7 VPN ฟรีที่ดีที่สุดในปี 2024:

อัพเดท: 10 เมษายน 2024
เอริค โกลด์สไตน์ เอริค โกลด์สไตน์
อัพเดท: 10 เมษายน 2024
บทความนี้ประกอบไปด้วย

ไม่ค่อยมีเวลาใช่ไหม? นี่คือ VPN ฟรี ที่ดีที่สุดปี 2024

  • 🥇 ExpressVPN: มันไม่มีแพลนระดับฟรี แต่คุณจะหา VPN ที่ดีไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว2024 แถมมันยังมีการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน ซึ่งก็หมายความว่าคุณสามารถทดลองใช้งานมันได้ตลอดทั้งเดือนอย่างไม่มีความเสี่ยง ExpressVPN นั้นมาพร้อมกับฟีเจอร์ความปลอดภัยระดับชั้นนำของโลก ความเร็วขั้นสูงสุด และบริการเสริมสุดพิเศษอย่าง split tunneling และการป้องกันมัลแวร์ รวมถึงสามารถรองรับการสตรีมมิ่งและการโหลด torrent ได้ดีเยี่ยมอีกด้วย

ฉันไม่ค่อยชอบ VPN ฟรีสักเท่าไหร่นักและฉันไม่ค่อยอยากแนะนำให้ใช้มัน ในขณะที่ VPN ฟรีมีฟีเจอร์ความปลอดภัยที่ดี อย่างเช่นการเข้ารหัสระดับเดียวกับธนาคารที่จะช่วยซ่อนข้อมูลการใช้งานของคุณ แต่บริการส่วนใหญ่นั้นจำกัดการใช้งานมากเกินไปจนไม่คุ้มค่าจะเสียเวลามาใช้งาน

บริการ VPN ฟรีส่วนใหญ่ยังอันตรายมากอีกด้วย อย่างร้ายแรงที่สุดบริการเหล่านั้นสามารถทำให้อุปกรณ์ของคุณติดมัลแวร์หรือขายข้อมูลส่วนตัวของคุณ อย่างเช่นเว็บไซต์ที่เข้าใช้งานหรือหมายเลข IP ของคุณให้แก่บุคคลที่สาม VPN ฟรีที่สามารถใช้งานได้จริงก็มักจะขาดฟีเจอร์ความปลอดภัยหลายอย่างไป จำกัดข้อมูลการใช้งานอย่างมาก มีความเร็วต่ำ นำเสนอแอปเวอร์ชั่นเก่าหรือไม่ก็ใช้งานไม่ได้เลย

แม้แต่แผนฟรีจากบริการ VPN ชั้นนำยังมีข้อเสียหลายอย่าง ตัวอย่างเช่น ตัวเลือกเซิร์ฟเวอร์แค่สองสามตำแหน่ง หลายบริการไม่รองรับการสตรีมหรือทอร์เรนต์ หลายฟีเจอร์ถูกปิดกั้นให้ใช้เฉพาะแผนพรีเมี่ยม บางบริการจำกัดการเข้าถึงการช่วยเหลือ (เช่นไลฟ์แชท) และอนุญาตให้ใช้งานกับ 1 อุปกรณ์เท่านั้น

ประโยชน์ที่คุณจะได้รับจาก VPN พรีเมี่ยมนั้นมากกว่า VPN ฟรีอย่างมาก บริการ VPN พรีเมียมชั้นนำนั้นนำเสนอประโยชน์ที่มากกว่า เช่น ฟีเจอร์ความปลอดภัยขั้นสูง ความเร็วสูง ข้อมูลการใช้งานไม่จำกัด ให้คุณสามารถเชื่อมต่อหลายอุปกรณ์พร้อมกัน รองรับการสตรีมและทอร์เรนต์และแอปสำหรับระบบปฏิบัติการชั้นนำ ใช้งานได้อย่างน่าเชื่อถือและใช้งานได้ง่าย ฉันแนะนำให้คุณเลือกใช้บริการ VPN พรีเมียมราคาถูก (ExpressVPN เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในปี 2024)

อย่างไรก็ตาม หากคุณต้องการ VPN ฟรีไปใช้จริง  ฉันก็มีตัวเลือกที่ดีจำนวนมากนำเสนอ บริการ VPN ฟรีทั้งหมดในรายการนี้นั้นใช้งานได้อย่างปลอดภัย มีฟีเจอร์เพิ่มเติมและใช้งานได้อย่างปลอดภัย

ทดลองใช้ EXPRESSVPN ได้เลยตอนนี้ (ใช้อย่างได้อย่างปลอดภัย 30 วัน)

สรุปโดยย่อเกี่ยวกับ VPN ฟรี ที่ดีที่สุดในปี 2024:

  • 1. 🥇 ExpressVPN — VPN ที่ดีที่สุดในภาพรวมปี 2024 ฟีเจอร์ความปลอดภัยชั้นหนึ่ง ความเร็วสูงเป็นพิเศษ รองรับการสตรีมมิ่งและการโหลด torrent ได้เป็นอย่างดี และก็มีแอปที่ใช้งานง่ายมาก ๆ สำหรับหลายระบบปฏิบัติการ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ฟรี แต่มันก็มีการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
  • 2. 🥈 CyberGhost VPN — VPN ฟรี ที่ดีที่สุดสำหรับใช้สตรีมมิ่ง มันมีเซิร์ฟเวอร์สำหรับสตรีมมิ่งถึง 100+ เซิร์ฟเวอร์ซึ่งใช้งานได้กับแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งถึง 50+ แพลตฟอร์ม ซึ่งรวมถึง Netflix, BBC iPlayer หรือ Max ถึงแม้ว่ามันจะไม่มีแพลนระดับฟรี แต่มันก็มีให้ทดลองใช้งานฟรี 24 ชั่วโมง และก็มีระยะเวลาการรับประกันคืนเงินที่ยาวนานถึง 45 วัน
  • 3. 🥉 Proton VPN — VPN ที่ดี มีข้อมูลไม่จำกัด & ความเร็วสูง + ฟีเจอร์ความเป็นส่วนตัว
  • 4. hide.meบริการฟรีที่รองรับการทอร์เรนต์ + เซิร์ฟเวอร์ที่ดี (ไม่จำกัดข้อมูล)
  • 5. Hotspot Shield — VPN ฟรีที่เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป ไม่จำกัดข้อมูล + ฟีเจอร์ความปลอดภัยที่ดี
  • และอีก 3 รายการ!
  • การเปรียบเทียบระหว่าง VPN ฟรี ที่ดีที่สุดในปี 2024

🥇1. ExpressVPN — VPN ที่ดีที่สุดโดยรวมในปี 2024

🥇1. ExpressVPN — VPN ที่ดีที่สุดโดยรวมในปี 2024

ExpressVPN นั้นไม่ได้ฟรี 100% แต่ว่ามันเป็น VPN ที่ดีที่สุดที่คุณสามารถใช้งานได้และทุกคำสั่งซื้อนั้นก็มาพร้อมกับการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน — ดังนั้นคุณจึงสามารถทดลองใช้งานมันและก็สามารถขอคืนเงินเต็มจำนวนได้ถ้าคุณไม่พอใจการให้บริการ อย่างไรก็ตาม คุณลองใช้ดูไม่นานคุณเองก็คงจะรู้แล้วว่าทำไม ExpressVPN ถึงเป็น VPN ที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรมนี้ มันมีฟีเจอร์ความปลอดภัยที่ดีที่สุด มันเป็น VPN ที่ดีที่สุดสำหรับการสตรีมมิ่ง โหลด torrent และเล่นเกม มันมีความเร็วสูงที่สุด และก็มีแอปที่ใช้งานง่าย พร้อมมี UI ภาษาไทย สำหรับแทบจะทุกอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้

🥇1. ExpressVPN — VPN ที่ดีที่สุดโดยรวมในปี 2024

ExpressVPN นั้นมีฟีเจอร์ความปลอดภัยที่ดีเยี่ยม นอกจากนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลที่ผ่านการตรวจสอบอย่างอิสระมาแล้วนั้น มันก็ยังมี:

  • เทคโนโลยี TrustedServer นี่หมายความว่าจะไม่มีข้อมูลใด ๆ ทั้งสิ้นถูกบันทึกไว้ในฮาร์ดไดรฟ์ และข้อมูลทั้งหมดนั้นก็จะถูกลบในทุก ๆ ครั้งที่เซิร์ฟเวอร์ถูกปิด/เปิด แถมมันยังได้รับการตรวจสอบยืนยันจากภายนอกแล้วด้วย
  • Perfect forward secrecy คีย์การเข้ารหัสจะถูกเปลี่ยนทุกครั้งที่คุณทำการเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์
  • การป้องกันการรั่วไหลเต็มรูปแบบ ExpressVPN นั้นมีการป้องกันการรั่วไหลของ DNS, WebRTC และ IPv6
  • ExpressVPN Keys นี่คือเครื่องมือจัดการรหัสผ่านซึ่งจะช่วยปกป้องรหัสผ่านทั้งหมดของคุณ และช่วยสร้างรหัสผ่านที่มีความแน่นหนา

ExpressVPN มีฟีเจอร์ความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยมที่มีชื่อว่า Advanced Protection นี่คือเครื่องมือปิดกั้นโฆษณาที่มีประสิทธิภาพ (ใช้งานได้ดีมาก) มีตัวเลือกให้ปิดกั้นเว็บไซต์สำหรับผู้ใหญ่และยังมาพร้อมกับ Threat Manager ฟีเจอร์นี้จะช่วยปิดกั้นการเชื่อมต่อเว็บที่เป็นอันตรายและยังปิดกั้นเครื่องมือติดตามได้อีกด้วย นอกจากนี้แอปเดกส์ทอปยังอัพเดทฟีเจอร์ความปลอดภัยอัตโนมัติเพื่อให้คุณได้รับการป้องกันอย่างเต็มที่อยู่ตลอดเวลา

เมื่อเทียบบริการอื่น ๆ ExpressVPN บริการ VPN ฟรี 1 เดียวในรายการนี้ (Proton VPN) ให้คุณเข้าถึงแค่เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน บริการฟรีอื่น ๆ อย่าง Windscribe ไม่มีเครื่องมือปิดกั้นโฆษณาในแผนฟรีด้วยซ้ำไป

🥇1. ExpressVPN — VPN ที่ดีที่สุดโดยรวมในปี 2024

ในการทดสอบความเร็วของเรา ExpressVPN นั้นมีผลลัพธ์ที่น่าประทับใจมาก ไม่ว่าเราจะเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้เคียงหรืออยู่ห่างไกล เว็บไซต์ที่เราเข้านั้นต่างก็โหลดเสร็จในทันที วิดีโอก็เริ่มเล่นในทันที เราสามารถดาวน์โหลดไฟล์ขนาด 20 GB เสร็จภายในเวลา 13 นาที และตอนเล่นเกมก็ไม่มีอาการแลคเลย

ในขณะที่ VPN ฟรีส่วนใหญ่ในรายการนี้มีความเร็วสูงบนเซิร์ฟเวอร์ในตำแหน่งใกล้เคียง แต่มีบริการหนึ่ง (TunnelBear) ที่จำกัดจำนวนเซิร์ฟเวอร์แก่ผู้ใช้ฟรีอย่างมาก นั่นหมายความว่าผู้ใช้บางคนอาจไม่สามารถเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ใกล้เคียงได้ ดังนั้นความเร็วการเชื่อมต่อจะลดลงอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ExpressVPN มีเซิร์ฟเวอร์จำนวนมากนำเสนอ ในกว่า 105 ประเทศ รวมถึงประเทศไทยด้วย

นอกจากนี้บริการยังนำเสนอฟีเจอร์ Split-tunneling ซึ่งให้คุณสามารถเลือกได้ว่าจะใช้แอปใดผ่าน VPN และแอปใดที่เชื่อมต่อผ่านเครือข่ายปกติ ตัวอย่างเช่น คุณสามารถเลือกได้ว่าจะเชื่อมต่อเว็บทอร์เรนต์ผ่าน ExpressVPN และรับชม Netflix ผ่านเครือข่ายในบ้าน

ถ้าคุณชอบสตรีมหนังหรือรายการทีวี คุณจะต้องชอบบริการของ ExpressVPN อย่างแน่นอน บริการสามารถเข้าถึงแอปสตรีมมิ่งชั้นนำได้ทั้งหมด รวมถึง Netflix, Amazon Prime, Disney+, และ Hulu รวมถึงบริการสตรีมมิ่งอีกกว่า 100+ บริการ VPN ฟรีในรายการนี้ที่รองรับการสตรีมคือ Windscribe และ TunnelBear แต่ทั้งสองบริการจำกัดข้อมูลการใช้งานอยู่ที่ 10 GB และ 2 GB ดังนั้นคุณจะไม่สามารถสตรีมรายการต่าง ๆ ได้ตามต้องการ ฉันชอบที่บริการเหล่านี้มาพร้อมกับฟีเจอร์ smart DNS (บริการเรียกว่า MediaStreamer) ที่ให้คุณสามารถใช้ VPN กับอุปกรณ์ที่ไม่รองรับ VPN อย่างเช่น คอนโซลเกมและสมาร์ททีวี

นอกจากนี้บริการยังรองรับการเชื่อมต่อแบบ P2P ด้วยการอนุญาตให้ทอร์เรนต์ในทุกเซิร์ฟเวอร์ ที่ตั้งอยู่ในกว่า 105 ประเทศ (Proton VPN และ Hotspot Shield ไม่อนุญาตให้ทอร์เรนต์ด้วยบริการฟรี) นอกจากนี้ยังใช้งานกับบริการ P2P ชั้นนำอย่าง qBittorrent และ uTorrent ได้อีกด้วย

ฉันชื่นชอบการใช้ ExpressVPN เพื่อเล่นเกมเป็นอย่างมาก เซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดมาพร้อมกับการป้องกัน DDoS เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้เล่นคนอื่นโจมตีการเชื่อมต่อของคุณ นอกจากนี้หากคุณชื่นชอบการเล่นเกมบนคลาวด์ ExpressVPN สามารถเข้าถึงบริการเหล่านี้ได้อย่างน่าเชื่อถือ

นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับแอปสำหรับเราท์เตอร์ ช่วยให้คุณสามารถเชื่อมต่อ VPN กับคอนโซลเกมได้ อุปกรณ์ทั้งหมดที่เชื่อมต่อกับเราท์เตอร์จะได้รับการป้องกันจาก ExpressVPN ในขณะที่ VPN นี้อนุญาตให้ใช้งานได้บน 8 อุปกรณ์ในบัญชีเดียว บริการฟรีอย่าง Proton VPN, Hotspot Shield และ hide.me อนุญาตให้เชื่อมต่อแค่ 1 อุปกรณ์เท่านั้น

ExpressVPN นั้นยังมีการทำ obfuscation กับเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดอีกด้วย และตัวแทนฝ่ายให้บริการลูกค้าของพวกเขาก็ได้ยืนยันแล้วว่ามันสามารถใช้งานในประเทศที่ถูกจำกัดอย่างในจีนได้ แถมมันยังดีมากที่ ExpressVPN จะช่วยปกป้องคุณบน dark web ได้ — มันรองรับทราฟฟิคของ Tor บนทุกเซิร์ฟเวอร์และทุกตำแหน่ง

ExpressVPN มีแพลนทั้งแบบรายเดือนและรายปี และด้วยการใช้ข้อเสนอลดราคา 49% ของเรา คุณก็จะสามารถรับบริการได้ในราคาต่ำสุดถึง US$6.67 / เดือน (นอกจากนี้มันก็มักจะมีข้อเสนอแถมเดือนให้บริการฟรีอีกด้วย) และก็อย่าลืมว่า ExpressVPN นั้นรับประกันคืนเงินแพลนทั้งหมดเป็นเวลา 30 วัน

ExpressVPN: ประหยัด49% สำหรับ 12-month plan + รับเดือนใช้ฟรี!
รับส่วนลด 12 เดือน + ฟรี 3 เดือนในราคา 49% (ใช้คูปองอัตโนมัติเมื่อชำระเงิน)

สรุป:

ExpressVPN นั้นมีความคุ้มค่ามากที่สุดเมื่อเทียบกับ VPN ทุกตัวที่เปิดให้บริการในปี 2024 คุณจะหา VPN ที่เร็วและปลอดภัยไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว นอกจากนี้มันยังสามารถใช้งานกับเว็บไซต์สตรีมมิ่ง สามารถใช้โหลดบิท สามารถใช้งานในประเทศที่ถูกจำกัด รองรับทราฟฟิค Tor และก็มีฟีเจอร์กับแอปที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้งานอีกด้วย ถึงแม้ว่ามันจะไม่มีแพลนระดับฟรี แต่มันก็มีการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วันสำหรับทุกการสั่งซื้อ

อ่านรีวิวฉบับเต็มเกี่ยวกับ ExpressVPN ได้ที่นี่

🥈2. CyberGhost VPN — VPN ที่ดีมาก ๆ สำหรับใช้สตรีมมิ่ง (มีให้ทดลองใช้ฟรี และคืนเงินได้ภายใน 45 วัน)

🥈2. CyberGhost VPN — VPN ที่ดีมาก ๆ สำหรับใช้สตรีมมิ่ง (มีให้ทดลองใช้ฟรี และคืนเงินได้ภายใน 45 วัน)

CyberGhost VPN นั้นไม่ได้ฟรีซะทีเดียว แต่มันมีให้ทดลองใช้ฟรีได้ 24 ชั่วโมง — คุณไม่ต้องกรอกข้อมูลบัตรเครดิตเพื่อที่จะทดลองใช้ฟรี และคุณก็จะสามารถลองใช้งานฟีเจอร์ของมันได้ทั้งหมด ผู้ให้บริการรายนี้นั้นมีรูปแบบการทดลองให้ใช้ฟรีที่ดีที่สุด

ยิ่งไปกว่านั้น CyberGhost VPN นั้นยังมีการรับประกันคืนเงินยาวนานถึง 45 วัน สำหรับแพลนระยะยาวทุกแพลน — นี่เป็นเวลาที่มากพอสำหรับให้คุณได้ทดลองใช้งาน VPN อย่างเต็มรูปแบบเพื่อให้มั่นใจได้ว่ามันตรงกับความต้องการของคุณ แพลนระยะสั้นที่สุดนั้นจะมีการรับประกันคืนเงินเป็นเวลา 14 วัน ซึ่งก็ยังเป็นเวลาที่เพียงพอสำหรับการทดลองใช้ VPN

เราคิดว่า VPN นี้เหมาะมาก ๆ สำหรับใช้สตรีมมิ่งเพราะว่ามันมีเซิร์ฟเวอร์สตรีมมิ่งถึง 100+ เซิร์ฟเวอร์ ใน 20+ ประเทศ ซึ่งสามารถใช้งานได้กับแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งกว่า 50+ แพลตฟอร์ม ซึ่งรวมถึงบริการชั้นนำอย่าง Netflix, Amazon Prime และ Max — ทีมงานนานาชาติของเราได้ทำการทดสอบทั้งเซิร์ฟเวอร์ปกติและเซิร์ฟเวอร์พิเศษสำหรับสตรีมมิ่ง และก็ได้ยืนยันแล้วว่ามันสามารถใช้งานได้กับ Netflix 15+ ประเทศ , Amazon Prime 5+ ประเทศ และ Max 5+ ประเทศ. อย่างที่ฉันได้กล่าวเอาไว้ในรีวิว ExpressVPN ก่อนหน้านี้ VPN เดียวในรายการนี้ที่รองรับการสตรีมในแผนบริการฟรีก็คือ Windscribe (อนุญาตให้ใช้ข้อมูลจำนวน 10 GB ต่อเดือน)

🥈2. CyberGhost VPN — VPN ที่ดีมาก ๆ สำหรับใช้สตรีมมิ่ง (มีให้ทดลองใช้ฟรี และคืนเงินได้ภายใน 45 วัน)

CyberGhost VPN ยังมีเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่ในกว่า 11,528 ประเทศกระจายอยู่ในทั่วโลก(รวมถึงในประเทศไทยด้วย) บริการมี มากกว่า 40 เซิฟเวอร์ในยุโรป 15 เซิฟเวอร์ในอเมริกา อีกกว่า 20 เซิฟเวอร์ในเอเชียและแปซิฟิกและกว่า 10 เซิฟเวอร์ในแอฟริกาและตะวันออกกลาง TunnelBear มีเซิร์ฟเวอร์ในกว่า 47 ประเทศ แต่คุณจะถูกจำกัดข้อมูลการใช้งานเอาไว้ที่ 2 GB ต่อเดือนและ VPN ที่นำเสนอตัวเลือกเซิร์ฟเวอร์จำนวนมากพอกันก็คือ Windscribe (จำนวนเซิร์ฟเวอร์ไหนมากกว่า 10 ประเทศ)

หากพูดถึงการเชื่อมต่อแบบ P2P บริการอนุญาตให้คุณทอร์เรนต์บนเซิฟเวอร์ในกว่า 70 ประเทศ (รวมถึงประเทศไทย) แต่ฉันชอบบริการจาก ExpressVPN มากกว่า เพราะให้คุณสามารถเชื่อมต่อแบบ P2P บนเซิฟเวอร์ในกว่า 105 ประเทศ นอกจากนี้ยังมีเซิร์ฟเวอร์สำหรับใช้เล่นเกมโดยเฉพาะในอีก 4 ประเทศ (เซิฟเวอร์ในอเมริกา เยอรมนี ฝรั่งเศสและอังกฤษ) เซิร์ฟเวอร์เหล่านี้ถูกปรับให้มีค่า ping ต่ำเป็นพิเศษ รวมทั้งยังมีฟีเจอร์การป้องกัน DDoS อีกด้วย แต่อย่างไรก็ตาม CyberGhost นั่นไม่รองรับการเล่นเกมบนคลาวด์

และคุณยังจะได้รีบฟีเจอร์ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวที่มีความแข็งแกร่งมาก ๆ — VPN นี้จะมาพร้อมกับฟีเจอร์ขั้นสูงอย่างการป้องกันการรั่วไหลเต็มรูปแบบ เซิร์ฟเวอร์แบบ RAM-only และ perfect forward secrecy รวมถึงมันยังมีนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลที่ผ่านการตรวจสอบแล้วอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นมันยังมี Content Blocker (ตัวบล็อกเนื้อหา) ซึ่งจะช่วยบล็อกโฆษณาและสามารถปกป้องคุณจากเว็บไซต์ที่มุ่งร้ายได้

ฉันยังชอบฟีเจอร์ Smart Rules ช่วยให้คุณสามารถตั้งค่าการเชื่อมต่อ VPN ในแบบที่เหมาะกับคุณได้ ยกตัวอย่างเช่น คุณสามารถตั้งค่าให้เชื่อมต่อ CyberGhost VPN อัตโนมัติได้เมื่อคุณเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์สตรีมมิ่งหรือเปิดใช้งานแอปสตรีม หรือจะทำการเชื่อมต่อกับเซิฟเวอร์ VPN ในทันทีเมื่อตรวจพบการเชื่อมต่อกับเครือข่าย Wi-Fi ฟีเจอร์นี้เป็นฟีเจอร์ที่มีประโยชน์อย่างมากหากคุณทำการเชื่อมต่อกับเครือข่าย Wi-Fi สาธารณะเป็นประจำ นอกจากนี้คุณยังสามารถตั้งค่าให้ CyberGhost เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ใดเซิร์ฟเวอร์หนึ่งได้ในทันทีที่คุณเปิดใช้งานแอป VPN ไม่มีบริการฟรีใดในรายการนี้ที่ให้คุณสามารถตั้งค่ากฎต่าง ๆ ได้มากเท่ากับบริการนี้

🥈2. CyberGhost VPN — VPN ที่ดีมาก ๆ สำหรับใช้สตรีมมิ่ง (มีให้ทดลองใช้ฟรี และคืนเงินได้ภายใน 45 วัน)

ความเร็วที่ดีอีกด้วย ในการทดสอบของฉัน ฉันสามารถเข้าถึงเว็บไซต์ต่างๆ วิดีโอความคมชัดแบบ HD และ 4K ได้ในทันที วิดีโอใช้เวลาโหลดเพียงเล็กน้อยในตอนเริ่มต้น แต่ถึงอย่างนั้น VPN ก็มีความเร็วไม่มากเท่ากับ ExpressVPN ที่มีทั้งความเร็วและจำนวนเซิร์ฟเวอร์มากกว่าที่ Proton VPN, Hotspot Shield และ hide.me นำเสนอ

ชอบที่ฉันสามารถตั้งค่าการเชื่อมต่อ CyberGhost ผ่านเราท์เตอร์ได้โดยตรง เมื่อคุณตั้งค่า การเชื่อมต่อผ่านเราท์เตอร์แล้ว คุณก็ไม่ต้องกังวลว่าถึงจำนวนอุปกรณ์ที่บริการจำกัดไว้ ซึ่งบริการให้คุณใช้งานได้ 7 อุปกรณ์ อุปกรณ์ทั้งหมดที่เชื่อมต่อผ่านเราท์เตอร์จะทำการส่งการเชื่อมต่อผ่านเซิร์ฟเวอร์ของ CyberGhost ข้อเสียอย่างเดียวก็คือ CyberGhost ไม่มีแอปพลิเคชันสำหรับเราท์เตอร์โดยเฉพาะ แต่บริการก็นำเสนอคำแนะนำอย่างละเอียดในการติดตั้งเอาไว้ให้แล้ว

CyberGhost VPN มีแพลนราคาย่อมเยาเริ่มต้นที่ US$2.03 / เดือน — แถมแพลนระยะยาวที่สุดนั้นยังมักจะแถมเดือนให้ใช้ฟรีอีกด้วย และก็อย่าลืมว่ามันมีการรับประกันคืนเงินนาน 45 วันสำหรับทุกแพลนระยะยาว

CyberGhost: ประหยัด84% สำหรับ 24-month plan + รับเดือนใช้ฟรี!
คุณสามารถประหยัด 84% หากคุณใช้ส่วนลดตอนนี้

สรุป:

CyberGhost VPN นั้นเป็นตัวเลือกที่ดีมากสำหรับใช้สตรีมมิ่ง เนื่องจากมันมีเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้งานได้กับ 50+ แพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง ซึ่งรวมถึงเว็บไซต์ชั้นนำอย่าง Netflix และ Max นอกจากนี้มันยังมีเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่ รองรับ P2P ได้เป็นอย่างดี มีฟีเจอร์ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวที่แน่นหนา และก็มีความเร็วสูงมาก มันไม่มีแพลนระดับฟรี แต่มันมีให้ทดลองใช้ฟรีได้ 24 ชั่วโมง และก็มีการรับประกันคืนเงินนานถึง 45 วันสำหรับแพลนระยะยาวทั้งหมด

อ่านรีวิวฉบับเต็มเกี่ยวกับ CyberGhost VPN

🥉3. Proton VPN — แผนฟรีที่ยอดเยี่ยม ไม่จำกัดข้อมูล + ความเร็วสูง

🥉3. Proton VPN — แผนฟรีที่ยอดเยี่ยม ไม่จำกัดข้อมูล + ความเร็วสูง

แผนบริการฟรีของ Proton VPN ไม่จำกัดข้อมูลการใช้งานและมีความเร็วมากกว่าบริการฟรีอื่น   การไม่จำกัดข้อมูลหมายความว่าบริษัทไม่ได้จำกัดข้อมูลการใช้งานที่คุณสามารถใช้ได้ในแต่ละวันหรือเดือน นอกจากนี้บริการยังไม่แสดงโฆษณาอีกด้วย ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่น่าประทับใจมาก เพราะบริการฟรีส่วนใหญ่มักจะจำกัดข้อมูลการใช้งานกับผู้ใช้ฟรี Windscribe และ TunnelBear จำกัดจำนวนข้อมูลของผู้ใช้บริการฟรีในแต่ละเดือน และ Hotspot Shield ก็บังคับให้คุณต้องรับชมโฆษณาที่น่ารำคาญทุก ๆ 15 นาที

แพลนระดับฟรีของผู้ให้บริการนั้นมีเซิร์ฟเวอร์ให้ใช้งานได้ใน 5 ประเทศ — สหรัฐอเมริกา, เนเธอร์แลนด์, ญี่ปุ่น, โรมาเนีย และโปแลนด์ ข้อเสียเดียวก็คือคุณจะไม่สามารถเลือกตำแหน่งได้ Proton VPN จะเชื่อมต่อคุณไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่เร็วที่สุดโดยอัตโนมัติ ทางตัวแทนฝ่ายให้บริการลูกค้าได้บอกกับเราว่าถ้าเราต้องการเปลี่ยนเซิร์ฟเวอร์ เราจะต้องตัดการเชื่อมต่อและเชื่อมต่อ VPN ใหม่อีกครั้ง แต่ถึงแบบนั้นก็จะยังไม่สามารถเลือกเซิร์ฟเวอร์เองได้อยู่ดี. คิดถึงเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันถึงเลือกใช้บริการ VPN พรีเมียมอย่าง ExpressVPN ที่มีเซิร์ฟเวอร์นำเสนอในกว่า 105 ประเทศและให้คุณเลือกเชื่อมต่อได้ตามต้องการ

🥉3. Proton VPN — แผนฟรีที่ยอดเยี่ยม ไม่จำกัดข้อมูล + ความเร็วสูง

แผนบริการฟรีของ Proton VPN มีความเร็วที่ดี เว็บไซต์ต่าง ๆ สามารถโหลดได้ในทันที วิดีโอความคมชัดระดับ HD อาจจะต้องใช้เวลาโหลด 1-2 วินาทีและวิดีโอระดับ 4K อาจจะต้องใช้เวลาโหลด 3-4 วินาที วิดีโอสะดุดบ้างเพียงเล็กน้อยในตอนต้น Proton VPN มีความเร็วมากที่สุดในบรรดาบริการฟรี แต่ความเร็วที่มีก็ไม่ได้ใกล้เคียงกับ ExpressVPN หรือ Cyberghost VPN นอกจากนี้แผนบริการฟรีของ Proton VPN ยังไม่มีฟีเจอร์ VPN Accelerator ที่ช่วยเพิ่มความเร็วบนเซิฟเวอร์ที่ตั้งอยู่ไกลอีกด้วย

บริการฟรีนี้ก็มาพร้อมกับข้อเสียเช่นกัน บริการไม่รองรับการทอร์เรนต์และจำกัดการเชื่อมต่อแค่ 1 อุปกรณ์เท่านั้น (แต่คุณสามารถหลีกเลี่ยงข้อจำกัดนี้ได้โดยการเชื่อมต่อผ่านเราท์เตอร์ ) แต่บริการไม่มีส่วนเสริมสำหรับ Chrome หรือ FireFox

ในขณะที่ Proton VPN บอกว่าบริการฟรีนั้นไม่สามารถเข้าถึงบริการสตรีมมิ่งได้ แต่ฉันก็สามารถเข้าถึง Netflix US และ Amazon Prime US ได้เป็นบางครั้งแต่ไม่สม่ำเสมอ บริการไม่มีเครื่องมือปิดกั้นโฆษณา blocker (NetShield), ฟีเจอร์ Split-tunneling, Port forwarding, เซิฟเวอร์ Secure Core ที่จะช่วยแยกการเชื่อมต่อของคุณผ่าน 2 เซิฟเวอร์หรือการเข้าถึงการช่วยเหลือผ่านไลฟ์แชท

เราชอบมากที่แพลนระดับฟรีของ Proton VPN นั้นมาพร้อมกับฟีเจอร์ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวขั้นสูง อย่างเช่น perfect forward secrecy, การป้องกันการรั่วไหลเต็มรูปแบบ และการเข้ารหัสดิสก์อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งจะช่วยทำให้ข้อมูลบนเซิร์ฟเวอร์ไม่สามารถถูกเปิดอ่านได้ นอกจากนี้แอปของ Proton VPN นั้นยังเป็นแบบโอเพนซอร์ซทั้งหมด ซึ่งก็แปลว่าใครก็สามารถเปิดดูซอร์สโค้ดเพื่อตรวจสอบช่องโหว่ด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวได้ และนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลของมันก็ผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยอย่างอิสระมาแล้ว

🥉3. Proton VPN — แผนฟรีที่ยอดเยี่ยม ไม่จำกัดข้อมูล + ความเร็วสูง

สุดท้าย คุณสามารถดาวน์โหลด Proton Pass มาใช้งานพร้อมกับ Proton VPN ได้ — เครื่องมือจัดการรหัสผ่านฟรี ปลอดภัย และเป็นแบบโอเพนซอร์ซซึ่งทำงานได้เป็นอย่างดี นอกจากจะสามารถเก็บและสร้างรหัสผ่านได้แล้ว มันยังสามารถตั้งชื่ออีเมลที่ไม่ซ้ำใครเพื่อช่วยปกป้องที่อยู่อีเมลจริงของคุณไม่ให้ถูกติดตามและถูกสแปมได้ด้วย — ซึ่งก็เจ๋งมาก

หากเลือกบริการพรีเมี่ยม (แผน Plus) คุณจะได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมอย่างเช่นตัวเลือกเซิร์ฟเวอร์มากกว่า 2900 เซิร์ฟเวอร์ใน 91 ประเทศ (รวมถึงเซิร์ฟเวอร์ในประเทศไทย) เซิฟเวอร์สำหรับสตรีมมิ่งโดยเฉพาะ อีกกว่า 30 เซิฟเวอร์  เซิร์ฟเวอร์สำหรับ P2P ในกว่า 50 ประเทศ (รวมถึงในประเทศไทย) และสามารถใช้งานได้บน 10 อุปกรณ์ แต่ถึงอย่างนั้น ExpressVPN และ CyberGhost VPN ก็ให้ความคุ้มค่าที่มากกว่าทั้งในด้านจำนวนเซิร์ฟเวอร์ การเข้าถึงบริการสตรีมมิ่งและการรองรับการเชื่อมต่อแบบ P2P

แพลนจ่ายเงินของ Proton VPN มีราคาเริ่มต้นที่ US$4.99 / เดือน และก็มีการรับประกันคืนเงินตามสัดส่วนเป็นเวลา 30 วัน

Proton VPN: ประหยัด 50% สำหรับ 24-month plan!
ส่วนลด 50% 24-month plan!

สรุป:

Proton VPN เป็นบริการเดียวที่นำเสนอแผนบริการฟรีที่ให้คุณใช้งานได้โดยไม่มีการจำกัดข้อมูล ให้คุณเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ใน 5 ประเทศ (อเมริกา เนเธอร์แลนด์ ญี่ปุ่น โรมาเนียและโปแลนด์) มีฟีเจอร์ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวที่แข็งแกร่ง ความเร็วสูง แผนพรีเมียมนำเสนอเซิร์ฟเวอร์เพิ่มเติม รองรับการสตรีมและ P2P มีฟีเจอร์เพิ่มเติมอย่างการปิดกั้นโฆษณาและ Split-แผนพรีเมียมมีราคาไม่แพงและมาพร้อมกับการการันตีคืนเงินตามการใช้งานภายใน 30 วัน

อ่านรีวิวฉบับเต็มเกี่ยวกับ Proton VPN ได้ที่นี่

4. hide.me — VPN ฟรี ดีใช้ได้สำหรับโหลด torrent

4. hide.me — VPN ฟรี ดีใช้ได้สำหรับโหลด torrent

hide.me เป็นบริการฟรีเดียวที่อนุญาตให้เชื่อมต่อแบบ P2P  บริการไม่จำกัดจำนวนข้อมูลการใช้งาน ดังนั้นคุณสามารถดาวน์โหลดไฟล์ได้มากเท่าที่ต้องการและยังสามารถใช้งานได้กับบริการ P2P ชั้นนำอย่าง uTorrent และ qBittorrent

แพลนระดับฟรีของ VPN นั้นเปิดให้คุณเข้าถึงได้ 5+ ประเทศ ซึ่งรวมถึงสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร สิงคโปร์ และเยอรมนี

4. hide.me — VPN ฟรี ดีใช้ได้สำหรับโหลด torrent

เมื่อพูดถึงเรื่องความเร็วแล้ว แพลนระดับฟรีของ hide.me นั้นก็ถือว่าเร็วมาก — เว็บไซต์มักจะโหลดเสร็จในทันที วิดีโอระดับ HD ใช้เวลา 2–3 วินาที และตอนที่เราโหลดบิทขนาด 2.2 GB ก็ใช้เวลาแค่ 6–7 นาทีเท่านั้น

นอกจากนี้แผนบริการฟรียังมีฟีเจอร์ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวที่ดี อย่าง เซิร์ฟเวอร์ RAM, Perfect forward secrecy, การป้องกันการรั่วไหลเต็มรูปแบบและนโยบายไม่บันทึกข้อมูลที่เข้มงวด

Hide.me มีแอปที่ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับมือใหม่ อินเตอร์เฟสเรียบง่ายและใช้งานได้ง่าย ฟีเจอร์การปรับแต่งทั้งหมดมีคำอธิบายอย่างชัดเจน ดังนั้น คุณไม่ต้องเสียเวลา Google 5 ความหมายและวิธีใช้ เหมาะสำหรับคนที่ไม่เคยใช้ VPN มาก่อน นอกจากนี้แผนบริการฟรียังให้คุณเข้าถึงฟีเจอร์ Split-tunneling และไลฟ์แชทได้อีกด้วย

แต่แผนฟรีก็มักจะมาพร้อมกับข้อจำกัด คุณสามารถเชื่อมต่อกับได้เพียงอุปกรณ์เดียว (ไม่รองรับการเชื่อมต่อผ่านเราท์เตอร์) ไม่รองรับบริการสตรีมมิ่ง แต่บริการนำเสนอส่วนขยายบน Chrome ฟรี

เวอร์ชันจ่ายเงินของ hide.me นั้นเปิดให้เชื่อมต่อได้ 10 การเชื่อมต่อ และก็จะเพิ่มการรองรับการสตรีมมิ่งที่มีคุณภาพดี ทำให้สามารถใช้งานมันกับแพลตฟอร์มยอดนิยมอย่าง Netflix และ Amazon Prime ได้ — อย่างไรก็ตาม มันใช้งานกับ Hulu ไม่ได้

คุณยังสามารถใช้งานฟีเจอร์ Multihop ซึ่งจะส่งข้อมูลของคุณผ่านเซิร์ฟเวอร์ VPN 2 เซิร์ฟเวอร์ ซึ่งจะช่วยเพิ่มชั้นการป้องกันให้กับคุณ ฟีเจอร์ Bolt นั้นยังเป็นฟีเจอร์ทดลองแต่คุณสามารถใช้งานได้ ฟีเจอร์นี้จะช่วยเพิ่มความเร็วการเชื่อมต่อให้คุณอย่างมาก ต่อมาคือฟีเจอร์ Port forwarding ที่ให้คุณสามารถเชื่อมต่อกับ peer ได้มากขึ้นเพื่อเพิ่มความเร็วการดาวน์โหลด P2P

4. hide.me — VPN ฟรี ดีใช้ได้สำหรับโหลด torrent

แพลนแบบจ่ายเงินนั้นยังเปิดให้คุณเข้าถึงเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดของผู้ให้บริการได้อีกด้วย ซึ่งก็มีจำนวนถึง 2,300+ เซิร์ฟเวอร์ ใน 50+ ประเทศ

hide.me นั้นมีแพลนราคาไม่แพงเริ่มต้นที่ US$2.22 / เดือน มีการรับประกันคืนเงินภายในเวลา 30 วันสำหรับทุกแพลน

สรุป:

hide.me มีแผนบริการฟรีที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการทอร์เรนต์ มีเซิฟเวอร์ใน 8 ประเทศ รองรับการเชื่อมต่อแบบ P2P ไม่จำกัดข้อมูลการใช้งานและไม่แสดงโฆษณา บริการมีฟีเจอร์ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวที่ดี แต่จะจำกัดความเร็วของคุณ ไม่รองรับการสตรีมมิ่งและไม่สามารถใช้งานบนเราเตอร์ได้ แผนพรีเมียมเพิ่มฟีเจอร์ความปลอดภัยและจำนวนเซิร์ฟเวอร์ให้กับคุณ รองรับการสตรีมมิ่งและแผนพรีเมียมทุกแผนยังมาพร้อมกับการการันตีคืนเงินภายใน 30 วันอีกด้วย

อ่านรีวิวฉบับเต็มเกี่ยวกับ hide.me ได้ที่นี่

5. Hotspot Shield — เหมาะสำหรับการใช้งานที่ปลอดภัย

5. Hotspot Shield — เหมาะสำหรับการใช้งานที่ปลอดภัย

แพลนระดับฟรีของ Hotspot Shield นั้นเหมาะมากสำหรับใช้ท่องเว็บ เนื่องจากมันมีข้อมูลให้ใช้ได้ไม่จำกัด ดังนั้นก็จะไม่มีข้อจำกัดว่าคุณจะเข้าดูได้กี่เว็บไซต์ หรือสามารถดูวิดีโอได้มากแค่ไหน

อย่างไรก็ตามบริการบันทึกหมายเลข IP ของคุณและแสดงโฆษณา โฆษณาพวกนี้ยังน่ารำคาญมากด้วย มันมีความยาว 30 วินาทีและโผล่ขึ้นมาในทุก ๆ 15 นาทีที่คุณใช้งาน VPN แถมยังมีโฆษณาป๊อปอัพโผล่ขึ้นมาทุกครั้งที่คุณเปิดหรือปิดการเชื่อมต่ออีกด้วย ฉันชอบที่ Proton VPN และ hide.me ไม่บันทึกหมายเลข IP และยังไม่แสดงโฆษณาในบริการฟรีด้วย

แผนฟรีจำกัดความเร็วเอาไว้ที่ 2 Mbps แต่ฉันก็ไม่พบกับความเร็วที่ลดลงมากแต่อย่างใด โปรโตคอลที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริการอย่าง Hydra ช่วยให้ฉันมีความเร็วในการเชื่อมต่อที่รวดเร็วและยังปลอดภัยมากอีกด้วย (นอกจากนี้ยังมี Perfect forward secrecy การป้องกันการรั่วไหลของ DNS และ Kill switch) ในการทดสอบของฉัน เว็บไซต์ใช้เวลาโหลด 2–3 วินาทีและฉันสามารถรับชมวิดีโอบน YouTube ได้โดยไม่มีการสะดุด แต่ว่า ExpressVPN และ CyberGhost VPN ให้ความเร็วการเชื่อมต่อที่มากกว่าและเซิร์ฟเวอร์ของ Proton VPN ยังมีความเร็วกว่าเซิร์ฟเวอร์ของ Hotspot Shield อีกด้วย

5. Hotspot Shield — เหมาะสำหรับการใช้งานที่ปลอดภัย

แต่แผนบริการฟรีให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ได้ใน 3 ประเทศเท่านั้น ได้แก่: อเมริกา อังกฤษและสิงคโปร์ ถึงแม้ว่าจะมีตัวเลือกเซิร์ฟเวอร์ไม่มาก แต่ผู้ใช้ในทวีปอเมริกาเหนือ ยุโรปและเอเชียก็มีเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้พวกเขาให้เชื่อมต่อ ฉันชอบ 2 ตัวเลือกเซิร์ฟเวอร์ในอเมริกาเป็นอย่างมาก (นิวยอร์คและลอสแองเจลิส) เพราะผู้ใช้ในฝั่งตะวันตกและออกมีตัวเลือกเซิร์ฟเวอร์ที่ใกล้เคียงให้ใช้งาน

5. Hotspot Shield — เหมาะสำหรับการใช้งานที่ปลอดภัย

บริการฟรีของ Hotspot Shield ไม่รองรับการสตรีมมิ่งและทอร์เรนต์ จำกัดการใช้งานบน 1 อุปกรณ์เท่านั้น (ไม่รองรับการใช้งานบนเราท์เตอร์เหมือนกับ 3 บริการชั้นนำ) แต่อย่างไรก็ตามบริการนำเสนอส่วนขยายบน Chrome ฟรีและมีฟีเจอร์ Split-tunneling ฟีเจอร์เชื่อมต่ออัตโนมัติและฟีเจอร์การเปิดใช้งานในทันที

Hotspot Shield นั้นมีแพลนสมัครสมาชิกรายเดือนและรายปีราคาเริ่มต้นที่ US$2.99 / เดือน — มันจะนำการบันทึก IP ออก และก็จะเปิดให้คุณเข้าถึง 1,800+ เซิร์ฟเวอร์ ใน 80+ ประเทศ (รวมถึงประเทศไทย) เพิ่มการรองรับการสตรีมมิ่งและก็ยังมีการรับประกันคืนเงินภายใน 45 วันอีกด้วย

สรุป:

แพลนระดับฟรีของ Hotspot Shield นั้นเหมาะมากสำหรับใช้ท่องเว็บ เนื่องจากมันมีข้อมูลให้ใช้งานได้ไม่จำกัดและก็มีความเร็วสูง แต่มันจะจำกัดให้คุณเลือกใช้เซิร์ฟเวอร์ได้แค่ใน 3 ประเทศและ 1 อุปกรณ์ รวมถึงมีการบันทึกที่อยู่ IP ของคุณ เวอร์ชันแบบจ่ายเงินนั้นจะนำการบันทึก IP ออก จะเพิ่มการเชื่อมต่อให้เป็น 10 การเชื่อมต่อ มีเซิร์ฟเวอร์มากขึ้น และก็มีความปลอดภัยที่ดีกว่า ราคาก็ไม่แพงและมีการรับประกันคืนเงินภายใน 45 วันอีกด้วย

อ่านรีวิวฉบับเต็มเกี่ยวกับ Hotspot Shield ได้ที่นี่

6. Windscribe — VPN ฟรี ดีใช้ได้สำหรับสตรีมมิ่ง

6. Windscribe — VPN ฟรี ดีใช้ได้สำหรับสตรีมมิ่ง

Windscribe นั้นเป็นผู้ให้บริการน้อยรายที่มีแพลนฟรีซึ่งรองรับการสตรีมมิ่ง — มันสามารถใช้งานกับเว็บไซต์ชั้นนำอย่าง Netflix, Max และ Amazon Prime ได้ นอกจากนี้เพื่อนร่วมงานของเราที่อยู่สหราชอาณาจักรก็ได้ช่วยยืนยันแล้วว่าเขาสามารถดู BBC iPlayer ที่นั่นได้ด้วย นอกจากนี้ มันยังเป็นหนึ่งใน VPN ฟรี น้อยรายที่เปิดให้เชื่อมต่อพร้อมกันได้ไม่จำกัดจำนวนการเชื่อมต่อ ดังนั้นคุณอยากจะใช้กี่เครื่องก็ได้ไม่มีจำกัด ทำให้มันเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับครอบครัวที่กำลังมองหา VPN ฟรี ไว้ใช้งาน

อย่างไรก็ตามมีสิ่งหนึ่งที่ฉันไม่ค่อยประทับใจกับ Windscribe เท่าไหร่ นั่นก็คือบริการจำกัดข้อมูลการใช้งาน คุณจะได้รับข้อมูล 2 GB ต่อเดือน แต่บริการจะเพิ่มเป็น 10 GB ให้ ถ้าหากคุณให้อีเมล์กับบริการ สิ่งนี้ทำให้ฝ่ายการตลาดของ VPN สามารถติดต่อเพื่อนำเสนอบริการให้กับคุณได้ ในขณะที่ข้อมูล 10 GB ถือว่าเป็นจำนวนข้อมูลที่มากพอ (สามารถรับชมวีดีโอความคมชัดแบบ HD ได้ 5-7 วิดีโอ) แต่ฉันก็ชอบแผนฟรีของ Proton VPN มากกว่าเพราะบริการไม่ได้จำกัดข้อมูลการใช้งาน

6. Windscribe — VPN ฟรี ดีใช้ได้สำหรับสตรีมมิ่ง

Windscribe มีความเร็วที่ดี ในระหว่างการทดสอบเว็บไซต์ต่าง ๆ ใช้เวลาโหลดประมาณ 4 วินาทีและวิดีโอความคมชัดแบบ HD ใช้เวลาโหลด 4–5 วินาที ซึ่งถือว่าเป็นความเร็วที่พอรับได้แต่ก็ไม่ใช่ความเร็วที่เทียบได้กับบริการชั้นนำในรายการนี้

Windscribe เปิดให้คุณเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ได้ใน 10+ ประเทศ และมันก็ยังมี split-tunneling อีกด้วย — เรารู้สึกประทับใจมากที่เห็นว่าสามารถใช้ split-tunnel ได้ทั้งสำหรับแอปและที่อยู่ IP นอกจากนี้มันยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ความปลอดภัยขั้นสูงอย่าง perfect forward secrecy, เซิร์ฟเวอร์แบบ RAM-only และการป้องกันการรั่วไหลเต็มรูปแบบ

6. Windscribe — VPN ฟรี ดีใช้ได้สำหรับสตรีมมิ่ง

คุณจะสามารถใช้งานตัวบล็อกโฆษณาและมัลแวร์ได้บางส่วนด้วย ผ่านฟีเจอร์ R.O.B.E.R.T ฟีเจอร์นี้จะช่วยบล็อกเนื้อหาบางชนิดบนเว็บไซต์เช่นการพนัน คลิกเบต และคริปโต รวมถึงเว็บไซต์โซเชียลมีเดียอย่างเช่น Facebook

เวอร์ชันจ่ายเงินของ Windscribe นั้นมีราคาเริ่มต้นที่ US$5.75 / เดือน และมันก็จะเปิดให้คุณใช้งานเซิร์ฟเวอร์ได้มากขึ้นใน 65+ ประเทศ (รวมถึงประเทศไทย) น่าเสียดายที่มันมีการรับประกันคืนเงินเพียงแค่ 3 วัน

สรุป:

แผนฟรีของ Windscribe สามารถเข้าถึงบริการสตรีมมิ่งยอดนิยมอย่าง Max, Netflix และ BBC iPlayer ได้ เชื่อมต่อได้ไม่จำกัดอุปกรณ์ แต่จำกัดข้อมูลการใช้งานที่ 10 GB ต่อเดือน นอกจากนี้ยังมีเซิร์ฟเวอร์ในกว่า 10 ประเทศ  มีความเร็วที่ดี มีฟีเจอร์ความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง แผนบริการพรีเมียมเพิ่มการเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ในหลายประเทศ มีราคาไม่แพงและมาพร้อมกับรับประกันคืนเงินภายใน 3 วัน

อ่านรีวิวฉบับเต็มเกี่ยวกับ Windscribe ได้ที่นี่

7. TunnelBear — VPN ฟรี ที่ดีมากสำหรับผู้ใช้งานใหม่

7. TunnelBear — VPN ฟรี ที่ดีมากสำหรับผู้ใช้งานใหม่

TunnelBear นั้นมีแดชบอร์ดที่เข้าใจได้ง่ายมาก ๆ สำหรับแอปทั้งหมด — ฟีเจอร์ทั้งหมดของมันนั้นถูกออกแบบมาเป็นอย่างดีและเข้าถึงได้ง่าย ทั่วทั้งแอปนั้นจะมีตัวการ์ตูนรูปหมีที่จะคอยช่วยให้คุณเข้าใจและใช้งานฟังก์ชั่นทั้งหมดได้

เราชอบมากที่แอปทั้งหมดของมันนั้นมาพร้อมกับแผนที่แบบตอบสนอง ซึ่งมันจะทำให้คุณสามารถคลิกเลือกประเทศที่ถูกปักหมุดเพื่อทำการเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ในประเทศนั้น ๆ ได้ มันทำให้การเชื่อมต่อสะดวกมาก ๆ เพราะคุณไม่ต้องเลื่อนหาเซิร์ฟเวอร์จากรายการทั้งหมดที่มี

น่าเสียดายที่แผนฟรีของ TunnelBear อ่านจำกัดข้อมูลการใช้งานที่ 2 GB ต่อเดือน ซึ่งมากพอสำหรับการใช้งานทั่วไป บริการฟรีของบริการนี้ เหมาะสำหรับใช้ทดสอบบริการ VPN (และหากชอบ คุณก็สามารถอัปเกรดเป็นแผนพรีเมียมของ TunnelBear ได้) มากกว่าใช้ในชีวิตประจำวันทั่วไป

7. TunnelBear — VPN ฟรี ที่ดีมากสำหรับผู้ใช้งานใหม่

แพลนระดับฟรีของ TunnelBear นั้นจะมีเซิร์ฟเวอร์ให้ใช้ถึง 5,000+ เซิร์ฟเวอร์ใน 47  ประเทศ ซึ่งทำให้การค้นหาเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้กับตำแหน่งจริงของคุณที่สุดเพื่อให้ได้ความเร็วสูงที่สุดนั้นเป็นเรื่องง่าย ในการทดสอบของเรา TunnelBear นั้นมีความเร็วที่สูงมาก แต่ก็ยังไม่เร็วเท่ากับแพลนระดับฟรีของ hide.me, Proton VPN และ Hotspot Shield เว็บไซต์และวิดีโอความชัดระดับ HD นั้นใช้เวลาโหลดเสร็จภายใน 3–4 วินาที แต่ความเร็วในการท่องเว็บโดยรวมก็ยังถือว่าดี

มันยอดเยี่ยมมากที่ TunnelBear ให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงฟีเจอร์พรีเมียมได้ทั้งหมด รวมถึง GhostBear ที่จะช่วยหลีกเลี่ยงการปิดกั้น VPN ในบางประเทศที่มีการจำกัดการใช้งานอินเทอร์เน็ตอย่างเข้มงวด และ SplitBear ฟีเจอร์ Split-tunneling ของ TunnelBear ที่ให้คุณ สามารถเลือกได้ว่าแอปพลิเคชั่นหรือเว็บไซต์ใดที่ต้องการเชื่อมต่อผ่านเซิฟเวอร์ VPN นอกจากนี้ TunnelBear ยังให้ผู้ใช้สามารถติดตั้งบริการได้บนอุปกรณ์ไม่จำกัดจำนวน แต่จะจำกัดการใช้งานที่ 2 GB ต่อเดือนเท่านั้น

หากคุณต้องการจะใช้ข้อมูลอย่างไม่จำกัด คุณต้องอัปเกรดไปใช้แพลนระดับพรีเมียมของ TunnelBear ซึ่งมีราคาเริ่มต้นที่ US$3.33 / เดือน

สรุป:

แพลนระดับฟรีของ TunnelBear นั้นมาพร้อมกับแอปที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้งานมือใหม่ และมันก็รักษาความเร็วได้ดี เปิดให้เชื่อมต่อได้ไม่จำกัด และก็เปิดให้ผู้ใช้งานฟรีสามารถใช้ฟีเจอร์ทั้งหมดได้ อย่างไรก็ตาม แพลนระดับฟรีของ TunnelBear นั้นจะมีข้อมูลให้ใช้แค่ 2 GB ต่อเดือนซึ่งก็เพียงพอสำหรับใช้ดูวิดีโอสั้น ๆ ไม่กี่วิดีโอเท่านั้น การอัปเกรดไปใช้แพลนระดับพรีเมียมของ TunnelBear จะเปิดให้คุณใช้ข้อมูลได้ไม่จำกัด

อ่านรีวิวฉบับเต็มเกี่ยวกับ TunnelBear ได้ที่นี่

โบนัส. Private Internet Access — VPN ราคาไม่แพงที่มีความเร็วสูง

โบนัส. Private Internet Access — VPN ราคาไม่แพงที่มีความเร็วสูง

Private Internet Access นั้นเป็นหนึ่งใน VPN ที่มีราคาถูกที่สุด เริ่มต้นเพียง US$2.03 / เดือน ถึงแม้ว่ามันจะไม่มีแพลนระดับฟรี แต่ PIA นั้นก็มีการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วันสำหรับทุกแพลน ดังนั้นคุณสามารถทดลองใช้มันได้อย่างไม่มีความเสี่ยง

นอกจากนี้บริการยังไม่จำกัดข้อมูลการใช้งาน PIA มีเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ที่ยอดเยี่ยมในกว่า 91 ประเทศ บริการไม่จำกัด จำนวนอุปกรณ์ ดังนั้นทุกคนในครอบครัวของคุณจะได้รับการปกป้อง ช่วยให้ทุกคนสามารถใช้งาน สตรีมมิ่ง ทอร์เรนต์และเล่นเกมได้อย่างปลอดภัย

สิ่งที่เราชอบเกี่ยวกับ PIA ก็คือมันมีความเร็วสูงมาก ถึงจะยังไม่เร็วเท่ากับ ExpressVPN ก็ตาม ในการทดสอบของเรา เว็บไซต์และวิดีโอทั้งหมดโหลดเสร็จในทันที และวิดีโอความชัดระดับ 4K นั้นก็ใช้เวลาโหลดเพียงแค่ 1–2 วินาที ซึ่งก็ถือว่าเร็วมาก ๆ

PIA นั้นเป็นหนึ่งใน VPN ที่เราชื่นชอบเพราะว่ามันมีความปลอดภัยสูง มันมีฟีเจอร์ความปลอดภัยขั้นสูงอย่างเช่นเซิร์ฟเวอร์แบบ RAM-only ,perfect forward secrecy และการป้องกันการรั่วไหลเต็มรูปแบบ

โบนัส. Private Internet Access — VPN ราคาไม่แพงที่มีความเร็วสูง

อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์ที่ดีที่สุดของมันนั้นคือตัวบล็อกโฆษณาที่ชื่อว่า PIA MACE ซึ่งจะบล็อกโฆษณา ตัวติดตาม และเว็บไซต์ที่มุ่งร้าย ตอนที่เราทดลองใช้ดูนั้น มันก็สามารถบล็อกโฆษณาทั้งหมดบนเว็บไซต์ที่เต็มไปด้วยโฆษณาได้ และมันก็หยุดไม่ให้เราเข้าเว็บไซต์ที่ดูไม่น่าเชื่อถือได้ในทุก ๆ ครั้ง

มันจะรองรับการสตรีมมิ่งและการโหลด torrent ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย มันสามารถใช้งานได้กับเว็บไซต์สตรีมมิ่งชั้นนำอย่าง Netflix, Hulu และ Amazon Prime นอกจากนี้ มันยังเปิดให้คุณโหลด torrent ได้บนทุกเซิร์ฟเวอร์อีกด้วย เราได้ดาวน์โหลดไฟล์ P2P มามากมายผ่าน PIA ด้วยการใช้ไคลเอนต์ torrent ต่าง ๆ เช่น BitTorrent กับ Vuze และเราก็ไม่เจอปัญหาใด ๆ เลย

มันมีฟีเจอร์ split-tunneling ที่ใช้งานได้ดีมากด้วย ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถ split-tunnel แอปและที่อยู่ IP ได้ นอกจากนี้มันยังสามารถปรับแต่งได้เป็นอย่างดี — ยกตัวอย่างเช่น คุณสามารถเลือกใช้งานระหว่างการเข้ารหัส 128-bit (เร็วกว่าแต่ปลอดภัยน้อยกว่า) กับ 256-bit ซึ่งจะช้ากว่าแต่ปลอดภัยมากกว่า ยิ่งไปกว่านั้น UI ของมันสามารถแสดงค่าเป็นภาษาไทยได้สำหรับอุปกรณ์ส่วนใหญ่

สรุป:

Private Internet Access นั้นเป็นหนึ่งใน VPN ที่มีราคาถูกที่สุดที่คุณจะหาได้ ซึ่งมาพร้อมกับฟีเจอร์ความปลอดภัยชั้นหนึ่ง ประกอบไปด้วยตัวบล็อกโฆษณา ตัวติดตาม มัลแวร์ และความสามารถการรองรับสตรีมมิ่งและ P2P ได้เป็นอย่างดี มันไม่มีแพลนระดับฟรี แต่แพลนทั้งหมดของมันนั้นมีการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน

อ่านรีวิวฉบับเต็มเกี่ยวกับ Private Internet Access ได้ที่นี่

การเปรียบเทียบระหว่าง VPN ฟรี ที่ดีที่สุดในปี 2024

VPN ราคาเริ่มต้น ข้อมูลจำกัด จำนวนประเทศ การเชื่อมต่อพร้อมกัน รองรับการสตรีมมิ่ง การรองรับการโหลดบิท (จำนวนประเทศ) การรับประกันคืนเงิน
1.🥇ExpressVPN US$6.67 / เดือน ไม่จำกัด 100+ 8 100+ (รวมถึงประเทศไทย) 30 วัน
2.🥈CyberGhost VPN US$2.03 / เดือน ไม่จำกัด 100+ 7 70+ (รวมถึงประเทศไทย) 45 วัน(บริการระยะยาว)

14 วัน(บริการรายเดือน)

3.🥉Proton VPN US$4.99 / เดือน ไม่จำกัด 5 1 30 วัน
4. hide.me US$2.22 / เดือน 10 GB/เดือน 5+ 1 5+ 30 วัน
5. Hotspot Shield US$2.99 / เดือน ไม่จำกัด 3 1 45 วัน
6. Windscribe US$5.75 / เดือน 10 GB/เดือน 10+ ไม่จำกัด 10+ 3 วัน
7. Tunnelbear US$3.33 / เดือน 2 GB/เดือน 45+ ไม่จำกัด 45+
โบนัส. Private Internet Access US$2.03 / เดือน ไม่จำกัด 90+ ไม่จำกัด 80+ 30 วัน

วิธีการเลือก VPN ฟรี ที่ดีที่สุดในปี 2024

  • เลือก VPN ที่มีแพลนระดับฟรีคุณภาพดี แพลนระดับฟรีของ VPN ส่วนใหญ่นั้นจะมีข้อจำกัดเยอะมาก — เพื่อที่จะใช้งานได้อย่างมีความสุข คุณควรจะเลือก VPN ฟรี ที่มีข้อมูลให้ใช้งานได้อย่างเหมาะสม (Proton VPN มีข้อมูลให้ใช้ได้ไม่จำกัด) และต้องไม่สแปมคุณด้วยโฆษณา เปิดให้คุณสามารถเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ได้หลายแห่ง หรือต้องมีการรองรับ P2P หรือสตรีมมิ่ง
  • มองหา VPN ที่มีความปลอดภัยสูง VPN ทั้งหมดในรายการนี้นั้นมาพร้อมกับฟีเจอร์ความปลอดภัยระดับมาตรฐาน เช่นการเข้ารหัส 256-bit AES (หนึ่งในการเข้ารหัสที่แน่นหนาที่สุดในโลกซึ่งธนาคารก็เลือกใช้แบบเดียวกันนี้), kill switch ที่จะตัดการเชื่อมต่อินเทอร์เน็ตหากการเชื่อมต่อ VPN ของคุณถูกตัดไป, นโยบายการไม่บันทึกข้อมูลที่จะป้องกันไม่ให้ VPN เก็บข้อมูลของคุณ หรือการป้องกันการรั่วไหลของ IPv6, DNS หรือ WebRTC
  • เลือก VPN ที่มีความเร็วสูง VPN ทุกตัวนั้นต่างก็จะทำให้ความเร็วอินเทอร์เน็ตของคุณตกลงเพราะกระบวนการเข้ารหัส VPN ฟรี นั้นมักจะมีความเร็วที่ต่ำกว่า VPN พรีเมียม เนื่องจากมันจะเปิดให้ใช้งานเซิร์ฟเวอร์ได้น้อยกว่า ซึ่งทำให้คนแย่งกันใช้จนการเชื่อมต่อนั้นมีความเร็วที่ตกลง แต่ตัวเลือก VPN ทั้งหมดในรายการนี้นั้นต่างก็มีความเร็วที่ดีใช้ได้ (ExpressVPN นั้นเร็วที่สุด)
  • เลือกผู้ให้บริการที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้งาน VPN ฟรี หลายรายนั้นมีแอปที่เต็มไปด้วยบัคและก็ใช้งานยาก แต่ VPN ทุกตัวในรายการนี้นั้นมีแอปที่ใช้งานและติดตั้งง่ายสำหรับทุกระบบปฏิบัติการสำคัญ
  • เลือกผู้ให้บริการที่คิดเงินในราคาไม่แพงและก็มีความคุ้มค่าดี แพลนแบบจ่ายเงินของ VPN นั้นควรจะมีราคาไม่แพงและก็เปิดให้เข้าถึงฟีเจอร์ได้มากยิ่งขึ้น อย่างเช่นเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่ การรองรับการสตรีมมิ่งและ P2P ได้ดี และการเชื่อมต่อหลายอุปกรณ์ และถ้ามีการรับประกันคืนเงินสำหรับทุกคำสั่งซื้อก็จะยิ่งดีขึ้นไปอีก

ความเสี่ยงและข้อเสียของการใช้ VPN ฟรี

  • ความปลอดภัยที่ไม่แน่นหนา — VPN ฟรี ส่วนใหญ่นั้นจะขาดฟีเจอร์ความปลอดภัยสำคัญซึ่งก็ทำให้ผิดวัตถุประสงค์ของการใช้ VPN ยกตัวอย่างเช่นการที่ไม่มีการเข้ารหัสอย่างแน่นหนา การที่บุคคลที่สามสามารถติดตามพฤติกรรมการใช้งานของคุณได้ และก็ไม่มี kill switch ทำให้ข้อมูลของคุณอาจรั่วไหลไปสู่อินเทอร์เน็ตถ้าการเชื่อมต่อของ VPN เกิดล้มเหลวขึ้นมา วิธีที่ดีที่สุดที่จะปกป้องตัวคุณเองอย่างเต็มรูปแบบก็คือการใช้ VPN ที่มีความน่าเชื่อถืออย่างที่ถูกเลือกมาในรายการนี้
  • ความเร็วต่ำ — VPN ฟรี ส่วนใหญ่นั้นจะเปิดให้คุณเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ได้แค่ไม่กี่เซิร์ฟเวอร์ ทำให้เกิดการแย่งกันใช้และท้ายที่สุดก็ทำให้ความเร็วตก อย่างไรก็ตาม VPN ทั้งหมดในรายการนี้นั้นสามารถรักษาความเร็วได้ดี
  • เซิร์ฟเวอร์ถูกขึ้นบัญชีดำ — เซิร์ฟเวอร์ที่มีให้ใช้งานบน VPN ฟรี นั้นมักจะไม่ได้เปลี่ยนที่อยู่ IP เป็นประจำ นี่หมายความว่าที่อยู่ IP ส่วนใหญ่นี้ก็จะถูกบล็อกหรือถูกขึ้นบัญชีดำ ทำให้คุณไม่สามารถเข้าถึงบางเว็บไซต์ได้
  • รองรับการสตรีมมิ่งได้ไม่ค่อยดี — VPN ฟรี ส่วนใหญ่นั้นจะไม่รองรับการสตรีมมิ่ง และ VPN ฟรี ที่รองรับเว็บไซต์สตรีมมิ่งนั้นก็มักจะมีการจำกัดเรื่องของข้อมูลรายวันหรือรายเดือน ดังนั้นคุณก็คงจะดูหนังหรือทีวีได้เป็นเวลาไม่นานก่อนที่ข้อมูลจะหมด หากคุณต้องการสตรีมดูเนื้อหาเยอะ ๆ เราแนะนำให้คุณเลือกซื้อ VPN พรีเมียม
  • นำข้อมูลของคุณไปขาย — มี VPN ฟรี บางรายที่บันทึกข้อมูลเว็บไซต์ที่คุณเข้าเยี่ยมชม และก็นำข้อมูลนี้ไปขายให้กับเว็บไซต์อื่น เว็บไซต์เหล่านั้นก็จะนำข้อมูลไปทำโฆษณาแบบระบุเป้าหมายกับคุณ เพื่อเป็นการปกป้องความเป็นส่วนตัว คุณควรจะเลือกใช้ VPN ที่มีนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลที่ผ่านการตรวจสอบแล้ว (ExpressVPN และ CyberGhost VPN นั้นต่างก็มีนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลที่ผ่านการตรวจสอบอย่างอิสระแล้ว)
  • ข้อมูลจำกัด — VPN ฟรี ส่วนใหญ่นั้นมักจะมีข้อจำกัดด้านข้อมูลที่คุณสามารถใช้งานได้ในแต่ละวันหรือแต่ละเดือน ดังนั้นคุณก็จะสามารถใช้ VPN ฟรี ท่องเว็บ สตรีมมิ่งในความชัดระดับ SD หรือ HD ได้แค่ไม่กี่ชั่วโมง หรืออาจจะได้แค่ดาวน์โหลดไฟล์ขนาดเล็ก ๆ Proton VPN และ Hotspot Shield นั้นเป็น VPN ฟรี น้อยรายที่เปิดให้ใช้งานข้อมูลได้ไม่จำกัด
  • โฆษณา — VPN บางรายนั้นมีโฆษณาไม่ก็จะมีเนื้อหาที่ได้รับสปอนเซอร์มาภายในแอป หรืออาจจะถูกแสดงตอนที่คุณกำลังท่องเว็บ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่ารำคาญ ยิ่งไปกว่านั้น โฆษณานั้นอาจจะใช้งานแบนด์วิดท์ด้วย ซึ่งก็จะทำให้การเชื่อมต่อของคุณช้าลง
  • อาจมีมัลแวร์ — มี VPN ฟรี บางรายที่แอบใส่มัลแวร์ แอดแวร์ หรือภัยอันตรายอื่น ๆ มา ซึ่งอาจสร้างความเสียหายให้กับอุปกรณ์และข้อมูลส่วนตัวของคุณ แต่ VPN ทั้งหมดในรายการนี้นั้นสามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัย
  • ปัญหาด้านการใช้งานกับอุปกรณ์ — VPN ฟรี บางรายนั้นไม่มีแอปสำหรับบางแพลตฟอร์ม (เช่นอุปกรณ์เคลื่อนที่) ยิ่งไปกว่านั้น VPN ฟรี บางรายนั้นยังมีแอปที่ใช้งานยากอีกด้วย โชคยังดี ทุก VPN ฟรี ที่เราแนะนำนั้นมีแอปที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้งานสำหรับแพลตฟอร์มสำคัญทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น iOS, Android, Windows หรือ macOS
  • บริการลูกค้าที่ไม่มีคุณภาพ — ผู้ให้บริการ VPN ฟรี นั้นไม่สามารถจัดหาฝ่ายให้บริการลูกค้าในระดับเดียวกับ VPN แบบจ่ายเงินได้ นี่หมายความว่าคุณจะต้องเจอกับการตอบสนองที่ล่าช้า และก็การขาดทรัพยากรสนับสนุน ถ้าหากว่าคุณเผชิญปัญหากับการใช้งานแอป VPN

VPN ฟรี vs. VPN จ่ายเงิน

VPN ฟรี ที่อยู่ในรายการนี้จะมีฟีเจอร์ความปลอดภัยที่แข็งแกร่งเพื่อช่วยปกป้องความปลอดภัยและความเป็นส่วนของคุณ มันต่างก็มีการป้องกันระดับมาตรฐานอุตสาหกรรม ประกอบไปด้วยการเข้ารหัส 256-bit AES, kill switch และนโยบายการไม่บันทึกข้อมูล นอกจากนี้ VPN บางตัวยังมีเครื่องมือขั้นสูงอย่างเช่นการป้องกันการรั่วไหล, เซิร์ฟเวอร์แบบ RAM-only, perfect forward secrecy และการเข้ารหัสดิสก์อย่างเต็มรูปแบบเพื่อช่วยเพิ่มความปลอดภัยขึ้นไปอีกขั้น

VPN ฟรี ส่วนใหญ่นั้นจะขาดฟีเจอร์ที่ VPN พรีเมียมมี ซึ่งก็หมายความว่ามันมักจะมีจำนวนเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ที่จำกัด มีการจำกัดการใช้ข้อมูล และก็สามารถเชื่อมต่อได้น้อยกว่า แถมมันยังทำการควบคุมความเร็วของคุณและก็ไม่รองรับการสตรีมมิ่งและ P2P อีกด้วย

นี่เป็นตัวอย่าง — แพลนระดับฟรีของ hide.me เปิดให้โหลด torrent ได้ และก็มีความเร็วดี แต่มันจะจำกัดให้คุณใช้ได้แค่เซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใน 5+ ประเทศ และก็ใช้ได้แค่ 1 การเชื่อมต่อ โดยมีข้อมูลให้แค่ 10 GB ต่อเดือน ในขณะที่ แพลนระดับฟรีของ Proton VPN จะเปิดให้ใช้งานข้อมูลได้ไม่จำกัด มีความเร็วดี แต่มันจะไม่รองรับการสตรีมมิ่งและ P2P และมันก็จะจำกัดให้คุณใช้ได้แค่เซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใน 3 ประเทศ โดยใช้ได้แค่ 1 การเชื่อมต่อ

เมื่อเทียบกับการอัปเกรดไปใช้ VPN แบบจ่ายเงินระดับชั้นนำแล้ว คุณจะได้รับประสบการณ์ที่ดีกว่ามาก — ข้อมูลที่ไม่จำกัด เครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่ การเชื่อมต่อพร้อมกันหลายอุปกรณ์ ความเร็วที่สูงมาก ฟีเจอร์เสริมอื่น ๆ อย่างเช่น split tunneling และตัวบล็อกโฆษณา และก็สามารถรองรับการสตรีมมิ่งและการโหลด torrent ได้อย่างเต็มรูปแบบ แถม VPN ส่วนใหญ่นั้นยังมีราคาที่แข่งขันได้ และก็รับประกันทุกคำสั่งซื้อด้วยการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน ดังนั้นคุณจึงสามารถทดลองผลิตภัณฑ์ได้อย่างไม่มีความเสี่ยง

โดยรวมแล้ว VPN ฟรี ดี ๆ นั้นก็มีให้เลือกใช้อยู่ แต่ว่ามันก็ยังถูกจำกัดเยอะอยู่ดี — VPN แบบจ่ายเงินนั้นจะใช้งานได้ดีกว่าเยอะ

ฟีเจอร์ VPN ฟรี VPN จ่ายเงิน
ความเป็นส่วนตัว
(VPN ฟรีส่วนใหญ่นั้นจะเก็บข้อมูลของคุณไปแบ่งปันให้กับบุคคลที่สาม)
ความเร็วสูง
(มี VPN ฟรี น้อยรายมากที่จะมีความเร็วสูง)
เข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ได้ทั้งหมด
ข้อมูลไม่จำกัด
ฝ่ายให้บริการลูกค้า 24/7
รองรับการสตรีมมิ่ง
(มี VPN ฟรี บางรายเท่านั้นที่รองรับการสตรีมมิ่ง แต่มันไม่ค่อยสามารถใช้กับเว็บระดับชั้นนำได้)
รองรับ P2P
เชื่อมต่อพร้อมกันหลายอุปกรณ์
(VPN ฟรีส่วนใหญ่จะจำกัดให้คุณเชื่อมต่อได้แค่ 1 อุปกรณ์)
ตัวเลือกโปรโตคอลที่หลากหลาย
(VPN ฟรีบางรายนั้นจะเปิดให้เข้าถึงโปรโตคอลทั้งหมดได้เฉพาะในแพลนแบบจ่ายเงินเท่านั้น)
Double VPN (ถ้ามี)
ตัวบล็อกโฆษณา ตัวติดตาม และมัลแวร์ (ถ้ามี)
(มี VPN ฟรีน้อยรายที่จะเปิดให้คุณเข้าถึงตัวบล็อกโฆษณาได้ และมันก็มักจะเป็นเวอร์ชันที่ถูกจำกัดด้วย)

VPN ฟรี หาเงินมาจากไหน?

  • การโฆษณา หนึ่งในวิธีที่พบเห็นได้บ่อยมากที่สุดสำหรับการสร้างผลตอบแทนของ VPN ฟรี ก็คือการแสดงโฆษณาให้ผู้ใช้งานดู ดังนั้นก็เป็นเรื่องไม่แปลกเลยถ้าคุณพบเจอโฆษณาทั้งแบบแบนเนอร์ ป๊อปอัพ หรือเนื้อหาสปอนเซอร์ใน VPN ฟรีบางราย ผู้โฆษณานั้นจะจ่ายเงินให้กับผู้ให้บริการ VPN ขึ้นกับจำนวนครั้งที่แสดง จำนวนคลิก หรือวิธีการประเมินประสิทธิภาพโฆษณาแบบอื่น ๆ
  • แพลนระดับพรีเมียม VPN บางรายนั้นจะจัดให้มีเวอร์ชันฟรีซึ่งจะถูกจำกัดแบนด์วิดท์ ฟีเจอร์ และตัวเลือกของเซิร์ฟเวอร์ — ทั้งนี้ส่วนใหญ่ก็เพื่อให้คุณได้ทดลองใช้ VPN ก่อนที่คุณจะสั่งซื้อหรือสมัครสมาชิก ผู้ให้บริการ VPN เหล่านี้นั้นจะมีผู้ใช้งานที่จ่ายเงิน และพวกเขาก็จะมีรายได้มากพอที่จะรองรับการให้บริการ VPN แบบฟรีควบคู่ไปด้วยได้ (แต่ก็มักจะมีข้อจำกัด)
  • นำข้อมูลผู้ใช้งานไปขาย น่าเสียดายที่ VPN ฟรี ส่วนใหญ่นั้นจะมีการเก็บข้อมูลของผู้ใช้งานไปขาย (เช่นข้อมูลประชากรหรือประวัติการท่องเว็บ) ให้กับผู้โฆษณาบุคคลที่สาม นายหน้าค้าข้อมูล หรือบุคคลอื่น ๆ ที่สนใจซื้อ เพราะแบบนี้เราถึงมักจะแนะนำให้ผู้อ่านหันไปเลือกใช้ VPN พรีเมียมราคาไม่แพงอย่าง ExpressVPN มากกว่า แต่ VPN ทั้งหมดในรายการของเรา นั้นก็มาพร้อมกับนโยบายการไม่บันทึกข้อมูล ดังนั้นมันจะไม่เก็บข้อมูลของคุณและก็จะไม่มีอะไรไปขาย

VPN ฟรี นั้นเหมาะกับใคร?

VPN ฟรี นั้นเหมาะกับการใช้งานอย่างมีความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยขั้นพื้นฐานโดยไม่ต้องเสียเงิน มันจะเหมาะที่สุดถ้าคุณเป็นหนึ่งในผู้ใช้งานต่อไปนี้:

  • ผู้ใช้งานที่เป็นห่วงเรื่องงบประมาณ: หากคุณต้องการเพิ่มความเป็นส่วนตัวบนโลกออนไลน์ แต่คุณไม่ต้องการจ่ายเงินเพิ่ม การเลือก VPN ฟรี ที่มีคุณภาพนั้นก็เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคุณ มันจะมีการปกป้องขั้นพื้นฐานให้คุณ เช่นการปิดบังที่อยู่ IP จริง และการเข้ารหัสเว็บทราฟฟิคของคุณ
  • ผู้ใช้งาน VPN แบบครั้งคราว: ถ้าคุณใช้ VPN แค่แบบนาน ๆ ครั้ง อย่างเช่นการเข้าถึงเครือข่าย Wi-Fi สาธารณะ การเลือกใช้ VPN ฟรี คุณภาพดีก็เพียงพอสำหรับคุณแล้ว ด้วยวิธีนี้ คุณจะสามารถปกป้องข้อมูลของคุณให้ปลอดภัยได้ ไม่ว่าคุณจะเชื่อมต่อที่ไหนก็ตาม อย่างเช่นสนามบิน ร้านกาแฟ หรือโรงยิม
  • ผู้ใช้งาน VPN ใหม่: หากคุณยังไม่เคยใช้ VPN มาก่อนเลย VPN ฟรี ก็เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการทดลองใช้งานอย่างไม่มีเงื่อนไขผูกมัด อย่างไรก็ตาม โปรดทราบว่า VPN ฟรี นั้นมีข้อจำกัด อย่างเช่นความเร็วที่ต่ำกว่า และก็ตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ที่น้อยกว่า และหลายรายก็จะไม่รองรับการสตรีมมิ่งและการโหลดบิท นอกจากนี้ส่วนใหญ่ยังมีการจำกัดการใช้ข้อมูลรายวันและรายสัปดาห์อีกด้วย

โดยรวมแล้วก็ยังมีเหตุผลดี ๆ ให้คุณเลือกใช้ VPN ฟรี อยู่แต่คุณควรจะเลือกใช้อย่างระมัดระวัง VPN ฟรี นั้นมักจะมีข้อจำกัดและก็มักจะขาดฟีเจอร์ความปลอดภัยที่จำเป็น ไม่ก็มีการนำข้อมูลของคุณไปขายให้กับบุคคลที่สาม หากคุณกำลังคิดจะเลือกใช้ VPN ฟรี ก็อย่าลืมตรวจสอบข้อมูลให้ได้และเลือกใช้จากผู้ให้บริการที่น่าเชื่อถือ

วิธีการรับบริการ VPN พรีเมียมฟรี

จริง ๆ แล้วคุณสามารถทดลองใช้ VPN ระดับชั้นนำ “แบบฟรี” ได้ เนื่องจากส่วนใหญ่มันจะมีข้อเสนอคืนเงิน ยกตัวอย่างเช่น ExpressVPN นั้นจะมีการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วันสำหรับทุกแพลน ในขณะที่ CyberGhost VPN จะมีการรับประกันคืนเงินภายใน 45 วันสำหรับแพลนระยะยาว (และ 14 วันสำหรับแพลนระยะสั้นที่สุด) หากคุณไม่พอใจในการให้บริการของ VPN ภายในระยะเวลาคืนเงิน คุณก็สามารถขอคืนเงินได้อย่างไม่มีความเสี่ยง

VPN ระดับชั้นนำบางรายนั้นมีเปิดให้ทดลองใช้ได้ฟรี ทำให้คุณสามารถทดลองใช้บริการของพวกเขาได้ อย่างไรก็ตาม โปรดทราบว่าการทดลองใช้ฟรีเหล่านี้นั้นมักจะมีข้อจำกัด หรือก็คือคุณจะไม่สามารถเข้าถึงฟีเจอร์ทั้งหมดได้ อันที่จริง CyberGhost VPN นั้นเป็นหนึ่งใน VPN น้อยรายที่เปิดให้คุณทดลองใช้งานฟรีและเข้าถึงฟีเจอร์ทั้งหมดได้เป็นเวลา 24 ชั่วโมงสำหรับ macOS และ Windows แถมมันยังไม่ขอข้อมูลบัตรเครดิตของคุณด้วย

VPN พรีเมียมบางรายนั้นจะมีแพลนฟรีอย่างเต็มรูปแบบด้วย แต่มันจะมีข้อจำกัดในด้านต่าง ๆ ยกตัวอย่างเช่น แพลนระดับฟรีของ Proton VPN นั้นจะมีแบนด์วิดท์ให้ใช้งานได้ไม่จำกัด แต่คุณจะเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ได้แค่ใน 5 ประเทศเท่านั้น TunnelBear จะเปิดให้คุณเชื่อมต่อไปได้ทุกเซิร์ฟเวอร์ แต่มันจะจำกัดให้คุณใช้ข้อมูลได้แค่เดือนละ 2 GB

VPN ฟรีที่ควรหลีกเลี่ยง

  • Hola VPN Hola VPN นั้นเป็น P2P VPN ซึ่งหมายความว่ามันจะนำที่อยู่ IP ของคุณไปจัดสรรให้คนอื่นใช้ และก็จะนำที่อยู่ IP ของคนอื่นมาจัดสรรให้คุณใช้ นี่เป็นเรื่องที่อันตรายมาก ๆ เพราะอาจมีคนนำมันไปใช้ก่ออาชญากรรมได้ และมันก็ยังมีการบันทึกข้อมูลผู้ใช้งาน ไม่ได้ทำการเข้ารหัสทราฟฟิคของคุณ แถมยังเคยมีประวัติการรั่วไหลของที่อยู่ IP ผู้ใช้งานมาแล้วด้วย
  • SuperVPN SuperVPN นั้นเป็น VPN ที่อันตรายซึ่งมีการบันทึกข้อมูลของคุณเอาไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่ IP ระบบปฏิบัติการ หรือเบราว์เซอร์ก็ตาม มันขาดฟีเจอร์ความปลอดภัยขั้นพื้นฐาน และก็ไม่มีวิธีติดต่อฝ่ายให้บริการลูกค้าเลย ยิ่งไปกว่านั้น SuperVPN ยังเคยเกิดการรั่วไหลของข้อมูลซึ่งทำให้ข้อมูลรั่วไหลออกไปมากถึง 133 GB มาแล้ว โดยข้อมูลนี้ประกอบไปด้วยที่อยู่ IP อีเมล และตำแหน่งของผู้ใช้งาน
  • Phone Guardian Phone Guardian นั้นจริง ๆ ก็ไม่ได้ดูน่าสงสัย แต่ว่ามันทำงานไม่เหมือนกับ VPN ทั่วไป อย่างเดียวที่มันทำในฐานะ VPN ก็คือการเข้ารหัสข้อมูลของคุณ — มันไม่ได้ช่วยซ่อนที่อยู่ IP หรือตำแหน่งของคุณ และก็ยังไม่มีฟีเจอร์ความปลอดภัยอย่าง kill switch เลย และมันก็ยังขาดฟังก์ชั่นอื่น ๆ ที่ VPN ทั่วไปต้องมี
  • AceVPN AceVPN นั้นมีฟีเจอร์ที่พอใช้ได้ (เช่นการป้องกันการรั่วไหลของ DNS) แต่มันยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เราแนะนำมัน มันไม่มี kill switch ซึ่งเป็นฟีเจอร์ความปลอดภัยสำคัญ และก็มีตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์แค่ 20 แห่ง แถมยังมีเซิร์ฟเวอร์ P2P แค่ 1 แห่งเท่านั้น ปัญหาเรื่องใหญ่ที่สุดเลยก็คือมันไม่มีแอปเฉพาะสำหรับแต่ละอุปกรณ์ ดังนั้นคุณต้องทำการกำหนดและตั้งค่าเอง ซึ่งก็ไม่สะดวกเป็นอย่างมากเลย
  • TouchVPN TouchVPN นั้นมีเซิร์ฟเวอร์มากกว่า 5,550+ แห่ง ใน 80+ ประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าประทับใจมาก สิ่งที่ไม่น่าประทับใจเลยก็คือการที่มันเก็บข้อมูลที่อยู่ IP และเว็บที่คุณเข้าชม
  • Hoxx VPN HoxxVPN นั้นจะเก็บข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมบนเว็บไซต์ของคุณ อุปกรณ์ของคุณ และตำแหน่งของคุณ ยิ่งไปกว่านั้น มันยังเขียนไว้ในข้อกำหนดการใช้งานว่ามัน “อาจจะ” เก็บข้อมูลนั้นเอาไว้ถึงแม้ว่าคุณจะปิดบัญชีแล้วก็ตาม
  • TurboVPN TurboVPN นั้นบอกว่ามันไม่ได้เก็บข้อมูลใด ๆ เกี่ยวกับกิจกรรมออนไลน์ของคุณเพราะว่ามันมีนโยบายการไม่บันทึกข้อมูล แต่มันไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับการไม่เก็บข้อมูลที่อยู่ IP ของคุณเลย
  • TuxlerVPN นโยบายความเป็นส่วนตัวของ TuxlerVPN ระบุไว้ว่ามันจะบันทึกกิจกรรมบนเว็บไซต์ ข้อมูลเบราว์เซอร์ และข้อมูลติดต่อ และมันจะแบ่งปันข้อมูลนั้นให้กับบุคคลที่สามด้วยเหตุผลทางธุรกิจ
  • FinchVPN เว็บไซต์ของ FinchVPN นั้นดูน่าสงสัยมากและก็เต็มไปด้วยบัค มันไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับฟีเจอร์ของ VPN เลย และตอนที่เราคลิกอ่านนโยบายความเป็นส่วนตัว มันก็พาเรากลับไปที่โฮมเพจแทน

นอกจากนี้เรายังแอป VPN ที่น่าสงสัยต่าง ๆ อยู่ใน app store แต่พวกมันไม่มีเพจหรือข้อมูลอื่น ๆ อย่างเป็นทางการให้เข้าไปดู:

  • CrossVPN
  • AnonyTun
  • OK VPN
  • VPN Hat (หรือ Hat VPN)
  • VPNGO (or GO VPN)

แบรนด์ชั้นนำอื่น ๆ ที่ไม่ติดอันดับ:

  • PrivadoVPN แพลนระดับฟรีนั้นไม่มีโฆษณา มีนโยบายการไม่บันทึกข้อมูล มีการรองรับ P2P และสามารถเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ได้ใน 8 ประเทศ แต่มันไม่รองรับการสตรีมมิ่ง และก็เปิดให้คุณใช้งาน VPN ได้บน 1 อุปกรณ์เท่านั้น รวมถึงไม่มีฟีเจอร์ความปลอดภัยอย่างเซิร์ฟเวอร์แบบ RAM-only, perfect forward secrecy และตัวบล็อกโฆษณา
  • Atlas VPN VPN นี้มีแพลนระดับฟรีที่เปิดให้ทำการเชื่อมต่อได้ไม่จำกัดจำนวนอุปกรณ์ และก็สามารถเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ได้ 3 แห่ง แต่มันจะจำกัดข้อมูลของคุณไว้ที่ 5 GB ต่อเดือน ซึ่งก็เพียงพอสำหรับใช้ท่องเว็บและดูทีวีได้แค่ไม่กี่รายการเท่านั้น นอกจากนี้บางเซิร์ฟเวอร์ของมันนั้นก็มีความเร็วที่ต่ำ และก็มี split-tunneling ให้ใช้งานเฉพาะสำหรับ Android เท่านั้น
  • NordVPN ผู้ให้บริการรายนี้มีฟีเจอร์ความปลอดภัยดี ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันโฆษณาและมัลแวร์ เครื่องมือติดตามการรั่วไหลของข้อมูล และเซิร์ฟเวอร์ Double VPN แถมยังรองรับสตรีมมิ่งได้ดีและก็มีความเร็วสูงอีกด้วย อย่างไรก็ตามมันไม่มีแพลนระดับฟรี — แต่แพลนจ่ายเงินของมันนั้นมีราคาเริ่มต้นเพียง US$3.09 / เดือน
  • Surfshark VPN ที่เปิดให้เชื่อมต่อได้ไม่จำกัดจำนวนอุปกรณ์ สามารถใช้งานได้กับหลายบริการสตรีมมิ่ง และก็รองรับ P2P ได้เป็นอย่างดี พร้อมทั้งยังมีเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่อีกด้วย ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ตาม แต่มันไม่มีแพลนระดับฟรี — แพลนจ่ายเงินของมันนั้นมีราคาถูกมาก ๆ เริ่มต้นเพียง US$2.29 / เดือน
  • ZoogVPN VPN นี้มีแบนด์วิดท์ให้ใช้งานได้ฟรี 10 GB ต่อเดือน แต่แพลนระดับฟรีของมันไม่รองรับการสตรีมมิ่งและมันก็รองรับ P2P ได้อย่างจำกัดมาก ๆ นอกจากนี้ก็ยังไม่มีการเข้ารหัส 256-bit AES ซึ่งเป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมด้วย ฟีเจอร์ขั้นสูงอื่น ๆ อย่างเซิร์ฟเวอร์แบบ RAM-only กับ perfect forward secrecy ก็ไม่มี

คำถามพบบ่อย

VPN ฟรี ที่ดีที่สุดคือ?

Proton VPN นั้นเป็นตัวเลือก #1 สำหรับเราในแง่ของ VPN แบบที่ฟรี 100% ปี 2024 — มันเป็นหนึ่งใน VPN ฟรี น้อยรายที่เปิดให้ใช้งานแบนด์วิดท์ไม่จำกัด มีความเร็วสูง มีเซิร์ฟเวอร์อยู่ใน 5 ประเทศ และก็มีฟีเจอร์ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวที่แน่นหนา

ถึงแม้ว่า VPN ฟรี ทั้งหมดในรายการนี้จะดีไม่แพ้กัน แต่ ExpressVPN ก็ยังคงเป็น VPN ที่ดีที่สุดในภาพรวม มันไม่ฟรี แต่ว่ามันมีการรับประกันคืนเงินทุกคำสั่งซื้อเป็นเวลา 30 วัน ExpressVPN นั้นมีความปลอดภัยที่สุด มีความเร็วสูงที่สุดสำหรับการท่องเว็บ สตรีมมิ่ง โหลดบิท และเล่นเกม และก็มีแอปที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้งานสำหรับทุกแพลตฟอร์ม

VPN ฟรี นั้นปลอดภัยหรือไม่?

VPN ส่วนใหญ่นั้นไม่ปลอดภัย — VPN ฟรี บางรายจะขาดฟีเจอร์ความปลอดภัยระดับมาตรฐานอุตสาหกรรม บางรายก็จะเก็บข้อมูลของคุณ และบางรายก็ถึงขั้นมีมัลแวร์ติดมาเลยด้วย แต่ถ้ายังไงคุณก็จะใช้ VPN ฟรี เท่านั้น เราขอแนะนำให้เลือกใช้ VPN ฟรี จากรายการนี้ — hide.me, Proton VPN และ Windscribe นั้นต่างก็มาพร้อมกับฟีเจอร์ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวที่มีคุณภาพ

ถูกกฎหมายทั้ง VPN ฟรี (และVPN พรีเมียม) สำหรับประเทศส่วนใหญ่ แต่ก็มีข้อยกเว้น — บางประเทศอย่างเช่น จีน อิหร่าน อินโดนีเซีย และเกาหลีเหนือ และอื่น ๆ นั้นมีการห้ามใช้งาน VPN หากคุณถูกจับได้ว่าคุณใช้ VPN ในประเทศที่สั่งห้ามใช้งาน VPN คุณก็อาจจะถูกปรับหรือถูกจับขังคุกได้

VPN ฟรี สามารถใช้งานกับ Netflix และแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งอื่น ๆ ได้หรือไม่?

ใช้ได้ มี VPN ฟรีบางตัวที่สามารถใช้งานกับบริการสตรีมมิ่งได้ อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่แล้วจะใช้งานกับ Netflix ได้ไม่ดีนัก — ส่วนใหญ่ก็จะใช้งานไม่ได้เลย และบางตัวก็จะใช้งานกับแพลตฟอร์มได้บ้างไม่ได้บ้าง ระหว่างการทดสอบของเรานั้น Windscribe สามารถใช้งานกับ Netflix US และเว็บไซต์ชั้นนำอื่น ๆ ในพื้นที่ของเราได้ อย่างเช่น Amazon Prime US, Max และ Disney+ US ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่แพลนระดับฟรีของ Windscribe ก็จำกัดให้คุณใช้งานได้แค่ 10 GB ต่อเดือนเท่านั้น ดังนั้นคุณก็ไม่สามารถดูรายการบน Netflix อย่างต่อเนื่องได้

มันจะดีกว่าถ้าคุณเลือกใช้ VPN แบบจ่ายเงินอย่าง ExpressVPN — มันสามารถใช้งานกับบริการสตรีมมิ่งได้ถึง 100+ บริการ ซึ่งก็รวมถึง Netflix ด้วยและมันก็จะไม่จำกัดข้อมูลของคุณเลย

มี VPN ฟรี แบบ 100% บ้างหรือไม่?

มีและคุณภาพก็ดีด้วย ยกตัวอย่างเช่นแพลนระดับฟรีของ Proton VPN นั้นเปิดให้คุณใช้ข้อมูลได้ไม่จำกัด มีความเร็วสูง และก็มีความปลอดภัยมาก ๆ นอกจากนี้แพลนระดับฟรีของ hide.me ก็ยังเปิดให้คุณสามารถโหลดบิทได้ และมีความปลอดภัยกับความเป็นส่วนตัวที่แข็งแกร่ง แถมให้คุณเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ได้ถึง 5+ ประเทศ

แต่ไม่ว่า VPN ฟรี จะดีแค่ไหน มันก็ยังคงมีข้อจำกัด — แพลนระดับฟรีของ Proton VPN นั้นไม่รองรับการสตรีมมิ่งและ P2P และมันก็เปิดให้คุณเชื่อมต่อไปได้แค่ 5 ประเทศ และก็จำกัดให้ใช้งานได้แค่ 1 อุปกรณ์ ในขณะที่แพลนระดับฟรีของ hide.me นั้นจะจำกัดให้คุณใช้งานได้แค่เดือนละ 10 GB และก็ใช้ได้แค่ 1 อุปกรณ์ และไม่รองรับการสตรีมมิ่งอีกด้วย

โดยรวมแล้ว คุณจะมีความสุขกว่าเยอะถ้าคุณเลือกใช้งาน VPN แบบจ่ายเงินระดับพรีเมียมอย่าง ExpressVPN — มันมีข้อมูลให้คุณใช้งานได้ไม่จำกัด รักษาความเร็วสูงที่สุด ใช้งานได้กับบริการสตรีมมิ่งกว่า 100+ บริการ มีเซิร์ฟเวอร์ใน 100+ ประเทศ และก็รองรับทราฟฟิค P2P บนทุกเซิร์ฟเวอร์

ฉันสามารถติดตั้งใช้งาน VPN ฟรี บนอุปกรณ์ใดได้บ้าง?

VPN ฟรี ส่วนใหญ่นั้นจะสามารถใช้งานได้บนทุกอุปกรณ์ยอดนิยม VPN ทั้งหมดในรายการนี้ มีแอปที่สามารถใช้งานได้ง่ายสำหรับ Android, iOS, Windows และ macOS มีน้อยรายที่สามารถใช้งานกับ Linux และสมาร์ททีวีได้

VPN รายไหนที่เหมาะที่สุดสำหรับใช้โหลดบิท?

hide.me เป็น VPN ที่เราชื่นชอบสำหรับใช้โหลดบิท — มันเป็นหนึ่งใน VPN ฟรี น้อยรายที่สามารถใช้โหลดบิทได้ สามารถรักษาความเร็วได้ดี และก็สามารถใช้งานกับแอปโหลดบิทยอดนิยมส่วนใหญ่อย่าง BitTorrent, uTorrent, Vuze และอื่น ๆ ได้

ถึงจะเป็นเช่นนั้นแต่แพลนระดับฟรีของ hide.me นั้นก็จะจำกัดให้คุณเข้าถึงข้อมูลได้แค่ 10 GB ต่อเดือน ดังนั้นคุณจะสามารถดาวน์โหลดไฟล์ได้แค่ไม่กี่ไฟล์เท่านั้น การอัปเกรดไปใช้แพลนจ่ายเงินจะทำให้คุณใช้งานข้อมูลได้ไม่จำกัด สามารถเข้าถึง 2,300+ เซิร์ฟเวอร์ใน 50+ ประเทศ และใช้งานพร้อมกันได้ถึง 10 การเชื่อมต่อ

แต่ ExpressVPN ก็ยังคงเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งสำหรับใช้โหลดบิทของเรา เนื่องจากมันมีฟีเจอร์ความปลอดภัยระดับชั้นนำ มีความเร็วสูงที่สุด มีเซิร์ฟเวอร์อยู่ใน 100+ ประเทศ ซึ่งรองรับทราฟฟิค P2P ทั้งหมด และก็มี port forwarding (คือทำให้คุณเชื่อมต่อหา peers ได้มากขึ้นเพื่อให้ดาวน์โหลดได้เร็วขึ้น)

VPN ฟรี รายไหนเร็วที่สุด?

Proton VPN เป็น VPN ฟรี ที่เร็วที่สุดในรายการนี้ — จากการทดสอบของเรานั้น เว็บไซต์โหลดเสร็จใน 2–3 วินาที วิดีโอความชัดระดับ HD โหลดเสร็จใน 3 วินาที และไฟล์ขนาด 2.2 GB ก็ใช้เวลาโหลดเพียง 7 นาทีเท่านั้น แต่แพลนระดับฟรีของ ProtonVPN นั้นมีข้อจำกัดอย่างเห็นได้ชัด – มันเปิดให้คุณเชื่อมต่อได้แค่ 1 อุปกรณ์ และก็ไม่รองรับการสตรีมมิ่ง แถมยังจำกัดให้คุณใช้งานได้แค่เซิร์ฟเวอร์ใน 3 ประเทศเท่านั้น

ดังนั้นท้ายสุดแล้วมันก็จะดีกว่าถ้าคุณเลือกใช้ VPN พรีเมียมอย่าง ExpressVPN แทน — มันเป็น VPN ที่มีความเร็วสูงที่สุด และก็ยังมาพร้อมกับข้อมูลแบบไม่จำกัด สามารถเชื่อมต่อได้ 8 อุปกรณ์ รองรับแอปสตรีมมิ่งเป็น 100+ แอป และก็มีเซิร์ฟเวอร์ใน 100+ ประเทศ

VPN ฟรีรายไหนที่เหมาะที่สุดสำหรับใช้เล่นเกม?

VPN ที่ดีที่สุดสำหรับใช้เล่นเกมก็คือ ExpressVPN มันสามารถรักษาความเร็วได้ดีที่สุด ระหว่างเล่นเกมออนไลน์จะไม่มีอาการแลคและค่าปิงต่ำ นอกจากนี้มันยังมีฟีเจอร์ความปลอดภัยดีเยี่ยม อย่างเช่นการป้องกัน DDoS และมันยังเป็น VPN น้อยรายที่มีการรองรับระบบคลาวด์ด้วย แถมคุณยังจะได้รับบริการจากแอปเราเตอร์และ smart DNS ซึ่งจะทำให้คุณสามารถเชื่อมต่อไปยัง VPN ผ่าน PlayStation และ Xbox ได้

VPN ฟรี ที่ดีที่สุดในปี 2024 — คะแนนสุดท้าย:

ตัวเลือกอันดับ
คะแนนของเรา
ข้อเสนอที่ดีที่สุด
รายการที่ถูกนำเสนอบนเว็บไซต์นี้นั้นจะมาจากบริษัทที่มีค่าตอบแทนให้กับเว็บไซต์นี้ และบางบริษัทก็จะมีบริษัทแม่ของเราเป็นเจ้าของเดียวกัน นี่จะส่งผลต่อ: อันดับและการนำเสนอ 
เรียนรู้เพิ่มเติม
เกี่ยวกับผู้เขียน
เอริค โกลด์สไตน์
เอริค โกลด์สไตน์
หัวหน้าบรรณาธิการ
อัพเดท: 10 เมษายน 2024

เกี่ยวกับผู้เขียน

เอริค โกลด์สไตน์ เป็นหัวหน้าบรรณาธิการที่ SafetyDetectives ในฐานะนักค้นคว้าด้านความปลอดภัยอินเทอร์เน็ตและนักข่าวไอที เขามีประสบการณ์ 2 ปีด้านการเขียนและจัดเรียงบทความและบล็อกโพสต์เกี่ยวกับ VPN แอนตี้ไวรัส เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน ระบบควบคุมสำหรับผู้ปกครอง และผลิตภัณฑ์กับเครื่องมือป้องกันเอกลักษณ์บุคคล นอกจากนี้่แล้ว เอริคยังเขียนและจัดเรียงข่าวที่เกี่ยวกับปัญหาทางด้านความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์ให้กับ SafetyDetectives ด้วย นอกจากนี้เขายังมีประสบการณ์ถึง 20+ ปี ในฐานะนักเขียนเกี่ยวกับกีฬาให้กับสื่อหลายสำนัก พร้อมเคยทำหน้าที่สื่อสารให้กับองค์กรระดับประเทศมาแล้ว ในยามว่างของเขานั้น เขามักจะใช้เวลาอยู่กับครอบครัว ออกกำลังกาย และดูการแข่งกีฬาของทีมที่เขาชื่นชอบ