วิธีการทดสอบแอนตี้ไวรัส

หลายบริการแอนตี้ไวรัสบอกว่าพวกเขาเป็น “แอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดที่มีการตรวจจับมัลแวร์ได้ 100%” แต่นั่นอาจไม่จริงเสมอไป

ไม่มีแอนตี้ไวรัสไหนที่สามารถให้การปกป้องจากมัลแวร์และไวรัสได้อย่างครอบคลุม แต่ก็มีบางบริการที่สามารถใช้การปกป้องผู้ใช้จากภัยคุกคามได้ดีกว่าบริการอื่น ๆ

นี่คือวิธีการทดสอบแอนตี้ไวรัส

Category Breakdown
  • 5% - ซื้อ & ดาวน์โหลด
  • 10% - ติดตั้ง & ตั้งค่า
  • 30% - การป้องกันมัลแวร์
  • 10% - การป้องกันเว็บ
  • 15% - ฟีเจอร์เพิ่มเติม & คุณสมบัติพิเศษ
  • 10% - การส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของระบบ
  • 10% - ราคา
  • 10% - การช่วยเหลือลูกค้า & คืนเงิน
1. ซื้อ & ดาวน์โหลด

1. ซื้อ & ดาวน์โหลด — 5%

ผู้ตรวจสอบของเราจะชำระเงินค่าสมัครสมาชิกแอนติไวรัสก่อน โดยปกติแล้วจะเลือกเป็นแพ็คเกจที่ครอบคลุมที่สุด เราประเมินราคาและตัวเลือกแผนการชำระเงิน และเราพยายามค้นหาว่าบริการนั้น ๆ มีค่าใช้จ่ายแอบแฝงเกี่ยวกับการสมัครบริการหรือไม่

จากนั้นเราจะดาวน์โหลดไฟล์การติดตั้งโปรแกรม เพื่อประเมินขนาดของโปรแกรมและดูว่ามันใช้พื้นที่ในอุปกรณ์ของเรามากแค่ไหน

ผู้ตรวจสอบของเราจะให้คะแนนเต็ม 10 คะแนนตามประสบการณ์ในการซื้อและดาวน์โหลดผลิตภัณฑ์ คะแนนนี้คิดเป็น 5% ของคะแนนรวม

2. การติดตั้ง & ตั้งค่า

2. การติดตั้ง & ตั้งค่า — 10%

จากนั้นเราจะเรียกใช้กระบวนการติดตั้งบนระบบต่าง ๆ รวมทั้ง Windows, Mac, Android และ iOS เพื่อดูว่าการตั้งค่าโปรแกรมแอนตี้ไวรัสนั้นทำได้ง่ายหรือยากเพียงใด

นอกจากนี้เรายังประเมินระยะเวลาที่ใช้ในการติดตั้งผลิตภัณฑ์และความจำเป็นในการมีความรู้ด้านเทคนิคใด ๆ เพื่อให้การติดตั้งเสร็จสมบูรณ์หรือไม่

เมื่อติดตั้งแล้ว ผู้ตรวจสอบของเราจะดำเนินการตามขั้นตอนการตั้งค่าขั้นสุดท้ายให้เสร็จสิ้นและตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ติดตั้งแอปพลิเคชันอย่างสมบูรณ์แล้ว

เราให้คะแนนประสบการณ์การติดตั้งและการตั้งค่า 10 คะแนน คะแนนนี้คิดเป็น 10% ของคะแนนรวม

3. การปกป้องมัลแวร์

3. การปกป้องมัลแวร์ — 30%

เราตรวจสอบเทคโนโลยีแอนตี้ไวรัสในเชิงลึกของแต่ละผลิตภัณฑ์เพื่อให้แน่ใจว่าปลอดภัย แม่นยำ ทันสมัยและมีประสิทธิภาพในการต่อต้านภัยคุกคามล่าสุด

เราใช้วิธีการที่หลากหลายเพื่อทดสอบประสิทธิภาพของโปรแกรมแอนตี้ไวรัส:

3a. เครื่องสแกนตรวจจับมัลแวร์

3a. เครื่องสแกนตรวจจับมัลแวร์ — 15%

ผู้ตรวจสอบของเราทำการสแกนระบบต่าง ๆ เพื่อดูว่ามีไฟล์มัลแวร์กี่ไฟล์ที่เครื่องมือสแกนแต่ละผลิตภัณฑ์สามารถตรวจจับได้

เราใช้ตัวอย่างมัลแวร์หลายร้อยตัวอย่างในการทดสอบการสแกนในแต่ละครั้ง แต่ในระหว่างการทดสอบนี้ เราเพียงแค่ประเมินความสามารถของโปรแกรมในการตรวจหาไฟล์มัลแวร์ที่จัดเก็บไว้ในระบบ เราจึงไม่ได้เปิดหรือเรียกใช้ไฟล์มัลแวร์ใด ๆ

โปรแกรมสแกนไวรัสจะถูกใช้ทดสอบกับตัวอย่างมัลแวร์ทั้งเก่าและใหม่มากมาย รวมถึงไวรัส แรนซัมแวร์ สปายแวร์ โทรจัน คีย์ล็อกเกอร์ รูทคิตและอื่น ๆ

นี่คือตัวอย่างมัลแวร์บางส่วนที่เรารวมไว้ในการทดสอบแต่ละครั้ง:

  • แรนซัมแวร์ — เข้ารหัส/ล็อกอุปกรณ์ของผู้ใช้ และบังคับให้ผู้ใช้จ่ายค่าไถ่เพื่อปลดล็อกอุปกรณ์
  • แบ็คดอร์/โทรจัน — ใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ของระบบเพื่อเข้าถึงอุปกรณ์ของผู้ใช้อย่างลับ ๆ และขโมยข้อมูล
  • สปายแวร์/โทรจันแบบควบคุมระยะไกล (RAT) — ควบคุมอุปกรณ์ของผู้ใช้จากระยะไกล เข้าถึงไฟล์ที่ละเอียดอ่อนและติดตั้งมัลแวร์ที่เป็นอันตราย
  • เครื่องมือบันทึกการกดแป้นพิมพ์ — ติดตามการกดแป้นพิมพ์ของผู้ใช้ ทำให้แฮกเกอร์สามารถขโมยข้อมูลผู้ใช้ รหัสผ่าน รายละเอียดธนาคารและอื่น ๆ
  • การแอบเข้าถึงกล้องและไมโครโฟน— ช่วยให้แฮกเกอร์เข้าถึงเว็บแคมหรือไมโครโฟนของคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อแอบบันทึกกิจกรรมของผู้ใช้

เมื่อการทดสอบการสแกนหามัลแวร์เสร็จสิ้น เราจะเห็นจำนวนตัวอย่างมัลแวร์ที่เครื่องสแกนไวรัสตรวจพบ แม้ว่าเราต้องการเห็นคะแนน 100% แต่เราคิดว่าอัตราการตรวจจับมัลแวร์ 95% นั้นเพียงพอที่จะพิจารณาว่าโปรแกรมป้องกันไวรัสนั้นอยู่ในเกณฑ์ “ปลอดภัยมาก”

เราแปลงเปอร์เซ็นต์การตรวจจับมัลแวร์โดยรวมเป็นคะแนนเต็ม 10 คะแนนนี้คิดเป็น 15% ของคะแนนรวม

3b. การทดสอบการป้องกันแบบเรียลไทม์

3b. การทดสอบการป้องกันแบบเรียลไทม์ — 15%

การทดสอบการป้องกันแบบเรียลไทม์ของเราประกอบด้วยชุดของการโจมตีที่จำลองขึ้นเพื่อดูว่ากลไกการป้องกันแบบเรียลไทม์ของแอนตี้ไวรัสสามารถบล็อกการโจมตีที่จำลองแต่ละครั้งได้ดีเพียงใด

การจำลองโจมตีของมัลแวร์บางส่วนที่เราทดสอบ ได้แก่:

  • เปิดใช้ไฟล์มัลแวร์ — เราเรียกใช้สคริปต์ที่ “ดำเนินการ” หรือ “เปิดใช้” มัลแวร์สุ่มตัวอย่างทีละตัว และเราตัดสินความสามารถในการบล็อกและลบภัยคุกคามแบบเรียลไทม์ของเครื่องมือ
  • การจำลองแรนซัมแวร์ — เราใช้การจำลองแรนซัมแวร์ต่าง ๆ ที่เลียนแบบการโจมตีแรนซัมแวร์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อดูว่าการป้องกันแบบเรียลไทม์สามารถบล็อกและปิดใช้งานแรนซัมแวร์หรือไม่
  • ไวรัสใหม่ (Zero-day) — เราจำลองการโจมตีโดยใช้ไฟล์มัลแวร์ที่ระบบยังไม่รู้จัก ซึ่งยังไม่ได้เพิ่มลงในฐานข้อมูลมัลแวร์ เราวัดว่าแอนตี้ไวรัสแต่ละตัวสามารถตรวจจับภัยคุกคามที่ไม่รู้จักได้เร็วแค่ไหนและตอบสนองต่อการโจมตีอย่างไร

หลังจากเสร็จสิ้นการทดสอบและการจำลองการป้องกันแบบเรียลไทม์ทั้งหมด เราจะเห็นจำนวนภัยคุกคามที่ถูกบล็อกโดยกลไกการป้องกันแบบเรียลไทม์ของแอนตี้ไวรัสแต่ละตัว แม้ว่าคะแนน 100% จะยอดเยี่ยม แต่เราถือว่าคะแนนที่สูงกว่า 90% นั้นดีพอสำหรับผู้ใช้ส่วนใหญ่

เราแปลงเปอร์เซ็นต์การปกป้องแบบเรียลไทม์โดยรวมเป็นคะแนนเต็ม 10 คะแนนนี้คิดเป็น 15% ของคะแนนรวม

4. การป้องกันเว็บ

4. การป้องกันเว็บ — 10%

ผู้ตรวจสอบของเราจะพิจารณาว่าแอนตี้ไวรัสใดนำเสนอการป้องกันเว็บบ้าง และดำเนินการทดสอบเพื่อให้แน่ใจว่าการป้องกันเว็บเหล่านี้ทำงานได้จริง

แอนตี้ไวรัสจำนวนมากมาพร้อมกับฟีเจอร์การป้องกันเว็บ เช่น ไฟร์วอลล์เครือข่าย การป้องกันเว็บฟิชชิ่ง การตรวจจับการรั่วไหลของความเป็นส่วนตัว การบล็อกลิงก์ติดตามและอื่น ๆ อีกมากมาย

เราทดสอบประสิทธิภาพของการป้องกันเว็บกับสิ่งต่าง ๆ เช่น:

  • การโจมตีเครือข่าย — พยายามแทรกซึมเครือข่ายส่วนตัวของผู้ใช้เพื่อเข้าถึงอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับเครือข่าย
  • เว็บฟิชชิง — เว็บไซต์ปลอมที่หลอกให้ผู้ใช้ป้อนข้อมูลส่วนตัว เช่น รหัสผ่านและรายละเอียดบัตรธนาคาร
  • เว็บมัลแวร์ — เว็บไซต์อันตรายที่มีมัลแวร์หรือสคริปต์ที่เป็นอันตราย
  • อีเมลหลอกลวง — อีเมลที่ปลอมแปลงเป็นอีเมลที่น่าเชื่อถือ ซึ่งมีลิงก์ฟิชชิ่งแอบแฝงอยู่
  • ลิงก์โฆษณาและการติดตาม — โฆษณาป๊อปอัปที่น่ารำคาญและลิงก์ติดตามที่ติดตามกิจกรรมของคุณ

เราคำนวณจำนวนการโจมตีเครือข่าย ลิงก์ฟิชชิ่ง เว็บมัลแวร์ โฆษณาและลิงก์ติดตามที่ถูกบล็อกโดยการป้องกันเว็บของแอนตี้ไวรัสแต่ละบริการ

แม้ว่าเราจะให้คะแนนโดยรวมสำหรับการปกป้องเว็บในการตรวจสอบของเรา แต่เราได้ระบุให้เห็นอย่างชัดเจนถึงฟีเจอร์การป้องกันเว็บใดที่ทำงานได้ดีจริง ๆ และฟีเจอร์ใดที่ทำงานได้ไม่ดี

หลังจากที่เราทำการทดสอบการปกป้องเว็บเสร็จแล้ว เราให้คะแนนโดยรวมเต็ม 10 คะแนนนี้คิดเป็น 10% ของคะแนนรวม

5. ฟีเจอร์เพิ่มเติม

5. ฟีเจอร์เพิ่มเติม — 15%

แอนตี้ไวรัสส่วนใหญ่มีมากกว่าการป้องกันมัลแวร์ เราตรวจสอบฟีเจอร์และฟังก์ชันพิเศษทั้งหมดที่มีให้โดยโปรแกรมป้องกันไวรัสแต่ละรายการ

เราทดสอบฟีเจอร์เพิ่มเติมแต่ละรายการเพื่อประเมินการทำงาน วัตถุประสงค์และประโยชน์สำหรับผู้ใช้ส่วนใหญ่ ฟีเจอร์พิเศษเหล่านี้ทำให้ต้นทุนโดยรวมของผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้น ดังนั้นเราจึงประเมินว่าฟีเจอร์เหล่านี้คุ้มค่ากับต้นทุนที่เพิ่มเข้ามาจริงหรือไม่

โดยทั่วไปแล้วแพ็คเกจแอนตี้ไวรัสมักจะเสนอฟีเจอร์เพิ่มเติม เช่น เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพอุปกรณ์, การลบไฟล์ขยะ, VPN, เครื่องมือจัดการรหัสผ่านและอื่น ๆ อีกมากมาย

เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานการทดสอบของเรา เราประเมินฟีเจอร์เพิ่มเติมแต่ละรายการสำหรับสิ่งต่อไปนี้:

  • ประสิทธิภาพ — ฟีเจอร์นี้ทำหน้าที่ของมันได้ดีเพียงใด
  • ประโยชน์ — ผู้ใช้จะได้รับประโยชน์จากการใช้ฟีเจอร์นี้จริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงส่วนเสริมที่ไม่จำเป็น
  • ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของระบบ — จำนวน CPU, RAM และพลังงานของระบบที่ฟีเจอร์ใช้
  • ความคุ้มค่า — ฟีเจอร์นั้นมีมูลค่ามากเท่าใด
  • เปรียบเทียบกับบริการแบบสแตนด์อโลน — ฟีเจอร์นี้ได้คะแนนเท่าไรเมื่อเทียบกับแอปแบบสแตนด์อโลนที่มีคะแนนสูงสุด ซึ่งมีจุดประสงค์เดียวกัน (เช่น VPN/เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน)

เราให้คะแนนฟีเจอร์แต่ละรายการตามการตรวจสอบของเรา จากนั้นเราคำนวณคะแนนเฉลี่ยจากคะแนนเต็ม 10 คะแนนนี้คิดเป็น 15% ของคะแนนรวม

6. การส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของระบบ

6. การส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของระบบ — 10%

แอนตี้ไวรัสต้องมีประสิทธิภาพ ในขณะที่ไม่ทำให้ระบบของผู้ใช้ช้าลงด้วย เราวัดผลกระทบของแอนตี้ไวรัสที่มีต่อ CPU, RAM, การใช้แบตเตอรี่และประสิทธิภาพโดยรวมของระบบ

เพื่อให้การวิจัยของเรามีประโยชน์และสัมพันธ์กับผู้ใช้ส่วนใหญ่ เราจึงพิจารณาว่าแอนตี้ไวรัสแต่ละตัวใช้ทรัพยากรระบบบนระบบเก่าและใหม่ รวมถึง Windows, Mac และอุปกรณ์มือถือ เพื่อให้แน่ใจว่ามีการกำหนดค่าเฉลี่ยประสิทธิภาพที่ยุติธรรม

เราประเมินประสิทธิภาพของแอนตี้ไวรัสแต่ละตัวในขณะที่ไม่ได้ใช้งาน (ไม่ได้ใช้งานการสแกน), ระหว่างการสแกนแต่ละครั้งและระหว่างการโจมตีของมัลแวร์จำลอง เมื่อทำการทดสอบประสิทธิภาพ เราจะพิจารณาจาก:

  • การใช้งาน CPU — พลังการประมวลผลของคอมพิวเตอร์ที่แอนตี้ไวรัสแต่ละตัวใช้
  • การใช้ RAM — จำนวนหน่วยความจำของระบบที่แอนตี้ไวรัสแต่ละตัวต้องการเพื่อให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • การใช้แบตเตอรี่ — ปริมาณพลังงานแบตเตอรี่ที่แอนตี้ไวรัสแต่ละบริการใช้ (ระหว่างการสแกนเต็มรูปแบบและในขณะที่ไม่ได้ใช้งาน) และสามารถรักษาประสิทธิภาพการใช้พลังงานโดยรวมหรือไม่

หากแอนตี้ไวรัสใช้พลังงาน CPU ประมาณ 20%, RAM น้อยกว่า 500 MB ระหว่างการสแกนทั้งระบบและมีประสิทธิภาพในการใช้พลังงานที่ดี (ตามที่วัดจากระบบการจัดการงาน) เราถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดี การใช้งาน CPU ที่สูงกว่า 50%, RAM เกิน 2 GB และ/หรือประสิทธิภาพการใช้พลังงานต่ำมักเป็นทางเลือกที่ไม่ดี

หลังจากที่เราทำการทดสอบประสิทธิภาพเสร็จแล้ว เราให้คะแนนโดยรวมเต็ม 10 คะแนนนี้คิดเป็น 10% ของคะแนนรวม

7. ราคา

7. ราคา — 10%

เราประเมินแพ็คเกจหรือการสมัครบริการที่นำเสนอโดยแอนตี้ไวรัสแต่ละบริการและพิจารณาว่ามันมีราคาต่ำ เกินราคา หรือคุ้มค่าหรือไม่

ผู้ตรวจสอบของเราจะกำหนดมูลค่าของแต่ละผลิตภัณฑ์โดยพิจารณาจากปริมาณและคุณภาพของฟีเจอร์ที่มีให้ในแต่ละแพ็คเกจ จากนั้นเราจะเปรียบเทียบราคาของแต่ละแพ็คเกจกับผลิตภัณฑ์ที่คล้ายคลึงกันเพื่อดูว่าแต่ละแพ็คเกจสอดคล้องกับค่าเฉลี่ยของตลาดมากน้อยเพียงใด

วิธีนี้ช่วยให้เราระบุได้ชัดเจนว่าแอนตี้ไวรัสใดนำเสนอราคาที่ดีและบริการใดที่ไม่คุ้มค่าบริากร

จากการประเมินของเรา เราให้คะแนนโดยรวมเต็ม 10 คะแนนนี้คิดเป็น 10% ของคะแนนรวม

8. การช่วยเหลือลูกค้า & คืนเงิน

8. การช่วยเหลือลูกค้า & คืนเงิน — 10%

เราพิจารณาตัวเลือกการช่วยเหลือของแอนตี้ไวรัสแต่ละรายการและทดสอบแต่ละตัวเลือกโดยส่งคำถามผ่านทางอีเมล ไลฟ์แชท โทรศัพท์ ส่วนคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับเว็บไซต์ ฟอรัมและอื่น ๆ

ผู้ตรวจสอบของเราจะพิจารณาว่าทีมช่วยเหลือของแต่ละบริษัททำงานได้ดีเพียงใดโดยดูจากเวลาตอบกลับ คุณภาพของคำตอบและคำตอบนั้นมีประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาหรือไม่

เราให้คะแนนที่ดีแก่ทีมช่วยเหลือที่มีตัวเลือกการติดต่อที่หลากหลาย ตอบสนองอย่างรวดเร็วด้วยคำตอบที่เป็นประโยชน์ และมั่นใจว่าผู้ใช้จะพึงพอใจกับผลิตภัณฑ์

สุดท้ายเราจะดูว่าแต่ละบริษัทเสนอนโยบายการคืนเงินหรือการรับประกันคืนเงินหรือไม่ เราประเมินกระบวนการคืนเงินทั้งหมดโดยขอเงินคืนภายในกรอบเวลาที่กำหนด ตัดสินว่าคำขอคืนเงินของเราดำเนินการง่ายหรือยากเพียงใดและใช้เวลานานเท่าใดกว่าเงินจะกลับเข้าบัญชีของเรา

เราให้คะแนนเต็ม 10 ตามประสบการณ์ของลูกค้าโดยรวม คะแนนนี้คิดเป็น 10% ของคะแนนรวม

คะแนนรวมสำหรับแอนตี้ไวรัส

หลังจากทำการทดสอบอย่างละเอียดแล้ว ผู้ตรวจสอบของเราจะคำนวณคะแนนรวมของแอนตี้ไวรัสแต่ละรายการตามคะแนนของการทดสอบแต่ละหมวด

หมวดหมู่การทดสอบแต่ละประเภทมีลำดับความสำคัญแตกต่างกันไป ดังนั้นเราจึงแบ่งคะแนนการทดสอบแต่ละคะแนนตามเปอร์เซ็นต์ต่อไปนี้:

ซื้อ & ดาวน์โหลด: 5%

ฟีเจอร์เพิ่มเติม & คุณสมบัติพิเศษ: 15%

การติดตั้งและตั้งค่า: 10%

การส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของระบบ: 10%

การป้องกันมัลแวร์: 30%

ราคา: 10%

การป้องกันเว็บ: 10%

การช่วยเหลือลูกค้า & คืนเงิน: 10%

จากนั้นเราจะรวมตัวเลขเพื่อให้ได้คะแนนสุดท้ายสำหรับแอนตี้ไวรัสแต่ละรายการ ซึ่งจะแสดงที่ด้านบนสุดของแต่ละรีวิว โดยทั่วไปแล้วผลิตภัณฑ์ที่มีคะแนนโดยรวมมากกว่า 8/10 จะถือว่าเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ใช้ส่วนใหญ่ โดยทั่วไปแล้วผลิตภัณฑ์ที่ให้คะแนนประมาณ 7/10 นั้นถือว่าเป็นบริการที่ค่อนข้างดี แม้ว่าจะมีตัวเลือกอื่น ๆ ที่ดีกว่าคะแนนประมาณ 6/10 และต่ำกว่าบ่งชี้ว่าผู้ตรวจสอบพบปัญหามากมายระหว่างใช้งานและผลิตภัณฑ์อาจไม่เหมาะผู้ใช้ส่วนใหญ่