รีวิวจากผู้เชี่ยวชาญ
ความเป็นเจ้าของ
ค่าคอมมิชชั่นพันธมิตร
แนวปฏิบัติการรีวิว

5 VPN สำหรับ Mac ที่ฟรีจริงและดีที่สุด (อัปเดตปี 2023)

คาทาริน่า กลาโมสลิยา คาทาริน่า กลาโมสลิยา

ไม่ค่อยมีเวลาใช่ไหม? นี่คือ VPN ฟรีและที่ดีที่สุดสำหรับ Mac ในปี 2023:

  • 🥇 ExpressVPN. ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ฟรี 100% แต่มันก็เป็น Mac VPN แบรนด์โปรดของเราสำหรับปี 2023 เลย และมันก็มาพร้อมกับการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน ดังนั้นก็สามารถทดลองใช้งานได้อย่างไม่มีความเสี่ยง นอกจากนี้แล้วมันก็ยังมีความปลอดภัยดีเลิศ ความเร็วที่หาใครเทียบไม่ได้ และก็ยังสามารถใช้งานได้อย่างสม่ำเสมอกับเว็บไซต์สตรีมมิ่งอย่าง Netflix, HBO Max, BBC iPlayer และอื่น ๆ

VPN ฟรีนั้นยังไงก็สู้ VPN พรีเมียมไม่ได้ อันที่จริง VPN ฟรีส่วนใหญ่จะทำให้การเชื่อมต่อของคุณช้าลงหรืออาจจะสร้างความเสี่ยงให้ Mac ของคุณอีกด้วย VPN Mac ระดับพรีเมียม จะให้ความเร็วในการเชื่อมต่อที่มากกว่า ความปลอดภัยที่สูงกว่า และประสบการณ์การใช้งานที่ดีกว่าอยู่เสมอ

ถึงจะเป็นเช่นนั้น ก็ยังมี VPN ฟรีและดีสำหรับ macOS ให้เลือกใช้อยู่ แต่ว่าแล้วในปี 2023 ควรจะเลือกใช้แบรนด์ไหน? เราได้ทดลองใช้งานดูหลายแบรนด์เพื่อที่คุณจะได้รู้คำตอบอย่างรวดเร็วเกี่ยวกับ VPN ฟรีสำหรับ Mac ที่ดีที่สุด 5 อันดับแรก

สรุปโดยย่อเกี่ยวกับ VPN ฟรีที่ดีที่สุด 5 อันดับแรกสำหรับ Mac ในปี 2023:

  • 🥇1. ExpressVPN — VPN ที่ดีที่สุดในภาพรวมสำหรับ Mac แห่งปี 2023. ความปลอดภัยขั้นสูง ความเร็วสายฟ้าแลบ แอปที่ใช้งานง่าย และความสามารถในการสตรีมมิ่งอันเป็นเลิศ มันไม่ได้ฟรี 100% แต่มีการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
  • 🥈2. Proton VPN — ใช้ข้อมูลได้ไม่จำกัดด้วยแพลนฟรีสำหรับ Mac  มาพร้อมกับฟีเจอร์ความปลอดภัยอันเป็นเลิศ สามารถเข้าถึงได้ 3 เซิร์ฟเวอร์ และรักษาความเร็วไว้ได้สูง แต่คุณจะต้องอัปเกรดไปใช้แพลนที่มีการชำระเงินในการเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์สำหรับสตรีมมิ่งและ torrent
  • 🥉3. Windscribe — อุปกรณ์เชื่อมต่อพร้อมกันได้ไม่จำกัด (เหมาะสำหรับครัวเรือนขนาดใหญ่) เปิดให้ใช้งาน 10+ GB ต่อเดือน ใช้งานกับ Netflix ได้ และมีความเร็วในระดับที่ถือว่าดี อย่างไรก็ตาม จะไม่มีฟีเจอร์ kill switch ให้ใช้งาน
  • 4. Hide.me — VPN ที่เหมาะสำหรับ torrent และ P2P จำกัดข้อมูลการใช้งานอยู่ที่ 10 GB ต่อเดือน มีความเร็วที่ใช้ได้ และก็ใช้งานง่าย น่าเสียดายที่ไม่สามารถเข้าถึง Netflix ได้อย่างสม่ำเสมอ
  • 5. Hotspot Shield — Mac VPN ที่ใช้งานง่าย (เหมาะสำหรับผู้ใช้งานใหม่) รักษาระดับความเร็วได้ดี เปิดให้ใช้ข้อมูลได้ 500 MB ต่อวัน และก็มีความปลอดภัยสูงมาก สามารถเข้าถึงได้ 1 เซิร์ฟเวอร์ และก็ไม่สามารถใช้งานกับเว็บไซต์สตรีมมิ่งได้
  • การเปรียบเทียบระหว่าง VPN ฟรีที่ดีที่สุดสำหรับ Mac

🥇1. ExpressVPN — VPN ที่ดีที่สุดสำหรับ Mac แห่งปี 2023

🥇1. ExpressVPN — VPN ที่ดีที่สุดสำหรับ Mac แห่งปี 2023

ExpressVPN เป็น VPN ที่เราชื่นชอบมากสำหรับ Mac ในปี 2023 — มันมีความปลอดภัยที่คุ้มกันแน่นหนา มีความเร็วที่สูงที่สุดในรายการนี้ และก็สามารถใช้งานร่วมกับแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งอย่าง Netflix (US, UK, TH รวมถึงแค็ตตาล็อกอันเป็นที่นิยมอื่น ๆ), BBC iPlayer และ Apple TV ถึงแม้ว่าทางเทคนิคแล้วมันจะไม่ได้ฟรี 100% แต่มันก็มาพร้อมกับการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วันซึ่งก็เป็นเวลาที่มากพอที่คุณจะได้ทดลองใช้แอปบน macOS ซึ่งมีภาษาไทยให้ใช้งาน เพื่อที่จะดูว่ามันเหมาะกับคุณหรือไม่

เราประทับใจมากที่ ExpressVPN ให้ความใส่ใจกับเรื่องของความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวสูง นอกจากฟีเจอร์มาตรฐานของ VPN (การเข้ารหัส 256-bit AES นโยบายการไม่บันทึกข้อมูลและ kill switch) แล้วนั้น พวกเขายังเลือกใช้เทคโนโลยี TrustedServer ซึ่งก็หมายความว่าข้อมูลของผู้ใช้งานจะถูกลบทุกครั้งที่เซิร์ฟเวอร์ของ ExpressVPN ถูกรีสตาร์ท และก็ยังมี perfect forward secrecy ซึ่งจะป้องกันไม่ให้ใครเข้าแทรกแซงการใช้งาน VPN ของคุณได้ นอกจากนี้นี่ยังเป็น VPN แบรนด์เดียวในรายการนี้ที่มี split-tunneling สำหรับ Mac (แต่มีเฉพาะสำหรับ macOS 10.15 หรือต่ำกว่า) — VPN แบรนด์อื่นแบรนด์เดียวที่มี split-tunneling สำหรับ macOS ทุกเวอร์ชันคือ Private Internet Access

ความเร็วของ ExpressVPN นั้นถือได้ว่าเร็วที่สุดที่เราเคยเห็นมาสำหรับ VPN บน Mac ในตอนที่เราได้ทำการทดสอบความเร็วนั้น ทั้งความเร็วในการอัปโหลดและดาวน์โหลดของเราก็แทบจะเท่ากับความเร็วตอนที่เราไม่ได้ใช้ VPN เลย ถึงแม้จะใช้ torrent ด้วย uTorrent อยู่ด้วยก็ตาม เราไม่สังเกตเห็นถึงอาการแลคในขณะเล่นเกมหรือสตรีมมิ่ง HD Netflix บน Safari (ExpressVPN นั้นติดอันดับ VPN สำหรับเล่นเกมที่ดีที่สุด และ VPN ที่ดีที่สุดสำหรับดู Netflix)

เพื่อที่จะช่วยคุณค้นหาเซิร์ฟเวอร์ที่มีความเร็วสูงที่สุด คุณสามารถใช้ระบบทดสอบความเร็วแบบบิ้วท์อินของ ExpressVPN ซึ่งจะแสดงให้เห็นว่าแต่ละเซิร์ฟเวอร์มีความเร็วเท่าไร จากนั้นคุณก็สามารถเลือกใช้งานเซิร์ฟเวอร์ที่เร็วที่สุดโดยรวมหรือเร็วที่สุดในประเทศเฉพาะที่คุณต้องการ

ExpressVPN มีแพลนให้เลือกหลายแพลน และด้วยส่วนลด 49% ของเรา คุณก็สามารถใช้งานมันได้ในราคาเพียง US$6.67 / เดือน — นอกจากนี้แล้ว เราก็ยังเห็น ExpressVPN มักจะแถมให้ใช้งานได้ฟรี 3 เดือนแบบไม่มีค่าใช้จ่าย นอกจากนี้การชำระเงินทั้งหมดก็มาพร้อมกับการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน แพลนทั้งหมดนั้นอนุญาตให้คุณทำการเชื่อมต่อได้พร้อมกัน 5 อุปกรณ์

คูปองจาก ExpressVPN ในเดือน 2023: 49% ส่วนลดแผน 15 เดือน
รับส่วนลด 12 เดือน + ฟรี 3 เดือนในราคา 49% (ใช้คูปองอัตโนมัติเมื่อชำระเงิน)

บทสรุป:

ExpressVPN นั้นคือ VPN สำหรับ Mac ที่ดีที่สุดแห่งปี 2023 — มันมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีเยี่ยม มีความเร็วสูงที่สุดสำหรับ VPN บน Mac เท่าที่เราเคยเห็นมา และก็มีความสามารถในการสตรีมมิ่ง torrent และเล่นเกมดีเลิศ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ฟรีทั้งหมด แต่ ExpressVPN ก็มีแพลนในราคาที่ทุกคนเข้าถึงได้ และก็มาพร้อมกับการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วันที่ไม่มีความเสี่ยง ซึ่งเป็นเวลาที่มากพอเพื่อที่คุณจะได้ทดลองใช้ฟีเจอร์ทั้งหมดของพวกเขา

ดาวน์โหลด ExpressVPN สำหรับ Mac

อ่านรีวิวฉบับเต็มเกี่ยวกับ ExpressVPN ของพวกเราได้ที่นี่ 

🥈2. Proton VPN — ข้อมูลไม่จำกัดและความเร็วในระดับดีสำหรับ macOS

🥈2. Proton VPN — ข้อมูลไม่จำกัดและความเร็วในระดับดีสำหรับ macOS

Proton VPN เป็นหนึ่งใน VPN หายากที่ไม่จำกัดข้อมูลผู้ใช้งานแบบฟรี — แบรนด์คู่แข่งส่วนใหญ่มักจะจำกัดปริมาณข้อมูลในแต่ละเดือน และก็จะตัดการเชื่อมต่อของคุณเมื่อถึงปริมาณที่จำกัดนั้น แต่คุณสามารถใช้ Proton VPN ท่องเว็บได้มากเท่าที่คุณจะต้องการ คุณสามารถใช้ VPN ฟรีของ Proton VPN ได้บน 1 อุปกรณ์เท่านั้น

นอกจากจะมีระบบการเข้ารหัส 256-bit AES ปุ่ม kill switch และก็นโยบายการไม่บันทึกข้อมูลแล้วนั้น แอป Proton VPN สำหรับ macOS ยังเป็นโอเพนซอร์ซอีกด้วย หมายความว่าคุณสามารถตรวจดูซอร์สโค้ดว่ามีช่องโหว่หรือเปล่าได้อีกด้วย Proton VPN ตั้งอยู่ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งมีกฎหมายเรื่องความปลอดภัยที่เข้มงวด และก็ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของ พันธมิตร 5/9/14 Eyes

ในขณะที่เราเชื่อมต่อกับแอป Proton VPN สำหรับ macOS อยู่นั้น ความเร็วในการท่องเว็บและดาวน์โหลดของเราก็ถือว่าเร็วมากตอนใช้ Safari ไม่มีการบัฟเฟอร์ในขณะที่เราสตรีมมิ่งระดับ HD บน Youtube เลย แต่บางวิดีโอก็โหลดช้ากว่าเล็กน้อยถ้าเทียบกับ ExpressVPN แต่ถึงอย่างนั้น แพลนฟรีของ Proton VPN ก็เปิดให้คุณเข้าถึงการใช้งานเพียงแค่ 3 เซิร์ฟเวอร์ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และเนเธอร์แลนด์ ดังนั้น ไม่ใช่ผู้ใช้งานทุกคนที่จะสามารถเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้เพื่อให้ได้ความเร็วสูงได้

น่าเสียดายที่เวอร์ชันฟรีของ macOS นั้นไม่รองรับการสตรีมมิ่งและ torrent — ถ้าคุณต้องการดู Netflix และรายการสตรีมมิ่งอื่น ๆ รวมถึงการดาวน์โหลดไฟล์แบบ P2P คุณจะต้องอัปเกรดไปใช้แพลนที่มีการชำระเงินของ Proton VPN

Proton VPN มีทั้งแผนรายเดือนและรายปี (ราคาเริ่มต้นที่ US$4.99 / เดือน) ซึ่งจะเริ่มเซิร์ฟเวอร์ที่รองรับ P2P และการสตรีม นอกจากนี้ยังสามารถเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ได้มากขึ้น มีเครื่องมือปิดกั้นโฆษณา ฟีเจอร์ Tor over VPN และเชื่อมต่อได้พร้อมกันมากถึง 10 อุปกรณ์ แพลนระดับพรีเมียมทั้งหมดของ Proton VPN นั้นมาพร้อมกับการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน

บทสรุป:

แพลนฟรีของ Proton VPN นั้นเปิดให้ใช้งานข้อมูลได้ไม่จำกัด มีความเร็วดีสำหรับการท่องเว็บและการดาวน์โหลด และก็มีฟีเจอร์ความปลอดภัยที่กว้างขวางสำหรับ Mac เราชอบมากที่แอปบน Mac นั้นเป็นโอเพนซอร์ซ ซึ่งทำให้เราสามารถเชื่อใจผู้ให้บริการ VPN รายนี้ได้อย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตาม แพลนฟรีของ Proton VPN นั้นไม่รองรับการสตรีมมิ่งและ torrent เพื่อเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์สตรีมและทอร์เรนต์ ฟีเจอร์หลากหลายและการเชื่อมต่อพร้อมกัน 10 อุปกรณ์ คุณจะต้องอัพเกรดเป็นหนึ่งแผนพรีเมี่ยมของ Proton VPN

ดาวน์โหลด Proton VPN สำหรับ Mac

อ่านรีวิวฉบับเต็มเกี่ยวกับ Proton VPN ของพวกเราได้ที่นี่

🥉3. Windscribe — ใช้งานพร้อมกันได้ไม่จำกัดจำนวนอุปกรณ์

🥉3. Windscribe — ใช้งานพร้อมกันได้ไม่จำกัดจำนวนอุปกรณ์

Windscribe เป็น VPN แบรนด์เดียวในรายการนี้ที่ไม่จำกัดจำนวนการเชื่อมต่อของอุปกรณ์ในเวลาเดียวกัน — ดังนั้นมันจึงเป็นตัวเลือกที่ดีมากหากคุณต้องการปกป้องอุปกรณ์ทั้งหมดของคุณในครัวเรือน ไม่ว่าจะเป็น Mac, iOS, Windows และ อุปกรณ์ Android

อย่างไรก็ตาม ไม่เหมือนกับ Proton VPN ตรงที่ Windscribe นั้นจำกัดข้อมูลการใช้งานที่ 10 GB/เดือน แต่คุณสามารถรับข้อมูลในการใช้งานเพิ่มได้ถ้าคุณทวีตเกี่ยวกับ Windscribe และ/หรือแนะนำเพื่อน ในอีกแง่มุมหนึ่งเซิร์ฟเวอร์สำหรับผู้ใช้งานฟรีของ Windscribe นั้นมีตำแหน่งให้เลือกมากกว่า Proton VPN และมันก็สามารถใช้งานร่วมกับ Netflix และแอปสตรีมมิ่งยอดนิยมอื่น ๆ อาทิเช่น Hulu, Disney+ และ Amazon Prime ได้

ระหว่างการทดสอบเรื่องความเร็วของเรานั้น Windscribe รักษาระดับความเร็วในดี แต่ก็ยังไม่เร็วเท่า ExpressVPN เราไม่พบปัญหาเรื่องการบัฟเฟอร์ในขณะที่สตรีมมิ่งวิดีโอระดับ HD บนเซิร์ฟเวอร์ที่ตั้งอยู่ใกล้เรา แต่เวลาเลือกเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ห่างไกลก็จะเจออาการแลคอยู่เหมือนกัน มีความชัดเจนว่า Windscribe นั้นไม่ได้ลดเรื่องความเร็วของผู้ใช้งานฟรี แต่เราก็อยากให้การทดสอบเรื่องความเร็วนั้นมีความรวดเร็วเหมือนกับการทดสอบที่บิ้วท์อินอยู่ในระบบของ ExpressVPN เหมือนกัน

เราค่อนข้างแปลกใจที่ Windscribe นั้นไม่มี kill switch แต่ยังมีการเข้ารหัส 256-bit AES และนโยบายการไม่บันทึกข้อมูล นอกจากนี้มันยังมีไฟร์วอลล์แบบบิ้วท์อินซึ่งจะป้องกันการรั่วไหลของ DNS, IPv6 และ WebRTC (และในการทดสอบของเราก็ไม่พบเรื่องการรั่วไหลใด ๆ)

Windscribe มีแพลนสำหรับใช้รายเดือนและรายปี ราคาเริ่มต้นที่ US$5.75 / เดือน. นอกจากนี้ยังมีตัวเลือก ‘build-a-plan’ — ที่คุณจะสามารถเพิ่มตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ที่ต้องการได้ทีละตำแหน่งเพื่อค่าใช้จ่ายรายเดือนที่จะถูกลงไปมาก แพลนระดับพรีเมียมทั้งหมดนั้นมาพร้อมกับการรับประกันคืนเงินอย่างไม่มีความเสี่ยงภายใน 30 วัน

บทสรุป:

แพลนฟรีของ Windscribe นั้นอนุญาตให้ทำการเชื่อมต่อได้พร้อมกันไม่จำกัดจำนวนอุปกรณ์ — มันจึงเป็นตัวเลือกที่ดีมาก ๆ สำหรับครอบครัวใหญ่หรือครัวเรือนที่คนอยู่กันเยอะ ๆ โดยที่พวกเขาเปิดให้ใช้งานด้วยข้อมูลจำกัด 10 GB ต่อเดือน โดยมีความเร็วที่ดีใช้ได้ เวอร์ชันฟรีนั้นสามารถเข้าถึง Netflix และบริการสตรีมมิ่งอื่น ๆ ได้ แต่ว่าไม่มีระบบ kill switch Windscribe มีแพลนในรูปแบบที่ต้องชำระเงินให้เลือกหลายรูปแบบ และคุณก็สามารถสร้างแพลนในรูปแบบที่คุณต้องการเองได้ในราคาที่ถูกกว่าเมื่อเทียบกับคู่แข่งรายอื่น ๆ

ดาวน์โหลด Windscribe สำหรับ Mac

อ่านรีวิวฉบับเต็มเกี่ยวกับ Windscribe ของพวกเราได้ที่นี่

4. Hide.me — เหมาะสำหรับ Torrent และ P2P

4. Hide.me — เหมาะสำหรับ Torrent และ P2P

Hide.me อนุญาตให้ torrent และ P2P ได้ด้วยเซิร์ฟเวอร์ฟรีทั้งหมด 5 แห่ง (ในเยอรมัน เนเธอร์แลนด์ แคนาดา สหรัฐอเมริกาตะวันออกและตะวันตก) และก็มีการจำกัดข้อมูลในการใช้งานอยู่ที่ 10 GB ต่อเดือน ซึ่งก็ถือว่ามากพอสำหรับการดาวน์โหลดไฟล์ต่าง ๆ หลาย ๆ ไฟล์ จะต่างจาก Windscribe เนื่องจากพวกเขาให้เชื่อมต่อได้ไม่จำกัดจำนวนอุปกรณ์ แต่สำหรับ Hide.me จะเชื่อมต่อได้แค่ 1 อุปกรณ์เท่านั้น

ในการทดสอบความเร็วของเรานั้น ความเร็วที่เราเห็นนั้นก็ถือว่าดีอยู่ในระหว่างที่ทำการดาวน์โหลด torrent ผ่าน uTorrent แต่กระนั้น ถ้าเราใช้  ExpressVPN ก็จะสามารถดาวน์โหลดไฟล์เดียวกันนั้นได้เร็วกว่า ตอนที่เราเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ Hide.me ในช่วงเวลาที่ไม่พีคนั้น ความเร็วของเราก็เรียกได้ว่าเป็นปกติ และเราก็ไม่พบเจอปัญหาในการดาวน์โหลดไฟล์และการสตรีมมิ่ง Youtube ผ่าน Safari ก็ลื่นไหลดี อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาพีค บางไฟล์ก็อาจจะใช้เวลาดาวน์โหลดนานกว่าปกติ เว็บเพจและวิดีโอก็โหลดช้ากว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด

Hide.me นั้นไม่ค่อยเหมาะสำหรับการสตรีมมิ่ง บางครั้งเราสามารถเปิด Netflix ดูวิดีโอได้ก็จริง แต่ Netflix ก็มักจะตรวจพบว่าเรากำลังใช้งาน VPN อยู่ เราอยากจะแนะนำให้ใช้ ExpressVPN มากกว่าถ้าคุณอยากจะเข้าถึงเว็บไซต์สตรีมมิ่งอย่าง Netflix US, UK, TH และอื่น ๆ ได้อย่างสม่ำเสมอ

Hide.me นั้นมีบริการโปรโตคอลและฟีเจอร์มาตรฐานทั่วไป อาทิเช่น การเข้ารหัส 256-bit AES นโยบายการไม่บันทึกข้อมูล และ kill switch นอกจากนี้แล้วก็ยังมีฟีเจอร์ที่ชื่อว่า Stealth Guard ซึ่งจะให้คุณเลือกได้ว่าจะให้แอปไหนหยุดทำงานตอนที่ VPN ถูกปิด

Hide.me มีแพลนระดับพรีเมียมหลายแผน ราคาเริ่มต้นที่ US$3.84 / เดือน แพลนที่ต้องทำการชำระเงินนั้นจะมาพร้อมกับสิทธิ์ในการเข้าถึงทุกเซิร์ฟเวอร์และการใช้งานพร้อมกัน 10 อุปกรณ์

บทสรุป:

Hide.me นั้นรองรับการ torrent ได้ดี มันมีการจำกัดข้อมูลที่ 10GB/เดือน และมาพร้อมกับฟีเจอร์มาตรฐานสำหรับ VPN ทั่วไป อย่างไรก็ตาม มันไม่สามารถเข้าถึง Netflix ได้อย่างสม่ำเสมอ ถ้าอัปเกรดไปใช้แพลนพรีเมียมของ Hide.me แล้วคุณจะสามารถใช้ข้อมูลได้ไม่จำกัด และก็สามารถเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ได้ทั้งหมด พร้อมใช้งานได้พร้อมกัน 10 การเชื่อมต่อ

ดาวน์โหลด Hide.me สำหรับ Mac

อ่านรีวิวฉบับเต็มเกี่ยวกับ Hide.me ของพวกเรา

5. Hotspot Shield — VPN สำหรับ Mac ใช้งานง่ายและมีความเร็วสูง

5. Hotspot Shield — VPN สำหรับ Mac ใช้งานง่ายและมีความเร็วสูง

Hotspot Shield นั้นใช้งานง่ายมาก ๆ — หน้าตาอินเทอร์เฟซสำหรับ Mac นั้นดูสะอาดเรียบง่าย ออกแบบมาดี ดังนั้นคุณไม่มีปัญหาในการใช้งานแน่นอน ถึงแม้ว่าจะไม่เคยใช้ VPN มาก่อนก็ตาม นี่จึงทำให้มันเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ใช้งานใหม่

Hotspot Shield อ้างว่าพวกเขานั้นจำกัดความเร็วผู้ใช้งานฟรีอยู่ที่ 2Mbps แต่เราก็สามารถสตรีมมิ่งเนื้อหาบน Youtube ความชัดระดับ HD ได้อย่างไหลลื่นในขณะที่ทำการเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ฟรีที่สหรัฐอเมริกา อีกข้อจำกัดหนึ่งของ Hotspot Shield ก็คือการจำกัดข้อมูลที่ 500 MB/วัน ซึ่งเป็นข้อจำกัดที่เคร่งมากกว่า Windscribe หรือ Hide.me ซึ่งอยู่ที่ 10 GB/เดือน

ฟีเจอร์ความปลอดภัยของ Hotspot Shield นั้นประกอบด้วยการเข้ารหัส 256-bit AES และก็โปรโตคอลความปลอดภัยที่ไม่เหมือนใครชื่อว่า Hydra ซึ่งเป็นกฎสำหรับเซิร์ฟเวอร์หลาย ๆ ข้อในการที่จะช่วยเพิ่มความเร็วและความปลอดภัย Hotspot Shield สำหรับเวอร์ชัน macOS นั้นจะต่างจาก VPN สำหรับ Mac รายอื่น ๆ ตรงที่ kill switch นั้นไม่สามารถใช้งานได้

Hotspot Shield มีแพลนสมัครใช้งานรายเดือนและรายปีเริ่มต้นที่ US$2.99 / เดือน แพลนแบบพรีเมียมทั้งหมดนั้นจะนำเอาข้อจำกัดเรื่องปริมาณข้อมูลออก และจะเปิดให้เข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมด อนุญาตให้ทำการสตรีมมิ่ง และสามารถใช้งานได้พร้อมกัน 5 อุปกรณ์

บทสรุป:

Hotspot Shield นั้นถือได้ว่าเป็นตัวเลือกที่ฟรีและดีสำหรับผู้ใช้งานมือใหม่ นอกจากจะมีหน้าตาอินเทอร์เฟซที่เข้าใจง่ายแล้ว มันยังเปิดให้ใช้งานได้ 1 เซิร์ฟเวอร์ที่ตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกา และก็ให้คุณใช้งานได้วันละ 500 MB ด้วยความเร็วที่ถือว่าเร็วใช้ได้ หากต้องการเข้าถึงการรองรับสตรีมมิ่ง คุณจะต้องอัปเกรดไปใช้แพลนระดับพรีเมียม

ดาวน์โหลด Hotspot Shield สำหรับ Mac

อ่านรีวิวฉบับเต็มเกี่ยวกับ Hotspot Shield ได้ที่นี่

การเปรียบเทียบระหว่าง VPN ฟรีที่ดีที่สุดสำหรับ Mac ในปี 2023

VPN ฟรี จำนวนตำแหน่งของเซิร์ฟเวอร์ ข้อมูลจำกัด ความเร็วจำกัด จำนวนอุปกรณ์สูงสุด หน้าอินเทอร์เฟซภาษาไทยสำหรับ Mac Kill switch ใช้งานร่วมกับแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งได้ ราคาเริ่มต้น
🥇1. ExpressVPN 160 ไม่จำกัด ไม่จำกัด 5 US$6.67 / เดือน
🥈2. Proton VPN 3 ไม่จำกัด ไม่จำกัด 1 US$4.99 / เดือน
🥉3. Windscribe 10+ 10 GB/เดือน ไม่จำกัด ไม่จำกัด US$5.75 / เดือน
4. Hide.me 5 10 GB/เดือน ไม่จำกัด 1 US$3.84 / เดือน
5. Hotspot Shield 1 500 MB/วัน 2Mbps 1 US$2.99 / เดือน

ควรจะเลือก VPN ฟรีที่ดีที่สุดสำหรับ Mac อย่างไร

  • ความปลอดภัย — เพื่อที่จะแน่ใจว่าข้อมูลของคุณนั้นจะได้รับการคุ้มกันอยู่ตลอดเวลา คุณควรจะเลือกใช้ VPN ที่มีระบบการเข้ารหัส 256-bit AES มีนโยบายการไม่บันทึกข้อมูล และ kill switch เท่านั้น
  • ความเร็ว — ยิ่งเร็วยิ่งดี ปกติแล้ว VPN นั้นจะทำให้ความเร็วอินเทอร์เน็ตของคุณลดลงซึ่งเป็นเพราะกระบวนการเข้ารหัส VPN ที่เปิดให้ใช้ฟรีนั้นจะช้ากว่า VPN พรีเมียม เพราะว่าพวกเขาจะเปิดให้เข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ในจำนวนที่น้อยกว่า ซึ่งก็ทำให้คนต้องแย่งกันใช้งาน อย่างไรก็ตาม VPN ฟรีสำหรับ Mac ทั้งหมดในรายการนี้นั้นสามารถรักษาระดับความเร็วได้ดี สำหรับกิจกรรมทางออนไลน์ส่วนใหญ่
  • ใช้งานง่าย — หนึ่งในข้อดีของ macOS ก็คือทุกอย่างสามารถทำงานได้อย่างราบรื่น และคุณก็คงต้องการให้ VPN เป็นแบบนั้นเช่นเดียวกัน VPN ฟรีส่วนใหญ่มักมีปัญหาในการติดตั้งและเปิดใช้งาน ดังนั้นคุณควรจะมองหา VPN ที่ง่ายต่อการดาวน์โหลดและติดตั้งจากเว็บไซต์ของพวกเขา หรือจาก App Store
  • ไม่มีโฆษณา— มีน้อยสิ่งที่จะแย่ไปกว่าการต้องดูโฆษณาเพื่อที่จะสามารถใช้แอปได้ เลือกใช้ VPN ที่ไม่บังคับให้คุณต้องดูโฆษณาเพื่อให้จะใช้งานต่อได้ VPN ทั้งหมดในรายการนี้นั้นไม่มีบังคับให้ดูโฆษณา
  • ใช้งานเข้ากันได้กับ Mac — เนื่องจากการที่ macOS นั้นมีอัปเดตอยู่อย่างสม่ำเสมอ รวมถึงเรื่องที่ Apple นั้นเปลี่ยนมาใช้ชิป Apple Silicon (M1) คุณควรจะตรวจสอบให้มั่นใจว่า VPN ที่คุณเลือกนั้นจะสามารถใช้งานกับ Mac และ macOS เวอร์ชันที่คุณใช้ได้ VPN ทั้งหมดในรายการนี้สามารถใช้งานได้ทั้งกับ Mac ชิป Intel และ M1 แต่ในส่วนของ macOS นั้นจะขึ้นกับเวอร์ชันที่ต่างกันออกไป

ความเสี่ยงและข้อเสียของการใช้ VPN ฟรีบน Mac ของคุณ

  • ความปลอดภัยที่ต่ำ — MacOS นั้นมีความปลอดภัยที่บิ้วท์อินมาดีเยี่ยม แต่ก็ยังมีความเสี่ยงได้อยู่ดีถ้าคุณเลือกใช้ VPN ฟรี ข้อมูลของคุณอาจเกิดการรั่วไหล และมันก็อาจจะแย่กว่าการที่ไม่ใช้ VPN เลยตั้งแต่แรก คุณไม่มีทางรู้ได้ว่าข้อมูลของคุณถูกส่งไปไหน เว้นแต่ว่าคุณจะเลือกใช้ VPN ที่ได้รับความไว้วางใจซึ่งมีโปรโตคอลความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวที่ดี
  • ความเร็วที่ต่ำ — VPN ฟรีหลายแบรนด์นั้นมีเซิร์ฟเวอร์ให้เลือกใช้งานน้อย ซึ่งก็หมายความว่าผู้ใช้งานจะแย่งกันใช้จนทำให้ความเร็วต่ำลง VPN พรีเมียมสำหรับ Mac จะมีเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ที่ใหญ่กว่ามาก ซึ่งก็หมายความว่าจะมีผู้ใช้งานเชื่อมต่อในเซิร์ฟเวอร์เดียวกันพร้อม ๆ กันน้อยกว่า
  • เซิร์ฟเวอร์ถูกขึ้นบัญชีดำ — VPN ฟรีส่วนใหญ่มักจะใช้เซิร์ฟเวอร์เดิมร่วมกับที่อยู่ IP ที่ถูกนำกลับมาใช้ใหม่ และหลาย ๆ เว็บไซต์ก็จะทำการบล็อกหรือขึ้นบัญชีดำที่อยู่ IP เหล่านี้เอาไว้ การใช้ VPN ฟรีนั้นอาจจะให้ประสบการณ์ที่ไม่ดีกับคุณในขณะที่ทำการท่องเว็บ เพราะคุณจะต้องพบกับการตรวจสอบความปลอดภัยและ captcha อย่างไม่รู้จบ
  • ไม่สามารถเข้าถึงเว็บไซต์สตรีมมิ่งได้ — VPN ส่วนใหญ่มักจะไม่สามารถเข้าถึงเว็บไซต์สตรีมมิ่งอย่างเช่น Netflix ได้ VPN พรีเมียมอย่าง ExpressVPN นั้นถูกพัฒนาขึ้นมาให้เข้าถึงเว็บไซต์สตรีมมิ่งได้โดยเฉพาะ ดังนั้นคุณก็จะสามารถเข้าไปทำการสตรีมมิ่งรายการโปรดและภาพยนตร์ที่คุณต้องการได้อย่างสม่ำเสมอ รวดเร็ว และปลอดภัย
  • ข้อมูลของคุณถูกนำไปขาย — VPN บางรายนั้นจะติดตามกิจกรรมของคุณ (เช่นนิสัยในการซื้อสินค้าของคุณ รวมถึงเว็บไซต์ที่คุณเข้าไปดู) จากนั้นก็จะนำมันไปขายให้บุคคลที่สาม การเลือกใช้ VPN พรีเมียม ที่มีนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลที่เข้มงวดและนโยบายความเป็นส่วนตัวที่ชัดเจนนั้นจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลกิจกรรมของคุณจะไม่ถูกนำไปขาย

เลือก VPN พรีเมียมสำหรับ Mac ของคุณเช่น ExpressVPN จะช่วยให้คุณไม่ต้องเผชิญกับปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ คุณจะแทบไม่ต้องเจอปัญหาเรื่องความช้าในขณะที่เชื่อมต่อไปหาเซิร์ฟเวอร์ ข้อมูลของคุณก็ไม่ต้องเผชิญความเสี่ยงใด ๆ เพราะว่าพวกเขามีนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลที่เข้มงวด และก็มีการเข้ารหัสที่ปลอดภัยเป็นที่สุด

ดาวน์โหลด ExpressVPN สำหรับ Mac

แบรนด์ชั้นนำอื่น ๆ ที่ไม่ติดอันดับ

  • Private Internet Access (PIA) เป็นหนึ่งใน VPN โปรดของเราในปี 2023 มันมาพร้อมกับฟีเจอร์รักษาความปลอดภัยขั้นสูง มีความเร็วดี และก็มีแอปที่ใช้งานง่ายสำหรับ Mac น่าเสียดายที่ PIA ไม่มีแพลนสำหรับผู้ใช้งานฟรี อย่างไรก็ตาม หากคุณกำลังมองหา VPN สำหรับ macOS ที่มีคุณภาพสูงอยู่ละก็ แพลนราคาถูกของ PIA ก็เป็นตัวเลือกที่เยี่ยมมากตัวเลือกหนึ่งเลยทีเดียว
  • CyberGhost มีความปลอดภัย เร็ว และใช้งานง่าย และก็สามารถเข้าถึง Netflix US, UK และแค็ตตาล็อกอื่น ๆ ได้ รวมถึงแอปสตรีมมิ่งอื่น ๆ ด้วย และก็เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการ torrent และการเล่นเกมอีกด้วย ถึงแม้ว่ามันจะไม่มีแพลนสำหรับผู้ใช้งานฟรี แต่ การสมัครสมาชิกแบบหลายปี ของพวกเขานั้นก็เป็นข้อเสนอหนึ่งที่ดีที่สุดที่จะหาได้เลย
  • TunnelBear มีฟีเจอร์ความปลอดภัยระดับมาตรฐาน พร้อมฟีเจอร์พิเศษที่น่าสนใจ และก็มีแอปสำหรับ Mac ที่ดูน่ารักที่สุด มันมีแพลนฟรีอยู่ free plan แต่คุณจะใช้งานได้เพียงแค่ 500 MB/เดือน ซึ่งเป็นปริมาณที่เพียงพอสำหรับแค่ใช้ทดสอบว่าบริการนี้เหมาะสำหรับคุณหรือไม่

คำถามพบบ่อยเกี่ย

มี VPN ที่ฟรี 100% สำหรับ Mac หรือไม่?

มี แต่ VPN ฟรีทั้งหมดนั้นจะมาพร้อมกับข้อจำกัด เช่นการจำกัดข้อมูลใช้งาน ความเร็วที่ต่ำกว่า หรือจำนวนอุปกรณ์ที่ถูกจำกัด ยกตัวอย่างเช่น Proton VPN ให้คุณใช้งานด้วยข้อมูลที่ไม่จำกัด แต่มีเซิร์ฟเวอร์ให้เลือกแค่ 3 แห่ง Windscribe มีเซิร์ฟเวอร์ให้เลือกมากกว่าแต่จำกัดข้อมูลอยู่ที่ 10 GB/เดือน

หนทางเดียวที่จะเข้าถึงฟีเจอร์ที่ดีที่สุดของ VPN ทั้งหมดได้ 100% ก็คือการเลือกใช้ VPN พรีเมียมอย่าง ExpressVPN คุณจะได้รับความปลอดภัยที่แน่นหนาที่สุด มีข้อมูลให้ใช้งานไม่จำกัด ได้รับความเร็วที่สูงที่สุด และคุณก็สามารถทดลองใช้งานได้อย่างไม่มีความเสี่ยงเป็นเวลา 30 วัน เพราะมีการรับประกันคืนเงิน

ฉันจะติดตั้ง VPN ฟรีบน Mac ได้อย่างไร?

การติดตั้งและใช้งาน VPN บน Mac นั้นต้องทำแค่ 3 ขั้นตอนง่าย ๆ: 

  1. ดาวน์โหลด VPN เราขอแนะนำ ExpressVPN เพราะมันมีฟีเจอร์ความปลอดภัยที่แน่นหนา มีความเร็วสูง และก็มีแอปสำหรับ Mac ที่เข้าใจได้ง่าย
  2. เชื่อมต่อเข้าเซิร์ฟเวอร์ เพื่อให้ได้ความเร็วที่สูงที่สุด ให้เลือกเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้กับที่ตั้งของคุณมากที่สุด
  3. เริ่มทำการท่องเว็บได้เลย แค่นั้นเอง คุณก็สามารถท่องเว็บอย่างปลอดภัย สตรีมมิ่งเนื้อหาดาวน์โหลดไฟล์ และเล่นเกมได้ตามต้องการ

มีส่วนเสริม VPN ฟรีสำหรับ Safari บ้างไหม?

ไม่มี VPN ฟรีที่เป็นส่วนเสริมสำหรับเบราว์เซอร์ Safari แต่ว่ามี VPN ดี ๆ สำหรับ Mac ให้เลือกมากมาย เพื่อที่จะช่วยปกป้องคุณจากภัยอันตรายเวลาที่คุณท่องเว็บผ่าน Safari

ExpressVPN เป็น VPN โปรดของเราสำหรับ macOS และ Safari มันมีความปลอดภัยที่แน่นหนามาก มีความเร็วสูง และก็ใช้งานง่าย และก็ยังใช้งานร่วมกับบริการสตรีมมิ่งชั้นนำได้ พร้อมทั้งยังอนุญาตให้ทำการดาวน์โหลด torrent ได้บนทุกเซิร์ฟเวอร์ และก็เป็นตัวเลือกที่ดีมากสำหรับเกมเมอร์

ฉันสามารถใช้ VPN ฟรีสำหรับ Mac บนทุกอุปกรณ์อื่น ๆ ของฉันได้หรือไม่?

ส่วนใหญ่แล้วไม่ได้ VPN ฟรีสำหรับ Mac มักจะถูกจำกัดจำนวนไว้ที่ 1 การเชื่อมต่อ ในทางกลับกันถ้าคุณได้อัปเกรดไปใช้เวอร์ชันพรีเมียม คุณก็จะสามารถเชื่อมต่อหลายอุปกรณ์พร้อม ๆ กันได้

อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อยกเว้นอยู่ ยกตัวอย่างเช่น Windscribe ซึ่งให้บริการเชื่อมต่อได้ไม่จำกัดจำนวนอุปกรณ์สำหรับผู้ใช้งานฟรี แต่มันจะจำกัดข้อมูลในการใช้งานไว้เพียงแค่ 10 GB ต่อเดือน ซึ่งอาจจะไม่เพียงพอสำหรับผู้ใช้งานบางราย

หากคุณไม่อยากจะต้องมาเผชิญกับข้อจำกัดของ VPN ฟรี เราก็ขอแนะนำให้คุณเลือกใช้ VPN พรีเมียมที่มีราคาไม่แพงอย่างเช่น ExpressVPN

อันดับ
คะแนนทั้งหมด
ข้อเสนอที่ดีที่สุด
พวกเราจัดอันดับผู้ให้บริการตามการทดสอบและค้นคว้าอย่างเข้มงวด แต่ก็จะมีการคำนึงถึงความคิดเห็นของคุณและข้อตกลงเชิงพาณิชย์ของเรากับผู้ให้บริการด้วย หน้านี้มีลิงก์ affiliate
เกี่ยวกับผู้เขียน
คาทาริน่า กลาโมสลิยา
คาทาริน่า กลาโมสลิยา
หัวหน้าผู้จัดการเนื้อหา

เกี่ยวกับผู้เขียน

คาทาริน่า กลาโมสลิยา เป็นหัวหน้าผู้จัดการเนื้อหาที่ SafetyDetectives เธอมีประสบการณ์นานเกือบนับทศวรรษในด้านการค้นคว้า ทดสอบ และรีวิวผลิตภัณฑ์ความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์ และแนวทางการปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับความปลอดภัยทางออนไลน์และการปกป้องข้อมูล ก่อนที่จะมาเข้าร่วมกับ SafetyDetectives เธอเป็นผู้จัดการเนื้อหาและหัวหน้าบรรณาธิการให้กับเว็บไซต์รีวีวมาหลายแห่งที่เกี่ยวข้องกับเรื่องแอนตี้ไวรัสและ VPN นอกจากนี้เธอยังทำงานเป็นนักเขียนและบรรณาธิการฟรีแลนซ์ให้กับสำนักพิมพ์สายเทคโนโลยี การแพทย์ และธุรกิจด้วย ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ใช่ "Safety Detective" แต่เธอก็เป็นผู้ที่มีการเดินทางเป็นประจำ (และก็เขียนเกี่ยวกับการเดินทางบนบล็อกเดินทางเล็ก ๆ ของเธอ) นอกจากนี้เธอก็เป็นคนรักแมวและชอบดูละครสืบสวนสอบสวน