อัพเดท: 19 พฤศจิกายน 2024
ไม่ค่อยมีเวลาใช่ไหม? นี่คือ VPN ซึ่งไม่มีความเสี่ยง ที่ดีที่สุดปี 2024:
- 🥇 ExpressVPN : มันไม่มีแพลนระดับฟรี แต่คุณจะหา VPN ที่ดีกว่านี้ไม่ได้อีกแล้วในปี 2024 แถมมันยังมีการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน ซึ่งก็หมายความว่าคุณสามารถทดลองใช้งานมันได้ตลอดทั้งเดือนอย่างไม่มีความเสี่ยง ExpressVPN นั้นมาพร้อมกับฟีเจอร์ความปลอดภัยระดับชั้นนำของโลก ความเร็วขั้นสูงสุด และบริการเสริมสุดพิเศษอย่าง split tunneling และตัวบล็อกโฆษณา รวมถึงสามารถรองรับการสตรีมมิ่งและการโหลดบิทได้ดีเยี่ยมอีกด้วย
เราไม่ค่อยชื่นชอบ VPN ฟรี สักเท่าไร เนื่องจากส่วนใหญ่แล้วมันจะมีข้อเสียที่ร้ายแรง อย่างแย่ที่สุดเลย VPN ฟรี นั้นก็จะมีความอันตราย มันอาจจะมีมัลแวร์อยู่ หรืออาจจะนำข้อมูลส่วนตัวของคุณไปขาย อย่างดีที่สุด VPN ฟรี นั้นก็จะถูกจำกัดมากเกินไป อาจจะมีข้อมูลให้ใช้งานน้อย จำกัดการเข้าถึงฟีเจอร์สำคัญ หรืออาจจะจำกัดความเร็ว
แต่ถ้าคุณต้องการ VPN ฟรี อย่างเดียวจริง ๆ เราก็คัดสรรตัวที่ดีที่สุดมาให้แล้ว เราได้ทดสอบทั้ง VPN ที่มีชื่อเสียงและ VPN ที่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก จากนั้นเราก็เลือกมาเฉพาะตัวที่ปลอดภัยและไม่สอดแนมหรือบันทึกข้อมูลการท่องเว็บของคุณ นอกจากนี้มันยังมีความเร็วที่ดีมากสำหรับทุกกิจกรรมออนไลน์ รวมถึงมีฟีเจอร์เสริม “พิเศษ” และก็เป็นมิตรต่อผู้ใช้งาน
เรายังคงอยากแนะนำให้คุณเลือกใช้ VPN พรีเมียมอยู่ดี VPN ที่ดีที่สุด (เช่น ExpressVPN ตัวเลือกอันดับหนึ่งของเรา) นั้นจะมีประโยชน์มากมาย ซึ่งรวมถึงฟีเจอร์ความปลอดภัยขั้นสูง ข้อมูลที่ไม่จำกัด การเชื่อมต่อหลายการเชื่อมต่อพร้อมกัน รองรับการสตรีมมิ่ง และอีกมากมาย ทั้งหมดนี้โดยมีค่าใช้จ่ายในราคาไม่แพงต่อเดือน หมายเหตุจากบรรณาธิการ: ExpressVPN และเว็บไซต์นี้อยู่ในกลุ่มบริษัทที่มีเจ้าของเดียวกัน
ทดลองใช้ EXPRESSVPN เลย (30 วันไม่มีความเสี่ยง)
สรุปโดยย่อเกี่ยวกับ VPN ฟรี ที่ดีที่สุดในปี 2024:
🥇1. ExpressVPN — VPN ที่ดีที่สุดโดยรวมในปี 2024
ExpressVPN นั้นไม่ฟรี แต่มันเป็น VPN ที่ดีที่สุดและก็มีการรับประกันคืนเงินสำหรับทุกคำสั่งซื้อเป็นเวลา 30 วัน — ดังนั้นคุณจะสามารถทดลองใช้งานมันได้ และก็สามารถขอคืนเงินเต็มจำนวนได้ถ้าคุณไม่พอใจในบริการ
อย่างไรก็ตาม คุณลองใช้ดูไม่นานคุณเองก็คงจะรู้แล้วว่าทำไม ExpressVPN ถึงเป็น VPN ที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรมนี้
- มันจะมีฟีเจอร์ความปลอดภัยที่ดีที่สุด
- มันเป็น VPN ที่ดีที่สุด สำหรับสตรีมมิ่ง โหลดบิท และเล่นเกม
- มันจะรักษาความเร็วได้ดีที่สุด
- มันมีแอปที่ใช้งานง่ายสำหรับทุกอุปกรณ์ออนไลน์
เมื่อพูดถึงความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวแล้ว ExpressVPN นั้นจะมีนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลที่ผ่านการตรวจสอบแล้ว (ไม่เหมือนกับ VPN ฟรี บางตัวในรายการนี้) มีตัวบล็อกโฆษณา ตัวติดตาม และเว็บไซต์อันตรายที่ดีเยี่ยม (VPN ฟรี ส่วนใหญ่นั้นมักจะไม่มีฟีเจอร์นี้ หรือไม่ก็จะจำกัดไม่ให้ใช้งานมันได้) และก็มีเครื่องมือจัดการรหัสผ่านที่มีความปลอดภัยซึ่งสามารถใช้งานได้ฟรีจากการสมัครสมาชิก (จาก VPN ฟรี ทั้งหมดในรายการนี้ จะมีเฉพาะ ProtonVPN เท่านั้น ที่จะเปิดให้คุณเข้าถึงเครื่องมือจัดการรหัสผ่านได้)
ถ้าคุณชอบสตรีมมิ่งดูหนังและรายการทีวี คุณก็จะต้องชอบ ExpressVPN อย่างแน่นอน มันสามารถใช้งานได้กับแอปสตรีมมิ่งยอดนิยมทั้งหมด ซึ่งรวมถึง Netflix, Amazon Prime, Disney+ และ Apple TV+ รวมถึงบริการสตรีมมิ่งอื่น ๆ อีกกว่า 100+ บริการ VPN ฟรี ในรายการนี้ที่รองรับการสตรีมมิ่งจะมีเฉพาะ Windscribe และ TunnelBear แต่ทั้งสองตัวนี้ต่างก็มีการจำกัดข้อมูลรายเดือน — ดังนั้นคุณจะไม่สามารถดูรายการและภาพยนตร์ที่คุณชื่นชอบติดต่อกันได้อย่างไม่จำกัด
ในการทดสอบความเร็วของเรา ExpressVPN นั้นแสดงผลลัพธ์ที่น่าประทับใจมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้โปรโตคอล Lightway ที่พัฒนาขึ้นเอง: เว็บไซต์จะโหลดเสร็จในทันที วิดีโอจะเริ่มเล่นในทันที เราสามารถโหลดไฟล์ 20 GB เสร็จภายในเวลา 13 นาที และตอนที่เล่นเกมก็ไม่มีอาการแลคเลยสักนิด VPN ฟรี ส่วนใหญ่ที่เราแนะนำนั้นจะมีความเร็วสูงบนเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้เคียง แต่แทบจะทุกตัว (ยกเว้น TunnelBear) ต่างก็จะเปิดให้คุณเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ได้แค่ไม่กี่แห่ง ดังนั้นถ้าคุณไม่ได้อยู่ใกล้ตำแหน่งเหล่านั้น ความเร็วของคุณก็จะช้ากว่ามาก
ExpressVPN นั้นยังรองรับการโหลดบิทได้ดีเยี่ยม มันเปิดให้ทำการแชร์ไฟล์แบบ P2P ได้บนทุกเซิร์ฟเวอร์ (VPN ฟรี ชั้นนำอย่าง ProtonVPN จะไม่รองรับการโหลดบิท) และมันก็มาพร้อมกับแอปเราเตอร์แบบเนทีฟ ดังนั้นอุปกรณ์ทั้งหมดที่เชื่อมต่อกับเราเตอร์ของคุณก็จะได้รับการป้องกันด้วย มันจะต่างจาก Proton VPN, Hotspot Shield และ hide.me ซึ่งต่างก็อนุญาตให้เชื่อมต่อได้แค่ 1 การเชื่อมต่อในแพลนระดับฟรี ExpressVPN เปิดให้เชื่อมต่อพร้อมกันได้ถึง 8 การเชื่อมต่อ
ExpressVPN มีแพลนทั้งแบบรายเดือนและรายปี และด้วยการใช้ข้อเสนอลดราคา 82% ของเรา คุณก็จะสามารถรับบริการได้ในราคาต่ำสุดถึง US$4.99 / เดือน (นอกจากนี้มันก็มักจะมีข้อเสนอแถมเดือนให้บริการฟรีอีกด้วย) และก็อย่าลืมว่า ExpressVPN นั้นรับประกันคืนเงินแพลนทั้งหมดเป็นเวลา 30 วัน
สรุป:
ExpressVPN นั้นมีความคุ้มค่ามากที่สุดเมื่อเทียบกับ VPN ทุกตัวที่เปิดให้บริการในปี 2024 คุณจะหา VPN ที่เร็วและปลอดภัยไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว นอกจากนี้มันยังใช้งานได้กับเว็บไซต์สตรีมมิ่งที่หลากหลาย รองรับการโหลดบิท และก็มีแอปกับฟีเจอร์ที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้งาน ถึงแม้ว่ามันจะไม่มีแพลนระดับฟรี แต่มันก็มีการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วันสำหรับทุกการสั่งซื้อ
อ่านรีวิวฉบับเต็มเกี่ยวกับ ExpressVPN ได้ที่นี่
🥈2. Proton VPN — แผนฟรีที่ยอดเยี่ยม ไม่จำกัดข้อมูล + ความเร็วสูง
แพลนระดับฟรีของ Proton VPN นั้นจะมาพร้อมกับ ข้อมูลที่ไม่จำกัดและความเร็วที่ดีมาก ๆ — แถมไม่มีโฆษณาอีกด้วย! นี่เป็นสิ่งที่น่าประทับใจมาก ๆ เพราะว่า VPN ส่วนใหญ่นั้นจะมีการจำกัดข้อมูลหรือจำกัดแบนด์วิดท์สำหรับผู้ใช้งานฟรี — Windscribe และ TunnelBear มีการจำกัดรายเดือนสำหรับแพลนระดับฟรี และ Hotspot Shield ก็บังคับให้คุณต้องดูโฆษณาที่น่ารำคาญทุก ๆ 15 นาที
เมื่อพูดถึงเรื่องความเร็วแล้ว — จากการทดสอบของเรา เว็บไซต์ส่วนใหญ่ก็โหลดเสร็จในทันที วิดีโอความชัดระดับ HD ใช้เวาล 1-2 วินาที และวิดีโอความชัดระดับ 4K ก็เริ่มเล่นหลังจากที่ผ่านไป 3-4 วินาที และก็มีการบัฟเฟอร์เพียงเล็กน้อยเท่านั้นตอนที่เริ่มวิดีโอ Proton VPN นั้นมีฟีเจอร์เพิ่มความให้ใช้ด้วยชื่อว่า VPN Accelerator แต่คุณจะสามารถเข้าถึงมันได้เฉพาะในเวอร์ชันแบบจ่ายเงิน
เราชอบมาก ๆ ที่แอปของ Proton VPN นั้นเป็นแบบโอเพนซอร์ซทั้งหมด ซึ่งหมายความว่าใครก็สามารถเข้าไปตรวจสอบซอร์สโค้ดเพื่อดูช่องโหว่ด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวได้ และนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลของมันก็ผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยอย่างอิสระมาแล้ว
แพลนระดับฟรีของผู้ให้บริการนั้นมีเซิร์ฟเวอร์ให้ใช้งานได้ใน 5 ประเทศ — สหรัฐอเมริกา, เนเธอร์แลนด์, ญี่ปุ่น, โรมาเนีย และโปแลนด์ ข้อเสียเดียวก็คือคุณจะไม่สามารถเลือกตำแหน่งได้ ทาง Proton VPN จะเชื่อมต่อคุณไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่เร็วที่สุดโดยอัตโนมัติ (และถ้ามันเป็นเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ห่างไกล มันก็จะส่งผลกระทบต่อความเร็วของคุณด้วย)
Proton VPN นั้นจะมีเซิร์ฟเวอร์ฟรีเพิ่มเติมในประเทศที่มีการเซ็นเซอร์อย่างเข้มงวดเป็นเวลา 2 สัปดาห์ก่อนการเลือกตั้งและ 1 สัปดาห์หลังจากนั้น การกระทำเช่นนี้จะช่วยให้ผู้อยู่อาศัยสามารถเข้าถึงข้อมูลสำคัญได้อย่างไม่ถูกจำกัด และก็สามารถสื่อสารในช่วงเวลาดังกล่าวได้อย่างปลอดภัย นี่คือช่วงเวลาและสถานที่ที่ Proton VPN จะเปิดให้ใช้งานเซิร์ฟเวอร์ฟรีเพิ่ม:
แต่แพลนระดับฟรีของผู้ให้บริการรายนี้ก็มีข้อเสียอยู่เหมือนกัน มันไม่รองรับการโหลดบิท และมันก็จำกัดให้คุณใช้ได้แค่ 1 อุปกรณ์ (แต่คุณก็สามารถหลีกเลี่ยงเรื่องนี้ได้ที่บ้านของคุณด้วยการติดตั้ง VPN บนเราเตอร์)
ถึงแม้ Proton VPN จะบอกว่าแพลนระดับฟรีนั้นไม่รองรับการสตรีมมิ่ง แต่เราก็ยังสามารถดูเนื้อหาจากบริการสตรีมมิ่งได้อยู่ แต่ก็ไม่เสถียรซะทีเดียว — ยกตัวอย่างเช่น Netflix กับ Amazon Prime จะดูได้เป็นครั้งคราว นอกจากนี้มันยังไม่มีสิ่งเหล่านี้ให้ใช้: ตัวบล็อกโฆษณา (NetShield), split-tunneling, port forwarding, เซิร์ฟเวอร์ Secure Core ซึ่งจะเปลี่ยนเส้นทางทราฟฟิคของคุณผ่าน 2 เซิร์ฟเวอร์ แทนที่จะผ่าน 1 เซิร์ฟเวอร์ รวมถึงไม่เปิดให้เข้าถึงไลฟ์แชทด้วย
อัปเกรดไปเวอร์ชันแบบจ่ายเงิน (ที่ชื่อว่า Plus) จะเพิ่มประโยชน์อีกมากมาย อย่างเช่นเซิร์ฟเวอร์ใน 91 ประเทศ (รวมถึงประเทศไทย, รองรับ 30+ บริการสตรีมมิ่ง, เซิร์ฟเวอร์ P2P ใน 70+ ประเทศ (รวมถึงในประเทศไทย) และ 10 การเชื่อมต่อ ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่ ExpressVPN นั้นก็มอบความคุ้มค่าที่ดีกว่าในภาพรวม เนื่องจากมันมีเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ที่ใหญ่กว่า สามารถใช้งานกับบริการสตรีมมิ่งได้เยอะกว่า และก็รองรับ P2P ได้ดีกว่า แพลนแบบจ่ายเงินของ Proton VPN มีราคาเริ่มต้นที่ US$2.99 / เดือน และผู้ให้บริการก็มีการรับประกันคืนเงินตามสัดส่วนภายใน 30 วัน
สรุป:
Proton VPN เป็นบริการเดียวที่นำเสนอแผนบริการฟรีที่ให้คุณใช้งานได้โดยไม่มีการจำกัดข้อมูล ให้คุณเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ใน 5 ประเทศ (อเมริกา เนเธอร์แลนด์ ญี่ปุ่น โรมาเนียและโปแลนด์) มีฟีเจอร์ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวที่แข็งแกร่ง ความเร็วสูง แผนพรีเมียมนำเสนอเซิร์ฟเวอร์เพิ่มเติม รองรับการสตรีมและ P2P มีฟีเจอร์เพิ่มเติมอย่างการปิดกั้นโฆษณาและ Split-แผนพรีเมียมมีราคาไม่แพงและมาพร้อมกับการการันตีคืนเงินตามการใช้งานภายใน 30 วัน
อ่านรีวิวฉบับเต็มเกี่ยวกับ Proton VPN ได้ที่นี่
🥉3. hide.me — VPN ฟรี คุณภาพดีที่มีตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ฟรีให้เลือกใช้ได้มากมาย
แพลนระดับฟรีของ hide.me’s นั้นเปิดให้ใช้งานแบนด์วิดท์ได้ไม่จำกัด และก็เปิดให้คุณเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ฟรีได้ใน 8 ประเทศ — ซึ่งรวมถึงสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร เนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส แคนาดา สิงคโปร์ สเปน เยอรมนี เนื่องจากมันมีตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ฟรีเป็นจำนวนมาก มันจึงช่วยให้คุณสามารถเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้เคียงเพื่อให้ได้ความเร็วที่สูงได้ เรายังชอบมากด้วยที่ใช้แพลนระดับฟรีได้โดยไม่ต้องมีบัญชี ดังนั้นคุณจะสามารถใช้มันได้โดยไม่ต้องแบ่งปันอีเมลของคุณ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีมากสำหรับความเป็นส่วนตัว
เราได้ทำการทดสอบความเร็วบนเซิร์ฟเวอร์ใน 4 ประเทศ และเว็บไซต์ส่วนใหญ่ที่เราเข้าถึงก็มักจะโหลดเสร็จในทันที — ยิ่งไปกว่านั้น ตอนที่เราดูวิดีโอความชัดระดับ HD บน Youtube มันก็ใช้เวลา 2 วินาทีเท่านั้นก่อนที่จะโหลดเสร็จและก็ไม่มีการบัฟเฟอร์เลยระหว่างที่เรากดดูแบบข้าม ๆ แถมแพลนระดับฟรีนั้นยังมี split-tunneling ซึ่งจะทำให้คุณสามารถเพิ่มความเร็ว VPN ของคุณได้อีกด้วย
แอปของ hide.me นั้นเป็นมิตรต่อผู้ใช้งานเริ่มต้น อินเทอร์เฟซใช้งานง่าย การตั้งค่าทั้งหมดมีคำอธิบายสั้น ๆ ประกอบ (เหมาะสำหรับผู้ใช้งานใหม่) และค่าปิงก็จะถูกแสดงเอาไว้สำหรับตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ฟรีแต่ละแห่ง (เพื่อช่วยให้คุณได้รับความเร็วที่สูงที่สุด) ถึงจะเป็นเช่นนั้นแต่เราก็ต้องบอกว่าดีไซน์ของแอปดูค่อนข้างล้าสมัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับแอปของ Proton VPN
เรายังชอบมากที่ผู้ใช้งานฟรีสามารถเข้าถึงบริการไลฟ์แชท 24/7 ได้ในภาษาไทย — นี่เป็นสิ่งที่สะดวกมาก ๆ เนื่องจาก VPN ฟรี ส่วนใหญ่จะจำกัดให้คุณได้แค่อ่านคลังข้อมูลหรือติดต่อทางอีเมลเท่านั้น ตัวแทนไลฟ์แชทของผู้ให้บริการนั้นตอบเร็วมาก และก็ให้คำตอบที่มีประโยชน์
hide.me เวอร์ชันจ่ายเงินเปิดให้ใช้งานได้ 10 การเชื่อมต่อ และก็เพิ่มการรองรับการสตรีมมิ่งที่ดีเยี่ยม เนื่องจากมันใช้งานกับแพลตฟอร์มยอดนิยมอย่าง Netflix และ Amazon Prime ได้ มันยังเปิดให้เข้าถึงเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดของผู้ให้บริการ ซึ่งก็มีถึง 2,300+ เซิร์ฟเวอร์ใน 58 ประเทศ และคุณจะสามารถเข้าถึงการรองรับ P2P ที่ดีเยี่ยม รวมถึง port forwarding ซึ่งจะทำให้คุณเพิ่มความเร็วในการโหลดบิทได้ด้วยการเชื่อมต่อไปยัง peer ในจำนวนที่มากยิ่งขึ้น
hide.me นั้นมีแพลนราคาไม่แพงเริ่มต้นที่ US$2.29 / เดือน มีการรับประกันคืนเงินภายในเวลา 30 วันสำหรับทุกแพลน
สรุป:
hide.me นั้นเปิดให้คุณเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ฟรีได้ใน 8 ประเทศ นอกจากนี้ เซิร์ฟเวอร์ฟรีของมันจะจำกัดความเร็ว แต่มันก็รักษาความเร็วได้ดี ซึ่งคุณก็สามารถเพิ่มความเร็วได้อีกด้วยการใช้ split-tunneling และผู้ใช้งานฟรีนั้นจะสามารถเข้าถึงไลฟ์แชท 24/7 ได้ด้วย เวอร์ชันแบบจ่ายเงินนั้นจะเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดได้ รวมถึงได้รับการรองรับการสตรีมมิ่งและ P2P แพลนแบบจ่ายเงินนั้นมีการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
อ่านรีวิวฉบับเต็มเกี่ยวกับ hide.me ได้ที่นี่
4. Hotspot Shield — เหมาะสำหรับการใช้งานที่ปลอดภัย
แพลนระดับฟรีของ Hotspot Shield นั้นมีข้อมูลไม่จำกัด และก็เหมาะสำหรับใช้ท่องเว็บ (เนื่องจากมันจะไม่จำกัดว่าคุณจะเข้าถึงเว็บสักกี่เว็บหรือวิดีโอสักกี่วิดีโอ) นอกจากนี้ คุณยังไม่ต้องสร้างบัญชีเพื่อที่จะใช้งานมันด้วย
แพลนระดับฟรีนั้นไม่ได้ทำให้ความเร็วตกลงมากจนเกินไปตอนที่เราใช้ — โปรโตคอล Hydra ที่พัฒนาขึ้นเองนั้นจะมีความเร็วที่ดีเยี่ยม ในขณะที่รักษาความปลอดภัยได้ดีมาก ๆ จากการทดสอบของเรา เว็บไซต์ต่าง ๆ ใช้เวลา 2–3 วินาทีในการโหลด และเราก็สามารถดูวิดีโอบน Youtube ในความชัดระดับมาตรฐานได้อย่างไม่มีการบัฟเฟอร์
อย่างไรก็ตาม มันจะเก็บที่อยู่ IP ของคุณเพื่อนำไปแสดงโฆษณาถ้าคุณใช้แอปของอุปกรณ์เคลื่อนที่ โฆษณาสามารถสร้างความรำคาญใจได้เป็นอย่างสูง เนื่องจากคุณจะต้องดูโฆษณา 30 วินาที ในทุก ๆ 15 นาที เพื่อที่จะใช้ VPN ถ้านี่เป็นเรื่องใหญ่สำหรับคุณก็ขอแนะนำให้ใช้แอปเดสก์ท็อปแทน เนื่องจากมันจะไม่มีปัญหานี้ ถ้าคุณแค่ต้องการใช้ VPN ฟรี บนอุปกรณ์เคลื่อนที่ ก็ให้ลองใช้ Proton VPN หรือ hide.me แทน เนื่องจากมันแพลนระดับฟรีของมันจะไม่มีโฆษณา (และไม่บันทึก IP ของผู้ใช้งาน)
แต่แผนบริการฟรีให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ได้ใน 3 ประเทศเท่านั้น ได้แก่: อเมริกา อังกฤษและสิงคโปร์ ถึงแม้ว่าจะมีตัวเลือกเซิร์ฟเวอร์ไม่มาก แต่ผู้ใช้ในทวีปอเมริกาเหนือ ยุโรปและเอเชียก็มีเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้พวกเขาให้เชื่อมต่อ ฉันชอบ 2 ตัวเลือกเซิร์ฟเวอร์ในอเมริกาเป็นอย่างมาก (นิวยอร์คและลอสแองเจลิส) เพราะผู้ใช้ในฝั่งตะวันตกและออกมีตัวเลือกเซิร์ฟเวอร์ที่ใกล้เคียงให้ใช้งาน
น่าเสียดายที่เราไม่ค่อยประทับใจกับฝ่ายให้บริการลูกค้าของมันสักเท่าไร แพลนระดับฟรีนั้นจะไม่ได้เปิดให้คุณเข้าถึงการบริการของมนุษย์จริง ๆ ได้ คุณจะสามารถเข้าถึงได้เฉพาะฐานข้อมูลสำหรับแก้ปัญหาทางออนไลน์ ถ้าเป็น hide.me จะเปิดให้ผู้ใช้งานฟรีสามารถเข้าถึงไลฟ์แชท 24/7 ได้เลย
เราชอบที่มันมีให้ทดลองใช้ฟรี 7 วันด้วย มี VPN น้อยรายมาก ๆ ที่จะมีให้ลองแบบนี้ อย่างไรก็ตาม คุณต้องกรอกข้อมูลบัตรเครดิตของคุณ ดังนั้นถ้าคุณไม่ยกเลิกภายใน 7 วัน คุณก็จะถูกหักเงินโดยอัตโนมัติ ถึงจะเป็นเช่นนั้น คุณก็สามารถใช้ประโยชน์จากการรับประกันคืนเงินภายใน 45 วันเพื่อขอคืนเงินได้ถ้าคุณลืมยกเลิกก่อนที่จะหมดช่วงเวลาทดลองใช้ฟรี
Hotspot Shield นั้นมีแพลนสมัครสมาชิกรายเดือนและรายปีราคาเริ่มต้นที่ US$2.99 / เดือน — มันจะนำการบันทึก IP ออก และก็จะเปิดให้คุณเข้าถึง 1,800+ เซิร์ฟเวอร์ ใน 80+ ประเทศ (รวมถึงประเทศไทย) เพิ่มการรองรับการสตรีมมิ่งและก็ยังมีการรับประกันคืนเงินภายใน 45 วันอีกด้วย
สรุป:
แพลนระดับฟรีของ Hotspot Shield นั้นเหมาะมากสำหรับใช้ท่องเว็บ เนื่องจากมันมีข้อมูลให้ใช้งานได้ไม่จำกัดและก็มีความเร็วสูง แต่มันจะจำกัดให้คุณใช้งานเซิร์ฟเวอร์ได้แค่ 3 ประเทศ และ 1 อุปกรณ์ และมันก็จะบันทึกข้อมูลที่อยู่ IP ของคุณ พร้อมทั้งแสดงโฆษณาบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ด้วย เวอร์ชันแบบจ่ายเงินนั้นจะนำการบันทึก IP ออกบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ จะเพิ่มการเชื่อมต่อให้เป็น 10 การเชื่อมต่อ มีเซิร์ฟเวอร์มากขึ้น และก็มีความปลอดภัยที่ดีกว่า ราคาก็ไม่แพง และมีการรับประกันคืนเงินภายใน 45 วันอีกด้วย
อ่านรีวิวฉบับเต็มเกี่ยวกับ Hotspot Shield ได้ที่นี่
5. Windscribe — VPN ฟรี ดีใช้ได้สำหรับสตรีมมิ่ง
Windscribe มีหนึ่งในแพลนระดับฟรีน้อยรายที่รองรับการสตรีมมิ่ง — มันสามารถใช้งานกับเว็บไซต์ชั้นนำอย่าง Netflix, Max, Amazon Prime และ BBC iPlayer แถมแพลนระดับฟรียังรองรับการโหลดบิทด้วย นอกจากนี้ มันยังเป็นหนึ่งใน VPN ฟรี น้อยรายที่เปิดให้เชื่อมต่อพร้อมกันได้ไม่จำกัดจำนวนการเชื่อมต่อ ดังนั้นคุณอยากจะใช้กี่เครื่องก็ได้ตามที่ต้องการ ทำให้มันเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับครอบครัวที่กำลังมองหา VPN ฟรี ไว้ใช้งาน
อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญที่เราอยากจะติเกี่ยวกับ Windscribe ก็คือการจำกัดข้อมูลรายเดือน คุณจะได้รับข้อมูลโดยอัตโนมัติอยู่ที่ 2 GB ต่อเดือน แต่จำนวนนั้นจะเพิ่มเป็น 10 GB ถ้าคุณกรอกที่อยู่อีเมล — นี่จะทำให้ฝ่ายการตลาดของ VPN สามารถส่งข้อเสนอต่าง ๆ ให้คุณได้ ในขณะที่ข้อมูล 10 GB ต่อเดือนนั้นจะดูดีใช้ได้ (เราสามารถท่องเว็บได้ 50 ชั่วโมง และก็สามารถสตรีมมิ่งได้ 8 ชั่วโมงครึ่งจากการทดสอบ) แต่เราก็ยังชอบ แพลนระดับฟรีของ Proton VPN มากกว่าเนื่องจากมันมีข้อมูลให้ไม่จำกัดเลย
Windscribe นั้นยังมีความเร็วที่ดีมาก ๆ และก็เปิดให้คุณเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ได้ใน 10+ ประเทศ มันเปิดให้เข้าถึง split-tunneling ได้ด้วย (เรารู้สึกประทับใจมากที่ได้เห็นว่าคุณสามารถใช้ split-tunneling ได้กับทั้งแอปและที่อยู่ IP) และคุณก็สามารถเข้าถึง R.O.B.E.R.T ได้อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งมันคือตัวบล็อกขั้นสูงที่จะสามารถบล็อกโฆษณา, เว็บไซต์ที่มุ่งร้าย, เว็บไซต์ผู้ใหญ่, แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย, เว็บไซต์พนัน และอื่น ๆ
Windscribe เวอร์ชันจ่ายเงินนั้นมีราคาเริ่มต้นที่ US$3.00 / เดือน, และมันจะเพิ่มเซิร์ฟเวอร์ใน 68 ประเทศพร้อมกับแบนด์วิดท์ไม่จำกัด น่าเสียดายที่มันมีการรับประกันคืนเงินเพียงแค่ 3 วัน
สรุป:
แพลนระดับฟรีของ Windscribe นั้นใช้งานกับเว็บไซต์สตรีมมิ่งยอดนิยมอย่าง Max, Netflix และ BBC iPlayer ได้ และมันก็รองรับการโหลดบิท รวมถึงการเชื่อมต่อที่ไม่จำกัด แต่จะให้ใช้งานได้แค่ 10 GB ต่อเดือน นอกจากนี้ มันก็มาพร้อมกับเซิร์ฟเวอร์ใน 10+ ประเทศ มีความเร็วที่ดีใช้ได้ และก็มีฟีเจอร์ความปลอดภัยที่แข็งแกร่งด้วย เวอร์ชันแบบจ่ายเงินนั้นจะมีเซิร์ฟเวอร์เพิ่มในอีกหลายประเทศและก็มีข้อมูลให้ใช้งานไม่จำกัด มีราคาไม่แพง และก็มีการรับประกันคืนเงินภายใน 3 วัน
อ่านรีวิวฉบับเต็มเกี่ยวกับ Windscribe ได้ที่นี่
โบนัส. TunnelBear — VPN ฟรี ที่ดีจริง ๆ ซึ่งเปิดให้เข้าถึงเซิร์ฟเวอร์และฟีเจอร์ทั้งหมดได้
แพลนระดับฟรีของ TunnelBear นั้นจะเปิดให้คุณเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ได้ 5,000+ เซิร์ฟเวอร์ใน 47 ประเทศ ซึ่งทำให้การค้นหาเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้กับตำแหน่งจริงของคุณที่สุดเพื่อให้ได้ความเร็วสูงที่สุดนั้นเป็นเรื่องง่าย ในการทดสอบของเรา TunnelBear นั้นมีความเร็วที่ดีมาก ๆ — เว็บไซต์และวิดีโอความชัดระดับ HD ใช้เวลาเพียง 3–4 วินาทีในการโหลด และวิดีโอก็ไม่บัฟเฟอร์เลยระหว่างที่เรากดดูแบบข้าม ๆ
มันยอดเยี่ยมมากที่ TunnelBear ให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงฟีเจอร์พรีเมียมได้ทั้งหมด รวมถึง GhostBear ที่จะช่วยหลีกเลี่ยงการปิดกั้น VPN ในบางประเทศที่มีการจำกัดการใช้งานอินเทอร์เน็ตอย่างเข้มงวด และ SplitBear ฟีเจอร์ Split-tunneling ของ TunnelBear ที่ให้คุณ สามารถเลือกได้ว่าแอปพลิเคชั่นหรือเว็บไซต์ใดที่ต้องการเชื่อมต่อผ่านเซิฟเวอร์ VPN นอกจากนี้ TunnelBear ยังให้ผู้ใช้สามารถติดตั้งบริการได้บนอุปกรณ์ไม่จำกัดจำนวน แต่จะจำกัดการใช้งานที่ 2 GB ต่อเดือนเท่านั้น
น่าเสียดายที่แผนฟรีของ TunnelBear อ่านจำกัดข้อมูลการใช้งานที่ 2 GB ต่อเดือน ซึ่งมากพอสำหรับการใช้งานทั่วไป บริการฟรีของบริการนี้ เหมาะสำหรับใช้ทดสอบบริการ VPN (และหากชอบ คุณก็สามารถอัปเกรดเป็นแผนพรีเมียมของ TunnelBear ได้) มากกว่าใช้ในชีวิตประจำวันทั่วไปถ้าคุณต้องการแบนด์วิดท์ไม่จำกัด ให้ลองใช้ Proton VPN หรือ hide.me แทน
TunnelBear นั้นมีแดชบอร์ดที่เข้าใจได้ง่ายมาก ๆ สำหรับแอปทั้งหมด — ฟีเจอร์ทั้งหมดของมันนั้นถูกออกแบบมาเป็นอย่างดีและเข้าถึงได้ง่าย ทั่วทั้งแอปนั้นจะมีตัวการ์ตูนรูปหมีที่จะคอยช่วยให้คุณเข้าใจและใช้งานฟังก์ชั่นทั้งหมดได้ เราชอบมากที่แอปทั้งหมดของมันนั้นมาพร้อมกับแผนที่แบบตอบสนอง ซึ่งมันจะทำให้คุณสามารถคลิกเลือกประเทศที่ถูกปักหมุดเพื่อทำการเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ในประเทศนั้น
หากคุณต้องการจะใช้ข้อมูลอย่างไม่จำกัด คุณต้องอัปเกรดไปใช้แพลนระดับพรีเมียมของ TunnelBear ซึ่งมีราคาเริ่มต้นที่ US$3.33 / เดือน. ขอให้ทราบไว้ว่าน่าเสียดายที่ผู้ให้บริการไม่มีการรับประกันคืนเงิน
สรุป:
แพลนระดับฟรีของ TunnelBear นั้นเปิดให้คุณสามารถเข้าถึงฟีเจอร์และเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมด, ความเร็วที่ดี และการเชื่อมต่อที่ไม่จำกัด แอปของมันทั้งหมดนั้นก็เหมาะสำหรับผู้ใช้งานเริ่มต้นด้วย อย่างไรก็ตาม แพลนระดับฟรีของ TunnelBear นั้นจะมีข้อมูลให้ใช้แค่ 2 GB ต่อเดือนซึ่งก็เพียงพอสำหรับใช้ดูวิดีโอสั้น ๆ เพียงไม่กี่วิดีโอเท่านั้น การอัปเกรดไปใช้แพลนระดับพรีเมียมของ TunnelBear จะเปิดให้คุณใช้ข้อมูลได้ไม่จำกัด
อ่านรีวิวฉบับเต็มเกี่ยวกับ TunnelBear ได้ที่นี่
การเปรียบเทียบระหว่าง VPN ฟรี ที่ดีที่สุดในปี 2024
หมายเหตุจากบรรณาธิการ: ExpressVPN และเว็บไซต์นี้อยู่ในกลุ่มบริษัทที่มีเจ้าของเดียวกัน
วิธีการทดสอบ: เกณฑ์ในการเปรียบเทียบและจัดอันดับ
เราใช้ วิธีการทดสอบที่ได้รับการพิสูจน์มาแล้วเพื่อเป็นการรับประกันว่าเราจะแนะนำเฉพาะ VPN ฟรี ที่ผ่านเกณฑ์อันเข้มงวดของพวกเราเท่านั้น เราได้ทำการทดสอบแต่ละ VPN ด้วยสถานการณ์ในชีวิตจริงต่าง ๆ เพื่อตรวจสอบความง่ายในการใช้งาน, ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว, ความเร็ว และอื่น ๆ VPN แต่ละตัวในรายการนี้ต่างก็สามารถทำได้ดีเกินความคาดหวังของเรา และก็สามารถเอาชนะคู่แข่งรายอื่น ๆ ได้อย่างชัดเจน นี่เป็นหลักเกณฑ์ในการทดสอบที่เราใช้เพื่อตัดสินว่า VPN ตัวไหนที่เราจะเลือกมาใส่ในรายการของเราและตัวไหนจะได้อันดับที่เท่าไร
- เราประเมินสิ่งที่ VPN ฟรีแต่ละตัวนั้นมีให้ แพลน VPN ฟรีส่วนใหญ่นั้นจะถูกจำกัดเป็นอย่างมาก — ดังนั้นเราจะมองหาแพลน VPN ฟรี ที่มีข้อมูลให้ใช้งานได้ดีพอประมาณ, ไม่โฆษณามาหาคุณรัว ๆ, เปิดให้คุณเข้าถึงตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ได้ในจำนวนที่เพียงพอ หรือมีการรองรับการใช้งาน P2P และการสตรีมมิ่ง
- เรามองหา VPN ที่มีความปลอดภัยสูง VPN ทั้งหมดในรายการนี้มาพร้อมกับฟีเจอร์ความปลอดภัยมาตรฐาน อย่างการเข้ารหัส 256-bit AES (หนึ่งในการเข้ารหัสที่แน่นหนาที่สุดในโลกซึ่งธนาคารหลายแห่งต่างก็ใช้งาน), kill switch ที่จะตัดการเชื่อมต่อของคุณจากอินเทอร์เน็ต ถ้าการเชื่อมต่อ VPN ของคุณขาดหายไป และการป้องกันการรั่วไหลของ IP นอกจากนี้ตัวเลือกระดับชั้นนำส่วนใหญ่ของเราก็มีเครื่องมือขั้นสูงอย่าง เซิร์ฟเวอร์แบบ RAM-only ซึ่งจะล้างข้อมูลทั้งหมดตอนที่รีเซ็ตแต่ละครั้ง และ perfect forward secrecy ซึ่งจะมีคีย์การเข้ารหัสที่ไม่ซ้ำกันสำหรับแต่ละเซสชั่นการใช้ VPN เราตรวจสอบจนแน่ใจว่าข้อมูลของเราจะไม่รั่วไหลและ kill switch นั้นทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในการตัดการเชื่อมต่อของเรา
- เรามองหา VPN ที่มีความปลอดภัยดีเยี่ยม VPN ทั้งหมดในรายการของเรานั้นต่างก็ปฏิบัติตามนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลอันเข้มงวด ซึ่งหมายความว่ามันจะไม่สอดแนมและไม่บันทึกข้อมูลใด ๆ เกี่ยวกับกิจกรรมออนไลน์ของคุณอย่างเช่นการโหลดบิท แถม VPN ส่วนใหญ่เหล่านี้ก็มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในประเทศที่เป็นมิตรต่อความเป็นส่วนตัวซึ่งไม่มีกฎหมายบังคับให้เก็บข้อมูล ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีหน้าที่ต้องเก็บบันทึกข้อมูลใด ๆ ของคุณ
- เราได้ทำการทดสอบความเร็วของ VPN ในแพลนระดับฟรี VPN ทุกตัวนั้นต่างก็จะทำให้ความเร็วอินเทอร์เน็ตของคุณตกลงเพราะกระบวนการเข้ารหัส VPN ฟรี นั้นมักจะมีความเร็วที่ต่ำกว่า VPN พรีเมียม เนื่องจากมันจะเปิดให้ใช้งานเซิร์ฟเวอร์ได้ในจำนวนที่น้อยมาก ซึ่งทำให้คนแย่งกันใช้จนการเชื่อมต่อนั้นมีความเร็วที่ตกลงไป เราได้ทำการทดสอบตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดของ VPN ฟรีแต่ละตัวเพื่อให้แน่ใจว่า VPN นั้นจะมีความเร็วที่ดีพอสำหรับทุกเซิร์ฟเวอร์ (ExpressVPN นั้นเร็วที่สุด)
- เราได้ทำการตรวจสอบว่าผู้ให้บริการนั้นมีแอปที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้งาน VPN ฟรี หลายรายนั้นมีแอปที่เต็มไปด้วยบัคและก็ใช้งานยากอีก อย่างไรก็ตาม เราได้ทำการทดสอบแอปเดสก์ท็อปและอุปกรณ์เคลื่อนที่เพื่อให้แน่ใจแล้วว่ามันสามารถติดตั้งและใช้งานง่าย
- เราตรวจสอบดูให้แน่ใจว่า VPN นั้นมีราคาที่ไม่แพงและมีความคุ้มค่าสูง ในกรณีที่คุณตัดสินใจอัปเกรดไปใช้แพลนระดับพรีเมียม เราก็ได้ตรวจสอบให้แน่ใจแล้วว่า VPN นั้นมีแพลนที่ราคาไม่แพง และมาพร้อมกับเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่, สามารถรองรับการสตรีมมิ่งและ P2P ได้เป็นอย่างดี และใช้งานพร้อมกันได้หลายการเชื่อมต่อ เรายังได้ตรวจสอบแล้วด้วยว่ามันมีการรับประกันคืนเงินสำหรับทุกการสั่งซื้อ
ความเสี่ยงและข้อเสียของการใช้ VPN ฟรี
- ความปลอดภัยที่ไม่แน่นหนา — VPN ฟรี ส่วนใหญ่นั้นจะขาดฟีเจอร์ความปลอดภัยสำคัญซึ่งก็ทำให้ผิดวัตถุประสงค์ของการใช้ VPN ยกตัวอย่างเช่นการที่ไม่มีการเข้ารหัสอย่างแน่นหนา การที่บุคคลที่สามสามารถติดตามพฤติกรรมการใช้งานของคุณได้ และก็ไม่มี kill switch ทำให้ข้อมูลของคุณอาจรั่วไหลไปสู่อินเทอร์เน็ตถ้าการเชื่อมต่อของ VPN เกิดล้มเหลวขึ้นมา วิธีที่ดีที่สุดที่จะปกป้องตัวคุณเองอย่างเต็มรูปแบบก็คือการใช้ VPN ที่มีความน่าเชื่อถืออย่างที่ถูกเลือกมาในรายการนี้
- ความเร็วต่ำ — VPN ฟรี ส่วนใหญ่นั้นจะเปิดให้คุณเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ได้แค่ไม่กี่เซิร์ฟเวอร์ ทำให้เกิดการแย่งกันใช้และท้ายที่สุดก็ทำให้ความเร็วตก อย่างไรก็ตาม VPN ทั้งหมดในรายการนี้นั้นสามารถรักษาความเร็วได้ดี
- เซิร์ฟเวอร์ถูกขึ้นบัญชีดำ — เซิร์ฟเวอร์ที่มีให้ใช้งานบน VPN ฟรี นั้นมักจะไม่ได้เปลี่ยนที่อยู่ IP เป็นประจำ นี่หมายความว่าที่อยู่ IP ส่วนใหญ่นี้ก็จะถูกบล็อกหรือถูกขึ้นบัญชีดำ ทำให้คุณไม่สามารถเข้าถึงบางเว็บไซต์ได้
- รองรับการสตรีมมิ่งและการโหลดบิทได้ไม่ดีนัก — VPN ฟรี ส่วนใหญ่นั้นจะไม่รองรับการสตรีมมิ่ง และก็มีน้อยรายมากที่สามารถรรองรับทราฟฟิค P2P บนเซิร์ฟเวอร์ฟรีได้ และ VPN ฟรี ที่ใช้งานกับเว็บไซต์สตรีมมิ่งและโปรแกรมโหลดบิทได้นั้นก็มักจะมีการจำกัดเรื่องของข้อมูลรายวันหรือรายเดือน ดังนั้นคุณก็คงจะดูและโหลดหนังหรือรายการทีวีได้เป็นเวลาไม่นานในแต่ละวันหรือแต่ละเดือน หากคุณต้องการสตรีมดูหรือโหลดเนื้อหาเยอะ ๆ เราแนะนำเป็นอย่างยิ่งให้คุณเลือกซื้อ VPN พรีเมียม
- นำข้อมูลของคุณไปขาย — มี VPN ฟรี บางรายที่บันทึกข้อมูลเว็บไซต์ที่คุณเข้าเยี่ยมชม และก็นำข้อมูลนี้ไปขายให้กับเว็บไซต์อื่น เว็บไซต์เหล่านั้นก็จะนำข้อมูลไปทำโฆษณาแบบระบุเป้าหมายกับคุณ เพื่อที่จะปกป้องความเป็นส่วนตัวของคุณ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณกำลังใช้ VPN ที่มีคุณภาพซึ่งมีนโยบายการไม่บันทึกข้อมูล (นโยบายการไม่บันทึกข้อมูลของ ExpressVPN นั้นผ่านการตรวจสอบอย่างอิสระและได้รับการยืนยันแล้ว)
- ข้อมูลจำกัด — VPN ฟรี ส่วนใหญ่นั้นมักจะมีข้อจำกัดด้านข้อมูลที่คุณสามารถใช้งานได้ในแต่ละวันหรือแต่ละเดือน ดังนั้นคุณก็จะสามารถใช้ VPN ฟรี ท่องเว็บ สตรีมมิ่งในความชัดระดับ SD หรือ HD ได้แค่ไม่กี่ชั่วโมง หรืออาจจะได้แค่ดาวน์โหลดไฟล์ขนาดเล็ก ๆ Proton VPN และ Hotspot Shield นั้นเป็น VPN ฟรี น้อยรายที่เปิดให้ใช้งานข้อมูลได้ไม่จำกัด
- โฆษณา — VPN บางรายนั้นมีโฆษณาไม่ก็จะมีเนื้อหาที่ได้รับสปอนเซอร์มาภายในแอป หรืออาจจะถูกแสดงตอนที่คุณกำลังท่องเว็บ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่ารำคาญ ยิ่งไปกว่านั้น โฆษณานั้นอาจจะใช้งานแบนด์วิดท์ด้วย ซึ่งก็จะทำให้การเชื่อมต่อของคุณช้าลง
- การเชื่อมต่อพร้อมกันที่ถูกจำกัด — VPN ฟรี นั้นมักจะจำกัดจำนวนอุปกรณ์ที่ใช้งานได้พร้อมกัน ซึ่งก็จะเป็นข้อจำกัดที่มีความสำคัญถ้าคุณใช้งานหลายอุปกรณ์ หรือมีคนอาศัยอยู่ในครอบครัวของคุณหลายคนซึ่งต้องการใช้ VPN ในเวลาเดียวกัน
- ตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ที่ถูกจำกัด — VPN ฟรี นั้นมักจะมีตัวเลือกของตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ที่ถูกจำกัดเป็นอย่างมาก นี่อาจจะเป็นปัญหาได้ถ้าเซิร์ฟเวอร์ที่มีให้ใช้งานนั้นไม่ได้อยู่ใกล้กับตำแหน่งของคุณ ซึ่งหมายความว่าความเร็วก็จะตกลงไปเยอะมาก
- อาจมีมัลแวร์ — มี VPN ฟรี บางรายที่แอบใส่มัลแวร์ แอดแวร์ หรือภัยอันตรายอื่น ๆ มา ซึ่งอาจสร้างความเสียหายให้กับอุปกรณ์และข้อมูลส่วนตัวของคุณ แต่ VPN ทั้งหมดในรายการนี้นั้นสามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัย
- ปัญหาด้านการใช้งานกับอุปกรณ์ — VPN ฟรี บางรายนั้นไม่มีแอปสำหรับบางแพลตฟอร์ม (เช่นอุปกรณ์เคลื่อนที่) ยิ่งไปกว่านั้น VPN ฟรี บางรายนั้นยังมีแอปที่ใช้งานยากอีกด้วย โชคยังดี ทุก VPN ฟรี ที่เราแนะนำนั้นมีแอปที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้งานสำหรับแพลตฟอร์มสำคัญทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น iOS, Android, Windows หรือ macOS
- บริการลูกค้าที่ไม่มีคุณภาพ — ผู้ให้บริการ VPN ฟรี นั้นไม่สามารถจัดหาฝ่ายให้บริการลูกค้าในระดับเดียวกับ VPN แบบจ่ายเงินได้ นี่หมายความว่าคุณจะต้องเจอกับการตอบสนองที่ล่าช้า และก็การขาดทรัพยากรสนับสนุน ถ้าหากว่าคุณเผชิญปัญหากับการใช้งานแอป VPN
VPN ฟรี vs. VPN จ่ายเงิน
VPN ฟรี ที่อยู่ในรายการนี้จะมีฟีเจอร์ความปลอดภัยที่แข็งแกร่งเพื่อช่วยปกป้องความปลอดภัยและความเป็นส่วนของคุณ มันต่างก็มีการป้องกันระดับมาตรฐานอุตสาหกรรม ประกอบไปด้วยการเข้ารหัส 256-bit AES, kill switch และนโยบายการไม่บันทึกข้อมูล นอกจากนี้ VPN บางตัวยังมีเครื่องมือขั้นสูงอย่างเช่นการป้องกันการรั่วไหล, เซิร์ฟเวอร์แบบ RAM-only, perfect forward secrecy และการเข้ารหัสดิสก์อย่างเต็มรูปแบบเพื่อช่วยเพิ่มความปลอดภัยขึ้นไปอีกขั้น
VPN ฟรี ส่วนใหญ่นั้นจะขาดฟีเจอร์ที่ VPN พรีเมียมมี ซึ่งก็หมายความว่ามันมักจะมีจำนวนเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ที่จำกัด มีการจำกัดการใช้ข้อมูล และก็สามารถเชื่อมต่อได้น้อยกว่า แถมมันยังทำการควบคุมความเร็วของคุณและก็ไม่รองรับการสตรีมมิ่งและ P2P อีกด้วย
นี่เป็นตัวอย่าง — แพลนระดับฟรีของ hide.me เปิดให้โหลด torrent ได้ และก็มีความเร็วดี แต่มันจะจำกัดให้คุณใช้ได้แค่เซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใน 5+ ประเทศ และก็ใช้ได้แค่ 1 การเชื่อมต่อ โดยมีข้อมูลให้แค่ 10 GB ต่อเดือน ในขณะที่ แพลนระดับฟรีของ Proton VPN จะเปิดให้ใช้งานข้อมูลได้ไม่จำกัด มีความเร็วดี แต่มันจะไม่รองรับการสตรีมมิ่งและ P2P และมันก็จะจำกัดให้คุณใช้ได้แค่เซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใน 3 ประเทศ โดยใช้ได้แค่ 1 การเชื่อมต่อ
เมื่อเทียบกับการอัปเกรดไปใช้ VPN แบบจ่ายเงินระดับชั้นนำแล้ว คุณจะได้รับประสบการณ์ที่ดีกว่ามาก — ข้อมูลที่ไม่จำกัด เครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่ การเชื่อมต่อพร้อมกันหลายอุปกรณ์ ความเร็วที่สูงมาก ฟีเจอร์เสริมอื่น ๆ อย่างเช่น split tunneling และตัวบล็อกโฆษณา และก็สามารถรองรับการสตรีมมิ่งและการโหลด torrent ได้อย่างเต็มรูปแบบ แถม VPN ส่วนใหญ่นั้นยังมีราคาที่แข่งขันได้ และก็รับประกันทุกคำสั่งซื้อด้วยการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน ดังนั้นคุณจึงสามารถทดลองผลิตภัณฑ์ได้อย่างไม่มีความเสี่ยง
โดยรวมแล้ว VPN ฟรี ดี ๆ นั้นก็มีให้เลือกใช้อยู่ แต่ว่ามันก็ยังถูกจำกัดเยอะอยู่ดี — VPN แบบจ่ายเงินนั้นจะใช้งานได้ดีกว่าเยอะ
VPN ฟรี หาเงินมาจากไหน?
- การโฆษณา หนึ่งในวิธีที่พบเห็นได้บ่อยมากที่สุดสำหรับการสร้างผลตอบแทนของ VPN ฟรี ก็คือการแสดงโฆษณาให้ผู้ใช้งานดู ดังนั้นก็เป็นเรื่องไม่แปลกเลยถ้าคุณพบเจอโฆษณาทั้งแบบแบนเนอร์ ป๊อปอัพ หรือเนื้อหาสปอนเซอร์ใน VPN ฟรีบางราย ผู้โฆษณานั้นจะจ่ายเงินให้กับผู้ให้บริการ VPN ขึ้นกับจำนวนครั้งที่แสดง จำนวนคลิก หรือวิธีการประเมินประสิทธิภาพโฆษณาแบบอื่น ๆ
- แพลนระดับพรีเมียม VPN บางรายนั้นจะจัดให้มีเวอร์ชันฟรีซึ่งจะถูกจำกัดแบนด์วิดท์ ฟีเจอร์ และตัวเลือกของเซิร์ฟเวอร์ — ทั้งนี้ส่วนใหญ่ก็เพื่อให้คุณได้ทดลองใช้ VPN ก่อนที่คุณจะสั่งซื้อหรือสมัครสมาชิก ผู้ให้บริการ VPN เหล่านี้นั้นจะมีผู้ใช้งานที่จ่ายเงิน และพวกเขาก็จะมีรายได้มากพอที่จะรองรับการให้บริการ VPN แบบฟรีควบคู่ไปด้วยได้ (แต่ก็มักจะมีข้อจำกัด)
- นำข้อมูลผู้ใช้งานไปขาย น่าเสียดายที่ VPN ฟรี ส่วนใหญ่นั้นจะมีการเก็บข้อมูลของผู้ใช้งานไปขาย (เช่นข้อมูลประชากรหรือประวัติการท่องเว็บ) ให้กับผู้โฆษณาบุคคลที่สาม นายหน้าค้าข้อมูล หรือบุคคลอื่น ๆ ที่สนใจซื้อ เพราะแบบนี้เราถึงมักจะแนะนำให้ผู้อ่านหันไปเลือกใช้ VPN พรีเมียมราคาไม่แพงอย่าง ExpressVPN มากกว่า แต่ VPN ทั้งหมดในรายการของเรา นั้นก็มาพร้อมกับนโยบายการไม่บันทึกข้อมูล ดังนั้นมันจะไม่เก็บข้อมูลของคุณและก็จะไม่มีอะไรไปขาย
VPN ฟรี นั้นเหมาะกับใคร?
VPN ฟรี นั้นเหมาะกับการใช้งานอย่างมีความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยขั้นพื้นฐานโดยไม่ต้องเสียเงิน มันจะเหมาะที่สุดถ้าคุณเป็นหนึ่งในผู้ใช้งานต่อไปนี้:
- ผู้ใช้งานที่เป็นห่วงเรื่องงบประมาณ: หากคุณต้องการเพิ่มความเป็นส่วนตัวบนโลกออนไลน์ แต่คุณไม่ต้องการจ่ายเงินเพิ่ม การเลือก VPN ฟรี ที่มีคุณภาพนั้นก็เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคุณ มันจะมีการปกป้องขั้นพื้นฐานให้คุณ เช่นการปิดบังที่อยู่ IP จริง และการเข้ารหัสเว็บทราฟฟิคของคุณ
- ผู้ใช้งาน VPN แบบครั้งคราว: ถ้าคุณใช้ VPN แค่แบบนาน ๆ ครั้ง อย่างเช่นการเข้าถึงเครือข่าย Wi-Fi สาธารณะ การเลือกใช้ VPN ฟรี คุณภาพดีก็เพียงพอสำหรับคุณแล้ว ด้วยวิธีนี้ คุณจะสามารถปกป้องข้อมูลของคุณให้ปลอดภัยได้ ไม่ว่าคุณจะเชื่อมต่อที่ไหนก็ตาม อย่างเช่นสนามบิน ร้านกาแฟ หรือโรงยิม
- ผู้ใช้งาน VPN ใหม่: หากคุณยังไม่เคยใช้ VPN มาก่อนเลย VPN ฟรี ก็เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการทดลองใช้งานอย่างไม่มีเงื่อนไขผูกมัด อย่างไรก็ตาม โปรดทราบว่า VPN ฟรี นั้นมีข้อจำกัด อย่างเช่นความเร็วที่ต่ำกว่า และก็ตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ที่น้อยกว่า และหลายรายก็จะไม่รองรับการสตรีมมิ่งและการโหลดบิท นอกจากนี้ส่วนใหญ่ยังมีการจำกัดการใช้ข้อมูลรายวันและรายสัปดาห์อีกด้วย
โดยรวมแล้วก็ยังมีเหตุผลดี ๆ ให้คุณเลือกใช้ VPN ฟรี อยู่แต่คุณควรจะเลือกใช้อย่างระมัดระวัง VPN ฟรี นั้นมักจะมีข้อจำกัดและก็มักจะขาดฟีเจอร์ความปลอดภัยที่จำเป็น ไม่ก็มีการนำข้อมูลของคุณไปขายให้กับบุคคลที่สาม หากคุณกำลังคิดจะเลือกใช้ VPN ฟรี ก็อย่าลืมตรวจสอบข้อมูลให้ได้และเลือกใช้จากผู้ให้บริการที่น่าเชื่อถือ
วิธีการรับบริการ VPN พรีเมียมฟรี
จริง ๆ แล้วคุณสามารถทดลองใช้ VPN ระดับชั้นนำ “แบบฟรี” ได้ เนื่องจากส่วนใหญ่มันจะมีข้อเสนอคืนเงิน ยกตัวอย่างเช่น ExpressVPN จะมีการรับประกันคืนเงินภายในเวลา 30 วันสำหรับทุกแพลน หากคุณไม่พอใจในการให้บริการของ VPN ภายในระยะเวลาคืนเงิน คุณก็สามารถขอคืนเงินได้อย่างไม่มีความเสี่ยง
VPN ระดับชั้นนำบางรายนั้นมีเปิดให้ทดลองใช้ได้ฟรี ทำให้คุณสามารถทดลองใช้บริการของพวกเขาได้ อย่างไรก็ตาม โปรดทราบว่าการทดลองใช้ฟรีเหล่านี้นั้นมักจะมีข้อจำกัด หรือก็คือคุณจะไม่สามารถเข้าถึงฟีเจอร์ทั้งหมดได้
VPN พรีเมียมบางรายนั้นจะมีแพลนฟรีอย่างเต็มรูปแบบด้วย แต่มันจะมีข้อจำกัดในด้านต่าง ๆ ยกตัวอย่างเช่น แพลนระดับฟรีของ Proton VPN นั้นจะมีแบนด์วิดท์ให้ใช้งานได้ไม่จำกัด แต่คุณจะเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ได้แค่ใน 5 ประเทศเท่านั้น TunnelBear จะเปิดให้คุณเชื่อมต่อไปได้ทุกเซิร์ฟเวอร์ แต่มันจะจำกัดให้คุณใช้ข้อมูลได้แค่เดือนละ 2 GB
วิธีการใช้แบนด์วิดท์ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดสำหรับ VPN ฟรี
เนื่องจาก VPN ฟรี ส่วนใหญ่จะมีการจำกัดข้อมูลในการใช้งาน มันจึงเป็นความคิดที่ดีที่คุณจะเรียนรู้วิธีการใช้ข้อมูลให้มีประสิทธิภาพที่สุดจนกว่าที่มันจะรีเซ็ต นี่คือสิ่งที่คุณสามารถลองทำได้:
- ลดคุณภาพของวิดีโอตอนที่ดูวิดีโอ ยกตัวอย่าง ถ้าคุณดู YouTube ก็อย่าใช้คุณภาพวิดีโอ 720p หรือ 1080p — ให้เปลี่ยนมาดู 480p หรือ 360p แทน เนื่องจากมันจะใช้ข้อมูลน้อยกว่า
- ใช้ตัวบล็อกโฆษณา นี่จะช่วยลดปริมาณข้อมูลที่โฆษณาและตัวติดตามใช้ไปได้ Windscribe เป็นหนึ่งใน VPN ฟรี ตัวเดียวที่มาพร้อมกับตัวบล็อกโฆษณา ถ้าคุณไม่คิดจะใช้ผู้ให้บริการรายนี้ ก็ให้ใช้ส่วนขยาย uBlock Origin ฟรี (มันเป็นตัวบล็อกโฆษณาและตัวติดตามที่ดีเยี่ยม) คู่กับ VPN ฟรี ที่คุณเลือกใช้งานแทน
- ปิดฟีเจอร์เล่นอัตโนมัติ มันเป็นไปได้ที่จะทำการปิดการเล่นอัตโนมัติบนโซเชียลมีเดียและแพลตฟอร์มแชร์วิดีโอส่วนใหญ่ ถ้าคุณปิดการเล่นอัตโนมัติ มันก็จะหยุดไม่ให้วิดีโอเริ่มเล่นโดยอัตโนมัติ และเป็นการป้องกันไม่ให้สูญเสียข้อมูลไปโดยไม่จำเป็น
- ใช้ split-tunneling นี่จะช่วยประหยัดข้อมูลด้วยการเลือกส่งเฉพาะข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อนไปยัง VPN ในขณะที่ปล่อยให้กิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่ำ อย่างเช่นการท่องเว็บที่อาจจะไม่ปลอดภัย ให้ใช้การเชื่อมต่อปกติของคุณ hide.me นั้นมีฟีเจอร์ split-tunneling ให้ใช้ในแพลนระดับฟรี
อีกตัวเลือกหนึ่งคือ คุณก็สามารถเลือกใช้ VPN ที่มีแพลนระดับฟรีแบบที่ให้ข้อมูลไม่จำกัดได้เช่นกัน ส่วนตัวแล้วเราจะเลือก Proton VPN — นอกจากที่มันจะไม่จำกัดแบนด์วิดท์แล้ว เวอร์ชันฟรีของมันยังมีความเร็วที่สูง มีแอปที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้งาน และก็มีฟีเจอร์ความเป็นส่วนตัวที่แน่นหนาด้วย (ซึ่งรวมถึงนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลที่ผ่านการตรวจสอบแล้ว)
VPN ฟรีที่ควรหลีกเลี่ยง
- Hola VPN Hola VPN นั้นเป็น P2P VPN ซึ่งหมายความว่ามันจะนำที่อยู่ IP ของคุณไปจัดสรรให้คนอื่นใช้ และก็จะนำที่อยู่ IP ของคนอื่นมาจัดสรรให้คุณใช้ นี่เป็นเรื่องที่อันตรายมาก ๆ เพราะอาจมีคนนำมันไปใช้ก่ออาชญากรรมได้ และมันก็ยังมีการบันทึกข้อมูลผู้ใช้งาน ไม่ได้ทำการเข้ารหัสทราฟฟิคของคุณ แถมยังเคยมีประวัติการรั่วไหลของที่อยู่ IP ผู้ใช้งานมาแล้วด้วย
- SuperVPN SuperVPN นั้นเป็น VPN ที่อันตรายซึ่งมีการบันทึกข้อมูลของคุณเอาไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่ IP ระบบปฏิบัติการ หรือเบราว์เซอร์ก็ตาม มันขาดฟีเจอร์ความปลอดภัยขั้นพื้นฐาน และก็ไม่มีวิธีติดต่อฝ่ายให้บริการลูกค้าเลย ยิ่งไปกว่านั้น SuperVPN ยังเคยเกิดการรั่วไหลของข้อมูลซึ่งทำให้ข้อมูลรั่วไหลออกไปมากถึง 133 GB มาแล้ว โดยข้อมูลนี้ประกอบไปด้วยที่อยู่ IP อีเมล และตำแหน่งของผู้ใช้งาน
- Phone Guardian Phone Guardian นั้นจริง ๆ ก็ไม่ได้ดูน่าสงสัย แต่ว่ามันทำงานไม่เหมือนกับ VPN ทั่วไป อย่างเดียวที่มันทำในฐานะ VPN ก็คือการเข้ารหัสข้อมูลของคุณ — มันไม่ได้ช่วยซ่อนที่อยู่ IP หรือตำแหน่งของคุณ และก็ยังไม่มีฟีเจอร์ความปลอดภัยอย่าง kill switch เลย และมันก็ยังขาดฟังก์ชั่นอื่น ๆ ที่ VPN ทั่วไปต้องมี
- AceVPN AceVPN นั้นมีฟีเจอร์ที่พอใช้ได้ (เช่นการป้องกันการรั่วไหลของ DNS) แต่มันยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เราแนะนำมัน มันไม่มี kill switch ซึ่งเป็นฟีเจอร์ความปลอดภัยสำคัญ และก็มีตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์แค่ 20 แห่ง แถมยังมีเซิร์ฟเวอร์ P2P แค่ 1 แห่งเท่านั้น ปัญหาเรื่องใหญ่ที่สุดเลยก็คือมันไม่มีแอปเฉพาะสำหรับแต่ละอุปกรณ์ ดังนั้นคุณต้องทำการกำหนดและตั้งค่าเอง ซึ่งก็ไม่สะดวกเป็นอย่างมากเลย
- TouchVPN TouchVPN นั้นมีเซิร์ฟเวอร์มากกว่า 5,550+ แห่ง ใน 80+ ประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าประทับใจมาก สิ่งที่ไม่น่าประทับใจเลยก็คือการที่มันเก็บข้อมูลที่อยู่ IP และเว็บที่คุณเข้าชม
- Hoxx VPN HoxxVPN นั้นจะเก็บข้อมูลเกี่ยวกับกิจกรรมบนเว็บไซต์ของคุณ อุปกรณ์ของคุณ และตำแหน่งของคุณ ยิ่งไปกว่านั้น มันยังเขียนไว้ในข้อกำหนดการใช้งานว่ามัน “อาจจะ” เก็บข้อมูลนั้นเอาไว้ถึงแม้ว่าคุณจะปิดบัญชีแล้วก็ตาม
- Turbo VPN Turbo VPN นั้นบอกว่ามันไม่ได้เก็บข้อมูลใด ๆ เกี่ยวกับกิจกรรมออนไลน์ของคุณเพราะว่ามันมีนโยบายการไม่บันทึกข้อมูล แต่มันไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับการไม่เก็บข้อมูลที่อยู่ IP ของคุณเลย
- tuxlerVPN นโยบายความเป็นส่วนตัวของ tuxlerVPN ระบุไว้ว่ามันจะบันทึกกิจกรรมบนเว็บไซต์ ข้อมูลเบราว์เซอร์ และข้อมูลติดต่อ และมันจะแบ่งปันข้อมูลนั้นให้กับบุคคลที่สามด้วยเหตุผลทางธุรกิจ
- FinchVPN เว็บไซต์ของ FinchVPN นั้นดูน่าสงสัยมากและก็เต็มไปด้วยบัค มันไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับฟีเจอร์ของ VPN เลย และตอนที่เราคลิกอ่านนโยบายความเป็นส่วนตัว มันก็พาเรากลับไปที่โฮมเพจแทน
นอกจากนี้เรายังแอป VPN ที่น่าสงสัยต่าง ๆ อยู่ใน app store แต่พวกมันไม่มีเพจหรือข้อมูลอื่น ๆ อย่างเป็นทางการให้เข้าไปดู:
- VPN – Super Unlimited Proxy.
- 1clickVPN.
- EasyVPN.
- VPN Proxy Master.
- VPN – fast proxy.
- CrossVPN
- AnonyTun
- OK VPN
- VPN Hat (หรือ Hat VPN)
- VPNGO (or GO VPN)
แบรนด์ชั้นนำอื่น ๆ ที่ไม่ติดอันดับ:
- PrivadoVPN แพลนระดับฟรีนั้นไม่มีโฆษณา มีนโยบายการไม่บันทึกข้อมูล มีการรองรับ P2P และสามารถเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ได้ใน 8 ประเทศ แต่มันไม่รองรับการสตรีมมิ่ง และก็เปิดให้คุณใช้งาน VPN ได้บน 1 อุปกรณ์เท่านั้น รวมถึงไม่มีฟีเจอร์ความปลอดภัยอย่างเซิร์ฟเวอร์แบบ RAM-only, perfect forward secrecy และตัวบล็อกโฆษณา
- NordVPN ผู้ให้บริการรายนี้มีฟีเจอร์ความปลอดภัยดี ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันโฆษณาและมัลแวร์ เครื่องมือติดตามการรั่วไหลของข้อมูล และเซิร์ฟเวอร์ Double VPN แถมยังรองรับสตรีมมิ่งได้ดีและก็มีความเร็วสูงอีกด้วย อย่างไรก็ตามมันไม่มีแพลนระดับฟรี — แต่แพลนจ่ายเงินของมันนั้นมีราคาเริ่มต้นเพียง US$2.99 / เดือน
- Surfshark VPN ที่เปิดให้เชื่อมต่อได้ไม่จำกัดจำนวนอุปกรณ์ สามารถใช้งานได้กับหลายบริการสตรีมมิ่ง และก็รองรับ P2P ได้เป็นอย่างดี พร้อมทั้งยังมีเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่อีกด้วย ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ตาม แต่มันไม่มีแพลนระดับฟรี — แพลนจ่ายเงินของมันนั้นมีราคาถูกมาก ๆ เริ่มต้นเพียง US$1.99 / เดือน
- ZoogVPN VPN นี้มีแบนด์วิดท์ให้ใช้งานได้ฟรี 10 GB ต่อเดือน แต่แพลนระดับฟรีของมันไม่รองรับการสตรีมมิ่งและมันก็รองรับ P2P ได้อย่างจำกัดมาก ๆ นอกจากนี้ก็ยังไม่มีการเข้ารหัส 256-bit AES ซึ่งเป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมด้วย ฟีเจอร์ขั้นสูงอื่น ๆ อย่างเซิร์ฟเวอร์แบบ RAM-only กับ perfect forward secrecy ก็ไม่มี
คำถามพบบ่อย
VPN ฟรี ที่ดีที่สุดคือ?
Proton VPN นั้นเป็นตัวเลือก #1 สำหรับเราในแง่ของ VPN แบบที่ฟรี 100% ปี 2024 — มันเป็นหนึ่งใน VPN ฟรี น้อยรายที่เปิดให้ใช้งานแบนด์วิดท์ไม่จำกัด มีความเร็วสูง มีเซิร์ฟเวอร์อยู่ใน 5 ประเทศ และก็มีฟีเจอร์ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวที่แน่นหนา
ถึงแม้ว่า VPN ฟรี ทั้งหมดในรายการนี้จะดีไม่แพ้กัน แต่ ExpressVPN ก็ยังคงเป็น VPN ที่ดีที่สุดในภาพรวม มันไม่ฟรี แต่ว่ามันมีการรับประกันคืนเงินทุกคำสั่งซื้อเป็นเวลา 30 วัน ExpressVPN นั้นมีความปลอดภัยที่สุด มีความเร็วสูงที่สุดสำหรับการท่องเว็บ สตรีมมิ่ง โหลดบิท และเล่นเกม และก็มีแอปที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้งานสำหรับทุกแพลตฟอร์ม
VPN ฟรี นั้นปลอดภัยหรือไม่?
VPN ส่วนใหญ่นั้นไม่ปลอดภัย — VPN ฟรี บางรายจะขาดฟีเจอร์ความปลอดภัยระดับมาตรฐานอุตสาหกรรม บางรายก็จะเก็บข้อมูลของคุณ และบางรายก็ถึงขั้นมีมัลแวร์ติดมาเลยด้วย แต่ถ้ายังไงคุณก็จะใช้ VPN ฟรี เท่านั้น เราขอแนะนำให้เลือกใช้ VPN ฟรี จากรายการนี้ — hide.me, Proton VPN และ Windscribe นั้นต่างก็มาพร้อมกับฟีเจอร์ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวที่มีคุณภาพ
VPN ฟรี นั้นถูกกฎหมายหรือไม่?
ถูกกฎหมายทั้ง VPN ฟรี (และVPN พรีเมียม) สำหรับประเทศส่วนใหญ่ แต่ก็มีข้อยกเว้น — บางประเทศอย่างเช่น จีน อิหร่าน อินโดนีเซีย และเกาหลีเหนือ และอื่น ๆ นั้นมีการห้ามใช้งาน VPN หากคุณถูกจับได้ว่าคุณใช้ VPN ในประเทศที่สั่งห้ามใช้งาน VPN คุณก็อาจจะถูกปรับหรือถูกจับขังคุกได้
VPN ฟรี สามารถใช้งานกับ Netflix และแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งอื่น ๆ ได้หรือไม่?
ใช้ได้ มี VPN ฟรีบางตัวที่สามารถใช้งานกับบริการสตรีมมิ่งได้ อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่แล้วจะใช้งานกับ Netflix ได้ไม่ดีนัก — ส่วนมากก็อาจจะใช้งานไม่ได้เลย และบางตัวก็จะใช้งานกับแพลตฟอร์มได้บ้างไม่ได้บ้าง
Windscribe ใช้งานกับ Netflix เว็บไซต์ชั้นนำอื่น ๆ อย่าง Amazon Prime, Max และ Disney+ ได้ดี ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่แพลนระดับฟรีของ Windscribe ก็จำกัดให้คุณใช้งานได้แค่ 10 GB ต่อเดือนเท่านั้น ดังนั้นคุณก็ไม่สามารถดูรายการบน Netflix อย่างต่อเนื่องได้อยู่ดี
มันจะดีกว่าถ้าคุณเลือกใช้ VPN แบบจ่ายเงินอย่าง ExpressVPN — มันสามารถใช้งานกับบริการสตรีมมิ่งได้ถึง 100+ บริการ ซึ่งก็รวมถึง Netflix ด้วย และมันก็จะไม่จำกัดข้อมูลของคุณ
มี VPN ฟรี แบบ 100% บ้างหรือไม่?
มีและคุณภาพก็ดีด้วย ยกตัวอย่างเช่นแพลนระดับฟรีของ Proton VPN นั้นเปิดให้คุณใช้ข้อมูลได้ไม่จำกัด มีความเร็วสูง และก็มีความปลอดภัยมาก ๆ นอกจากนี้แพลนระดับฟรีของ hide.me ก็ยังเปิดให้คุณสามารถโหลดบิทได้ และมีความปลอดภัยกับความเป็นส่วนตัวที่แข็งแกร่ง แถมให้คุณเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ได้ถึง 5+ ประเทศ
แต่ไม่ว่า VPN ฟรี จะดีแค่ไหน มันก็ยังคงมีข้อจำกัด — แพลนระดับฟรีของ Proton VPN นั้นไม่รองรับการสตรีมมิ่งและ P2P และมันก็เปิดให้คุณเชื่อมต่อไปได้แค่ 5 ประเทศ และก็จำกัดให้ใช้งานได้แค่ 1 อุปกรณ์ ในขณะที่แพลนระดับฟรีของ hide.me นั้นจะจำกัดให้คุณใช้งานได้แค่เดือนละ 10 GB และก็ใช้ได้แค่ 1 อุปกรณ์ และไม่รองรับการสตรีมมิ่งอีกด้วย
โดยรวมแล้ว คุณจะมีความสุขกว่าเยอะถ้าคุณเลือกใช้งาน VPN แบบจ่ายเงินระดับพรีเมียมอย่าง ExpressVPN — มันมีข้อมูลให้คุณใช้งานได้ไม่จำกัด รักษาความเร็วสูงที่สุด ใช้งานได้กับบริการสตรีมมิ่งกว่า 100+ บริการ มีเซิร์ฟเวอร์ใน 100+ ประเทศ และก็รองรับทราฟฟิค P2P บนทุกเซิร์ฟเวอร์
ฉันสามารถติดตั้งใช้งาน VPN ฟรี บนอุปกรณ์ใดได้บ้าง?
VPN ฟรี ส่วนใหญ่นั้นจะสามารถใช้งานได้บนทุกอุปกรณ์ยอดนิยม VPN ทั้งหมดในรายการนี้ มีแอปที่สามารถใช้งานได้ง่ายสำหรับ Android, iOS, Windows และ macOS มีน้อยรายที่สามารถใช้งานกับ Linux และสมาร์ททีวีได้
VPN รายไหนที่เหมาะที่สุดสำหรับใช้โหลดบิท?
hide.me เป็น VPN ที่เราชื่นชอบสำหรับใช้โหลดบิท — มันเป็นหนึ่งใน VPN ฟรี น้อยรายที่สามารถใช้โหลดบิทได้ สามารถรักษาความเร็วได้ดี และก็สามารถใช้งานกับแอปโหลดบิทยอดนิยมส่วนใหญ่อย่าง BitTorrent, uTorrent, Vuze และอื่น ๆ ได้
ถึงจะเป็นเช่นนั้นแต่แพลนระดับฟรีของ hide.me นั้นก็จะจำกัดให้คุณเข้าถึงข้อมูลได้แค่ 10 GB ต่อเดือน ดังนั้นคุณจะสามารถดาวน์โหลดไฟล์ได้แค่ไม่กี่ไฟล์เท่านั้น การอัปเกรดไปใช้แพลนจ่ายเงินจะทำให้คุณใช้งานข้อมูลได้ไม่จำกัด สามารถเข้าถึง 2,300+ เซิร์ฟเวอร์ใน 50+ ประเทศ และใช้งานพร้อมกันได้ถึง 10 การเชื่อมต่อ
แต่ ExpressVPN ก็ยังคงเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งสำหรับใช้โหลดบิทของเรา เนื่องจากมันมีฟีเจอร์ความปลอดภัยระดับชั้นนำ มีความเร็วสูงที่สุด มีเซิร์ฟเวอร์อยู่ใน 100+ ประเทศ ซึ่งรองรับทราฟฟิค P2P ทั้งหมด และก็มี port forwarding (คือทำให้คุณเชื่อมต่อหา peers ได้มากขึ้นเพื่อให้ดาวน์โหลดได้เร็วขึ้น)
VPN ฟรี รายไหนเร็วที่สุด?
Proton VPN เป็น VPN ฟรี ที่เร็วที่สุดในรายการนี้ — จากการทดสอบของเรานั้น เว็บไซต์โหลดเสร็จใน 2–3 วินาที วิดีโอความชัดระดับ HD โหลดเสร็จใน 3 วินาที และไฟล์ขนาด 2.2 GB ก็ใช้เวลาโหลดเพียง 7 นาทีเท่านั้น แต่แพลนระดับฟรีของ ProtonVPN นั้นมีข้อจำกัดอย่างเห็นได้ชัด – มันเปิดให้คุณเชื่อมต่อได้แค่ 1 อุปกรณ์ และก็ไม่รองรับการสตรีมมิ่ง แถมยังจำกัดให้คุณใช้งานได้แค่เซิร์ฟเวอร์ใน 3 ประเทศเท่านั้น
ดังนั้นท้ายสุดแล้วมันก็จะดีกว่าถ้าคุณเลือกใช้ VPN พรีเมียมอย่าง ExpressVPN แทน — มันเป็น VPN ที่มีความเร็วสูงที่สุด และก็ยังมาพร้อมกับข้อมูลแบบไม่จำกัด สามารถเชื่อมต่อได้ 8 อุปกรณ์ รองรับแอปสตรีมมิ่งเป็น 100+ แอป และก็มีเซิร์ฟเวอร์ใน 100+ ประเทศ
VPN ฟรีรายไหนที่เหมาะที่สุดสำหรับใช้เล่นเกม?
VPN ที่ดีที่สุดสำหรับใช้เล่นเกมก็คือ ExpressVPN มันสามารถรักษาความเร็วได้ดีที่สุด ระหว่างเล่นเกมออนไลน์จะไม่มีอาการแลคและค่าปิงต่ำ นอกจากนี้มันยังมีฟีเจอร์ความปลอดภัยดีเยี่ยม อย่างเช่นการป้องกัน DDoS และมันยังเป็น VPN น้อยรายที่มีการรองรับระบบคลาวด์ด้วย แถมคุณยังจะได้รับบริการจากแอปเราเตอร์และ smart DNS ซึ่งจะทำให้คุณสามารถเชื่อมต่อไปยัง VPN ผ่าน PlayStation และ Xbox ได้