
อัพเดท: 17 ตุลาคม 2023
มีเวลาไม่พอใช่ไหม นี่คือแอนตี้ไวรัสฟรีที่ดีที่สุดสำหรับ2023:
- 🥇
Norton : การปกป้องไวรัสและมัลแวร์ที่ยอดเยี่ยม มาพร้อมกับฟีเจอร์เพิ่มเติมมากมาย อย่างเช่นการป้องกันการฟิชชิ่ง, VPN, เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน, การควบคุมของผู้ปกครอง, การตรวจสอบดาร์กเว็บแบบเรียลไทม์, การสำรองข้อมูลบน Cloud และอื่น ๆ อีกมากมาย
มีบริการนับร้อยให้คุณเลือกใช้และพวกเขาอ้างว่าจะนำเสนอการป้องกันที่ดีที่สุดในราคาที่ดีที่สุด ฉันได้ทดสอบซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสชั้นนำแล้วและมีเพียงไม่กี่บริการเท่านั้นที่แข็งแกร่ง ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะได้รับการพิจารณาให้เป็นหนึ่งในแอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดแห่งปี 2023
แอนตี้ไวรัสส่วนใหญ่ในปัจจุบันมีมากกว่าแค่โปรแกรมสแกนไวรัส มันยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ที่ช่วยเพิ่มการป้องกันเพิ่มเติม เช่น ไฟร์วอลล์ การป้องกันเว็บฟิชชิ่ง เครือข่ายส่วนตัวเสมือน (VPN) เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน การควบคุมโดยผู้ปกครองและการป้องกันสำหรับอุปกรณ์พกพา
แต่ก็มีแอนตี้ไวรัสจำนวนมากเหมือนกันที่ไม่สามารถให้บริการได้ตามที่โฆษณาไว้ เช่น มีอัตราการตรวจจับมัลแวร์ต่ำ ไม่สามารถบล็อกเว็บไซต์ที่เป็นอันตรายอย่างสม่ำเสมอและฟีเจอร์พิเศษไม่ได้รับการออกแบบมาอย่างดีและแทบไม่มีประโยชน์เลย (แม้จะเรียกเก็บค่าบริการเพิ่มเติมจากคุณก็ตาม)
ฉันใช้เวลาหลายสัปดาห์ทดสอบ แอนติไวรัสที่ดีที่สุด ในตลาด — ฉันจัดอันดับตามความปลอดภัย, ฟังก์ชัน, ความเร็ว, และราคา.
สรุปย่อของซอฟแวร์แอนตี้ไวรัสที่ดีที่ยอดสำหรับ2023:
- 1.🥇
Norton — โปรแกรมป้องกันไวรัสคุณสมบัติโดยรวมดีที่สุดในปี 2023 - 2.🥈
Bitdefender — ดีที่สุดสำหรับการสแกนที่ใช้ทรัพยากรน้อย (พร้อมคุณสมบัติเสริมมากมาย) - 3.🥉
TotalAV — ดีที่สุดสำหรับการใช้งานที่ง่าย (แนะนำสำหรับผู้เริ่มต้น)
4.McAfee — ดีที่สุดสำหรับการป้องกันเว็บ (พร้อมแพ็คเกจครอบครัวที่ยอดเยี่ยม) - 5.
Intego — ดีที่สุดสำหรับการป้องกัน Mac ของคุณ - อันดับ 6-10 ของ 2023 แอนติไวรัสที่ดีที่สุด
- ตารางเปรียบเทียบของทั้งหมดที่เลือกมา
🥇1. Norton 360 — แอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับ Windows, Android & iOS

ซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสของ Norton ใช้เครื่องมือสแกนที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งขับเคลื่อนโดยการวิเคราะห์ฮิวริสติกและการเรียนรู้ของเครื่องทำให้สามารถสแกนค้นหาและลบมัลแวร์ประเภทใหม่ล่าสุดและมัลแวร์ขั้นสูงสุดทั้งหมดได้ พวกเขาได้คะแนนการป้องกัน 100% ในระหว่างการทดสอบทั้งหมดของฉันและได้คะแนนการตรวจจับและการป้องกันภัยคุกคามสูงกว่าโปรแกรมป้องกันไวรัสในตัว (เช่น Windows Defender)
Norton 360 มาพร้อมกับฟีเจอร์เพิ่มเติมมากมาย ที่ใช้งานได้ง่ายและมีประสิทธิภาพ และมีฟีเจอร์ดังนี้:
- ไฟร์วอล์ที่ปลอดภัย
- เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน
- การป้องกันเว็บแคม
- VPN (ไม่จำกัดข้อมูล)
- การควบคุมดาร์กเว็บ
- พื้นที่จัดเก็บบนคลาวด์
- การป้องกันแรนซัมแวร์
- และอื่น ๆ อีกมากมาย…
ฟีเจอร์ที่ฉันชอบเป็นพิเศษคือการตรวจสอบดาร์กเว็บ (เป็นเครื่องมือตรวจสอบดาร์กเว็บที่ดีที่สุดที่ฉันเคยทดสอบ) โดยจะสแกนดาร์กเว็บเพื่อหาข้อมูลส่วนบุคคลหลายอย่าง รวมถึงรายละเอียดบัตรเครดิต เอกสารประกัน เลขที่บ้าน หมายเลขโทรศัพท์ ชื่อในเกมและอื่น ๆ และจะแจ้งเตือนคุณทันทีหากตรวจพบข้อมูลที่ถูกละเมิด
Norton นำเสนอฟีเจอร์ที่ยอดเยี่ยมมากมายในทุกแพคเกจ แผนราคาเริ่มต้นที่ US$19.99 / ปี*, แพ็กเกจระดับเริ่มต้น
สรุป:
Norton 360 เป็นตัวเลือกแอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดใน2023 Norton นำเสนอแพ็คเกจความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่แข็งแกร่งที่สุด — การป้องกันจากภัยคุกคามที่เป็นอันตรายที่สมบูรณ์แบบ พร้อมฟีเจอร์พิเศษมากมายเช่น VPN (พร้อมข้อมูลไม่จำกัด) เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน ที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์ที่ปลอดภัย การควบคุมโดยผู้ปกครองและอีกมากมาย และคุณสามารถทดลองใช้ Norton โดยปราศจากความเสี่ยงด้วยการรับประกันคืนเงิน 60 วัน
🥈2. Bitdefender การรักษาความปลอดภัยแบบหัวจรดเท้า — โปรแกรมไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับการสแกนที่ใช้ทรัพยากรน้อย + คุณสมบัติเสริมมากมาย

Bitdefender พบและกำจัดทุกภัยอันตรายจากระบบของฉัน เมื่อฉันทดสอบมัน ด้วยเหตุผลที่เครื่องมือของมันเป็นแบบบนคลาวด์ การสแกน malware ทั้งหมดจึงเกิดขึ้นบนเซิร์ฟเวอร์คลาวด์ของ Bitdefender ซึ่งช่วยลดภาระบนอุปกรณ์ของคุณ Bitdefender ไม่ทำให้ระบบของฉันทั้งใน Windows และ Mac laptops ได้รับผลกระทบมาก แม้ในระหว่างการสแกนดิสก์ทั้งหมดที่ปกติต้องใช้ทรัพยากรเยอะ
Bitdefender นั้นเหมือนกับ Norton ที่มีการตั้งค่าขั้นสูงสำหรับผู้ใช้ที่รู้วิธีการปรับแต่งการป้องกันไวรัส คุณสามารถตั้งค่าการสแกนแบบกำหนดเองสำหรับเฉพาะส่วนของคอมพิวเตอร์ของคุณ เช่นสคริปต์ การแชร์เครือข่าย บูตเซกเตอร์และแม้แต่ไฟล์ใหม่/ที่แก้ไข การตั้งค่าขั้นสูงของ Bitdefender ทำให้พวกเขามีชื่อเสียงในฐานะหนึ่งในเครื่องมือสแกนมัลแวร์ที่ทรงพลังและทำการปรับแต่งได้มากที่สุด
แต่ Bitdefender ไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องสแกนป้องกันมัลแวร์เท่านั้น บริการยังมีชุดรักษาความปลอดภัยที่ครอบคลุมมากที่สุด ซึ่งให้การป้องกันที่ดีที่สุดสำหรับทั้งคอมพิวเตอร์และมือถือ และมาพร้อมฟีเจอร์ต่าง ๆ อย่างเช่น:
- การป้องกันเว็บไซต์
- การเพิ่มประสิทธิภาพระบบ
- VPN (จำกัด 200 MB ต่อวัน)
- การควบคุมของผู้ปกครอง
- เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน
- การป้องกันเว็บแคม
- การป้องกันแรนซัมแวร์
- และอื่น ๆ อีกมากมาย…
การป้องกันเว็บของ Bitdefender ยอดเยี่ยม — การป้องกันการฟิชชิ่งสามารถบล็อกเว็บไซต์ฟิชชิ่งส่วนใหญ่ในการทดสอบของฉันได้ และฉันชอบ Safepay มาก มันเป็นหน้าต่างเบราว์เซอร์ที่ถูกเข้ารหัสที่ปลอดภัยสำหรับการทำธุรกรรมการเงินและช้อปปิ้งออนไลน์ ฉันชอบการป้องกันแรนซัมแวร์หลายชั้นของ Bitdefender ซึ่งเพิ่มชั้นการป้องกันข้อมูลไฟล์ที่สำคัญของคุณเพื่อป้องกันไม่ให้ถูกเข้ารหัสจากการโจมตีแรนซัมแวร์
VPN ของ Bitdefender นั้นยังเป็นหนึ่งใน VPN ที่ดีที่สุดอีกด้วย มันสามารถเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ที่ถูกเข้ารหัสทั่วโลกได้ด้วยความเร็วสูงสุด — แต่น่าเสียดายที่ต่างจาก Norton VPN ตรงที่ Bitdefender VPN นั้นจะจำกัดข้อมูลการใช้งานรายวันของคุณสำหรับทุกแพลน ยกเว้นแพลนที่มีราคาแพงที่สุด
ในด้านอินเทอร์เฟซผู้ใช้ Bitdefender รองรับมากกว่า 15 ภาษารวมถึง ภาษาไทยด้วย ดังนั้นคุณสามารถเพลิดเพลินกับประสบการณ์การใช้งานที่ราบรื่นโดยไม่ต้องกังวลว่าจะไม่เข้าใจสิ่งที่นำเสนอในแอพพลิเคชั่น
Bitdefender มีหลายแพ็กเกจราคาประหยัดให้เลือก
แพ็กเกจที่ฉันชื่นชอบที่สุดคือ
สรุป:
Bitdefender นำเสนอการสแกนบนคลาวด์และเครื่องมือด้านความปลอดภัยไซเบอร์มากมาย ในราคาที่ถูกกว่าคู่แข่งส่วนใหญ่ ฉันแนะนำ Bitdefender หากคุณมั่นใจในการใช้คอมพิวเตอร์และกำลังมองหาชุดความปลอดภัยไซเบอร์ที่ครอบคลุมพร้อมคุณสมบัติเสริมเช่น VPN, การควบคุมโดยผู้ปกครอง และตัวจัดการรหัสผ่าน และคุณสามารถทดลองใช้ Bitdefender ได้โดยไม่มีความเสี่ยงผ่านการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
อ่านรีวิวตัวเต็มของ Bitdefender >
🥉3. TotalAV — แอนติไวรัสที่ดีที่สุดด้านการใช้งานง่าย (เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นมาก)

สแกนเนอร์แอนติไวรัสของ TotalAV ทำงานได้รวดเร็วและเชื่อถือได้, มีอัตราการตรวจจับมัลแวร์ที่เกือบสมบูรณ์แบบ สแกนเนอร์นี้ตรวจจับได้ 99% ของมัลแวร์ทั้งหมดในการทดสอบของฉัน ทั้งไวรัสและโทรจันไปจนถึงแรนซัมแวร์ ยกเว้นเพียงบางไฟล์ที่ซับซ้อน (ซึ่ง Norton และ Bitdefender สามารถตรวจจับได้)
คุณจะยังได้รับเครื่องมือป้องกันภัยอันตรายทางอินเทอร์เน็ตอีกมากมาย เราชอบตัวเพิ่มประสิทธิภาพของ TotalAV เป็นพิเศษ – ระหว่างการทดสอบของเรา มันทำความสะอาดพื้นที่จัดเก็บในคอมของเราไปได้มากกว่าคู่แข่ง และเราก็ชอบ VPN ของ TotalAV ได้ — มันทั้งปลอดภัย ใช้งานได้กับเว็บไซต์สตรีมมิ่งยอดนิยม และก็รักษาระดับความเร็วได้ดีมากสำหรับทุกเซิร์ฟเวอร์ (เพราะแบบนั้นมันถึงถูกจัดอันดับเป็นหนึ่งใน VPN ที่ถูกบันเดิลมากับแอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุด)
โปรแกรมจัดการรหัสผ่านก็ดีมาก Total Password ให้บริการเก็บรหัสผ่านและข้อมูลสำคัญอื่น ๆ ในพื้นที่ที่เข้ารหัสได้อย่างปลอดภัย คุณจะได้รับฟีเจอร์มาตรฐานทั้งหมด เช่น การบันทึกและกรอกรหัสผ่านอัตโนมัติ, เครื่องมือสร้างรหัสผ่านที่สามารถปรับแต่งได้, การซิงค์ข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ และอื่น ๆ อีกมากมาย มันทำงานได้ดีมากในการทดสอบของฉัน เว้นแต่ว่ามันขาดฟีเจอร์การแชร์รหัสผ่าน อย่างไรก็ตาม มันยังมีฟีเจอร์ที่ไม่เหมือนใครเช่น ป้องกันฉัน (“Secure Me”) — เครื่องมือที่จะช่วยให้คุณสามารถออกจากระบบบนอุปกรณ์ทั้งหมดได้จากระยะไกล
หากคุณสงสัยในเรื่องภาษาในบริการ TotalAV ไม่รองรับภาษาไทย
สรุป:
TotalAV มีเอนจินป้องกันไวรัสที่ทรงพลังและฟีเจอร์ที่ดีมากมายภายในแดชบอร์ดที่ใช้งานง่าย — ฉันขอแนะนำ TotalAV สำหรับผู้ใช้เริ่มต้นที่ต้องการเพียงแค่ต้องการสิ่งที่ปลอดภัยปลอดภัยและใช้งานง่าย แพ็คเกจของ TotalAV ล้วนมีฟีเจอร์ที่หลากหลายและฟีเจอร์ทั้งหมดนี้ออกแบบมาเพื่อให้ใช้งานได้ง่ายที่สุด TotalAV มีการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
4. McAfee Total Protection — ดีที่สุดด้านการรักษาความปลอดภัยออนไลน์ (+ เหมาะสำหรับครอบครัว)

McAfee Total Protection มีคุณลักษณะด้านความปลอดภัยสำหรับอินเทอร์เน็ตที่ยอดเยี่ยม — การป้องกันมัลแวร์, การป้องกันการฟิชชิ่ง, โปรแกรมจัดการรหัสผ่าน, VPN และการตรวจสอบและป้องกันการโจรกรรมตัวตน และคุณลักษณะทั้งหมดของมันนั้นใช้งานง่าย, สื่อสารได้ชัดเจน และทำงานได้ตามที่มีกล่าวอ้าง
ความสามารถในการป้องกันไวรัสที่ยอดเยี่ยมอย่างเดียวก็ทำให้ McAfee เป็นตัวเลือกที่ดีมากแล้ว — ได้คะแนน 100% ในการตรวจจับมัลแวร์ทั้งหมดจากตัวอย่างในการทดสอบของฉัน McAfee ตรวจจับ, บล็อก และลบทั้งภัยคุกคามอย่างง่ายและซับซ้อน รวมถึงไวรัส, โทรจัน, สปายแวร์, คีย์ล็อกเกอร์, และรูทคิทได้ทั้งหมด
ในทางกลับกัน McAfee มีฟีเจอร์พิเศษที่ค่อนข้างดี หนึ่งฟีเจอร์ที่โดดเด่นของ McAfee ก็คือ ซอฟต์แวร์ด้านความปลอดภัย “My Home Network” มันนำเสนอแผนที่อุปกรณ์ทุกอันที่เชื่อมต่อกับเครือข่าย WiFi ในบ้านของคุณที่สามารถอ่านได้ง่าย ช่วยให้คุณสามารถควบคุมความปลอดภัยในโลกออนไลน์และให้คุณสามารถปกป้องอุปกรณ์ทุกชิ้นจากผู้บุกรุกภายนอกได้
ฉันชอบการป้องกัน Wi-Fi ของ McAfee อย่างมาก ซึ่งจะมีแผนที่ที่อ่านง่ายของอุปกรณ์ทั้งหมดบนเครือข่าย Wi-Fi ของคุณ ให้คุณควบคุมความปลอดภัยออนไลน์ของคุณได้ทั้งหมดและช่วยให้คุณสามารถปิดกั้นผู้บุกรุก
อย่างไรก็ตาม McAfee ทำให้คอมพิวเตอร์ของฉันช้าลงบ้างระหว่างการสแกนระบบทั้งหมด (ไม่เหมือนกับ Norton และ Bitdefender) ในขณะที่ฉันสามารถท่องเว็บ, ใช้ Microsoft Office, และดูวิดีโอบน YouTube (แต่มีการบัฟเฟอร์บางครั้ง) ฉันไม่สามารถเล่นเกมที่ใช้ CPU เยอะได้เนื่องจากหน้าจอของฉันจะค้างระหว่างการเล่นเกม
แพลนของ McAfee ซึ่งมีราคาเริ่มต้นเพียงแค่ US$39.99 / ปี นั้นมีความคุ้มค่าเป็นที่สุด แพลนระดับ Plus (US$39.99 / ปี) นั้นจะครอบคลุมถึง 5 อุปกรณ์ ในขณะที่แพลนระดับ Premium family (US$59.99 / ปี) จะเพิ่มระบบควบคุมสำหรับผู้ปกครองและครอบคลุมได้ไม่จำกัดจำนวนเครื่อง และก็ยังมีแพลนระดับ Advanced (US$79.99 / ปี) ซึ่งจะเพิ่มความคุ้มครองโจรกรรมถึง 1 ล้านดอลลาร์ รวมถึงการป้องกันการโจรกรรมอื่น ๆ
แต่ว่า McAfee ไม่รองรับภาษา ซึ่งมันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ดีนัก แต่ถ้าคุณคุ้นเคยกับภาษาอังกฤษหรือภาษาอื่น ๆ ที่รองรับ คุณก็จะไม่พบปัญหาใด ๆ
สรุป:
McAfee Total Protection นำเสนอคุณลักษณะด้านความปลอดภัยสำหรับอินเทอร์เน็ตที่ดี สำหรับคอมพิวเตอร์และมือถือทั้งหมด การป้องกันการฟิชชิ่งและการป้องกัน Wi-Fi ของมันนั้นดีเยี่ยม บล็อกเว็บไซต์ที่มีความเสี่ยงทั้งหมดและนำเสนอการควบคุมความปลอดภัยแบบรวมศูนย์สำหรับทุกอุปกรณ์บนเครือข่ายของคุณ และการควบคุมสำหรับผู้ปกครองของมันนั้นเป็นหนึ่งในตัวที่ดีที่สุดในตลาด ทำให้ McAfee Total Protection โดดเด่นเป็นพิเศษสำหรับครอบครัวที่ต้องการเครือข่าย Wi-Fi ที่มีความปลอดภัยสูงและเพิ่มความปลอดภัยสำหรับเด็กทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ทุก Total Protection แพ็คเกจจะมีการรับประกันการคืนเงินใน 30 วันที่ไม่มีข้อผูกมัด
5. Intego — ดีที่สุดสำหรับการป้องกัน Mac อย่างครอบคลุม

Intego เป็นโปรแกรมป้องกันไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับ macOS แบรนด์แอนตี้ไวรัสส่วนใหญ่มุ่งเน้นการปกป้อง PC ที่ใช้ Windows เท่านั้น — แม้แต่คู่แข่งอย่าง Norton และ Bitdefender ก็นำเสนอฟีเจอร์สำหรับโปรแกรม macOS น้อยกว่าในเวอร์ชัน Windows — แต่แพ็คเกจแอนตี้ไวรัส Mac ของ Intego ทั้งหมดนั้นได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ตคุณภาพสูงและเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับ macOS โดยเฉพาะ — ช่วยปรับปรุงฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยในตัวของ Apple ให้ดีขึ้นอย่างมากด้วยสิ่งต่าง ๆ เช่น:
- การปกป้องกันมัลแวร์แบบเรียลไทม์
- เครื่องมือทำความสะอาดและเพิ่มประสิทธิภาพ Mac
- ตัวเลือกการสำรองข้อมูลขั้นสูงของ Mac
- ตัวเลือกความปลอดภัยของเครือข่าย
- การควบคุมของผู้ปกครอง
เครื่องสแกนไวรัสของ Intego นั้นรวดเร็วมากและมีอัตราการตรวจจับมัลแวร์ที่สมบูรณ์แบบเทียบกับการทดสอบอื่น ๆ ของฉัน (ทั้งบน macOS และ PC) เครื่องสแกนนั้นทำงานได้รวดเร็วมาก สามารถสแกน 800,000 ไฟล์ได้ในเวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมง ฉันยังชอบที่การสแกนครั้งต่อไปใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที เพราะโปรแกรมของ Intego มีระบบแคชไฟล์ที่จะสแกนไฟล์ที่เคยสแกนแล้ว (Norton ใช้เทคโนโลยีเดียวกันเพื่อข้ามไฟล์ที่เคยสแกนก่อนหน้านี้แล้ว)
ฉันยังชอบสมาร์ทไฟร์วอลล์ที่ปรับแต่งได้ของ Intego โปรแกรมจะตรวจสอบการเชื่อมต่อเครือข่ายทั้งขาเข้าและขาออก และแจ้งเตือนคุณถึงโปรแกรมที่พยายามเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ซึ่งป้องกันไม่ให้โปรแกรมส่งข้อมูลจากอุปกรณ์ Mac ของคุณโดยที่คุณไม่รู้ตัว (เหมาะสำหรับการตรวจจับสปายแวร์ที่พยายามส่งข้อมูลที่สำคัญไปยังแฮกเกอร์) ไฟร์วอลล์ยังปรับการตั้งค่าโดยอัตโนมัติตามสภาพแวดล้อมของคุณ เช่นเมื่อคุณอยู่ที่บ้าน ที่ทำงานหรือใช้เครือข่าย Wi-Fi สาธารณะ เพื่อรับรองได้ว่าคุณได้เปิดการตั้งค่าที่เหมาะสมที่สุด
Intego มีฟีเจอร์เพิ่มเติมที่ยอดเยี่ยมมากมาย ฉันที่คุณสามารถเชื่อมต่อไดรฟ์ภายนอกหรืออุปกรณ์ iOS กับ Mac ของคุณและสแกนไวรัสด้วย Intego ได้ เนื่องจาก Intego ไม่ได้เสนอการป้องกันความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ตสำหรับมือถือ วิธีนี้ช่วยให้คุณไม่ต้องซื้อแพ็คเกจแอนตี้ไวรัสหลายเพิ่มเติมเพื่อปกป้องอุปกรณ์ iOS อื่น ๆ ของคุณ แต่ถ้าคุณต้องการทำมากกว่าการสแกนไวรัสบน iOS คุณจะต้องซื้อแอปแอนตี้ไวรัส iOS แยกต่างหาก
แพ็กเกจ Mac Premium Bundle X9 ของ Intego นั้นยอดเยี่ยม — มีคุณลักษณะดีที่สุดทั้งหมดของ Intego รวมถึงเครื่องมือปรับปรุงดิสก์และการควบคุมโดยผู้ปกครอง ยังมีแพ็กเกจ Mac Internet Security X9 ด้วย แต่จะมีแค่การป้องกันมัลแวร์แบบ real-time และไฟร์วอลล์เท่านั้น เริ่มต้นที่ US$1.67 / เดือน Intego มีราคาสูงกว่าคู่แข่งเล็กน้อย แต่ส่วนใหญ่คู่แข่งนั้นนำเสนอโปรแกรมพื้นฐานมากสำหรับผู้ใช้ Mac (โดยทั่วไปจะมีเพียงตัวสแกนมัลแวร์)
Intego ยังมีผลิตภัณฑ์สำหรับ Windows อย่าง Antivirus for Windows แต่ก็เป็นเพียงเครื่องสแกนไวรัสธรรมดาและไม่ใช่ซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยเต็มรูปแบบอย่างผลิตภัณฑ์ Mac ของ Intego หากคุณต้องการโปรแกรมป้องกันไวรัสสำหรับ Windows ตัวเลือกอื่น ๆ ในรายการนี้เป็นตัวเลือกที่ดีกว่า
สรุป:
Intego เป็น แอนติไวรัสที่ดีที่สุด สำหรับ macOS ในปี 2023 — มันนำเสนอการป้องกันมัลแวร์ที่ยอดเยี่ยมบน Mac มันเพิ่มประสิทธิภาพและปรับปรุงเครื่องมือด้านความปลอดภัยและปรับปรุงอุปกรณ์ที่ Apple มีอยู่แล้วอย่างมาก และมีราคาที่ดี นอกจากนี้ยังมีการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วันโดยไม่มีความเสี่ยง เพื่อให้คุณทดลองดูว่ามันมีการป้องกันที่ดีที่สุดสำหรับคุณหรือไม่
6. Kaspersky Premium — โปรแกรมไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับการช้อปปิ้งออนไลน์ + ธุรกรรมทางธนาคาร

ขณะนี้เราไม่มีหลักฐานที่บ่งชี้ว่า Kaspersky ที่ตั้งอยู่ในมอสโกนั้นเป็นภัยคุกคามต่อผู้ใช้ คุณสามารถอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตัดสินใจของเราในการแนะนำบริการต่อในเว็บไซต์ของเราได้ที่นี่
Kaspersky Internet Security มีการป้องกันแอนติไวรัสที่ดีที่สุด พร้อมฟีเจอร์เสริมที่น่าประทับใจเช่น การป้องกันเว็บไซต์ที่อันตรายที่จะช่วยให้คุณปลอดภัยออนไลน์ โปรแกรมของมันได้แสดงผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรมต่อทุกประเภทของมัลแวร์ — โปรแกรมนี้มีประสิทธิภาพ 100% ในทุกการทดสอบป้องกันมัลแวร์ของฉัน
Kaspersky ยังมีฟีเจอร์ความปลอดภัยทางไซเบอร์อีกมากมายเช่น:
- การป้องกันการฟิชชิ่ง
- เบราว์เซอร์ปลอดภัย Safe Money
- VPN (ข้อมูลไม่จำกัด)
- โปรแกรมจัดการรหัสผ่าน
- ตรวจสอบบ้านอัจฉริยะ
ฉันชอบฟีเจอร์ Safe Money ของ Kaspersky มาก — โปรแกรมจะตรวจจับเมื่อคุณกำลังจะชำระเงินออนไลน์หรือเข้าถึงเว็บไซต์ของธนาคาร โดยเสนอให้เปิดเบราว์เซอร์ที่ปลอดภัยและไม่สามารถเข้าถึงได้จากมัลแวร์และสปายแวร์ Kaspersky ฉันชอบฟีเจอร์ Safe Money แต่ฉันชอบเบราว์เซอร์ที่ปลอดภัยของ Bitdefender มากกว่านั่นคือ Safepay ซึ่งโหลดได้เร็วกว่าของ Kaspersky นำเสนอแป้นพิมพ์เสมือนเมื่อจัดการธุรกรรมออนไลน์เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกตรวจจับด้วยคีย์ล็อกเกอร์
ตามความคิดเห็นของฉัน Kaspersky Premium เป็นแพลนที่มีค่าคุ้มค่าที่สุด มันมีให้บริการสแกนมัลแวร์, การป้องกันเว็บ, เบราว์เซอร์ปลอดภัย Safe Money, VPN ที่มีข้อมูลไม่จำกัด, โปรแกรมจัดการรหัสผ่านที่มีพื้นที่เก็บรหัสผ่านไม่จำกัด, การตรวจสอบ Wi-Fi ในบ้านเพื่อให้คุณสามารถติดตามดูได้ว่ามีใครเชื่อมต่อกับเครือข่ายของคุณบ้าง และเครื่องมือควบคุมสำหรับผู้ปกครอง Kaspersky ให้ใช้งานฟรี 1 ปี สำหรับผู้ใช้สูงสุด 3 คน ในราคาเพียง US$67.49 / ปี นี่เป็นข้อเสนอที่ดี — และยังมีตัวเลือกเพื่อครอบคลุมผู้ใช้ 5, 10, และ 20 คนด้วย
หากคุณอยากรู้เกี่ยวกับตัวเลือกภาษาโปรดทราบว่า Kaspersky นั้นไม่มีให้บริการในภาษาไทย
สรุป:
Kaspersky นำเสนอแพ็คเกจแอนติไวรัสที่ออกแบบได้ดี พร้อมเครื่องมือสแกนมัลแวร์ที่ดี และคุณจะยังได้รับบริการเสริมที่มีประสิทธิภาพเช่น เบราว์เซอร์ปลอดภัยสำหรับการเงินออนไลน์, VPN, โปรแกรมจัดการรหัสผ่าน และการควบคุมการใช้งานของผู้ปกครองฟรี 1 ปี แผนทั้งหมดของ Kaspersky มีการคืนเงินใน 30 วันถ้าคุณไม่พอใจ
อ่านรีวิวตัวเต็มของ Kaspersky >
7. Avira Prime — โปรแกรมไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับการปรับปรุงระบบ

Avira เป็นหนึ่งในแอนติไวรัสที่แข็งแกร่งที่สุดและทรงพลังที่สุด — ทำคะแนนได้สูงอย่างสม่ำเสมอในระหว่างการทดสอบอิสระ (และได้คะแนนอัตราการตรวจจับ 100% ระหว่างการทดสอบทั้งหมดของฉัน) และเทคโนโลยีป้องกันมัลแวร์ของ Avira ยังถูกใช้งานคู่แข่งหลายรายรวมถึง TotalAV Avira ทำงานบนคลาวด์ทั้งหมด มันจะไม่ทำให้อุปกรณ์ของคุณช้าลงเหมือนกับคู่แข่งรายอื่น ๆ ที่ต้องดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ขนาดใหญ่มายังระบบของคุณ
Avira Prime มาพร้อมกับฟีเจอร์เพิ่มเติมที่ยอดเยี่ยม อย่างเช่น:
- การเพิ่มประสิทธิภาพความเป็นส่วนตัว
- การเพิ่มประสิทธิภาพระบบ
- VPN
- เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน
- แอพพลิเคชั่นสำหรับ Android และ iOS
เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพของ Avira นั้นเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ดีที่สุด ในขณะที่แอนตี้ไวรัสส่วนใหญ่นั้นจะมาพร้อมกับเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพที่จะช่วยให้อุปกรณ์ของคุณทำงานได้อย่างราบรื่นและช่วยเพิ่มพื้นที่จัดเก็บให้ แต่ Avira นั้นจะมาพร้อมกับเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพและจัดการพื้นที่ขั้นสูงซึ่งบันเดิลมากับแอนตี้ไวรัส ประกอบไปด้วย:
- เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพ Startup มันช่วยลดเวลาในการสตาร์ทอัพ PC ของฉันได้ 2 นาที!
- การเพิ่มประสิทธิภาพเกม จัดสรรทรัพยากรระบบโดยอัตโนมัติและหยุดการทำงานในเบื้องหลังเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบ
- เครื่องมือลบไฟล์ขยะ ลบไฟล์ที่ซ้ำกัน ไฟล์ที่ไม่ได้ใช้และไฟล์แคชบางไฟล์
Avira Prime นั้นจะเป็นแอนตี้ไวรัสที่เหมาะเป็นพิเศษถ้าหากคุณมี PC ที่เก่าและช้า รวมถึงมีพื้นที่ฮาร์ดดิสก์น้อย เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพระบบของ Avira นั้นทำให้คอมพิวเตอร์ Windows 7 เครื่องเก่าของเรานั้นกลับมาเร็วเหมือนใหม่เลย — มันเกือบจะดูเหมือนว่ามีความเร็วเทียบเท่ากับ PC Windows 10 เลยด้วยซ้ำ! และเนื่องจาก engine ของแอนตี้ไวรัส Avira นั้นทำงานบนคลาวด์ทั้งหมด มันก็จะไม่ทำให้อุปกรณ์ของคุณช้าลงเหมือนคู่แข่งรายอื่น ๆ ที่ดาวน์โหลดแพ็กเกจซอฟต์แวร์ขนาดใหญ่มาไว้ในระบบของคุณ
ในราคา US$36.99 / ปี Avira Prime นั้นมีความคุ้มค่า แต่มันแพงกว่าบางแพ็คเกจแอนติไวรัสที่ได้รับการจัดอันดับสูงพอ ๆ กัน Avira มีแผนที่ราคาถูกลงไปอีก อย่าง Internet Security (US$19.99 / ปี) แต่ Prime เป็นแพ็คเกจเดียวที่รวมการปรับปรุงระบบขั้นสูง, VPN ที่มีข้อมูลไม่จำกัด, และแอปมือถือ
แต่ว่าแอพพลิเคชั่น Windows ของ Avira นั้นไม่ได้รองรับภาษาไทย นี่เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่คุณควรนำไปพิจารณา!
Avira เวอร์ชันฟรี นั้นเป็น แอนตี้ไวรัสฟรีที่ดีที่สุด — หากคุณยังไม่อยากใช้เงินในตอนนี้ Avira ฟรี ก็จะสามารถช่วยปกป้องอุปกรณ์ของคุณด้วยการปกป้องอย่างเรียลไทม์, การปกป้องจากแรนซัมแวร์ และก็มี VPN เวอร์ชันฟรีของ Avira ให้ใช้งานด้วย
สรุป:
Avira เป็นชุดความปลอดภัยที่ใช้ทรัพยากรน้อยที่สุดในรายการของฉัน ด้วยเครื่องมือสแกนที่อยู่บนคลาวด์และเครื่องมือปรับปรุงระบบที่ยอดเยี่ยม นอกจากนี้ยังมี VPN, โปรแกรมจัดการรหัสผ่าน, และครอบคลุมสูงสุด 5 อุปกรณ์ในทุกระบบปฏิบัติการ คุณสามารถทดลองใช้ Avira โดยไม่มีความเสี่ยงด้วยการรับประกันคืนเงินภายใน 60 วันถ้าไม่พอใจ
8. Panda Dome — ดีที่สุดในด้านราคาที่มีความยืดหยุ่น

Panda นำเสนอเครื่องมือสแกนไวรัสขั้นสูงและหน้าตาที่ใช้งานง่าย และมี 5 แผนให้เลือก — ฉันชอบที่ Panda นำเสนอโซลูชันความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยมให้กับทุกคน ไม่ว่าจะมีงบประมาณเท่าไรก็ตาม ฉันพอใจที่เครื่องมือสแกนมัลแวร์ของ Panda ทำงานได้ดีในระหว่างการทดสอบ (อัตราการตรวจจับมัลแวร์ 95% และอัตราการตรวจจับแรนซัมแวร์ 100%) และฉันยังชอบคุณสมบัติเพิ่มเติมส่วนใหญ่อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ฉันรู้สึกผิดหวังกับ VPN ของ Panda — มันมีประสิทธิภาพไม่ดีในการทดสอบความเร็ว และ VPN ที่มีข้อมูลไม่จำกัดจะมีให้ใช้เฉพาะในแผนที่แพงที่สุดเท่านั้น หากคุณกำลังมองหา VPN ที่รวมอยู่ในแพ็คเกจแอนติไวรัส ฉันขอแนะนำ Norton หรือ TotalAV
ฟีเจอร์เสริมที่เราชอบมาก ๆ ของ Panda ก็คือ Rescue Kit ซึ่งเป็นเหมือนตัว Panda ที่สามารถทำงานได้จากทรัมไดร์ฟ (ในกรณีที่คอมพิวเตอร์ของคุณติดมัลแวร์หนัก ๆ)
มีแผน Panda หลายแผนให้เลือก รวมถึงแผนฟรีที่จำกัดหลายด้านอย่าง Panda Free ซึ่งมีการป้องกันไวรัสแบบเรียลไทม์สำหรับ Windows และสแกนเนอร์แอปสำหรับ Android ตลอดจน ชุดกู้คืน (“Rescue Kit”) และ VPN (จำกัด 1 เซิร์ฟเวอร์และ 150 MB ต่อวัน)
Essential แผนจ่ายเงินแบบพื้นฐานที่สุด (US$23.99 / ปี) เพิ่มการป้องกันไฟร์วอลล์ และการป้องกัน Wi-Fi แผน Advanced ในราคา US$28.49 / ปี เพิ่มการป้องกันแรนซัมแวร์, ในขณะที่ Complete (US$42.99 / ปี) เปิดให้คุณใช้โปรแกรมจัดการรหัสผ่านและเครื่องมือปรับปรุงระบบหลายอย่าง ทุกแผนมาพร้อมการรับประกันการคืนเงินภายใน 30 วันและให้คุณเลือกจำนวนอุปกรณ์ที่คุณต้องการป้องกันได้
สรุป:
Panda มีตัวเลือกสำหรับทุกผู้ใช้ ไม่ว่าพวกเขาจะต้องการสแกนเนอร์มัลแวร์ฟรีแบบง่าย ๆ ที่มีการป้องกันแบบเรียลไทม์หรือชุดความปลอดภัยอินเทอร์เน็ตที่มีคุณสมบัติครบครัน Panda มาพร้อมกับคุณสมบัติพิเศษมากมาย รวมถึงการป้องกันแรนซัมแวร์ขั้นสูง ชุดกู้คืน (“Rescue Kit”) สำหรับการแก้ไขพีซีที่ติดมัลแวร์ โปรแกรมจัดการรหัสผ่าน การควบคุมการใช้งานของผู้ปกครอง และตัวเข้ารหัสและทำลายไฟล์ และทุกแผนพรีเมียมของ Panda ได้รับการสนับสนุนจากการรับประกันการคืนเงินภายใน 30 วัน
9. Trend Micro — โปรแกรมแอนติไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับการท่องเว็บที่ปลอดภัย

Trend Micro มีเครื่องมือป้องกันมัลแวร์ที่ดี รวมถึงส่วนขยายเว็บเบราว์เซอร์ที่ยอดเยี่ยมที่ตรวจสอบความเสี่ยงด้านความปลอดภัย, ป้องกันการหลอกลวงออนไลน์ และตรวจสอบเว็บไซต์สำหรับเนื้อหาที่ไม่ปลอดภัย ตัวสแกนแอนติไวรัสได้รับคะแนนค่อนข้างดีในการทดสอบของฉัน มันจับไวรัส, โทรจัน, แรนซัมแวร์, และสปายแวร์บนระบบของฉันได้มากมาย แม้ว่าจะไม่ได้รับคะแนนเท่ากับผู้แข่งขันชั้นนำอื่น ๆ เช่น Norton และ Bitdefender Trend Micro ยังนำเสนอการตั้งค่าการปรับแต่งการสแกนหลายอย่าง ช่วยให้ผู้ใช้ปรับการป้องกันมัลแวร์ได้
Trend Micro ตรวจพบเว็บไซต์หลอกลวงมากกว่า Chrome, Firefox, หรือ Safari ตอนที่ฉันทดสอบ นอกจากนี้ยังตรวจพบลิงค์หลอกลวง, เนื้อหาที่ไม่ปลอดภัย, โค้ดที่มีเจตนาทำร้าย และแม้กระทั่งข้อมูลที่ผิดพลาด และยังบล็อกโฆษณาและสแกนประวัติการท่องเว็บของฉันเพื่อหาเว็บไซต์ที่อันตรายที่ฉันอาจจะได้เยี่ยมชมโดยไม่ได้ตั้งใจ
ก่อนที่ฉันจะลืม เรามาพูดถึงอินเทอร์เฟซผู้ใช้กันก่อนดีกว่า อินเตอร์เฟส Windows ของ Trend Micro ได้รับการแปลเป็น 20 ภาษา รวมถึงภาษาไทย
Trend Micro มีราคาเริ่มต้นที่ US$14.95 / ปี และยังมีหลายแผนบริการให้เลือก Trend Micro Antivirus + Security ปกป้องอุปกรณ์ Windows 1 เครื่องด้วยการป้องกันมัลแวร์ การป้องกันแรนซัมแวร์ขั้นสูงและเบราว์เซอร์ที่ปลอดภัยสำหรับธุรกรรมการเงินออนไลน์ Trend Micro Internet Security ปกป้องอุปกรณ์สูงสุด 3 เครื่อง (PC เท่านั้น) และเพิ่มเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพอุปกรณ์ การป้องกันโซเชียลมีเดียและการควบคุมของผู้ปกครอง Trend Micro Maximum Security ปกป้องอุปกรณ์สูงสุด 5 เครื่อง (รวมถึง Windows, Android, Mac, iOS และ Chromebook) และเพิ่มเครื่องมือจัดการรหัสผ่าน
สรุป:
Trend Micro นำเสนอฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ตและเครื่องสแกนมัลแวร์ที่แข็งแกร่งสำหรับผู้ใช้ Windows, Mac, Android, iOS และ Chromebook การป้องกันเว็บใช้งานได้ดีและส่วนขยายเบราว์เซอร์สามารถช่วยคุณหลีกเลี่ยงเว็บไซต์ที่เป็นอันตราย ลิงก์ที่ไม่น่าไว้ใจและตรวจจับเนื้อหาที่น่าสงสัยได้ แผนบริการของ Trend Micro ทั้งหมดมีการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
อ่านรีวิวตัวเต็มของ Trend Micro >
10. Malwarebytes — แอนติไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับการป้องกันพื้นฐาน

Malwarebytes เป็นโปรแกรมป้องกันไวรัสที่มีความเรียบง่ายและใช้งานง่าย ที่ส่งมอบการป้องกันไวรัสที่ดีแก่ระบบปฏิบัติการและอุปกรณ์ทุกชนิด ในระหว่างการทดลองใช้งานของฉัน พบว่าตัวสแกนมัลแวร์ขั้นสูงของ Malwarebytes สามารถตรวจจับมัลแวร์ตัวทดลองของฉันได้ถึง 90% ซึ่งถือว่าค่อนข้างดีเลยทีเดียว (ก็ยังไม่ดีเท่าคู่แข่งตัวฉมังอย่าง Norton หรือ Bitdefender)
Malwarebytes ยังนำเสนอ VPN พร้อมข้อมูลไม่จำกัด, เซิร์ฟเวอร์ใน 30 ประเทศ, และความเร็วที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม VPN ของ Malwarebytes ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีสำหรับการสตรีมหรือการทอร์เรนต์ (หากคุณกำลังมองหา VPN ที่ดีเพื่อเข้าถึงเว็บไซต์สตรีมมิ่งและไฟล์ทอร์เรนต์ ฉันแนะนำ ExpressVPN)
ทั้งนี้ ฉันชอบการป้องกันเว็บของ Malwarebytes อย่างมาก มันสามารถระบุและบล็อกเว็บไซต์ฟิชชิ่งมากมายที่ฉันพยายามเยี่ยมชมระหว่างการทดสอบ รวมถึงโฆษณา, ตัวติดตาม และการหลอกลวงอื่น ๆ
แต่ก็น่าเสียดายที่ Malwarebytes ไม่มีคุณสมบัติเสริมเหมือนอย่างที่โปรแกรมป้องกันไวรัสอื่น ๆ ในรายการจัดอันดับนี้มีให้ (เช่น ไฟร์วอลล์ เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพคอมพิวเตอร์ PC ระบบควบคุมการใช้อุปกรณ์ของบุตรหลาน เป็นต้น) แม้ว่าฉันอยากจะให้ Malwarebytes เพิ่มคุณสมบัติพิเศษอื่นเข้าไปก็ตาม ฉันก็ยังคิดว่ามันเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ใช้ที่กำลังมองหาโปรแกรมป้องกันไวรัสสไตล์มินิมอล ที่พวกเขาจะสามารถติดตั้งเพียงครั้งเดียวแล้วปล่อยให้มันทำงานเองก็ลืมไปได้เลย Malwarebytes มีราคาเริ่มต้นที่ US$28.00 / ปี
สรุป:
Malwarebytes มีตัวสแกนมัลแวร์ที่ดี การป้องกันเว็บเป็นเลิศ และ VPN คุณภาพ แต่ไม่มีคุณสมบัติอย่างอื่นให้ใช้อีก ในขณะที่ Malwarebytes ยังขาดคุณสมบัติอื่นๆอีกมากมายที่ฉันคิดว่าสมควรจะมีในโปรแกรมป้องกันไวรัสแบบพรีเมี่ยมในปี 2023 ก็ยังถือว่าโดยรวมแล้วมันยังเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ใช้ที่กำลังมองหาโปรแกรมป้องกันไวรัสที่เรียบง่ายไม่หวือหวา ทั้งนี้ Malwarebytes มาพร้อมการรับประกันคืนเงินที่ยาวนานถึง 60 วัน
อ่านบทวิจารณ์ฉบับเต็มสำหรับ Malwarebytes ที่นี่ >
โบนัส. MacKeeper แอนติไวรัสที่เข้าใจง่ายและคุณสมบัติที่หลากหลายสำหรับ Mac

MacKeeper เป็นหนึ่งในแอนตี้ไวรัสที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานกับ Mac ซึ่งหาได้ยาก และบริการยังมาพร้อมกับการป้องกันมัลแวร์ที่ยอดเยี่ยม ฟีเจอร์ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวที่สร้างช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับอุปกรณ์ Apple และมีแอปสำหรับ macOS ที่ใช้งานได้ง่าย
MacKeeper มีอินเตอร์เฟซให้บริการใน 17 ภาษา แต่ตอนนี้ยังไม่มีให้บริการในภาษาไทย
ในการทดสอบของฉัน MacKeeper ตรวจจับมัลแวร์ที่เฉพาะเจาะจงสำหรับ Mac มากกว่า 99% ซึ่งคล้ายกับ แอนติไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับ Mac ซึ่งรวมถึง Intego และ McAfee และเครื่องมือทำความสะอาดและปรับปรุง Mac ของมันได้ลบไฟล์ขยะและไฟล์ซ้ำประมาณ 7 GB ออกจาก MacBook Pro ของฉัน (ฉันยังชอบมากที่ MacKeeper นำเสนอตัวเลือกในการลบไฟล์แนบอีเมลที่ไม่พึงประสงค์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันไม่เคยเห็นในแอนติไวรัสอื่นๆ)
VPN ของ MacKeeper ยังใช้งานได้ดีมาก ๆ อีกด้วย มันปลอดภัย รวดเร็วและสามารถเข้าถึงบริการสตรีมมิ่งอย่าง Netflix ได้อีกด้งบ สิ่งหนึ่งที่ฉันไม่ชอบเกี่ยวกับ VPN คือมันขาดความโปร่งใสในนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลไป ฉันต้องการใช้ MacKeeper นำเสนอข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับวิธิการจัดการข้อมูลของพวกเขา
ในอีกแง่มุมหนึ่งนั้น MacKeeper ยังขาดการป้องกันการฟิชชิง ซึ่งเราถือเป็นฟีเจอร์ความปลอดภัยที่มีความสำคัญสำหรับแอนตี้ไวรัสในปี 2023 นอกจากนี้มันก็ยังไม่มีไฟร์วอลล์และระบบควบคุมสำหรับผู้ปกครอง ซึ่ง Intego มีให้ทั้งคู่
MacKeeper นำเสนอแผนบริการที่หลากหลาย ในราคาเริ่มต้นที่US$10.95 / เดือน แผนทั้งหมดมีฟีเจอร์เหมือนกัน ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวระหว่างแผนคือ ระยะเวลาการให้บริการและจำนวนคอมพิวเตอร์ Mac ที่ครอบคลุม (1-3)
สรุป:
MacKeeper เป็นแอนตี้ไวรัสสำหรับ Mac ที่ดีมาก มีอัตราการตรวจจับมัลแวร์ที่เกือบจะสมบูรณ์แบบ มีเครื่องมือล้างระบบที่ยอดเยี่ยม และนำเสนอ VPN ที่ปลอดภัยและรวดเร็วพร้อมข้อมูลไม่จำกัด อย่างไรก็ตามมันไม่มีการป้องกันฟิชชิ่ง ไฟร์วอลล์ และการควบคุมโดยผู้ปกครอง MacKeeper นำเสนอแผนชำระเงินหลายแบบและแผนทั้งหมดมาพร้อมกับการรับประกันคืนเงิน 14 วัน
อ่านรีวิว MacKeeper ตัวเต็มของเราได้ที่นี่>
ตารางเปรียบเทียบโปรแกรมป้องกันไวรัสที่ดีที่สุดประจำปี2023
วิธีที่ฉันให้คะแนนแอนติไวรัสที่ดีที่สุดของปี 2023
- ฉันทดสอบอัตราการตรวจจับมัลแวร์และความสามารถในการสแกน ฉันได้ดำเนินการทดสอบมัลแวร์หลายสิบครั้ง, ทดสอบการป้องกันแบบเรียลไทม์, ทดสอบประสิทธิภาพ CPU, และอื่น ๆ มากมาย เพื่อให้แน่ใจว่าสินค้าแต่ละตัวให้การป้องกันที่แข็งแกร่งต่อไวรัส, มัลแวร์ และภัยคุกคามด้านความปลอดภัยบนอินเทอร์เน็ตอื่น ๆ ทั้งหมด หลังจากนั้นจะมี เฉพาะผลิตภัณฑ์ที่ป้องกันภัยคุกคามมัลแวร์ชั้นสูงที่สุดเท่านั้นที่จะได้อยู่ในรายการนี้ — ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไม่เพียงแต่ตรวจจับและกำจัดไวรัส แต่ยังจัดการกับสปายแวร์, รูทคิต, แรนซัมแวร์, และสิ่งอื่น ๆ ที่อาจทำให้ฉันหรืออุปกรณ์ของฉันเสียหาย Norton และ Bitdefender ทำได้ดีที่สุดด้านนี้ แต่แอนติไวรัสอื่น ๆ ในรายการนี้ก็มีประสิทธิภาพดีเช่นกัน
- ฉันนับจำนวนผลบวกเทียม แม้ว่าจะไม่มีโปรแกรมแอนติไวรัสที่ ป้องกันผลบวกเทียมได้ 100% แต่มีบางโปรแกรมที่ทำให้เกิดผลบวกเทียมน้อยกว่า ฉันยังคิดว่ามันดีกว่าที่แอนติไวรัสจะทำให้เกิดผลบวกเทียมมากกว่าที่จะพลาดมัลแวร์จริง แต่การได้รับการแจ้งเตือนที่เป็นเท็จอย่างต่อเนื่องก็สามารถสร้างความรำคาญได้ แอนติไวรัสในรายการนี้มีผลเป็นศูนย์หรือน้อยมากเกี่ยวกับผลบวกเทียมระหว่างการทดสอบของฉัน
- ฉันค้นหาคุณลักษณะที่มีคุณภาพสูง ส่วนใหญ่แบรนด์แอนติไวรัสจะมีคุณลักษณะเพิ่มเติมในแพ็กเกจแอนติไวรัสแบบชำระเงิน แต่บ่อยครั้งที่คุณลักษณะเพิ่มเติมเหล่านี้เป็นเพียงเหมือนของตกแต่งที่ทำให้คอมพิวเตอร์ของคุณทำงานหนักขึ้นและกระทบต่อประสิทธิภาพของอุปกรณ์ (ราคาสูงขึ้นด้วย) ฉัน ทดสอบคุณลักษณะที่มีในผลิตภัณฑ์ในรายการนี้ เพื่อยืนยันว่ามันมีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผลจริง ๆ Bitdefender มีคุณลักษณะที่มีประสิทธิผลหลากหลายที่สุด แต่ TotalAV มีเครื่องมือปรับแต่งที่ยอดเยี่ยม
- ฉันทดสอบด้านความเร็วและประสิทธิภาพ แอนติไวรัสที่ดีที่สุดนั้นต้องใช้ทรัพยากรน้อยและทำงานได้ราบรื่น — แม้บนคอมพิวเตอร์ที่เก่าหรือช้า ฉันทดสอบและวัดว่าแต่ละแอนติไวรัสในรายการนี้ทำงานได้เร็วและมีประสิทธิภาพเพียงใดเมื่อเทียบกับแอนติไวรัสอื่น ๆ และให้คะแนนเพิ่มเติมกับตัวที่ไม่ทำให้คอมพิวเตอร์ช้าลง
- ฉันตรวจสอบการสนับสนุนหลายแพลตฟอร์ม แอนติไวรัสที่ดีที่สุดสามารถใช้งานได้กับทุกระบบปฏิบัติการ รวมถึงตัวที่นิยมอย่าง Windows, macOS, Android และ iOS. ทั้งนี้แม้ว่าจะไม่ใช่ทุกตัวเลือกของฉันที่สนับสนุนทุกระบบปฏิบัติการ (ตัวอย่างเช่น Intego ออกแบบมาสำหรับ Mac เท่านั้น) แต่แอนติไวรัสส่วนใหญ่ที่ฉันทดสอบทำงานได้ดีทั่วทุกระบบปฏิบัติการ
- ฉันติดต่อฝ่ายสนับสนุนลูกค้าหลายครั้ง ฉันได้ติดต่อทีมสนับสนุนลูกค้าของแต่ละบริษัท อ่านฐานความรู้ของพวกเขา และโพสต์คำถามในเว็บบอร์ดของพวกเขา ฉันพอใจกับวิธีที่แต่ละ แอนติไวรัส ในรายการนี้จัดการคำถามและแก้ไขปัญหาของฉัน ฉันยังดูที่ตัวเลือกสนับสนุนลูกค้าที่แตกต่างกันและจำนวนภาษาที่พวกเขาสามารถตอบได้ — แบรนด์ในรายการนี้นำเสนอหลายตัวเลือกในการสนับสนุนลูกค้า เช่นการแชทสด, การสนับสนุนทางอีเมล, ฐานความรู้, คำถามที่พบบ่อย, และเว็บบอร์ด
- ฉันประเมินความคุ้มค่าของแต่ละผลิตภัณฑ์ โปรแกรมไวรัสที่ดีที่สุดอาจเป็นการลงทุนราคาแพง ฉันพิจารณาปัจจัยที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เช่นการป้องกันเว็บและการท่องเว็บ, จำนวนอุปกรณ์ที่ครอบคลุม และมีการทดลองใช้ฟรีหรือการคืนเงินหรือไม่ ทุก แอนติไวรัส ชั้นนำนี้มีความคุ้มค่าที่ดี
- ฉันใช้วิธีการทดสอบของเรา สุดท้าย ฉัน ปฏิบัติตามวิธีการทดสอบที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว ตอนให้คะแนนแต่ละผลิตภัณฑ์นี้ ฉันทำตามสถานการณ์ในชีวิตจริงด้วยเกณฑ์ที่รวมถึงการตรวจสอบความปลอดภัย, ความเร็ว, ความง่ายในการใช้งาน, ความคุ้มค่า และการสนับสนุนลูกค้า แต่ละ แอนติไวรัสที่ดีที่สุด ในรายการนี้ทำงานได้ดีกว่าคู่แข่งรายอื่น ๆและผ่านทุกการตรวจสอบด้วยวิธีการของเรา
แอนติไวรัสที่ติดตั้งมาแล้ว vs. แอนติไวรัสของบุคคลที่สาม — ตัวไหนดีกว่ากัน?
แอนติไวรัสของบุคคลที่สามที่เชื่อถือได้เป็นตัวเลือกที่ดีกว่า การป้องกันที่ติดตั้งมาแล้วของระบบปฏิบัติการ Mac และ Windows ไม่สามารถเทียบเท่ากับความปลอดภัยอย่างครอบคลุมที่ แอนติไวรัสที่ดีที่สุด ให้ได้ ในขณะที่การป้องกันฟรีพื้นฐานที่ระบบเหล่านี้ให้นั้นเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แต่มันไม่ให้การป้องกันที่เพียงพอต่อภัยอันตรายที่มีความซับซ้อนในปี 2023
ถ้าคุณเป็นผู้ใช้ Windows คุณจะมี Windows Defender ในคอมพิวเตอร์ของคุณ (คอมพิวเตอร์ Windows 10 และ 11 ใหม่ ๆ เรียกมันว่า Windows Security หรือ Microsoft Defender) ทั้งนี้แม้ว่าจะเป็นแอนติไวรัสฟรีที่ดีพอ แต่มันได้รับคะแนนต่ำเป็นประจำสำหรับการตรวจจับมัลแวร์เมื่อเทียบกับแบรนด์อิสระชั้นนำอื่นๆ เช่น Norton และ Bitdefender นอกจากนี้, มันไม่ได้รับการอัปเดตเป็นประจำเหมือนกับผลิตภัณฑ์อิสระชั้นนำ และมันขาดเครื่องมือความปลอดภัยเพิ่มเติมทั้งหมดที่แอนติไวรัสแบบชำระเงินที่ดีมีให้ เช่น VPN, เครื่องมือปรับปรุงประสิทธิภาพ, ตัวจัดการรหัสผ่าน, และอื่นๆ
ฉันแนะนำให้ลงทุนกับ แอนติไวรัสที่ดีที่สุด เช่น Norton เพื่อให้คุณปลอดภัยออนไลน์ มันมีชุดเครื่องมือที่ครอบคลุมเพื่อให้คุณมั่นใจในความปลอดภัย — รวมถึงการตรวจสอบ dark web ที่ดีที่สุดในตลาด แต่ถ้าคุณต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ฟรี แพ็กเกจฟรีที่ดีเช่น Avira ก็จะทำให้คุณปลอดภัยมากกว่า Windows Defender สามารถทำได้
Macs นั้นมีโอกาสน้อยกว่าที่จะติดมัลแวร์เมื่อเทียบกับคอมพิวเตอร์ Windows — แต่ก็ยังต้องการการป้องกัน! Macs มีคุณสมบัติการป้องกันบางประการที่ติดตั้งมาแล้ว ซึ่งรวมถึงการป้องกันเว็บ, เครื่องมือป้องกันการโจรกรรม, เครื่องมือตรวจสอบแอป และเครื่องสแกนแอป นั่นมีประสิทธิภาพพอสมควร แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้คุณปลอดภัย Mac ของคุณยังอาจจะเสี่ยงต่อแรนซัมแวร์, สปายแวร์, แอดแวร์, และภัยอันตรายอื่น ๆ
สำหรับการป้องกันที่เพิ่มขึ้นบน Mac คุณควรพิจารณาใช้ แอนติไวรัสที่ดีที่สุด เฉพาะสำหรับ Mac เช่น Intego มันให้การตรวจจับมัลแวร์ที่ไม่มีที่ติ, เครื่องมือทำความสะอาด Mac ที่มีประสิทธิภาพ, การควบคุมสำหรับผู้ปกครอง และคุณสมบัติอื่น ๆ มากมาย
โดยรวมแล้ว ไม่ค่อยเป็นไปได้ที่จะพึ่งพาการป้องกันที่ติดตั้งมาในคอมพิวเตอร์ของคุณ คุณควรจะเลือกใช้ โปรแกรมไวรัสที่ดีที่สุดเพื่อให้คุณได้รับการป้องกันออนไลน์อย่างเต็มที่ ผลิตภัณฑ์ในรายการของฉัน จะให้คุณได้รับการป้องกันที่ดีกว่าเครื่องมือที่ติดตั้งมาของ Windows และ Mac
ทำไมเราถึงยังแนะนำ Kaspersky
รัฐบาลเยอรมนีและสหรัฐอเมริกาได้เตือนให้งดใช้ Kaspersky ตามที่รัสเซียบุกยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 สำนักงานความมั่นคงด้านสารสนเทศแห่งประเทศเยอรมนี (BSI) เตือนบริษัทให้งดใช้ผลิตภัณฑ์ แอนติไวรัส ของ Kaspersky เนื่องจากการเชื่อมโยงที่เป็นไปได้กับรัฐบาลรัสเซีย ต่อมา คณะกรรมการสื่อสารสหรัฐฯ ได้ทำการเพิ่ม Kaspersky เข้าไปในรายการของภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศ
อย่างไรก็ตาม ณ เวลานี้ ยังไม่มีหลักฐานที่แสดงว่า Kaspersky ไม่ปลอดภัย ในปี 2017, Kaspersky เริ่มโครงการ Global Transparency Initiative — ย้ายศูนย์ข้อมูลของมันไปยังประเทศสวิตเซอร์แลนด์, เปิดศูนย์โปร่งใสที่สวิตเซอร์แลนด์, สเปน, แคนาดา, บราซิล, และมาเลเซีย และโค้ดกับการอัพเดตซอฟต์แวร์ของมันได้รับการประเมินอย่างต่อเนื่อง และผ่านการตรวจสอบของ Service Organization Control for Service Organizations (SOC 2) Type 1
นอกจากนี้ Kaspersky ได้เปิดโปงสปายแวร์ไซเบอร์จำนวนมาก ซึ่งรวมถึงกรณีที่มีทั้งจากรัสเซียและสหรัฐ และนักวิจัยของมันเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับความน่าเชื่อถือมากที่สุดในอุตสาหกรรม
ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ เราไม่มีเหตุผลใดๆ ที่จะคิดว่า Kaspersky ตอนนี้เป็นภัยต่อผู้ใช้ แต่หากคุณกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยออนไลน์ของคุณจาก Kaspersky มีตัวเลือกอื่น ๆ มากมายที่คุณสามารถเลือกใช้ รวมถึง Norton หรือ Bitdefender
แอนตี้ไวรัสจากบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ไม่ติดโผของฉัน:
- ESET ESET พวกเขามีชื่อเสียงในด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์อย่างมาก น่าเสียดายที่ผลิตภัณฑ์แอนตี้ไวรัสในบ้าน ในปัจจุบันไม่เป็นมิตรกับผู้ใช้มากพอที่ให้ฉันจะใส่ไว้ในรายการนี้ อย่างไรก็ตามแอพพลิเคชั่น Android ของ ESET ได้รับตำแหน่งที่ดีใน 5 แอพพลิเคชั่นแอนตี้ไวรัสฟรีสำหรับ Android
- Webroot Webroot เป็นโปรแกรมขนาดเล็กที่มีเครื่องสแกนมัลแวร์ที่ดีและเครื่องมือจัดการรหัสผ่านที่ยอดเยี่ยม แต่การป้องกันแรนซัมแวร์นั้นไม่ดีเท่าที่ควร เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพระบบควรปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่านี้และบริการไม่มีส่วนเสริมที่ฉันต้องการเหมือนในแอนตี้ไวรัสระดับพรีเมียม 2023
- Sophos Sophos สามารถตรวจจับมัลแวร์ได้ทุกประเภท แอปก็ใช้งานง่ายมากและสามารถจัดการอุปกรณ์จากระยะไกลได้สูงสุด 10 อุปกรณ์ อย่างไรก็ตามฉันไม่ชอบฟีเจอร์เพิ่มเติมของบริการ ฉันคิดว่าบริการที่อยู่ในรายการของฉันนั้นให้ความคุ้มค่าที่มากกว่า
- Heimdal Heimdal นั้นเป็น แอนตี้ไวรัสที่คุณภาพใช้ได้ และมีไฟร์วอลล์ที่ดี firewall และมันก็ยังฟีเจอร์ตรวจสอบขั้นสูงให้ใช้งานด้วย น่าเสียดายที่มันยังมีบัคที่น่ารำคาญคงค้างอยู่ และก็มีฟีเจอร์ความปลอดภัยน้อยเมื่อเทียบกับคู่แข่งที่มีราคาเท่า ๆ กันในรายการนี้
- Comodo Comodo เป็นแอนตี้ไวรัสฟรีที่มีอัตราการกำจัดมัลแวร์ที่ดีพอสมควร แต่ผลิตภัณฑ์แอนตี้ไวรัสในหลายแพลตฟอร์มของบริการนั้นมีบัคมากเกินไปและฟีเจอร์บางอย่างก็ทำงานได้ไม่ดีนัก
- AVG. AVG มีอัตราการตรวจจับมัลแวร์ที่สมบูรณ์แบบ พร้อมกับฟีเจอร์เสริมที่หลากหลาย แต่คุณต้องใช้แอป 6 ตัวเพื่อใช้งานฟีเจอร์ทั้งหมด ซึ่งทำให้เวลาเริ่มต้นคอมพิวเตอร์ของฉันช้าลง
- Avast. Avast มีการป้องกันโปรแกรมไวรัสที่ดี แต่มีการตรวจสอบการละเมิดข้อมูลที่จำกัดและ VPN ที่ธรรมดา
คำถามที่พบบ่อย
แอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับ Windows 10 คืออะไร
ฉันแนะนำ Norton 360 ให้เป็น โปรแกรมไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้ Windows 10 ส่วนใหญ่ มันให้การป้องกันแอนติไวรัสที่ดีที่สุดตามการทดสอบของฉัน, และยังมีคุณสมบัติเสริมที่ยอดเยี่ยม — การป้องกันการโจรกรรมทางอินเทอร์เน็ต, การป้องกัน Wi-Fi, ตัวจัดการรหัสผ่าน, ไฟร์วอลล์, VPN และอื่น ๆ อีกมากมาย.
แต่โปรแกรมไวรัสทั้งหมดในรายการนี้ จะทำงานได้ดีพอสำหรับผู้ใช้ Windows 10 ทั้งหมด (และหลายโปรแกรมยังทำงานได้บนพีซีรุ่นเก่าที่ใช้ Windows 7 และ Windows XP)
ฉันต้องการมันจริง ๆ หรือ ต้องการแอนตี้ไวรัสใน2023
หากคุณเป็นคนที่ใช้งานอินเทอร์เน็ต คุณก็ต้องได้รับการป้องกันจากภัยอันตรายออนไลน์ ข่าวดีก็คือ คุณอาจจะมีแอนตี้ไวรัสใช้อยู่แล้ว — ถ้าคุณใช้งาน Windows หรือ Mac หรือระบบปฏิบัติการอุปกรณ์เคลื่อนที่ เครื่องของคุณก็จะมีแอนตี้ไวรัสคอยคุ้มกันอยู่แล้ว และแอนตี้ไวรัสแบบบิ้วท์อินเหล่านี้นั้นก็ไม่เลว แต่มันก็ยังมีช่องโหว่ด้านความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์อยู่พอตัว
แพ็คเกจแอนตี้ไวรัสชั้นนำทั้งหมดนำเสนอการป้องกันระดับสูง — เครื่องมือป้องกันมัลแวร์เต็มรูปแบบ (รวมถึงการป้องกันการฟิชชิ่ง การป้องกันแรนซัมแวร์ การป้องกันเว็บแคมและการป้องกัน Wi-Fi) การปรับปรุงความปลอดภัย (รวมถึงไฟร์วอลล์ที่ปรับแต่งได้ การควบคุมโดยผู้ปกครองและการเพิ่มประสิทธิภาพอุปกรณ์) และฟีเจอร์พิเศษ (เช่น เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน เครื่องมือทำลายไฟล์ และ VPN Norton 360 และ Bitdefender Total Security ทั้งคู่มีฟีเจอร์ทั้งหมดและฟีเจอร์อื่น ๆ อีกมากมาย
ดังนั้นการซื้อโปรแกรมป้องกันไวรัสจึงไม่ได้เกี่ยวกับว่าคุณจำเป็นต้องใช้มันหรือไม่ – เพราะคุณต้องใช้มันอยู่แล้ว – แต่มันขึ้นอยู่กับระดับการป้องกันที่คุณต้องการต่างหาก
แอนตี้ไวรัสนั้นคุ้มค่าแค่ไหน
คุ้มค่าอย่างแน่นอน แม้ว่าแอนตี้ไวรัสฟรี ซึ่งรวมถึง Windows Defender ที่ติดตั้งใน PC ทุกเครื่องได้รับการปรับปรุงอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่มันก็ยังขาดฟีเจอร์การป้องกันที่จำเป็นสำหรับการรักษาความปลอดภัยออนไลน์แบบสมบูรณ์ใน 2023
ตัวอย่างเช่นแอนตี้ไวรัสฟรีส่วนใหญ่ไม่มีการป้องกันแบบเรียลไทม์ ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยไม่ให้มัลแวร์ติดตั้งบนอุปกรณ์ของคุณได้ในขณะที่คุณใช้คอมพิวเตอร์ ผลิตภัณฑ์ฟรียังไม่ให้คุณเข้าถึงฟีเจอร์ที่มีประโยชน์เหมือนในบริการพรีเมี่ยม เช่น การป้องกันแรนซัมแวร์ การป้องกันเว็บหรือเครือข่ายส่วนตัวเสมือน (VPN)
แอนตี้ไวรัสแบบจ่ายเงินที่ดีที่สุด นั้นจะมาพร้อมกับฟีเจอร์ทั้งหมดเหล่านี้ รวมถึงฟีเจอร์เสริมอีกมากมาย (อย่างเช่นเครื่องมือจัดการรหัสผ่าน, ระบบควบคุมสำหรับผู้ปกครอง และเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพระบบ) แอนตี้ไวรัสระดับพรีเมียมอย่าง Norton นั้นจะมีการครอบคลุมหลายอุปกรณ์สำหรับระบบปฏิบัติการสำคัญ ๆ ทั้งหมดอีกด้วย ดังนั้นคุณก็สามารถป้องกันอุปกรณ์ทั้งหมดของครอบครัวคุณได้
แอนตี้ไวรัสที่ดีมีราคาเท่าไหร่
แอนตี้ไวรัสที่ดีไม่ได้มีราคาแพงอะไรมากนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงฟีเจอร์การป้องกันที่นำเสนอ
ยกตัวอย่างเช่น Norton แอนตี้ไวรัสที่ได้คะแนนสูงที่สุดของเรา ราคาเริ่มต้นเพียง $19.99 / เดือน คุณสามารถจ่ายเงินเพิ่มเล็กเพื่ออัปเกรดแพลนของคุณให้ครอบคลุมอุปกรณ์ทั้งหมดของคุณ และเพื่อให้สามารถเข้าถึงฟีเจอร์ได้มากยิ่งขึ้น อย่างเช่นการเฝ้าติดตามเว็บมืด, VPN, และการคุ้มกันจากการโจรกรรมเอกลักษณ์บุคคล
อย่างไรก็ตามมีบางบริการที่มีราคาแพงเกินไปและไม่ได้นำเสนฟีเจอร์คุณภาพดี ดังนั้นคุณควรมองหาแอนตี้ไวรัสที่นำเสนอฟีเจอร์ที่คุ้มค่ากับราคาที่นำเสนอ
แอนตี้ไวรัสที่ราคาถูกที่สุดคือเท่าไหร่
Bitdefender เป็นหนึ่งในบริการแอนตี้ไวรัสที่มีราคาถูกที่สุด บริการเริ่มต้นที่ US$17.49 / ปี และยังมีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่ดีที่สุดอีกด้วย
อย่างไรก็ตามแบรนด์ชั้นนำก็มักจะนำเสนอส่วนลดพิเศษอยู่เป็นประจำ ซึ่งช่วยลดค่าบริการได้เยอะมาก (ยกตัวอย่างเช่น Norton ที่กำลังนำเสนอส่วนลด 58% ดังนั้นแผนเริ่มต้นพวกเขามีราคาเหลือเพียง US$54.99 / ปี*)
แอนตี้ไวรัสราคาถูก (และฟรี) บางบริการไม่ได้นำเสนอระดับการป้องกันที่เหมาะสมแบบนี้ ดังนั้นในขณะที่คุณอาจจะประหยัดเงินได้ แต่คุณก็อาจทำให้อุปกรณ์ของคุณตกอยู่ในความเสี่ยงได้เช่นกัน นั่นเป็นเหตุผลที่คุณควรเลือกใช้เฉพาะแอนตี้ไวรัสราคาประหยัดที่เชื่อถือได้ซึ่งมีการป้องกันความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยม
แอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับ Mac คืออะไร
ฉันขอแนะนำ Intego แอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับ Mac ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับ macOS และใช้งานได้ดีมากในการทดสอบของฉัน มีฟีเจอร์ที่ยอดเยี่ยมมากมายเช่นการป้องกันแบบเรียลไทม์และไฟร์วอลล์เครือข่ายที่ปรับแต่งได้
ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ตาม แต่ผลิตภัณฑ์แอนตี้ไวรัสส่วนใหญ่ในรายการนี้ ต่างก็มีแอปพลิเคชันที่มีคุณภาพสำหรับ Mac เช่นกัน และพวกมันก็จะสามารถใช้งานได้อย่างไม่มีปัญหา แต่อาจจะมีเงื่อนไขเล็กน้อย
ตัวอย่างเช่น Norton 360 เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ใช้ Mac แต่ฟีเจอร์บางอย่าง (เช่น การสำรองบนคลาว์และการควบคุมของผู้ปกครอง) ถูก จำกัดบน Mac เนื่องจากข้อจำกัดของ Apple
ฉันจะเลือกซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับฉันได้อย่างไร
การเลือกชุดซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสที่เหมาะสมอาจเป็นการตัดสินใจที่ทำได้ยาก — มันมีตัวเลือกมากมายและผลิตภัณฑ์ที่แพงที่สุดไม่แปลว่ามันให้การปกป้องที่ดีที่สุดเสมอไป
สิ่งที่คุณควรทำเพื่อช่วยค้นหาผลิตภัณฑ์ป้องกันไวรัสที่เหมาะสมมีดังนี้
- พิจารณาว่าคุณต้องการฟีเจอร์ใด การป้องกันไวรัสขั้นพื้นฐานเป็นสิ่งจำเป็น แต่ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ตอื่น ๆ ก็มีความสำคัญเช่นกัน หากคุณใช้เครือข่าย Wi-Fi สาธารณะ คุณควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มี VPN หากคุณมีลูก คุณควรหาโปรแกรมป้องกันไวรัสที่มีการควบคุมโดยผู้ปกครอง ผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมมากขึ้นในรายการนี้ เช่น Norton 360 นำเสนอฟีเจอร์ขั้นสูง (และอื่น ๆ อีกมากมาย)
- พิจารณาว่าคุณต้องปกป้องอุปกรณ์ใดและจำนวนเท่าใด คุณอาจมีอุปกรณ์มากกว่าหนึ่งเครื่องที่ต้องใช้แอนตี้ไวรัส ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดในรายการนี้มาแผนพร้อมใบอนุญาตการใช้งานในหลายอุปกรณ์ ตัวอย่างเช่น คุณสามารถใช้แผนระดับสูงของ McAfee เพื่อใช้งานบนอุปกรณ์ได้ไม่จำกัดจำนวน รวมถึงสมาร์ทโฟน ถึงแม้ตัวเลือกยอดนิยมส่วนใหญ่ของฉันจะเสนอแอปคุณภาพสูงสำหรับระบบปฏิบัติการหลักทั้งหมด รวมถึง Windows, macOS, Android และ iOS แต่แอนตี้ไวรัสบางบริการไม่มีแอปบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ ตัวอย่างเช่น Intego ไม่มีแอปสำหรับ iOS หรือ Android แต่นี่เป็นตัวเลือกอันดับแรก ๆ ของฉันสำหรับ macOS
- ใช้ประโยชน์จากการทดลองใช้ฟรี/การรับประกันคืนเงิน มีหลายบริการในรายการนี้ที่ให้ทดลองใช้งานฟรีโดยไม่มีข้อผูกมัด ตัวอย่างเช่น คุณสามารถใช้งาน Panda ในเดือนแรกได้ฟรี และแบรนด์อื่น ๆ เกือบทุกแห่งเสนอการรับประกันคืนเงินแบบ “ไม่มีคำถาม” ตัวอย่างเช่น TotalAV นำเสนอการคืนเงินภายใน 30 วันและ Norton มีระยะเวลาการขอเงินคืนยาวนานถึง 60 วัน
- ทดลองใช้ซอฟต์แวร์ใช้เวลาทดสอบผลิตภัณฑ์ที่คุณเลือก เมื่อคุณไม่พอใจคุณสามารถติดต่อฝ่ายสนับสนุนลูกค้าหรือขอคืนเงิน แบรนด์เหล่านี้เป็นชื่อเสียงที่คุณควรไว้วางใจและพวกเขาจะปฏิบัติตามคำขอคืนเงินอย่างเคร่งครัด คุณสามารถทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดในรายการนี้ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม
โปรแกรมป้องกันไวรัสจะทำให้อุปกรณ์ของคุณทำงานช้าลงหรือไม่
ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสอาจจะทำให้อุปกรณ์ของคุณทำงานช้าลงได้ แต่โดยปรกติแล้ว การที่อุปกรณ์ช้าลงนั้นมักเกิดขึ้นในระหว่างที่ระบบกำลังสแกนเต็มรูปแบบ อย่างไรก็ตาม โปรแกรมป้องกันไวรัสที่ดีที่สุด จะทำงานอย่างรวดเร็วและไม่สะดุดแม้ในระหว่างการสแกนเต็มรูปแบบ ทำให้คุณสามารถใช้งานอุปกรณ์ได้โดยไม่ติดขัด
ตัวเลือกอันดับต้นของฉัน, Norton และ Bitdefender, ไม่มีผลกระทบใด ๆ ต่อประสิทธิภาพการใช้งานอุปกรณ์ระหว่างการทดสอบการใช้งาน ฉันสามารถสตรีมวิดีโอ เล่นเกม ทำงานออนไลน์ และโทรแบบวิดีโอได้ในขณะที่โปรแกรมกำลังทำงานอยู่เบื้องหลัง
นอกจากนี้ บางตัวเลือกที่ดีที่สุดของฉันมีเครื่องมือปรับปรุงระบบที่ยอดเยี่ยมที่จะช่วยล้างและเพิ่มความเร็วของอุปกรณ์ของคุณ และบางแบรนด์ยังมีตัวบูสเกม (ฉันแนะนำ Norton สำหรับเกมเมอร์) ที่ทำให้คุณสามารถเล่นเกมสมรรถนะสูงโดยที่ความเร็วไม่ตก