วนกลางสำหรับอุปกรณ์ทุกเครื่องในเครือข่ายของคุณและแอปการควบคุมของผู้ปกครองนั้นใช้งานได้ดีที่สุด McAfee Total Protection นั้นยอดเยี่ยมอย่างมากสำหรับครอบครัวที่ต้องการทำให้เครือข่าย Wi-Fi ของตัวเองมีความปลอดภัยและเพิ่มความปลอดภัยให้กับเด็ก ๆ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ แพ็คเกจ Total Protection ทั้งหมดมีการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วันโดยไม่มีข้อผูกมัด
รับการปกป้องด้วย McAfee เลยตอนนี้
4. TotalAV — ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสที่ใช้งานง่ายมากที่สุด

TotalAV นั้นมีตัวสแกนไวรัสที่ยอดเยี่ยม และก็มีฟีเจอร์เสริมดี ๆ อยู่มากมาย ทั้งหมดนี้รวมอยู่ในแดชบอร์ดที่ดูเข้าใจง่าย — ทำให้มันเป็นตัวเลือกที่ดีมาก ๆ สำหรับผู้ใช้งานมือใหม่ ที่ไม่อยากจะต้องยุ่งยากกับเมนูและการตั้งค่าที่ซับซ้อน อย่างไรก็ตาม TotalAV นั้นก็ยังมีตัวเลือกการปรับแต่งมากมายให้ผู้ใช้งานขั้นสูงได้เลือกใช้
เครื่องมือสแกนของ TotalAV นั้นรวดเร็วมากและสามารถตรวจจับมัลแวร์ได้เกือบสมบูรณ์แบบ เครื่องมือสแกนสามารถตรวจจับมัลแวร์ได้ 99% ในการทดสอบ ตั้งแต่ไวรัส โทรจันไปจนถึงแรนซัมแวร์ พลาดแค่เพียงไม่กี่ไฟล์เท่านั้น (ซึ่ง Norton และ Bitdefender ตรวจจับได้หมด)
คุณจะยังได้รับเครื่องมือป้องกันภัยอันตรายทางอินเทอร์เน็ตอีกมากมาย เราชอบตัวเพิ่มประสิทธิภาพของ TotalAV เป็นพิเศษ – ระหว่างการทดสอบของเรา มันทำความสะอาดพื้นที่จัดเก็บในคอมของเราไปได้มากกว่าคู่แข่ง และเราก็ชอบ VPN ของ TotalAV ได้ — มันทั้งปลอดภัย ใช้งานได้กับเว็บไซต์สตรีมมิ่งยอดนิยม และก็รักษาระดับความเร็วได้ดีมากสำหรับทุกเซิร์ฟเวอร์ (เพราะแบบนั้นมันถึงถูกจัดอันดับเป็นหนึ่งใน VPN ที่ถูกบันเดิลมากับแอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุด)
ฟีเจอร์เดียวที่เรารู้สึกไม่พอใจสักเท่าไรก็คือ เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน ซึ่งเราคิดว่ามันควรจะปรับปรุงอีกเยอะ — ถ้าคุณต้องการ เครื่องมือจัดการรหัสผ่านดี ๆ ที่บันเดิลมากับแอนตี้ไวรัส เราแนะนำให้เลือก Norton หรือ Avira ทั้งคู่นี้มีความปลอดภัยสูง มีพื้นที่จัดเก็บรหัสไม่จำกัดจำนวนบนอุปกรณ์ไม่จำกัดจำนวน และก็มีฟีเจอร์เสริมอย่างเช่นการตรวจสอบความปลอดภัยของรหัสผ่าน
หากคุณสงสัยในเรื่องภาษาในบริการ TotalAV ไม่รองรับภาษาไทย
แพลนที่เราชอบที่สุดของ TotalAV ก็คือแพลน Internet Security ซึ่งจะครอบคลุม 5 อุปกรณ์ในราคา US$39.00 / ปี TotalAV Antivirus Pro นั้นเป็นแพ็กเกจระดับเริ่มต้นที่ดีสำหรับผู้ใช้งานที่กำลังต้องการจะป้องกันอุปกรณ์สูงสุด 3 เครื่อง มันมีราคา US$19.00 / ปี ในขณะที่ TotalAV Total Security จะเพิ่มเครื่องมือจัดการรหัสผ่าน, ตัวบล็อกโฆษณา และเพิ่มความคุ้มครองถึง 6 เครื่อง ในราคา US$49.00 / ปี
สรุป:
TotalAV มีเอนจินป้องกันไวรัสที่ทรงพลังและฟีเจอร์ที่ดีมากมายภายในแดชบอร์ดที่ใช้งานง่าย — ฉันขอแนะนำ TotalAV สำหรับผู้ใช้เริ่มต้นที่ต้องการเพียงแค่ต้องการสิ่งที่ปลอดภัยปลอดภัยและใช้งานง่าย แพ็คเกจของ TotalAV ล้วนมีฟีเจอร์ที่หลากหลายและฟีเจอร์ทั้งหมดนี้ออกแบบมาเพื่อให้ใช้งานได้ง่ายที่สุด TotalAV มีการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
รับการปกป้องด้วย TotalAV เลยตอนนี้
5. Intego — แอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับ Mac

Intego เป็นโปรแกรมป้องกันไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับ macOS แบรนด์แอนตี้ไวรัสส่วนใหญ่มุ่งเน้นการปกป้อง PC ที่ใช้ Windows เท่านั้น — แม้แต่คู่แข่งอย่าง Norton และ Bitdefender ก็นำเสนอฟีเจอร์สำหรับโปรแกรม macOS น้อยกว่าในเวอร์ชัน Windows — แต่แพ็คเกจแอนตี้ไวรัส Mac ของ Intego ทั้งหมดนั้นได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ตคุณภาพสูงและเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับ macOS โดยเฉพาะ — ช่วยปรับปรุงฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยในตัวของ Apple ให้ดีขึ้นอย่างมากด้วยสิ่งต่าง ๆ เช่น:
- การปกป้องกันมัลแวร์แบบเรียลไทม์
- เครื่องมือทำความสะอาดและเพิ่มประสิทธิภาพ Mac
- ตัวเลือกการสำรองข้อมูลขั้นสูงของ Mac
- ตัวเลือกความปลอดภัยของเครือข่าย
- การควบคุมของผู้ปกครอง
เครื่องสแกนไวรัสของ Intego นั้นรวดเร็วมากและมีอัตราการตรวจจับมัลแวร์ที่สมบูรณ์แบบเทียบกับการทดสอบอื่น ๆ ของฉัน (ทั้งบน macOS และ PC) เครื่องสแกนนั้นทำงานได้รวดเร็วมาก สามารถสแกน 800,000 ไฟล์ได้ในเวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมง ฉันยังชอบที่การสแกนครั้งต่อไปใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที เพราะโปรแกรมของ Intego มีระบบแคชไฟล์ที่จะสแกนไฟล์ที่เคยสแกนแล้ว (Norton ใช้เทคโนโลยีเดียวกันเพื่อข้ามไฟล์ที่เคยสแกนก่อนหน้านี้แล้ว)
ฉันยังชอบสมาร์ทไฟร์วอลล์ที่ปรับแต่งได้ของ Intego โปรแกรมจะตรวจสอบการเชื่อมต่อเครือข่ายทั้งขาเข้าและขาออก และแจ้งเตือนคุณถึงโปรแกรมที่พยายามเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ซึ่งป้องกันไม่ให้โปรแกรมส่งข้อมูลจากอุปกรณ์ Mac ของคุณโดยที่คุณไม่รู้ตัว (เหมาะสำหรับการตรวจจับสปายแวร์ที่พยายามส่งข้อมูลที่สำคัญไปยังแฮกเกอร์) ไฟร์วอลล์ยังปรับการตั้งค่าโดยอัตโนมัติตามสภาพแวดล้อมของคุณ เช่นเมื่อคุณอยู่ที่บ้าน ที่ทำงานหรือใช้เครือข่าย Wi-Fi สาธารณะ เพื่อรับรองได้ว่าคุณได้เปิดการตั้งค่าที่เหมาะสมที่สุด
Intego มีฟีเจอร์เพิ่มเติมที่ยอดเยี่ยมมากมาย ฉันที่คุณสามารถเชื่อมต่อไดรฟ์ภายนอกหรืออุปกรณ์ iOS กับ Mac ของคุณและสแกนไวรัสด้วย Intego ได้ เนื่องจาก Intego ไม่ได้เสนอการป้องกันความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ตสำหรับมือถือ วิธีนี้ช่วยให้คุณไม่ต้องซื้อแพ็คเกจแอนตี้ไวรัสหลายเพิ่มเติมเพื่อปกป้องอุปกรณ์ iOS อื่น ๆ ของคุณ แต่ถ้าคุณต้องการทำมากกว่าการสแกนไวรัสบน iOS คุณจะต้องซื้อแอปแอนตี้ไวรัส iOS แยกต่างหาก
บันเดิลอันยอดเยี่ยมของ Intego ชื่อ Mac Premium Bundle X9 นั้นจะมาพร้อมกับฟีเจอร์ที่ดีที่สุดของ Intego ประกอบไปด้วยเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพให้ดิสก์และระบบควบคุมสำหรับผู้ปกครอง และก็ยังมีแพลน Mac Internet Security X9 แต่มันจะมีเฉพาะการป้องกันมัลแวร์แบบเรียลไทม์และก็ไฟร์วอลล์เท่านั้น ราคาเริ่มต้นที่ US$1.67 / เดือน Intego นั้นจะมีราคาค่อนข้างแพงกว่าคู่แข่ง แต่นั่นก็เพราะคู่แข่งส่วนใหญ่จะมีโปรแกรมแค่พื้นฐานสำหรับผู้ใช้งาน Mac (มักจะมีแค่ตัวสแกนมัลแวร์)
Intego ยังมีผลิตภัณฑ์สำหรับ Windows อย่าง Antivirus for Windows แต่ก็เป็นเพียงเครื่องสแกนไวรัสธรรมดาและไม่ใช่ซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยเต็มรูปแบบอย่างผลิตภัณฑ์ Mac ของ Intego หากคุณต้องการโปรแกรมป้องกันไวรัสสำหรับ Windows ตัวเลือกอื่น ๆ ในรายการนี้เป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
สรุป:
การป้องกันมัลแวร์ที่ยอดเยี่ยมบน Mac ของ Intego ทำให้มันเป็นโปรแกรมแอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับ macOS ใน 2023 มันสามารถช่วยเหลือและปรับปรุงความปลอดภัยของอุปกรณ์ Apple และเพิ่มประสิทธิภาพอุปกรณ์ได้ แถมยังมีตัวเลือกราคาที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย ด้วยการการันตีคืนเงินภายใน 30 วัน คุณสามารถทดลองใช้ดูได้ว่ามันเป็นการป้องกันที่ดีที่สุดสำหรับคุณหรือไม่
รับการปกป้องด้วย Intego เลยตอนนี้
6. Avira Prime — เครื่องสแกนไวรัสที่ยอดเยี่ยม + การเพิ่มประสิทธิภาพระบบ

Avira เป็นหนึ่งในแอนติไวรัสที่แข็งแกร่งที่สุดและทรงพลังที่สุด — ทำคะแนนได้สูงอย่างสม่ำเสมอในระหว่างการทดสอบอิสระ (และได้คะแนนอัตราการตรวจจับ 100% ระหว่างการทดสอบทั้งหมดของฉัน) และเทคโนโลยีป้องกันมัลแวร์ของ Avira ยังถูกใช้งานคู่แข่งหลายรายรวมถึง TotalAV Avira ทำงานบนคลาวด์ทั้งหมด มันจะไม่ทำให้อุปกรณ์ของคุณช้าลงเหมือนกับคู่แข่งรายอื่น ๆ ที่ต้องดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ขนาดใหญ่มายังระบบของคุณ
Avira Prime มาพร้อมกับฟีเจอร์เพิ่มเติมที่ยอดเยี่ยม อย่างเช่น:
- การเพิ่มประสิทธิภาพความเป็นส่วนตัว
- การเพิ่มประสิทธิภาพระบบ
- VPN
- เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน
- แอพพลิเคชั่นสำหรับ Android และ iOS
เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพของ Avira นั้นเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ดีที่สุด ในขณะที่แอนตี้ไวรัสส่วนใหญ่นั้นจะมาพร้อมกับเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพที่จะช่วยให้อุปกรณ์ของคุณทำงานได้อย่างราบรื่นและช่วยเพิ่มพื้นที่จัดเก็บให้ แต่ Avira นั้นจะมาพร้อมกับเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพและจัดการพื้นที่ขั้นสูงซึ่งบันเดิลมากับแอนตี้ไวรัส ประกอบไปด้วย:
- เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพ Startup มันช่วยลดเวลาในการสตาร์ทอัพ PC ของฉันได้ 2 นาที!
- การเพิ่มประสิทธิภาพเกม จัดสรรทรัพยากรระบบโดยอัตโนมัติและหยุดการทำงานในเบื้องหลังเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบ
- เครื่องมือลบไฟล์ขยะ ลบไฟล์ที่ซ้ำกัน ไฟล์ที่ไม่ได้ใช้และไฟล์แคชบางไฟล์
Avira Prime นั้นจะเป็นแอนตี้ไวรัสที่เหมาะเป็นพิเศษถ้าหากคุณมี PC ที่เก่าและช้า รวมถึงมีพื้นที่ฮาร์ดดิสก์น้อย เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพระบบของ Avira นั้นทำให้คอมพิวเตอร์ Windows 7 เครื่องเก่าของเรานั้นกลับมาเร็วเหมือนใหม่เลย — มันเกือบจะดูเหมือนว่ามีความเร็วเทียบเท่ากับ PC Windows 10 เลยด้วยซ้ำ! และเนื่องจาก engine ของแอนตี้ไวรัส Avira นั้นทำงานบนคลาวด์ทั้งหมด มันก็จะไม่ทำให้อุปกรณ์ของคุณช้าลงเหมือนคู่แข่งรายอื่น ๆ ที่ดาวน์โหลดแพ็กเกจซอฟต์แวร์ขนาดใหญ่มาไว้ในระบบของคุณ
ด้วยราคา US$59.99 / ปี Avira Prime นั้นมีความคุ้มค่ามาก แต่มันก็มีราคาที่สูงกว่าแพ็กเกจแอนตี้ไวรัสรายอื่น ๆ เช่นกัน Avira นั้นมีแพลนที่ราคาถูกกว่านี้ รวมถึง Internet Security (US$45.99 / ปี) แต่ Prime นั้นเป็นแพ็กเกจเดียวที่มีเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพให้ระบบขั้นสูง, VPN ที่ไม่จำกัดข้อมูลการใช้งาน และแอปสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
แต่ว่าแอพพลิเคชั่น Windows ของ Avira นั้นไม่ได้รองรับภาษาไทย นี่เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่คุณควรนำไปพิจารณา!
Avira เวอร์ชันฟรี นั้นเป็น แอนตี้ไวรัสฟรีที่ดีที่สุด — หากคุณยังไม่อยากใช้เงินในตอนนี้ Avira ฟรี ก็จะสามารถช่วยปกป้องอุปกรณ์ของคุณด้วยการปกป้องอย่างเรียลไทม์, การปกป้องจากแรนซัมแวร์ และก็มี VPN เวอร์ชันฟรีของ Avira ให้ใช้งานด้วย
สรุป:
คลาวด์สแกนเนอร์ของ Avira และเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพระบบที่ยอดเยี่ยมทำให้พวกเขาเป็นชุดรักษาความปลอดภัยที่มีกินเนื้อที่น้อยที่สุดในรายการของฉัน แพ็คเกจ Avira Prime ยังมี VPN เครื่องมือจัดการรหัสผ่านและครอบคลุมสำหรับอุปกรณ์สูงสุด 5 เครื่องในทุกระบบปฏิบัติการ คุณสามารถทดลองใช้ Avira ได้โดยไม่มีความเสี่ยงด้วยการรับประกันคืนเงิน 60 วัน
รับการปกป้องด้วย Avira เลยตอนนี้
7. Kaspersky การรักษาความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ต — ดีที่สุดด้านการช้อปปิ้งและการทำธุรกรรมกับธนาคารออนไลน์

ขณะนี้เราไม่มีหลักฐานที่บ่งชี้ว่า Kaspersky ที่ตั้งอยู่ในมอสโกนั้นเป็นภัยคุกคามต่อผู้ใช้ คุณสามารถอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตัดสินใจของเราในการแนะนำบริการต่อในเว็บไซต์ของเราได้ที่นี่
Kaspersky Internet Security จะนำโปรแกรมแอนตี้ไวรัสชื่อดังของ Kaspersky มาเพิ่มฟีเจอร์เสริมพิเศษอันน่าประทับใจ อย่างเช่นการป้องกันเว็บไซต์อันตรายที่จะช่วยดูแลคุณให้ปลอดภัยบนโลกออนไลน์ Engine แอนตี้ไวรัสของมันนั้นมักจะได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรมนี้ ไม่ว่าจะนำไปตรวจจับมัลแวร์ประเภทไหนก็ตาม — โปรแกรมนี้ใช้งานได้ผล 100% ตอนที่เราทำการทดสอบกับมัลแวร์ของเรา
Kaspersky ยังมีฟีเจอร์ความปลอดภัยทางไซเบอร์อีกมากมายเช่น:
- การป้องกันฟิชชิง
- Safe Money เบราว์เซอร์ที่ปลอดภัย
- VPN (จำกัด 200 MB ต่อวัน)
- การป้องกันเว็บแคม
- การติดตามสมาร์ทโฮม
ฉันชอบฟีเจอร์ Safe Money ของ Kaspersky มาก — โปรแกรมจะตรวจจับเมื่อคุณกำลังจะชำระเงินออนไลน์หรือเข้าถึงเว็บไซต์ของธนาคาร โดยเสนอให้เปิดเบราว์เซอร์ที่ปลอดภัยและไม่สามารถเข้าถึงได้จากมัลแวร์และสปายแวร์ Kaspersky ฉันชอบฟีเจอร์ Safe Money แต่ฉันชอบเบราว์เซอร์ที่ปลอดภัยของ Bitdefender มากกว่านั่นคือ Safepay ซึ่งโหลดได้เร็วกว่าของ Kaspersky นำเสนอแป้นพิมพ์เสมือนเมื่อจัดการธุรกรรมออนไลน์เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกตรวจจับด้วยคีย์ล็อกเกอร์
ในความเห็นของเรา Kaspersky Premium นั้นเป็นแพลนที่มีความคุ้มค่าสูงที่สุด มันมีตัวสแกนมัลแวร์, การป้องกันเว็บไซต์, เบราว์เซอร์ Safe Money ที่มีความปลอดภัย, VPN ที่ใช้ข้อมูลได้ไม่จำกัด, เครื่องมือจัดการรหัสผ่านที่จัดเก็บรหัสผ่านได้ไม่จำกัดจำนวน, ระบบตรวจสอบติดตาม Wi-Fi ในบ้านเพื่อให้คุณติดตามได้ว่าใครเชื่อมต่อมาที่เครือข่ายของคุณ และก็มีระบบควบคุมสำหรับผู้ปกครองของ Kaspersky ให้ใช้ฟรี 1 ปี ใช้ได้ถึง 3 ผู้ใช้งาน ด้วยราคาเพียง US$81.99 / ปี นี่เป็นข้อเสนอที่ดีมาก ๆ — และก็ยังมีตัวเลือกสำหรับเพิ่มผู้ใช้งานเป็น 5, 10 และ 20 รายอีกด้วย
หากคุณอยากรู้เกี่ยวกับตัวเลือกภาษาโปรดทราบว่า Kaspersky นั้นไม่มีให้บริการในภาษาไทย
สรุป:
Kaspersky นั้นมีแพ็กเกจแอนตี้ไวรัสที่ออกแบบมาดี พร้อมตัวสแกนมัลแวร์ที่ทำงานได้เยี่ยม นอกจากนี้แล้วคุณยังจะได้ฟีเจอร์เสริมเช่นเบราว์เซอร์ที่มีความปลอดภัยสำหรับเรื่องธุรกรรมออนไลน์, VPN, เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน และระบบควบคุมสำหรับผู้ปกครองให้ใช้ฟรี 1 ปี แพลนทั้งหมดของ Kaspersky นั้นมีการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
รับการปกป้องด้วย Kaspersky เลยตอนนี้
อ่านรีวิวตัวเต็มของ Kaspersky >
8. Panda Dome — ดีที่สุดในด้านราคาที่มีความยืดหยุ่น

Panda นำเสนอโปรแกรมสแกนไวรัสขั้นสูงและอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย ในแผนราคาที่แตกต่างกัน 5 แบบ — ฉันชอบที่แพนด้านำเสนอตัวเลือกความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยมสำหรับทุกคน สำหรับทุกงบประมาณ เราพึงพอใจมากที่ตัวสแกนมัลแวร์ของ Panda นั้นทำงานได้ดีระหว่างการทดสอบของเรา (มีอัตราการตรวจจับมัลแวร์ 95% และ มีอัตราการตรวจจับแรนซัมแวร์ 100%) และเราก็ยังชอบฟีเจอร์เสริมส่วนใหญ่ของมันด้วย
ฟีเจอร์เสริมที่เราชอบมาก ๆ ของ Panda ก็คือ Rescue Kit ซึ่งเป็นเหมือนตัว Panda ที่สามารถทำงานได้จากทรัมไดร์ฟ (ในกรณีที่คอมพิวเตอร์ของคุณติดมัลแวร์หนัก ๆ)
ตัวเลือกราคาที่ยืดหยุ่นของ Panda ได้แก่:
- Free รวมการป้องกันไวรัสแบบเรียลไทม์สำหรับ Windows และเครื่องสแกนแอปสำหรับ Android รวมถึง Rescue Kit และ VPN (จำกัด 1 เซิร์ฟเวอร์และ 150 MB ต่อวัน)
- Essential (US$19.20 / ปี) เพิ่มการป้องกันมัลแวร์แบบเรียลไทม์ของ Android และ macOS ไฟร์วอลล์ Windows และการป้องกัน Wi-Fi
- Advanced (US$28.49 / ปี) เพิ่มการควบคุมโดยผู้ปกครองสำหรับ Windows การป้องกันแรนซัมแวร์และการใช้งานอินเตอร์เน็ตที่ปลอดภัย
- Complete (US$34.40 / ปี) เพิ่มเครื่องมือจัดการรหัสผ่าน เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพอุปกรณ์และเครื่องมือเข้ารหัสไฟล์และเครื่องทำลายเอกสาร
- Premium (US$53.60 / ปี) เพิ่มการเข้าถึง VPN แบบไม่จำกัด เครื่องมือจัดการการอัปเดตและการสนับสนุนทางเทคนิคตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน
ฟีเจอร์ทั้งหมดของ Panda นั้นยอดเยี่ยมมาก แต่ฉันค่อนข้างผิดหวังกับ VPN ของ Panda — มันทำงานได้ไม่ดีในการทดสอบความเร็วและจำกัดการใช้งาน ตัวเลือกการใช้งานแบบไม่จำกัดมีให้บริการเฉพาะในแผนราคาแพงที่สุดเท่านั้น หากคุณ หากคุณกำลังมองหา VPN ที่รวมอยู่ในแพ็คเกจแอนตี้ไวรัส ฉันขอแนะนำ Norton หรือ TotalAV
สรุป:
ไม่ว่าคุณจะอยากลองใช้งานตัวสแกนมัลแวร์ฟรีที่ใช้งานง่ายซึ่งมีการป้องกันแบบเรียลไทม์หรือต้องการเครื่องมือป้องกันภัยอันตรายทางอินเทอร์เน็ตอย่างเต็มรูปแบบก็ตาม Panda มีตัวเลือกให้คุณ Panda มาพร้อมความพิเศษมากมาย เช่น การป้องกันมัลแวร์เรียกค่าไถ่ขั้นสูง, Rescue Kit เพื่อช่วยกู้ชีพคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะที่โดนมัลแวร์โจมตี, โปรแกรมจัดการรหัสผ่าน, การควบคุมดูแลการใช้งานของบุตรหลาน, โปรแกรมเข้ารหัสไฟล์ และโปรแกรมทำลายไฟล์ Panda ยังมีการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วันอีกด้วย
รับการปกป้องด้วย Panda เลยตอนนี้
9. Trend Micro — ส่วนขยายความปลอดภัยบนเว็บเบราว์เซอร์ที่ดีที่สุด

Trend Micro มีโปรแกรมป้องกันกันมัลแวร์ที่ดี และยังมีส่วนขยายบนเว็บเบราว์เซอร์ที่ช่วยตรวจสอบความเสี่ยงด้านความปลอดภัย บล็อกเว็บฟิชชิ่งและตรวจสอบเว็บไซต์สำหรับเนื้อหาที่ไม่ปลอดภัย เครื่องมือสแกนไวรัสของ Trend Micro ทำคะแนนได้ค่อนข้างดีในการทดสอบของฉัน โดยมันสามารถตรวจจับไวรัส โทรจัน แรนซัมแวร์และสปายแวร์ส่วนใหญ่ในระบบของฉันได้ แม้ว่าจะไม่ได้คะแนนเยอะเท่ากับคู่แข่งชั้นนำอย่าง Norton และ Bitdefender ก็ตาม
Trend Micro นั้นตรวจจับเว็บไซต์ฟิชชิงในการทดสอบของเราได้มากกว่า Chrome, Firefox และ Safari นอกจากนี้มันยังสามารถตรวจจับลิงก์สแกม, เนื้อหาไม่ปลอดภัย, โค้ดอันตราย และข้อมูลเท็จได้ด้วย และมันก็ยังสามารถบล็อกโฆษณาและสแกนประวัติการเข้าชมของเราดูได้ว่าเมื่อไม่นานมานี้เรามีเข้าถึงเว็บไซต์อันตรายหรือไม่
ก่อนที่ฉันจะลืม เรามาพูดถึงอินเทอร์เฟซผู้ใช้กันก่อนดีกว่า อินเตอร์เฟส Windows ของ Trend Micro ได้รับการแปลเป็น 20 ภาษา รวมถึงภาษาไทย
Trend Micro มีราคาเริ่มต้นที่ US$19.95 / ปี และยังมีหลายแผนบริการให้เลือก Trend Micro Antivirus + Security ปกป้องอุปกรณ์ Windows 1 เครื่องด้วยการป้องกันมัลแวร์ การป้องกันแรนซัมแวร์ขั้นสูงและเบราว์เซอร์ที่ปลอดภัยสำหรับธุรกรรมการเงินออนไลน์ Trend Micro Internet Security ปกป้องอุปกรณ์สูงสุด 3 เครื่อง (PC เท่านั้น) และเพิ่มเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพอุปกรณ์ การป้องกันโซเชียลมีเดียและการควบคุมของผู้ปกครอง Trend Micro Maximum Security ปกป้องอุปกรณ์สูงสุด 5 เครื่อง (รวมถึง Windows, Android, Mac, iOS และ Chromebook) และเพิ่มเครื่องมือจัดการรหัสผ่าน
สรุป:
Trend Micro นำเสนอฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ตและเครื่องสแกนมัลแวร์ที่แข็งแกร่งสำหรับผู้ใช้ Windows, Mac, Android, iOS และ Chromebook การป้องกันเว็บใช้งานได้ดีและส่วนขยายเบราว์เซอร์สามารถช่วยคุณหลีกเลี่ยงเว็บไซต์ที่เป็นอันตราย ลิงก์ที่ไม่น่าไว้ใจและตรวจจับเนื้อหาที่น่าสงสัยได้ แผนบริการของ Trend Micro ทั้งหมดมีการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
รับการปกป้องด้วย Trend Micro เลยตอนนี้
อ่านรีวิวตัวเต็มของ Trend Micro >
10. Malwarebytes — โปรแกรมป้องกันไวรัสสไตล์มินิมอล (มาพร้อมกับการป้องกันเว็บที่ยอดเยี่ยม)

Malwarebytes เป็นโปรแกรมป้องกันไวรัสที่มีความเรียบง่ายและใช้งานง่าย ที่ส่งมอบการป้องกันไวรัสที่ดีแก่ระบบปฏิบัติการและอุปกรณ์ทุกชนิด ในระหว่างการทดลองใช้งานของฉัน พบว่าตัวสแกนมัลแวร์ขั้นสูงของ Malwarebytes สามารถตรวจจับมัลแวร์ตัวทดลองของฉันได้ถึง 90% ซึ่งถือว่าค่อนข้างดีเลยทีเดียว (ก็ยังไม่ดีเท่าคู่แข่งตัวฉมังอย่าง Norton หรือ Bitdefender)
Malwarebytes ยังมาพร้อมกับการป้องกันเว็บที่ยอดเยี่ยม ซึ่งสามารถระบุและบล็อกเว็บฟิชชิ่งส่วนใหญ่ที่ฉันพยายามเข้าชมในระหว่างการทดสอบได้ รวมถึงโฆษณา เครื่องมือติดตามและการหลอกลวงแบบอื่น ๆ
และ Malwarebytes ยังมีบริการ VPN ไม่จำกัดดาต้า ที่มีเซิร์ฟเวอร์อยู่ใน 30 ประเทศด้วยกัน และยังมีความเร็วคุณภาพอีกด้วย อย่างไรก็ตาม VPN ของ Malwarebytes ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีสำหรับการสตรีมหรือทอร์เรนต์ (หากคุณกำลังมองหา VPN ที่ดีในการเข้าถึงเว็บไซต์สตรีมมิ่งและทอร์เรนต์ ฉันขอแนะนำ ExpressVPN)
แต่ก็น่าเสียดายที่ Malwarebytes ไม่มีคุณสมบัติเสริมเหมือนอย่างที่โปรแกรมป้องกันไวรัสอื่น ๆ ในรายการจัดอันดับนี้มีให้ (เช่น ไฟร์วอลล์ เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพคอมพิวเตอร์ PC ระบบควบคุมการใช้อุปกรณ์ของบุตรหลาน เป็นต้น) แม้ว่าฉันอยากจะให้ Malwarebytes เพิ่มคุณสมบัติพิเศษอื่นเข้าไปก็ตาม ฉันก็ยังคิดว่ามันเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ใช้ที่กำลังมองหาโปรแกรมป้องกันไวรัสสไตล์มินิมอล ที่พวกเขาจะสามารถติดตั้งเพียงครั้งเดียวแล้วปล่อยให้มันทำงานเองก็ลืมไปได้เลย Malwarebytes มีราคาเริ่มต้นที่ US$37.49 / ปี
สรุป:
Malwarebytes มีตัวสแกนมัลแวร์ที่ดี การป้องกันเว็บเป็นเลิศ และ VPN คุณภาพ แต่ไม่มีคุณสมบัติอย่างอื่นให้ใช้อีก ในขณะที่ Malwarebytes ยังขาดคุณสมบัติอื่นๆอีกมากมายที่ฉันคิดว่าสมควรจะมีในโปรแกรมป้องกันไวรัสแบบพรีเมี่ยมในปี 2023 ก็ยังถือว่าโดยรวมแล้วมันยังเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ใช้ที่กำลังมองหาโปรแกรมป้องกันไวรัสที่เรียบง่ายไม่หวือหวา ทั้งนี้ Malwarebytes มาพร้อมการรับประกันคืนเงินที่ยาวนานถึง 60 วัน
รับการปกป้องด้วย Malwarebytes เลย
อ่านบทวิจารณ์ฉบับเต็มสำหรับ Malwarebytes ที่นี่ >
โบนัส. MacKeeper แอนตี้ไวรัสที่ใช้งานง่าย & มีฟีเจอร์ครบถ้วนสำหรับ Mac

MacKeeper เป็นหนึ่งในแอนตี้ไวรัสที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานกับ Mac ซึ่งหาได้ยาก และบริการยังมาพร้อมกับการป้องกันมัลแวร์ที่ยอดเยี่ยม ฟีเจอร์ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวที่สร้างช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับอุปกรณ์ Apple และมีแอปสำหรับ macOS ที่ใช้งานได้ง่าย
MacKeeper มีอินเตอร์เฟซให้บริการใน 17 ภาษา แต่ตอนนี้ยังไม่มีให้บริการในภาษาไทย
ในการทดสอบของฉัน MacKeeper สามารถตรวจจับมัลแวร์ที่สร้างมาสำหรับ Mac ได้ถึง 99% เช่นเดียวกับแอนตี้ไวรัสสำหรับ Mac ที่ยอดเยี่ยมอย่าง Intego และ McAfee และเครื่องมือทำความสะอาดและเพิ่มประสิทธิภาพ Mac ได้ลบไฟล์ขยะและไฟล์ที่ซ้ำกันประมาณ 7 GB ออกจาก MacBook Pro ของฉัน (ฉันชอบที่ MacKeeper นำเสนอตัวเลือกในการลบไฟล์แนบอีเมลที่ไม่ต้องการ ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันไม่เคยเห็นในโปรแกรมป้องกันไวรัสอื่น ๆ )
VPN ของ MacKeeper ยังใช้งานได้ดีมาก ๆ อีกด้วย มันปลอดภัย รวดเร็วและสามารถเข้าถึงบริการสตรีมมิ่งอย่าง Netflix ได้อีกด้งบ สิ่งหนึ่งที่ฉันไม่ชอบเกี่ยวกับ VPN คือมันขาดความโปร่งใสในนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลไป ฉันต้องการใช้ MacKeeper นำเสนอข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับวิธิการจัดการข้อมูลของพวกเขา
ในอีกแง่มุมหนึ่งนั้น MacKeeper ยังขาดการป้องกันการฟิชชิง ซึ่งเราถือเป็นฟีเจอร์ความปลอดภัยที่มีความสำคัญสำหรับแอนตี้ไวรัสในปี 2023 นอกจากนี้มันก็ยังไม่มีไฟร์วอลล์และระบบควบคุมสำหรับผู้ปกครอง ซึ่ง Intego มีให้ทั้งคู่
MacKeeper นำเสนอแผนบริการที่หลากหลาย ในราคาเริ่มต้นที่US$10.95 / เดือน แผนทั้งหมดมีฟีเจอร์เหมือนกัน ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวระหว่างแผนคือ ระยะเวลาการให้บริการและจำนวนคอมพิวเตอร์ Mac ที่ครอบคลุม (1-3)
สรุป:
MacKeeper เป็นแอนตี้ไวรัสสำหรับ Mac ที่ดีมาก มีอัตราการตรวจจับมัลแวร์ที่เกือบจะสมบูรณ์แบบ มีเครื่องมือล้างระบบที่ยอดเยี่ยม และนำเสนอ VPN ที่ปลอดภัยและรวดเร็วพร้อมข้อมูลไม่จำกัด อย่างไรก็ตามมันไม่มีการป้องกันฟิชชิ่ง ไฟร์วอลล์ และการควบคุมโดยผู้ปกครอง MacKeeper นำเสนอแผนชำระเงินหลายแบบและแผนทั้งหมดมาพร้อมกับการรับประกันคืนเงิน 14 วัน
ปกป้องอุปกรณ์ของคุณด้วย MCAFEE เลยตอนนี้
อ่านรีวิว MacKeeper ตัวเต็มของเราได้ที่นี่>
ตารางเปรียบเทียบโปรแกรมป้องกันไวรัสที่ดีที่สุดประจำปี2023
ทดลองใช้ Norton ได้เลยตอนนี้ (ใช้งานได้อย่างปลอดภัยเป็นเวลา 60 วัน)
ฉันให้คะแนนแอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดในปี 2023 อย่างไร
- ปกป้องจากมัลแวร์ได้อย่างแน่นหนา เราจะเลือกแนะนำเฉพาะ ผลิตภัณฑ์ที่ได้ผ่านการพิสูจน์กับภัยมัลแวร์ขั้นสูงที่สุดมาแล้ว – ไม่ใช่แค่ไวรัส แต่ยังต้องมีสปายแวร์, รูทคิท, แรนซัมแวร์ และอื่น ๆ ที่จะก่ออันตรายให้กับอุปกรณ์ของเราได้ เราได้ทำการทดสอบด้านมัลแวร์, การทดสอบความตึงเครียด และการทดสอบประสิทธิภาพ CPU มามากมายเมื่อให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะสามารถปกป้องคุณจากไวรัส, มัลแวร์ และภัยอันตรายบนอินเทอร์เน็ตอื่น ๆ ได้เป็นอย่างดี
- ไม่มี (หรือน้อยที่สุด) ผลบวกลวง ขณะที่ไม่มีซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสไหนมีภูมิคุ้มกันผลบวกลวงได้ 100% ก็มีบางโปรแกรมที่มีผลบวกลวงได้มากกว่าโปรแกรมอื่น ฉันคิดเสมอว่าหากโปรแกรมป้องกันไวรัสมีผลบวกลวงนั้นย่อมดีกว่าตรวจสอบมัลแวร์จริง ๆ พลาดไป แต่การได้รับการแจ้งเตือนผลการติดเชื้อลวงนั้นก็น่ารำคาญไม่น้อยเลย โปรแกรมป้องกันไวรัสในรายการจัดอันดับนี้จะมีผลบวกลวงเป็นศูนย์ หรือมีแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้นในทุกการทดสอบ
- ฟีเจอร์คุณภาพสูง แบรนด์แอนตี้ไวรัสส่วนใหญ่จะมีฟีเจอร์ความปลอดภัยบนอินเทอร์เน็ตเสริมให้ในแพ็กเกจแอนตี้ไวรัสของพวกเขา แต่หลายครั้งที่ฟีเจอร์เหล่านี้มันเหมือนแค่ผักชีโรยหน้าที่จะมารกคอมคุณ ทำให้ประสิทธิภาพตกเปล่า ๆ (นี่ยังไม่ได้พูดเรื่องราคาที่สูงขึ้นเลย) เราได้ ทำการทดสอบแต่ละฟีเจอร์ของแต่ละผลิตภัณฑ์ใน รายการนี้ เพื่อให้แน่ใจว่าฟีเจอร์ของแอนตี้ไวรัสแต่ละตัวนี้มีประโยชน์และมีประสิทธิภาพจริง ๆ ไม่ใช่แค่ของแพง ๆ เอามาโชว์อย่างเดียว
- ความเร็วและประสิทธิภาพ แอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดนั้นมีขนาดเล็กและทำงานได้อย่างราบรื่น แม้ในคอมพิวเตอร์ที่เก่าหรือช้าและในทุกระบบปฏิบัติการ ฉันทดสอบและวัดผลว่าแอนตี้ไวรัสแต่ละบริการในรายการนี้ทำงานเร็วและมีประสิทธิภาพแค่ไหนเมื่อเทียบกับแอนตี้ไวรัสอื่น ๆ ในตลาด
- รองรับหลายแพลตฟอร์ม โปรแกรมป้องกันไวรัสชั้นนำจะใช้ได้กับระบบปฏิบัติการทุกชนิด รวมถึงระบบปฏิบัติการยอดนิยมอย่าง Windows, macOS, Android และ iOS และแม้ว่าตัวเลือกของฉันจะไม่ได้รองรับทุกแพลตฟอร์ม (ยกตัวอย่างเช่น Intego ที่ออกแบบมาเพื่อ Mac โดยเฉพาะ) โปรแกรมป้องกันไวรัสส่วนใหญ่ที่ผมแนะนำก็ทำงานได้อย่างไร้ที่ติทั่วทุกระบบปฏิบัติการ
- ความง่ายในการใช้งาน ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือผู้เชี่ยวชาญ คุณต้องมีการป้องกันไวรัสสำหรับคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์และแท็บเล็ตของคุณ แต่ถ้าซอฟต์แวร์นั้นมีต้องใช้ความรู้ด้านเทคนิคมากจนคุณต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีเพื่อที่จะได้รับการปกป้อง ถ้าอย่างนั้นมันก็ไม่เหมาะสำหรับผู้ใช้ส่วนใหญ่ ฉันได้ทดสอบซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสแต่ละตัวด้วยตัวเอง เพื่อให้แน่ใจว่าทุกบริการจะสามารถตั้งค่าได้ง่ายและใช้งานได้อย่างถูกต้อง
- ดูแลลูกค้าดี การได้เข้าใช้งานหลากหลายช่องทางสนับสนุนลูกค้าในกรณีที่คุณต้องการความช่วยเหลือในเรื่องของซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสนั้นเป็นสิ่งสำคัญ แบรนด์ที่อยู่ในรายการจัดอันดับนี้มีตัวเลือกการดูแลลูกค้าที่หลากหลาย เช่น การสนทนาสด การช่วยเหลือทางอีเมล ศูนย์รวมฐานความรู้ คำถามที่พบบ่อย และฟอรั่ม ฉันได้ลองติดต่อฝ่ายดูแลลูกค้า เรียกดูฐานความรู้ และโพสต์คำถามลงในฟอรั่ม และฉันรู้สึกพึงพอใจกับการจัดการข้อสงสัยและแก้ไขปัญหาที่แบรนด์เหล่านี้มีให้
- ความคุ้มค่า แอนตี้ไวรัสนั้นอาจเป็นการลงทุนราคาสูงได้ ฉันพิจารณาปัจจัยที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เช่น ฟีเจอร์การป้องกันเว็บและการใช้งานอินเตอร์เน็ต จำนวนอุปกรณ์ที่ครอบคลุมและมีการทดลองใช้ฟรีหรือการรับประกันคืนเงินหรือไม่ โดยส่วนตัวแล้วฉันรู้สึกว่าแอนตี้ไวรัสชั้นนำทั้งหมดนี้มีความคุ้มค่าอย่างมาก
ทดลองใช้ Norton ได้เลยตอนนี้ (ใช้งานได้อย่างปลอดภัยเป็นเวลา 60 วัน)
บิ้วท์อิน vs. แอนตี้ไวรัสบุคคลที่สาม — แบบไหนดีกว่ากัน?
ระบบป้องกันที่บิ้วท์อินมาสำหรับ Mac กับ Windows นั้นเทียบกับแอนตี้ไวรัสระดับพรีเมียมไม่ได้เลย ถึงแม้ว่าทั้งสองระบบปฏิบัติการจะมาพร้อมกับการป้องกันภัยพื้นฐานให้ใช้ได้ฟรี แต่มันไม่เพียงพอที่จะช่วยดูแลคุณให้ปลอดภัยจากภัยอันตรายขั้นสูงในปี 2023
หากคุณเป็นผู้ใช้งาน Windows คุณก็จะมี Windows Defender อยู่ในคอม (ถ้าเป็น Windows 10 หรือ 11 ที่ใหม่กว่า มันอาจจะเรียกว่า Windows Security หรือ Microsoft Defender) ถึงแม้ว่ามันจะเป็นแอนตี้ไวรัสฟรีที่ดีใช้ได้ แต่คะแนนของมันก็จะต่ำกว่าในด้านของการตรวจเจอมัลแวร์เมื่อเทียบกับแบรนด์อย่าง Norton และ Bitdefender ที่สำคัญไปกว่านั้น มันก็ไม่ได้ถูกอัปเดตเป็นประจำเหมือนผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียม และมันก็ยังขาดเครื่องมือความปลอดภัยเสริมที่แอนตี้ไวรัสแบบจ่ายเงินตัวอื่น ๆ เขามีให้กัน ไม่ว่าจะเป็น VPN, เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน, เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน และอื่น ๆ
เราแนะนำให้ลงทุนกับแอนตี้ไวรัสระดับพรีเมียมอย่าง Norton เพื่อปกป้องตัวคุณเองจะดีกว่า มันมีเครื่องมือครบครันเพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะใช้งานได้อย่างปลอดภัย — รวมถึงยังมีการเฝ้าติดตามเว็บมืดที่ดีที่สุดอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณจะใช้ของฟรีให้ได้ล่ะก็ Avira ก็จะช่วยให้คุณปลอดภัยมากกว่าที่ Windows Defender จะทำได้
Mac นั้นมีช่องโหว่ต่อมัลแวร์น้อยกว่า Windows — แต่ก็ควรที่จะปกป้องมันเช่นกัน! Mac นั้นจะมาพร้อมกับฟีเจอร์ความปลอดภัยบิ้วท์อินบางส่วน ประกอบไปด้วยการป้องกันเว็บไซต์, เครื่องมือกันขโมย, เครื่องมือรีวิวแอป และแอปสแกนเนอร์ ของเหล่านี้นั้นก็มีประโยชน์พอ แต่ถ้าด้วยตัวของมันเองแล้ว มันยังไม่สามารถดูแลคุณให้ปลอดภัยได้ Mac ของคุณยังอาจตกอยู่ในอันตรายได้ ถ้าคุณเจอกับ แรนซัมแวร์, สปายแวร์, แอดแวร์ และภัยอันตรายอื่น ๆ ขั้นสูงเข้า
แทนที่จะอาศัยเครื่องมือบิ้วท์อินของ Mac ให้ลองหันไปใช้แอนตี้ไวรัสระดับพรีเมียมสำหรับ Mac อย่าง Intego ดีกว่า มันมีการตรวจจับมัลแวร์อันไร้ที่ติ, มีเครื่องมือทำความสะอาด Mac ที่ยอดเยี่ยม, มีระบบควบคุมสำหรับผู้ปกครอง และอีกมากมาย
โดยรวมแล้วมันไม่ใช่เรื่องฉลาดเลยที่จะหวังพึ่งการป้องกันแบบที่บิ้วท์อินมา คุณควรจะเลือกแอนตี้ไวรัสระดับพรีเมียมที่น่าเชื่อถือมากกว่าสำหรับการคุ้มกันบนโลกออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบ ผลิตภัณฑ์ในรายการของเรานั้น จะช่วยให้การป้องกันที่ดีกว่าเครื่องมือบิ้วท์อินของทั้ง Windows และ Mac
ทดลองใช้ Norton ได้เลยตอนนี้ (ใช้งานได้อย่างปลอดภัยเป็นเวลา 60 วัน)
ทำไมเราถึงยังแนะนำ Kaspersky
สำนักงานความปลอดภัยข้อมูลกลางของเยอรมัน (BSI) ได้แจ้งเตือนบริษัทเกี่ยวกับการใช้งาน Kaspersky แอนตี้ไวรัส หลังจากที่ประเทศรัสเซียได้ทำการรุกรานประเทศยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 เพราะบริษัทนั้นอาจมีความเกี่ยวโยงกับรัฐบาลรัสเซีย ตามมาด้วยการตัดสินใจของคณะกรรมการกลางกำกับดูแลกิจการสื่อสารของสหรัฐอเมริกาที่ได้เพิ่ม Kaspersky ไปยังรายชื่อภัยอันตรายระดับประเทศ
อย่างไรก็ตาม มาถึงตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานใด ๆ ว่า Kaspersky นั้นไม่ปลอดภัยสำหรับการใช้งาน ในปี 2017 Kaspersky ได้เริ่มโครงการ Global Transparency Initiative โดยย้ายศูนย์จัดเก็บข้อมูลไปยังสวิตเซอร์แลนด์ เปิดศูนย์ความโปร่งใสในสวิตเซอร์แลนด์ สเปน แคนาดา บราซิล และมาเลเซีย ซึ่งมีการประเมินซอร์สโค้ดและซอฟต์แวร์อัปเดตอย่างต่อเนื่องและผ่านการตรวจสอบ Service Organization Control for Service Organizations (SOC 2) (SOC 2) ประเภทที่ 1
ยิ่งไปกว่านั้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา Kaspersky ได้เปิดเผยเหตุการณ์การจารกรรมทางไซเบอร์หลายกรณี รวมถึงกรณีที่เกิดขึ้นทั้งรัสเซียและสหรัฐอเมริกาและนักวิจัยของ Kaspersky ก็เป็นหนึ่งในกลุ่มที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในอุตสาหกรรม
เราไม่มีเหตุผลที่จะคิดว่า Kaspersky เป็นภัยคุกคามต่อผู้ใช้ในขณะนี้ แต่ถ้าคุณกังวลว่า Kaspersky จะทำให้คุณตกอยู่ในความเสี่ยง เรามีทางเลือกอื่นอีกมากมายให้เลือก รวมถึง Norton หรือ Bitdefender
ทดลองใช้ Norton ได้เลยตอนนี้ (ใช้งานได้อย่างปลอดภัยเป็นเวลา 60 วัน)
แอนตี้ไวรัสจากบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ไม่ติดโผของฉัน:
- ESET ESET พวกเขามีชื่อเสียงในด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์อย่างมาก น่าเสียดายที่ผลิตภัณฑ์แอนตี้ไวรัสในบ้าน ในปัจจุบันไม่เป็นมิตรกับผู้ใช้มากพอที่ให้ฉันจะใส่ไว้ในรายการนี้ อย่างไรก็ตามแอพพลิเคชั่น Android ของ ESET ได้รับตำแหน่งที่ดีใน 5 แอพพลิเคชั่นแอนตี้ไวรัสฟรีสำหรับ Android
- Webroot Webroot เป็นโปรแกรมขนาดเล็กที่มีเครื่องสแกนมัลแวร์ที่ดีและเครื่องมือจัดการรหัสผ่านที่ยอดเยี่ยม แต่การป้องกันแรนซัมแวร์นั้นไม่ดีเท่าที่ควร เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพระบบควรปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่านี้และบริการไม่มีส่วนเสริมที่ฉันต้องการเหมือนในแอนตี้ไวรัสระดับพรีเมียม 2023
- Sophos Sophos สามารถตรวจจับมัลแวร์ได้ทุกประเภท แอปก็ใช้งานง่ายมากและสามารถจัดการอุปกรณ์จากระยะไกลได้สูงสุด 10 อุปกรณ์ อย่างไรก็ตามฉันไม่ชอบฟีเจอร์เพิ่มเติมของบริการ ฉันคิดว่าบริการที่อยู่ในรายการของฉันนั้นให้ความคุ้มค่าที่มากกว่า
- Heimdal Heimdal นั้นเป็น แอนตี้ไวรัสที่คุณภาพใช้ได้ และมีไฟร์วอลล์ที่ดี firewall และมันก็ยังฟีเจอร์ตรวจสอบขั้นสูงให้ใช้งานด้วย น่าเสียดายที่มันยังมีบัคที่น่ารำคาญคงค้างอยู่ และก็มีฟีเจอร์ความปลอดภัยน้อยเมื่อเทียบกับคู่แข่งที่มีราคาเท่า ๆ กันในรายการนี้
- Comodo Comodo เป็นแอนตี้ไวรัสฟรีที่มีอัตราการกำจัดมัลแวร์ที่ดีพอสมควร แต่ผลิตภัณฑ์แอนตี้ไวรัสในหลายแพลตฟอร์มของบริการนั้นมีบัคมากเกินไปและฟีเจอร์บางอย่างก็ทำงานได้ไม่ดีนัก
คำถามที่พบบ่อย
แอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับ Windows 10 คืออะไร
ฉันแนะนำ Norton 360 เพราะเป็นซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้ Windows 10 ส่วนใหญ่ โปรแกรมให้การป้องกันไวรัสได้ดีที่สุดตามที่ฉันได้ทดสอบมา และยังมีคุณสมบัติพิเศษที่ยอดเยี่ยมบางอย่างด้วย เช่น การป้องกันฟิชชิ่ง การปกป้อง Wi-Fi โปรแกรมจัดการรหัสผ่าน ไฟร์วอลล์ และ VPN และอื่น ๆ อีกมากมาย
แต่ โปรแกรมป้องกันไวรัสทั้งหมดในรายการนี้จะใช้งานได้กับผู้ใช้ Windows 10 ทุกราย (และหลายแบรนด์ยังใช้ได้กับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะรุ่นเก่า ๆ ที่ใช้ Windows 7 และ Windows XP อีกด้วย)
สำหรับผู้ใช้ Windows ที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์ฟรีที่ดีกว่าโปรแกรมป้องกันไวรัส Windows Defender ในตัวของ Microsoft ฉันขอแนะนำ Avira Free Security for Windows (ได้คะแนนเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับ แอนตี้ไวรัสฟรีในปี 2023)
อ่านเกี่ยวกับแอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับ Windows 10 ได้ที่นี่ >
ฉันต้องการมันจริง ๆ หรือ ต้องการแอนตี้ไวรัสใน2023
หากคุณเป็นคนที่ใช้งานอินเทอร์เน็ต คุณก็ต้องได้รับการป้องกันจากภัยอันตรายออนไลน์ ข่าวดีก็คือ คุณอาจจะมีแอนตี้ไวรัสใช้อยู่แล้ว — ถ้าคุณใช้งาน Windows หรือ Mac หรือระบบปฏิบัติการอุปกรณ์เคลื่อนที่ เครื่องของคุณก็จะมีแอนตี้ไวรัสคอยคุ้มกันอยู่แล้ว และแอนตี้ไวรัสแบบบิ้วท์อินเหล่านี้นั้นก็ไม่เลว แต่มันก็ยังมีช่องโหว่ด้านความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์อยู่พอตัว
แพ็คเกจแอนตี้ไวรัสชั้นนำทั้งหมดนำเสนอการป้องกันระดับสูง — เครื่องมือป้องกันมัลแวร์เต็มรูปแบบ (รวมถึงการป้องกันการฟิชชิ่ง การป้องกันแรนซัมแวร์ การป้องกันเว็บแคมและการป้องกัน Wi-Fi) การปรับปรุงความปลอดภัย (รวมถึงไฟร์วอลล์ที่ปรับแต่งได้ การควบคุมโดยผู้ปกครองและการเพิ่มประสิทธิภาพอุปกรณ์) และฟีเจอร์พิเศษ (เช่น เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน เครื่องมือทำลายไฟล์ และ VPN Norton 360 และ Bitdefender Total Security ทั้งคู่มีฟีเจอร์ทั้งหมดและฟีเจอร์อื่น ๆ อีกมากมาย
ดังนั้นการซื้อโปรแกรมป้องกันไวรัสจึงไม่ได้เกี่ยวกับว่าคุณจำเป็นต้องใช้มันหรือไม่ – เพราะคุณต้องใช้มันอยู่แล้ว – แต่มันขึ้นอยู่กับระดับการป้องกันที่คุณต้องการต่างหาก
แอนตี้ไวรัสนั้นคุ้มค่าแค่ไหน
คุ้มค่าอย่างแน่นอน แม้ว่าแอนตี้ไวรัสฟรี ซึ่งรวมถึง Windows Defender ที่ติดตั้งใน PC ทุกเครื่องได้รับการปรับปรุงอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่มันก็ยังขาดฟีเจอร์การป้องกันที่จำเป็นสำหรับการรักษาความปลอดภัยออนไลน์แบบสมบูรณ์ใน 2023
ตัวอย่างเช่นแอนตี้ไวรัสฟรีส่วนใหญ่ไม่มีการป้องกันแบบเรียลไทม์ ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยไม่ให้มัลแวร์ติดตั้งบนอุปกรณ์ของคุณได้ในขณะที่คุณใช้คอมพิวเตอร์ ผลิตภัณฑ์ฟรียังไม่ให้คุณเข้าถึงฟีเจอร์ที่มีประโยชน์เหมือนในบริการพรีเมี่ยม เช่น การป้องกันแรนซัมแวร์ การป้องกันเว็บหรือเครือข่ายส่วนตัวเสมือน (VPN)
แอนตี้ไวรัสแบบจ่ายเงินที่ดีที่สุด นั้นจะมาพร้อมกับฟีเจอร์ทั้งหมดเหล่านี้ รวมถึงฟีเจอร์เสริมอีกมากมาย (อย่างเช่นเครื่องมือจัดการรหัสผ่าน, ระบบควบคุมสำหรับผู้ปกครอง และเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพระบบ) แอนตี้ไวรัสระดับพรีเมียมอย่าง Norton นั้นจะมีการครอบคลุมหลายอุปกรณ์สำหรับระบบปฏิบัติการสำคัญ ๆ ทั้งหมดอีกด้วย ดังนั้นคุณก็สามารถป้องกันอุปกรณ์ทั้งหมดของครอบครัวคุณได้
แอนตี้ไวรัสที่ดีมีราคาเท่าไหร่
แอนตี้ไวรัสที่ดีไม่ได้มีราคาแพงอะไรมากนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงฟีเจอร์การป้องกันที่นำเสนอ
ยกตัวอย่างเช่น Norton แอนตี้ไวรัสที่ได้คะแนนสูงที่สุดของเรา ราคาเริ่มต้นเพียง $19.99 / เดือน คุณสามารถจ่ายเงินเพิ่มเล็กเพื่ออัปเกรดแพลนของคุณให้ครอบคลุมอุปกรณ์ทั้งหมดของคุณ และเพื่อให้สามารถเข้าถึงฟีเจอร์ได้มากยิ่งขึ้น อย่างเช่นการเฝ้าติดตามเว็บมืด, VPN, และการคุ้มกันจากการโจรกรรมเอกลักษณ์บุคคล
อย่างไรก็ตามมีบางบริการที่มีราคาแพงเกินไปและไม่ได้นำเสนฟีเจอร์คุณภาพดี ดังนั้นคุณควรมองหาแอนตี้ไวรัสที่นำเสนอฟีเจอร์ที่คุ้มค่ากับราคาที่นำเสนอ
แอนตี้ไวรัสที่ราคาถูกที่สุดคือเท่าไหร่
Bitdefender เป็นหนึ่งในบริการแอนตี้ไวรัสที่มีราคาถูกที่สุด บริการเริ่มต้นที่ US$19.99 / ปี และยังมีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่ดีที่สุดอีกด้วย
อย่างไรก็ตามแบรนด์ชั้นนำก็มักจะนำเสนอส่วนลดพิเศษอยู่เป็นประจำ ซึ่งช่วยลดค่าบริการได้เยอะมาก (ยกตัวอย่างเช่น Norton ที่กำลังนำเสนอส่วนลด 56% ดังนั้นแผนเริ่มต้นพวกเขามีราคาเหลือเพียง US$54.99 / ปี)
แอนตี้ไวรัสราคาถูก (และฟรี) บางบริการไม่ได้นำเสนอระดับการป้องกันที่เหมาะสมแบบนี้ ดังนั้นในขณะที่คุณอาจจะประหยัดเงินได้ แต่คุณก็อาจทำให้อุปกรณ์ของคุณตกอยู่ในความเสี่ยงได้เช่นกัน นั่นเป็นเหตุผลที่คุณควรเลือกใช้เฉพาะแอนตี้ไวรัสราคาประหยัดที่เชื่อถือได้ซึ่งมีการป้องกันความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยม
แอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับ Mac คืออะไร
ฉันขอแนะนำ Intego แอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับ Mac ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับ macOS และใช้งานได้ดีมากในการทดสอบของฉัน มีฟีเจอร์ที่ยอดเยี่ยมมากมายเช่นการป้องกันแบบเรียลไทม์และไฟร์วอลล์เครือข่ายที่ปรับแต่งได้
ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ตาม แต่ผลิตภัณฑ์แอนตี้ไวรัสส่วนใหญ่ในรายการนี้ ต่างก็มีแอปพลิเคชันที่มีคุณภาพสำหรับ Mac เช่นกัน และพวกมันก็จะสามารถใช้งานได้อย่างไม่มีปัญหา แต่อาจจะมีเงื่อนไขเล็กน้อย
ตัวอย่างเช่น Norton 360 เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ใช้ Mac แต่ฟีเจอร์บางอย่าง (เช่น การสำรองบนคลาว์และการควบคุมของผู้ปกครอง) ถูก จำกัดบน Mac เนื่องจากข้อจำกัดของ Apple
อ่านเกี่ยวกับแอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับ Mac ได้ที่นี่ >
ฉันจะเลือกซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับฉันได้อย่างไร
การเลือกชุดซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสที่เหมาะสมอาจเป็นการตัดสินใจที่ทำได้ยาก — มันมีตัวเลือกมากมายและผลิตภัณฑ์ที่แพงที่สุดไม่แปลว่ามันให้การปกป้องที่ดีที่สุดเสมอไป
สิ่งที่คุณควรทำเพื่อช่วยค้นหาผลิตภัณฑ์ป้องกันไวรัสที่เหมาะสมมีดังนี้
- พิจารณาว่าคุณต้องการฟีเจอร์ใด การป้องกันไวรัสขั้นพื้นฐานเป็นสิ่งจำเป็น แต่ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ตอื่น ๆ ก็มีความสำคัญเช่นกัน หากคุณใช้เครือข่าย Wi-Fi สาธารณะ คุณควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มี VPN หากคุณมีลูก คุณควรหาโปรแกรมป้องกันไวรัสที่มีการควบคุมโดยผู้ปกครอง ผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมมากขึ้นในรายการนี้ เช่น Norton 360 นำเสนอฟีเจอร์ขั้นสูง (และอื่น ๆ อีกมากมาย)
- พิจารณาว่าคุณต้องปกป้องอุปกรณ์ใดและจำนวนเท่าใด คุณอาจมีอุปกรณ์มากกว่าหนึ่งเครื่องที่ต้องใช้แอนตี้ไวรัส ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดในรายการนี้มาแผนพร้อมใบอนุญาตการใช้งานในหลายอุปกรณ์ ตัวอย่างเช่น คุณสามารถใช้แผนระดับสูงของ McAfee เพื่อใช้งานบนอุปกรณ์ได้ไม่จำกัดจำนวน รวมถึงสมาร์ทโฟน ถึงแม้ตัวเลือกยอดนิยมส่วนใหญ่ของฉันจะเสนอแอปคุณภาพสูงสำหรับระบบปฏิบัติการหลักทั้งหมด รวมถึง Windows, macOS, Android และ iOS แต่แอนตี้ไวรัสบางบริการไม่มีแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ ตัวอย่างเช่น Intego ไม่มีแอปสำหรับ iOS หรือ Android แต่นี่เป็นตัวเลือกอันดับแรก ๆ ของฉันสำหรับ macOS
- ใช้ประโยชน์จากการทดลองใช้ฟรี/การรับประกันคืนเงิน มีหลายบริการในรายการนี้ที่ให้ทดลองใช้งานฟรีโดยไม่มีข้อผูกมัด ตัวอย่างเช่น คุณสามารถใช้งาน Panda ในเดือนแรกได้ฟรี และแบรนด์อื่น ๆ เกือบทุกแห่งเสนอการรับประกันคืนเงินแบบ “ไม่มีคำถาม” ตัวอย่างเช่น TotalAV นำเสนอการคืนเงินภายใน 30 วันและ Norton มีระยะเวลาการขอเงินคืนยาวนานถึง 60 วัน
- ทดลองใช้ซอฟต์แวร์ใช้เวลาทดสอบผลิตภัณฑ์ที่คุณเลือก เมื่อคุณไม่พอใจคุณสามารถติดต่อฝ่ายสนับสนุนลูกค้าหรือขอคืนเงิน แบรนด์เหล่านี้เป็นชื่อเสียงที่คุณควรไว้วางใจและพวกเขาจะปฏิบัติตามคำขอคืนเงินอย่างเคร่งครัด คุณสามารถทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดในรายการนี้ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม
โปรแกรมป้องกันไวรัสจะทำให้อุปกรณ์ของคุณทำงานช้าลงหรือไม่
ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสอาจจะทำให้อุปกรณ์ของคุณทำงานช้าลงได้ แต่โดยปรกติแล้ว การที่อุปกรณ์ช้าลงนั้นมักเกิดขึ้นในระหว่างที่ระบบกำลังสแกนเต็มรูปแบบ อย่างไรก็ตาม โปรแกรมป้องกันไวรัสที่ดีที่สุด จะทำงานอย่างรวดเร็วและไม่สะดุดแม้ในระหว่างการสแกนเต็มรูปแบบ ทำให้คุณสามารถใช้งานอุปกรณ์ได้โดยไม่ติดขัด
ตัวเลือกอันดับต้นของฉัน, Norton และ Bitdefender, ไม่มีผลกระทบใด ๆ ต่อประสิทธิภาพการใช้งานอุปกรณ์ระหว่างการทดสอบการใช้งาน ฉันสามารถสตรีมวิดีโอ เล่นเกม ทำงานออนไลน์ และโทรแบบวิดีโอได้ในขณะที่โปรแกรมกำลังทำงานอยู่เบื้องหลัง
นอกจากนี้ ตัวเลือกอันดับต้นของฉันบางแบรนด์ เช่น TotalAV และ Avira มีเครื่องมือปรับประสิทธิภาพสูงสุดที่ยอดเยี่ยม ซึ่งจะช่วยทำความสะอาดและเพิ่มความเร็วให้กับอุปกรณ์ของคุณ และบางแบรนด์ยังมีแม้กระทั่งโปรแกรมเพิ่มความเร็วสำหรับเกมด้วย (ฉันแนะนำ Norton สำหรับเหล่าเกมเมอร์) ซึ่งจะช่วยให้คุณได้เล่นเกมด้วยประสิทธิภาพที่สูงโดยไม่มีปัญหาการล่าช้าเลย