รีวิว ExpressVPN: สรุปย่อโดยผู้เชี่ยวชาญ
ExpressVPN นั้นเป็นหนึ่งใน VPN ที่ปลอดภัยที่สุด เร็วที่สุด ใช้งานง่ายที่สุด และมันก็มีฟีเจอร์ต่าง ๆ ให้เลือกใช้มากกว่าคู่แข่งอีกด้วย แต่มันมีราคาที่ค่อนข้างจะแพงกว่าเมื่อเทียบกับแบรนด์ชั้นนำที่มีการทำงานคล้าย ๆ กัน แล้ว ExpressVPN คุ้มค่าราคาหรือไม่ในปี 2024? เราคิดว่าคุ้ม — โดยมีเหตุผลดังต่อไปนี้
ExpressVPN นั้นมาพร้อมกับ:
- ฟีเจอร์ความปลอดภัยระดับมาตรฐาน — การเข้ารหัส 256-bit AES, kill switch และนโยบายการไม่บันทึกข้อมูล
- Split-tunneling — เพิ่มความเร็วให้ VPN ด้วยการเลือกแอปที่คุณต้องการให้ใช้งานผ่าน ExpressVPN และแอปที่ต้องการให้ใช้งานเครือข่ายปกติของคุณ
- Lightway — นี่เป็นโปรโตคอลที่ ExpressVPN พัฒนาขึ้นเอง มันถูกสร้างขึ้นเพื่อให้คุณสามารถใช้งานได้อย่างมีความเร็วสูงและความปลอดภัยที่ดีเยี่ยม
- การป้องกันการรั่วไหลเต็มรูปแบบ — แอปทั้งหมดของ ExpressVPN นั้นมีการป้องกันการรั่วไหลของ DNS, IPv6 และ WebRTC ติดมาในตัว
- Perfect forward secrecy — เปลี่ยนคีย์การเข้ารหัสในแต่ละครั้งที่มีการเชื่อมต่อ VPN เพื่อให้สามารถปกป้องข้อมูลของคุณได้ดียิ่งขึ้น
- เซิร์ฟเวอร์แบบ RAM-only — จะมีการบันทึกข้อมูลไว้บน RAM เท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องดีต่อความเป็นส่วนตัวเพราะว่าเซิร์ฟเวอร์จะล้างข้อมูลทุกครั้งที่มีการรีบูท
- Threat Manager — หยุดตัวติดตามโฆษณาไม่ให้มาแอบดูข้อมูลการท่องเว็บของคุณ และบล็อกการเชื่อมต่อไปยังเว็บไซต์ที่มุ่งร้าย
- ExpressVPN Keys — เครื่องมือจัดการรหัสผ่านที่มีความปลอดภัยสูง ซึ่งจะสามารถใช้งานได้กับทุกการสมัครสมาชิกของ ExpressVPN
- และอีกมากมาย…
นอกจากนี้ ExpressVPN นั้นยังมีการรองรับ การสตรีมมิ่ง, การเล่นเกม และการโหลดบิท ที่ดีที่สุดจาก VPN ทั้งหมดที่พวกเราทดสอบมาเลยด้วย มันสามารถใช้งานได้กับแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งถึง 100+ แพลตฟอร์ม เช่น Netflix, BBC iPlayer, Hulu รวมถึงแพลตฟอร์มในประเทศด้วย มันมีการเชื่อมต่อที่ใช้งานได้เสถียรในขณะใช้เล่นเกม มีการป้องกัน DDoS และก็รองรับบริการคลาวด์เกมมิ่ง แถมยังเปิดให้โหลดบิทได้บนทุกเซิร์ฟเวอร์อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น มันยังสามารถรักษาความเร็วได้ดีเยี่ยมทั้งสำหรับเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้และที่อยู่ไกล
มันมีเซิร์ฟเวอร์ตั้งอยู่ใน 94 ประเทศ (รวมถึงประเทศไทย) ดังนั้นคุณจึงสามารถเลือกใช้งานที่อยู่ IP ได้จากเกือบทุกประเทศที่คุณต้องการ แถมมันยังสามารถใช้งานในประเทศที่ถูกจำกัดการเข้าถึงอย่างเช่นจีนและอิหร่านได้ด้วยการทำ obfuscation (การซ่อน) ทราฟฟิค VPN ของคุณ
ExpressVPN นั้นยังใช้งานง่ายมาก ๆ อีกด้วย มันมีแอปที่ดีที่สุดสำหรับทุกแพลตฟอร์มหลัก อย่าง iOS, Android, Windows, และ macOS (โดยที่มี UI เป็นภาษาไทยทั้งหมด) มันเป็นหนึ่งใน VPN น้อยรายมาก ๆ ที่มีแอปให้ใช้กับเราเตอร์ได้ และคุณก็สามารถซื้อ Aircove ซึ่งเป็นเราเตอร์ Wi-Fi ที่มีการป้องกันของ ExpressVPN ติดมาในตัวได้โดยตรงด้วย
อย่างเดียวที่ ExpressVPN ไม่มีให้ก็คือที่อยู่ IP เฉพาะ ซึ่งจะทำให้คุณสามารถเข้าถึงเว็บไซต์ที่มักจะทำการบล็อกที่อยู่ IP แบบแชร์กันใช้ มันไม่ได้เป็นเรื่องที่สร้างความลำบากอะไรด้านการใช้งานมากมาย แต่ก็เป็นเรื่องน่าผิดหวังเล็กน้อยเนื่องจาก VPN ชั้นนำมากมาย — ไม่ว่าจะเป็น Private Internet Access หรือ CyberGhost VPN — ต่างก็มีที่อยู่ IP เฉพาะให้ใช้งานได้ อีกปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ ของ ExpressVPN ก็คือมันไม่มีฟีเจอร์สำหรับบล็อกโฆษณา ซึ่งคู่แข่ง VPN ระดับชั้นนำรายอื่นต่างก็มีให้
ExpressVPN จะมีการสมัครสมาชิกแบบ 1 เดือน, 6 เดือน และ 12 เดือน แพลนที่มีความคุ้มค่าที่สุดก็คือแพลนแบบ 12 เดือน เนื่องจากมันมีการลดราคาสูงมากสำหรับการใช้งานปีแรก รวมถึงมีแถมให้ใช้งานได้ฟรีอีก 3 เดือน และการสมัครสมาชิกทั้งหมดก็มีการรับประกันคืนเงินอย่างไม่มีความเสี่ยงเป็นเวลา 30 วัน
🏅 อันดับโดยรวม | VPN 1 จาก 82 |
🌍 จำนวนเซิร์ฟเวอร์ | ไม่มีข้อมูล |
📱 จำนวนอุปกรณ์ | สูงสุด 8 การเชื่อมต่อ (สูงสุด 5 การเชื่อมต่อสำหรับแพลนแบบ 1 เดือน) |
💸 ราคาเริ่มต้น | US$4.99 |
🎁 แพลนระดับฟรี | ❌ |
💰 รับประกันคืนเงิน | 30 วัน |
30 วันไม่มีความเสี่ยง — ทดลองใช้ ExpressVPN ได้เลย
ExpressVPN รีวิวฉบับเต็ม
ExpressVPN นั้นเป็น VPN ที่ดีที่สุด หลังจากที่ได้ทำการทดสอบ สืบค้น และทำความคุ้นเคยกับ ExpressVPN มาแล้วนั้น เราก็พูดได้อย่างเต็มปากว่ามันเป็น VPN ที่เราชื่นชอบที่สุดในภาพรวม
เรื่องความปลอดภัยของมันนั้นดีเยี่ยมมาก มันมีทั้งฟีเจอร์ความปลอดภัยระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมและแบบขั้นสูง และมันก็ยังสามารถ ปกป้องทราฟฟิคของคุณบนเบราว์เซอร์ Tor, ใช้งานในประเทศที่ถูกจำกัดการเข้าถึง และก็มีฟีเจอร์เสริมอย่าง split-tunneling, ตัวบล็อกตัวติดตามและเว็บไซต์อันตราย และก็มีเครื่องมือจัดการรหัสผ่านที่ดีมาก ๆ อีกด้วย
นอกจากนี้มันยังเป็น VPN ที่ดีที่สุดสำหรับใช้สตรีมมิ่งและโหลดบิทอีกด้วย ExpressVPN กล่าวอ้างว่ามันสามารถใช้งานกับเว็บไซต์สตรีมมิ่งได้ถึง 100+ เว็บไซต์ และพวกเราก็ได้ทำการทดสอบเรื่องนี้แล้ว — เราและเพื่อนร่วมงานได้ทำการทดสอบมันกับทั้งเว็บไซต์ยอดนิยมและเว็บไซต์ที่คนไม่ค่อยรู้จัก และพวกเราก็สามารถเข้าใช้งานได้อย่างไม่มีปัญหาใด ๆ นอกจากนี้ VPN ยังสามารถรองรับการโหลดบิทได้ในทั้งหมด 94 ประเทศที่มีเซิร์ฟเวอร์อยู่ และพวกเราก็ไม่พบปัญหาในการเข้าถึงโปรแกรมโหลดบิทเลยด้วย
นอกจากนี้ ExpressVPN ยังใช้งานเพื่อเล่นเกมได้ดีอีกด้วย มันมีความเร็วที่สูงมาก ๆ สำหรับทั้งเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้และไกล และมันก็จะช่วยปกป้องทราฟฟิคของคุณเพื่อให้คุณเล่นเกมได้ต่อเนื่องอย่างไม่ถูกรบกวน
และเราก็มักจะแนะนำมันให้กับผู้ที่เป็นมือใหม่ด้าน VPN อยู่เสมอ คุณสามารถค้นหาและเชื่อมต่อไปยังแต่ละเซิร์ฟเวอร์ได้ภายในไม่กี่คลิก และทุกการตั้งค่าก็มีคำอธิบายอยู่ตลอดเพื่อช่วยไม่ให้คุณรู้สึกหลงทาง
ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่ VPN ที่มีราคาถูกที่สุด แต่มันก็มีความคุ้มค่าดีมาก ๆ — และคุณก็จะสามารถประหยัดได้อีกด้วยการสมัครสมาชิกพร้อมใช้คูปองลดราคา 82% สุดพิเศษของเรา ปัจจุบัน ExpressVPN มีแถมให้ใช้งานได้ฟรีเป็นเวลา 3 เดือน และมันก็มีการรับประกันคืนเงินอย่างไม่มีความเสี่ยงถึง 30 วัน
ExpressVPN ฟีเจอร์
ExpressVPN มีฟีเจอร์ความปลอดภัยดังต่อไปนี้:
- การเข้ารหัส 256-bit AES การเข้ารหัสระดับทหารแบบ End-to-end เพื่อช่วยให้มั่นใจ 100% ว่าทราฟฟิคอินเทอร์เน็ตของคุณจะไม่สามารถถูกเปิดอ่านได้
- นโยบายการไม่บันทึกข้อมูล ExpressVPN จะไม่บันทึกข้อมูลส่วนตัว ทราฟฟิคอินเทอร์เน็ต หรือไฟล์ที่คุณดาวน์โหลด ExpressVPN นั้นเคยผ่านการตรวจสอบจากบุคคลที่สามเพื่อยืนยันนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลนี้มาแล้ว
- Kill switch (Network Lock) ฟีเจอร์นี้จะปิดกั้นทราฟฟิคอินเทอร์เน็ตของคุณถ้าคุณขาดการเชื่อมต่อจากเซิร์ฟเวอร์ VPN นี่ก็เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ข้อมูลของคุณรั่วไหลไปโดยบังเอิญ
เรื่องหนึ่งที่เราชอบเกี่ยวกับ ExpressVPN มาก ๆ ก็คือเซิร์ฟเวอร์ของมันเป็นแบบใช้งานเมมโมรี่ RAM ซึ่งก็หมายความว่าจะไม่มีการบันทึกข้อมูลใด ๆ ไว้บนฮาร์ดไดรฟ์ ข้อมูลทั้งหมดในเซิร์ฟเวอร์จะถูกล้างในทุก ๆ ครั้งที่เซิร์ฟเวอร์ถูกรีบูท
ExpressVPN นั้นยังมี perfect forward secrecy อีกด้วย ซึ่งมันจะทำการเปลี่ยนคีย์การเข้ารหัสและถอดรหัสทราฟฟิคอินเทอร์เน็ตของคุณในทุก ๆ 15 นาที หรือเมื่อไรก็ตามที่คุณตัดการเชื่อมต่อจาก VPN นี่จะช่วยให้คุณรู้สึกมั่นใจได้ว่าข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อนของคุณนั้นจะถูกรักษาไว้อย่างปลอดภัย ถึงแม้ว่าคีย์การเข้ารหัสล่าสุดจะถูกแฮ็กไปได้ก็ตาม (แฮ็กเกอร์จะสามารถดูข้อมูลที่ใช้คีย์การเข้ารหัสนั้นได้เท่านั้น แต่จะไม่สามารถดูข้อมูลทราฟฟิคในอดีตหรือในอนาคตได้)
นอกจากนี้มันยังมีการป้องกันการรั่วไหลของ IPv6, DNS และ WebRTC อย่างเต็มรูปแบบอีกด้วย — เราชอบตรงนี้เป็นที่สุดเลยเพราะว่าคู่แข่งระดับชั้นนำรายอื่น ๆ จะป้องกันการรั่วไหลแค่บางชนิดเท่านั้น (ยกตัวอย่างเช่น Surfshark จะมีเฉพาะการป้องกันการรั่วไหลของ DNS) เราได้ทำการทดสอบการป้องกันการรั่วไหลของมันกับเซิร์ฟเวอร์ใน 10+ ประเทศ และเราก็ไม่พบการรั่วไหลใด ๆ เลยสักนิดเดียว
ExpressVPN นั้นมีโปรโตคอลดังต่อไปนี้ให้ใช้:
- Lightway (TCP/UDP) นี่เป็นโปรโตคอลที่ ExpressVPN พัฒนาขึ้นเองซึ่งเป็นแบบโอเพนซอร์ซ และหมายความว่าใคร ๆ ก็สามารถเปิดเข้าไปดูโค้ดเพื่อตรวจสอบช่องโหว่เรื่องความปลอดภัยได้ (อันที่จริง Lightway นั้นก็เคยผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยมาแล้วหลายครั้ง) Lightway นั้นมีความปลอดภัยที่ดีเยี่ยม และก็มีความเร็วที่สูงมาก ๆ เนื่องจากมันมี codebase ที่ใช้ทรัพยากรน้อย — ในการทดสอบของเรานั้น เราจะได้ความเร็วที่สูงที่สุดตลอดตอนที่ใช้งาน Lightway และเราก็ยังชอบมากที่ Lightway มีการป้องกันการเปลี่ยนเครือข่าย หรือให้ยกตัวอย่างก็คือมันจะไม่ตัดการเชื่อมต่อถึงแม้ว่าคุณจะเปลี่ยนจาก Wi-Fi ไปใช้เน็ตมือถือก็ตาม Lightway นั้นใช้งานได้กับทุกแอปของ ExpressVPN
- OpenVPN (TCP/UDP) OpenVPN นั้นเป็นโปรโตคอลยอดนิยมซึ่งเป็นแบบโอเพนซอร์ซ และมันก็มีความปลอดภัยดีเยี่ยม แต่มันก็มักจะทำให้ความเร็วตกลงอย่างเห็นได้ชัด — ถ้าเราใช้ OpenVPN เมื่อเทียบกับ Lightway แล้ว ความเร็วของเราจะตกลงไป 50–60% คุณสามารถใช้ OpenVPN ได้กับทุกแอปของ ExpressVPN ยกเว้น iOS
- IKEv2/IPSec มันมีความปลอดภัยที่ดี มีความเร็วที่ดี และก็มีการป้องกันการเปลี่ยนเครือข่ายได้เหมือน Lightway แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น ในการทดสอบของเรา IKEv2/IPSec ก็ช้ากว่า Lightway ถึง 40% นอกจากนี้ยังต่างจาก Lightway ไปอีกตรงที่ IKEv2/IPSec นั้นไม่มีให้ใช้งานบนแอป ExpressVPN ของ Android, Windows และ Linux และมันก็จะถูกรัฐบาลบล็อกได้ง่ายมาก ๆ ด้วย
Android | iOS | Windows | macOS | Linux | เราเตอร์ | |
Lightway | ✅ | ✅ | ✅ | ✅ | ✅ | ✅ |
OpenVPN | ✅ | ❌ | ✅ | ✅ | ✅ | ✅ |
IKEv2/IPSec | ❌ | ✅ | ❌ | ✅ | ❌ | ❌ |
นอกจากนี้ก็ยังมีการตั้งค่าโปรโตคอลแบบ อัตโนมัติ ซึ่งจะช่วยเลือกโปรโตคอลที่ดีที่สุดสำหรับตำแหน่งที่คุณอยู่อย่างอัตโนมัติอีกด้วย
ExpressVPN นั้นยังมีฟีเจอร์ความปลอดภัยอื่น ๆ เพิ่มเติม ซึ่งประกอบไปด้วย:
Split-Tunneling
ExpressVPN มีเครื่องมือ split-tunneling ที่ใช้งานได้ดีมาก ๆ — และมันก็สามารถใช้งานได้ทั้งกับ Android, Windows และ macOS ในขณะที่ VPN พรีเมียมส่วนใหญ่จะมี split-tunneling เฉพาะสำหรับ Windows และ/หรือ Android มีน้อยรายมากที่จะมีฟีเจอร์นี้สำหรับ macOS — อันที่จริง ExpressVPN นี่เรียกได้ว่าเป็น VPN หายากเลยเพราะว่ามันมี split-tunneling สำหรับผู้ใช้งาน Mac ฟีเจอร์นี้เปิดให้ใช้งานได้สำหรับ macOS 10.15 หรือเก่ากว่า โดยที่ ExpressVPN กำลังอยู่ระหว่างพัฒนาเพื่อให้รองรับ macOS 11
Split-tunneling นั้นทำงานได้อย่างไร้รอยต่อระหว่างการทดสอบของเรา เราทดสอบมันในขณะที่ทำการโหลดบิท โทร VoIP (วอยซ์โอเวอร์ไอพี) และสตรีมมิ่ง — และมันก็สามารถทำงานได้ตามที่โฆษณาเอาไว้ แถมตอนที่เราตั้งค่าให้มันโหลดบิทผ่านเซิร์ฟเวอร์ของ ExpressVPN และเราก็ท่องเว็บผ่านเครือข่ายปกติ เราก็ได้ความเร็วในการดาวน์โหลดที่เร็วขึ้นเมื่อเทียบกับตอนที่ตั้งค่าให้ทราฟฟิคทั้งหมดนั้นใช้งานผ่าน VPN
เรายังรู้สึกด้วยว่าฟีเจอร์ split-tunneling ของ ExpressVPN นั้นใช้งานง่ายมาก ๆ ไม่ว่าจะทั้งบน Samsung Galaxy, Windows PC หรือ MacBook Pro ก็ตาม ข้อเสียเล็กน้อยของมันก็คือ ExpressVPN ไม่สามารถตั้งค่าการยกเว้นเว็บไซต์หรือที่อยู่ IP จากอุโมงค์ VPN ได้ — แต่คู่แข่งอย่าง Private Internet Access นั้นจะเปิดให้คุณตั้งค่ายกเว้นได้ทั้งแอปและที่อยู่ IP
สรุปโดยรวมแล้ว split-tunneling ของ ExpressVPN นั้นก็ถือว่าใช้งานได้ดีมาก มันเป็นเครื่องมือที่ดีซึ่งจะช่วยให้คุณส่งทราฟฟิคผ่านไปยัง VPN และเครือข่ายปกติได้พร้อม ๆ กัน เราชอบที่เครื่องมือ split-tunneling ของ ExpressVPN นั้นมีตัวเลือกการปรับแต่งที่มากกว่า แต่การเลือกและยกเว้นแอปนั้นก็เพียงพอสำหรับผู้ใช้งานส่วนใหญ่แล้ว แถมฟีเจอร์นี้ยังใช้งานได้ดีและใช้งานง่ายมาก ๆ และก็สามารถใช้งานบน Mac ได้ด้วย
Threat Manager
Threat Manager จะหยุดไม่ให้อุปกรณ์ของคุณสื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ที่มีมัลแวร์หรือตัวติดตาม พูดง่าย ๆ ก็คือ ฟีเจอร์นี้จะช่วยบล็อกการเชื่อมต่อไปยังเว็บไซต์ที่มุ่งร้าย (เพื่อปกป้องคุณจากการฟิชชิง) และจำกัดข้อมูลการท่องเว็บที่ตัวติดตามโฆษณาจะสามารถเก็บไปได้ — ยกตัวอย่างเช่น มันจะไม่รู้ว่าคุณกำลังอ่านบทความอะไรบทเว็บไซต์หรือแอปข่าว Threat Manager นั้นเปิดให้ใช้งานได้ในแอป ExpressVPN บน iOS, macOS และ Linux
เราลองทดสอบฟีเจอร์นี้กับ iPhone X และ MacBook Pro ของเราด้วยการเชื่อมต่อไปยังเว็บไซต์ HTTP ที่ดูไม่น่าไว้วางใจ ในขณะที่เราเชื่อมต่ออยู่กับ ExpressVPN — Threat Manager มันก็ช่วยหยุดไม่ให้เราเข้าถึงเว็บไซต์นี้ได้ในทุก ๆ ครั้ง
อย่างเดียวที่เราไม่ชอบเกี่ยวกับ Threat Manager ก็คือมันไม่บล็อกโฆษณา (ไม่เหมือนอย่างที่ PIA MACE ของ Private Internet Access ทำได้เป็นต้น)
ExpressVPN Keys (เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน)
ExpressVPN Keys นั้นเป็นเครื่องมือจัดการรหัสผ่านที่ใช้งานได้ดี ซึ่งคุณสามารถใช้เพื่อปกป้องรหัสผ่านของคุณทั้งหมดไว้ในคลังดิจิทัลได้ ExpressVPN นั้นยังมีระบบกรอกข้อมูลล็อกอินของคุณโดยอัตโนมัติอีกด้วย เวลาที่คุณลงชื่อเข้าใช้บัญชีออนไลน์ของคุณ — เราได้ทำการทดสอบฟีเจอร์การกรอกข้อมูลอัตโนมัตินี้หลายครั้งแล้วกับ 10+ เว็บไซต์ และมันก็ใช้งานได้ดีอยู่ตลอด
เครื่องมือจัดการรหัสผ่านนี้จะมาพร้อมกับการสมัครใช้งาน ExpressVPN ในแต่ละแพลน และเราก็ชอบมากที่เรายังใช้งานเครื่องมือจัดการรหัสผ่านนี้ต่อได้ฟรี ถึงแม้ว่าการสมัครสมาชิก ExpressVPN ของเราจะหมดอายุแล้วก็ตาม ExpressVPN Keys นั้นเปิดให้ใช้งานได้เป็นส่วนหนึ่งของแอป ExpressVPN บน iOS และ Android หรือในฐานะส่วนขยาย Chrome บน Windows, macOS และ Linux
ExpressVPN Keys นั้นมาพร้อมกับฟีเจอร์สำคัญต่าง ๆ ต่อไปนี้:
- การเข้ารหัส 256-bit AES — ExpressVPN Keys มีการเข้ารหัสระดับทหารเพื่อช่วยปกป้องรหัสผ่านของคุณ
- โครงสร้างแบบ Zero-knowledge — ExpressVPN Keys จะไม่มีการบันทึกข้อมูลของคุณ ดังนั้นจะมีแค่คุณคนเดียวเท่านั้นที่เข้าถึงข้อมูลการล็อกอินได้
- การซิงค์หลายอุปกรณ์ — ExpressVPN Keys จะซิงค์ข้อมูลล็อกอินกันสำหรับทุกอุปกรณ์ เครื่องมือจัดการรหัสผ่านนี้เปิดให้ใช้งานได้บนแอป iOS และ Android หรือในรูปแบบส่วนขยายสำหรับ Chrome บน Windows, macOS และ Linux
- รองรับรหัสผ่านและอุปกรณ์อย่างไม่จำกัด — ExpressVPN Keys เปิดให้คุณสามารถเก็บข้อมูลล็อกอินได้มากเท่าที่คุณต้องการ และคุณก็ยังสามารถใช้บริการนี้ได้บนทุกอุปกรณ์ที่คุณต้องการอีกด้วย
- ตัวตรวจสอบความแข็งแกร่งรหัสผ่าน — ExpressVPN Keys จะแสดงคะแนนความแข็งแกร่งของรหัสผ่านเพื่อแจ้งเตือนคุณเวลาที่คุณใช้งานรหัสผ่านที่ไม่แข็งแกร่งหรือเคยเกิดการรั่วไหลออกไป ฟีเจอร์นี้มีให้ใช้งานได้ในแอป iOS และ Android
- เก็บข้อมูลอื่น ๆ อย่างปลอดภัย — ExpressVPN Keys เปิดให้คุณบันทึกข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อนอื่น ๆ นอกจากรหัสผ่านได้ด้วย อาทิเช่น หนังสือเดินทาง, เลขใบขับขี่ หรือรายละเอียดบัตรเครดิต
ExpressVPN Keys นั้นยังมีเครื่องมือสร้างรหัสผ่านแบบสุ่มติดมาในตัวอีกด้วย เราเห็นว่ามันมีประโยชน์มากเนื่องจากมันสามารถช่วยสร้างรหัสผ่านที่แข็งแกร่งมาก ๆ สำหรับแอปหรือเว็บไซต์บุคคลที่สาม นอกจากนี้เรายังชอบที่มันเปิดให้เราปรับแต่งรหัสผ่านที่จะให้มันสร้างขึ้นมาได้ — คุณสามารถตั้งให้มันมีตัวพิมพ์ใหญ่ ตัวเลข สัญลักษณ์ หรือจะมีทั้งหมดเลยก็ได้เพื่อให้รหัสผ่านที่สร้างมีความปลอดภัย แถมถ้าคุณไม่ชอบรหัสที่มันสร้างให้คุณ หรือคุณต้องการหลาย ๆ รหัสผ่านในคราวเดียว คุณก็สามารถรีเฟรชให้มันสร้างใหม่ได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งจนกว่าที่คุณจะพึงพอใจ
มันสามารถสร้างรหัสผ่านที่มีความยาวระหว่าง 8 ถึง 55 อักขระ ซึ่งก็ยาวเพียงพอแล้วสำหรับคนส่วนใหญ่ แต่ถ้าคุณต้องการจะสร้างรหัสผ่านที่ซับซ้อนแบบสุด ๆ และต้องการความยืดหยุ่นมากกว่านี้ 1Password ก็จะเปิดให้คุณสามารถสร้างรหัสผ่านได้ยาวถึง 100 อักขระเลยทีเดียว
ExpressVPN Keys นั้นยังขาดฟีเจอร์เสริมอื่น ๆ ที่ เครื่องมือจัดการรหัสผ่านชั้นนำ อย่าง 1Password, Dashlane และ RoboForm มี — มันไม่มีการแชร์รหัสผ่าน ซึ่งจะทำให้คุณสามารถแชร์รายละเอียดการล็อกอินอย่างปลอดภัยและตั้งค่าการให้อนุญาตให้กับผู้ใช้งานอื่นได้ และก็ไม่มีวิธีการยืนยันตัวตนสองชั้นซึ่งจะเป็นการยืนยันตัวตนเสริมจากการใช้รหัสผ่านหลัก
แต่เราก็ยังชอบที่ ExpressVPN Keys นั้นเคยผ่านการตรวจสอบอย่างเป็นอิสระมาแล้ว — ซึ่งก็ไม่พบช่องโหว่ใด ๆ
สรุปโดยรวมแล้ว ExpressVPN Keys นั้นทำการจัดการรหัสผ่านได้ดีมาก ถึงแม้ว่ามันจะขาดฟีเจอร์เสริมอื่น ๆ ที่เครื่องมือจัดการรหัสผ่านระดับชั้นนำมีให้ก็ตาม มันเป็นเครื่องมือเสริมที่ดีสำหรับ VPN คุณภาพเยี่ยม และมันก็เพียงพอแล้วสำหรับผู้ใช้งาน ExpressVPN ผู้ที่แค่ต้องการจะสร้างรหัสผ่านใหม่ซึ่งมีความแข็งแกร่ง หรือต้องการเก็บรหัสผ่านที่มีอยู่แล้วเอาไว้อย่างปลอดภัย รวมถึงต้องการให้มันกรอกรหัสผ่านและข้อมูลสำคัญอื่น ๆ โดยอัตโนมัติ
MediaStreamer
MediaStreamer นั้นเป็นบริการ Smart DNS ของ ExpressVPN มันทำให้คุณสามารถใช้ VPN บนอุปกรณ์ที่ไม่รองรับแอป VPN ได้ อย่างเช่น Roku, PlayStation และ Xbox โปรดทราบว่า MediaStreamer ไม่ได้เปลี่ยนที่อยู่ IP หรือทำการเข้ารหัสทราฟฟิคของคุณ ดังนั้นมันจะไม่สามารถปกป้องความเป็นส่วนตัวหรือป้องกันการควบคุมแบนด์วิดท์ได้ (แต่มันจะมีความเร็วที่ดีกว่าตอนที่ใช้ VPN)
MediaStreamer นั้นไม่มีการติดตั้งแบบอัตโนมัติ แต่ก็ยังดีเพราะว่า ExpressVPN นั้นมีวิธีการติดตั้งแบบทีละขั้นตอนสอนสำหรับอุปกรณ์ต่าง ๆ มากมาย เพื่อนร่วมงานของเราที่อยู่ในสหรัฐอเมริกาบอกว่าเขาใช้เวลาแค่ 5 นาทีก็ติดตั้ง MediaStreamer กับ PlayStation 4 ของเขาเสร็จแล้ว เขายังได้ยืนยันแล้วว่า MediaStreamer นั้นสามารถใช้งานกับแอปยอดนิยมอย่าง Netflix สหรัฐอเมริกา, Hulu และ Amazon Prime สหรัฐอเมริกาได้
นอกจากเว็บไซน์ในสหรัฐอเมริกาแล้ว MediaStreamer ก็ยังสามารถใช้งานร่วมกับบริการสตรีมมิ่งในประเทศอื่นได้ด้วย ExpressVPN นั้นไม่มีรายการเว็บไซต์ที่ใช้งานด้วยได้ให้เราดู แต่ทางตัวแทนบอกกับเราว่าสามารถติดต่อผ่านไลฟ์แชทไปถามได้ว่าแอปสตรีมมิ่งที่ต้องการนั้นสามารถเข้าด้วย MediaStreamer ได้หรือเปล่า เราได้ถามทางตัวแทนให้บริการว่า MediaStreamer สามารถใช้งานกับ BBC iPlayer ได้หรือไม่ และตัวแทนก็แจ้งว่าสามารถใช้ได้ จากนั้นเราก็ได้ขอให้เพื่อนร่วมงานที่สหราชอาณาจักรทำการทดสอบดู และเขาก็ยืนยันว่ามันสามารถใช้งานได้จริงสำหรับเขา
สรุปโดยรวมแล้ว MediaStreamer นั้นเป็นเครื่องมือ smart DNS ที่ใช้งานง่าย และก็ทำให้คุณสามารถเข้าถึงเว็บไซต์ยอดนิยมได้ผ่านอุปกรณ์ที่ปกติจะไม่รองรับ VPN ภายในตัวไม่ได้ช่วยเรื่องความปลอดภัยเพิ่มเติม แต่มันก็มีความเร็วที่สูงกว่า VPN
Obfuscation
เซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดของ ExpressVPN นั้นมีการรองรับการทำ obfuscation ซึ่งจะช่วยปิดบังทราฟฟิค VPN ของคุณ และทำให้ดูเหมือนว่าคุณกำลังท่องเว็บอยู่ตามปกติ ExpressVPN จะมีการปกป้องทราฟฟิค VPN
ExpressVPN ได้ทำการยืนยันแล้วว่าผู้ใช้งานในประเทศที่ถูกจำกัดการเข้าถึงจะสามารถเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ในประเทศอื่น ๆ ได้ อย่างไรก็ตาม มันมีรายการแนะนำตำแหน่งสำหรับผู้ใช้งานที่อยู่ในจีนด้วย ประเทศที่ถูกจำกัดการเข้าถึงจะมีการใช้วิธีที่ซับซ้อนในการตรวจจับและบล็อกทราฟฟิค VPN และด้วยเหตุผลนี้เองที่ทำให้ VPN ส่วนใหญ่นั้นไม่สามารถใช้งานในจีน อิหร่าน และประเทศอื่น ๆ ที่มีการเซ็นเซอร์อินเทอร์เน็ตได้ อย่างไรก็ตาม ExpressVPN นั้นก็มีวิธีแก้ไขมากมายที่จะทำให้ผู้ใช้งานในทุกประเทศสามารถเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ได้ ซึ่งประกอบไปด้วย:
- การรีเฟรช/เปลี่ยนที่อยู่ IP — ExpressVPN นั้นมีการเปลี่ยนที่อยู่ IP อย่างสม่ำเสมอ
- การหลบหลีก Deep Packet Inspection (DPI) — DPI นั้นสามารถใช้เพื่อค้นหาและบล็อกโปรโตคอลและทราฟฟิค VPN ได้ เครื่องมือ obfuscation ของ ExpressVPN จะสามารถหลบหลีกการบล็อกแบบ DPI ส่วนใหญ่ได้
- ใช้พอร์ตที่หลากหลาย — ExpressVPN จะแนะนำให้คุณเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ด้วยโปรโตคอล OpenVPN TCP ซึ่งจะใช้ TCP พอร์ต 443 นี่เป็นพอร์ตเดียวกันกับที่ใช้ส่งข้อมูลทราฟฟิค HTTPS ทั้งหมด ซึ่งทำให้ผู้ใช้งานเข้าถึงเว็บไซต์ HTTPS ได้ มีโอกาสต่ำมากที่ประเทศที่ถูกจำกัดการเข้าถึงจะทำการบล็อกพอร์ตนี้
เรารู้สึกประทับใจมากที่ ExpressVPN นั้นรองรับการทำ obfuscation ให้กับทราฟฟิคในทุกโปรโตคอล — VPN ชั้นนำส่วนใหญ่จะรองรับการทำ obfuscation สำหรับโปรโตคอล OpenVPN เท่านั้น ทาง ExpressVPN ได้บอกกับเราไว้ว่าโดยปกติแล้วจะแนะนำให้เลือกใช้ตัวเลือก อัตโนมัติ เวลาที่เลือกโปรโตคอลสำหรับการทำ obfuscation ให้ทราฟฟิค
Private Internet Access และ PrivateVPN นั้นก็มีเครื่องมือ obfuscation ที่ดีมาก ๆ เช่นกัน Private Internet Access และ PrivateVPN นั้นจะทำให้ความเร็วตกเนื่องจากมีการเข้ารหัสเพิ่มขึ้นอีกชั้นหนึ่ง — ExpressVPN นั้นเป็นหนึ่งใน VPN น้อยรายมาก ๆ ที่การทำ obfuscation จะทำให้ความเร็วตกลงอย่างไม่มีนัยสำคัญเท่าไร
สรุปโดยรวมแล้ว เราคิดว่า ExpressVPN นั้นมีฟีเจอร์การทำ obfuscation ที่ดีที่สุด เพราะว่ามันใช้งานง่ายมาก ๆ และก็มีความเร็วสูงที่สุด
รองรับทราฟฟิค Tor
เซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดของ ExpressVPN นั้นสามารถรองรับทราฟฟิคจาก The Onion Router (Tor) ได้ คุณไม่ต้องเปิดการตั้งค่าใด ๆ — คุณสามารถเริ่มใช้งานเบราว์เซอร์ Tor ได้เลยหลังจากที่คุณเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ ExpressVPN นอกจากนี้เราก็ยังชอบมากที่ ExpressVPN นั้นก็มีเว็บไซต์ทางการแบบ .onion เหมือนกัน ซึ่งทำให้กลายเป็นเรื่องง่ายหากคุณไม่ต้องการเปิดเผยตัวตนในขณะที่ทำการสมัครสมาชิก นี่ยังทำให้ผู้ใช้งานในประเทศที่มีการเซ็นเซอร์อินเทอร์เน็ตอย่างเข้มงวดนั้นสามารถที่จะสมัครใช้งาน ExpressVPN ได้ด้วย
โปรดทราบไว้ก่อนว่าการใช้ VPN ร่วมกับ Tor นั้นอาจจะส่งผลให้ความเร็วตกลงไปเป็นอย่างมาก — เครือข่าย Tor นั้นช้าอยู่แล้วเพราะว่ามันมีการเข้ารหัสทราฟฟิคของคุณหลายครั้ง และยิ่งเพิ่มการเข้ารหัสของ VPN ไปอีกขั้น มันก็ยิ่งจะทำให้ความเร็วตกลงไปอีก ตอนที่เราทดสอบฟีเจอร์นี้ เว็บไซต์ส่วนใหญ่ก็ใช้เวลาโหลดนานกว่าเดิมมาก (นาน 10–15 วินาที) และเมื่อดูเทียบกับความเร็วอินเทอร์เน็ตปกติของเราแล้ว ความเร็วมันก็ตกลงไป 70–80%
แต่ถ้าคุณใช้เว็บไซต์ .onion และต้องการหลีกเลี่ยงการรั่วไหลของข้อมูล เราก็แนะนำให้คุณใช้ ExpressVPN แต่คุณยังต้องดาวน์โหลดและใช้งานเบราว์เซอร์ Tor เพื่อที่จะเข้าถึงเครือข่าย Tor อยู่ — คู่แข่งรายอื่นอย่าง NordVPN มีฟีเจอร์ที่ทำให้คุณสามารถเปิดเข้าโดเมน .onion จากเบราว์เซอร์อย่าง Opera หรือ Chrome ได้เลยซึ่งก็อาจจะสะดวกกว่าสำหรับผู้ใช้งานบางราย
ExpressVPN ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย
ExpressVPN นโยบายการไม่บันทึกข้อมูลอันเข้มงวด — มันจะไม่บันทึกที่อยู่ IP ของคุณ เว็บไซต์ที่คุณเข้า หรือไฟล์ที่คุณดาวน์โหลดใด ๆ ทั้งสิ้น นโยบายความเป็นส่วนตัวของ ExpressVPN นั้นระบุเอาไว้ชัดเจนว่ามันจะบันทึกข้อมูลที่อยู่อีเมลของคุณเพื่อเอาไว้ใช้ในการสื่อสาร, ข้อมูลการชำระเงินเพื่อเอาไว้ใช้คืนเงิน และแอป VPN ที่คุณดาวน์โหลด ExpressVPN นั้นจะบันทึกการสื่อสารระหว่างทีมสนับสนุนลูกค้าของคุณเพื่อใช้ในการพัฒนาการให้บริการผู้ใช้งาน และปริมาณข้อมูลที่ใช้งานเพื่อใช้เฝ้าระวังผู้ใช้งานที่ใช้บริการในทางที่ผิด
มันยังดีมากด้วยที่คุณสามารถเลือกได้ว่าจะแบ่งปันหรือไม่แบ่งปันข้อมูลการวินิจฉัย (crash report และข้อมูลเกี่ยวกับการเชื่อมต่อ VPN ที่ล้มเหลว) กับ ExpressVPN หลังจากที่คุณดาวน์โหลดแอปมาแล้ว — แอป VPN บางรายนั้นจะไม่มีตัวเลือกแบบนี้ให้กับคุณ และถึงแม้ว่าคุณจะเลือกแบ่งปันข้อมูลนั้น มันก็จะไม่มีข้อมูลบ่งชี้ตัวตนใด ๆ ทั้งสิ้น
เราชอบมากที่ ExpressVPN นั้นผ่านการตรวจสอบอิสระเพื่อยืนยันเรื่องนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลมาแล้วหลายครั้ง ในปี 2019 บริษัทตรวจสอบประเมินอย่าง PricewaterhouseCoopers (PwC) ได้ยืนยันแล้วว่า ExpressVPN นั้นทำตามนโยบายความเป็นส่วนตัวจริง และข้อมูลของผู้ใช้งานก็จะถูกลบในทุกครั้งที่มีการรีบูทเซิร์ฟเวอร์ (ผ่านการใช้งานเทคโนโลยี TrustedServer) และในปี 2022 บริษัทตรวจสอบด้านความปลอดภัย KPMG ก็ได้ทำการตรวจสอบและยืนยันถึงนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลแล้วว่าเป็นเรื่องจริง นอกจากนี้บริษัทด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ Cure53 ก็ได้ตรวจสอบเทคโนโลยี TrustedServer ของ ExpressVPN และยืนยันแล้วว่ามันทำงานตามนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลจริง ๆ
นโยบายการไม่บันทึกข้อมูลของ ExpressVPN นั้นได้รับการพิสูจน์มาแล้วว่ามีการดำเนินการจริงตอนที่เซิร์ฟเวอร์ในประเทศตุรกีถูกยึดไปเมื่อปี 2017 โดยรัฐบาลตุรกี เพื่อทำการสืบสวนเกี่ยวกับการลอบสังหารทูตของรัสเซีย ทางผู้สืบสวนนั้นรู้สึกสงสัยว่าเซิร์ฟเวอร์ของ ExpressVPN นั้นจะมีข้อมูล (อย่างเช่นที่อยู่ IP) ของคนที่ถูกกล่าวอ้างว่าเป็นผู้ลบบัญชี Gmail และ Facebook ของมือสังหาร ซึ่งอาจจะมีหลักฐานสำคัญซึ่งเกี่ยวข้องกับคดีนี้ แต่ในเซิร์ฟเวอร์นั้นก็ไม่มีข้อมูลของผู้ใช้งานใด ๆ ให้ผู้สืบสวนสามารถใช้งานได้ นี่จึงเป็นข้อพิสูจน์เป็นอย่างดีเกี่ยวกับนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลของ ExpressVPN
ยิ่งไปกว่านั้น แอปและส่วนขยายของผู้ให้บริการยังผ่านการตรวจสอบด้านความปลอดภัยมาแล้วเช่นกัน ในปี 2018 บริษัทด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ Cure53 ได้ทำการรีวิวเกี่ยวกับส่วนขยาย Chrome ของ ExpressVPN ซึ่งพวกเขาก็ตรวจพบว่า ExpressVPN ได้ทำตามมาตรฐานสำคัญด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว แอป Windows ของ ExpressVPN นั้นก็ผ่านการตรวจสอบโดยบริษัทความปลอดภัยทางไซเบอร์ F-secure แล้วเช่นกันเมื่อปี 2021 และก็ถูกตรวจสอบเพิ่มเติมอีกครั้งเมื่อปี 2022 — และก็ไม่พบปัญหาด้านความปลอดภัยที่ร้ายแรงใด ๆ F-secure พบเจอปัญหาเล็กน้อย ซึ่งทาง ExpressVPN ก็ได้รีบแก้ไขในทันที นอกจากนี้ Cure53 ยังได้ทำการตรวจสอบแอป macOS ของผู้ให้บริการและก็ทำการยืนยันเกี่ยวกับความปลอดภัยอันดีเยี่ยมของมันด้วย และแอป iOS กับ Android ของผู้ให้บริการก็ได้รับการตรวจสอบแล้วเช่นกันเมื่อปี 2022 และก็ไม่พบปัญหาด้านความปลอดภัยร้ายแรงใด ๆ โปรโตคอล Lightway และฟีเจอร์ ExpressVPN Keys รวมถึงเราเตอร์ Aircove ก็ผ่านการตรวจสอบแล้วเช่นกัน
สำนักงานใหญ่ของ ExpressVPN นั้นตั้งอยู่ที่หมู่เกาะบริติชเวอร์จิน ซึ่งไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของพันธมิตร 5/9/14 Eyes (กลุ่มประเทศที่แบ่งปันข้อมูลข่าวกรองให้กันและกัน) นี่เป็นเรื่องดีเพราะว่าหมู่เกาะบริติชเวอร์จินไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องเก็บข้อมูล และก็มีแต่ศาลสูงสุดของหมู่เกาะบริติชเวอร์จินเท่านั้นที่จะสั่งให้ ExpressVPN แบ่งปันข้อมูลของผู้ใช้งานได้ — แต่เนื่องจาก ExpressVPN ไม่ได้บันทึกข้อมูลใด ๆ สุดท้ายพวกเขาก็ไม่มีข้อมูลจะให้อยู่ดี!
สรุปโดยรวมแล้ว ExpressVPN นั้นมีนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลที่โปร่งใสซึ่งผ่านการตรวจสอบอย่างอิสระ และก็มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในประเทศที่เป็นมิตรต่อความเป็นส่วนตัวซึ่งไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของพันธมิตร 5/9/14 Eyes
ExpressVPN ความเร็วและประสิทธิภาพ
เราได้ทำการทดสอบเรื่องความเร็วอยู่หลายครั้งระหว่างที่เราเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ ExpressVPN เพื่อที่จะดูความเร็วเฉลี่ยของ VPN เราได้ความเร็วสูงที่สุดตอนที่เชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์โรมาเนียที่อยู่ใกล้พื้นที่ของเรา แต่ความเร็ว VPN ตอนที่เชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ห่างไกลอย่างสหรัฐอเมริกาและออสเตรเลียก็ยังถือว่าดีไม่แพ้กัน
ExpressVPN นั้นมีความเร็วสูงมากเพราะว่ามันใช้เซิร์ฟเวอร์แบบ 10 Gbps (10 กิกะบิต) ที่มีคุณภาพดีที่สุด กิกะบิตนั้นเป็นปริมาณแบนด์วิดท์ที่เซิร์ฟเวอร์สามารถส่งได้ต่อวินาที ยิ่งเซิร์ฟเวอร์มีแบนด์วิดท์มากแค่ไหน โอกาสที่จะเกิดการแออัดของข้อมูลก็จะยิ่งน้อยลงเท่านั้น นี่ก็จะทำให้ข้อมูลถูกส่งได้เร็วยิ่งขึ้น
เราเริ่มทำการทดสอบความเร็วจากตอนที่ยังไม่ได้เชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ ExpressVPN อันนี้ก็เพื่อใช้เป็นข้อมูลความเร็วฐานของเรา ถัดไปเราก็ใช้สถานที่อัจฉริยะของ ExpressVPN เพื่อทำการเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ VPN ที่เร็วที่สุด (ของเรามันเชื่อมต่อไปให้ที่โรมาเนีย) ความเร็วที่ตกลงไปนั้นเล็กน้อยมาก และเราก็สามารถท่องเว็บและดูเนื้อหาต่าง ๆ ได้อย่างไม่มีการดีเลย์
จากนั้นเราก็เชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์สหรัฐอเมริกา — รายการทีวีและภาพยนตร์ของ Netflix ก็โหลดเสร็จในทันทีและเราก็สามารถเล่นเกมออนไลน์ได้อย่างไม่มีอาการแลค สุดท้าย เราได้ทำการทดสอบเซิร์ฟเวอร์ออสเตรเลีย เว็บไซต์ทั้งหมดที่เราเข้าชมนั้นก็โหลดเสร็จในทันที และวิดีโอความชัดระดับ HD และ 4K สามารถโหลดเสร็จภายในทันที และเราก็สามารถเล่นเกมออนไลน์ได้อย่างไม่มีแลค
เราได้ทำการทดสอบความเร็วทั้งกับ OpenVPN และ Lightway เพื่อที่จะดูว่าโปรโตคอลตัวไหนมีความเร็วสูงที่สุด และก็ชัดเจนว่าตัวเลือกที่เร็วกว่านั้นคือ Lightway เราได้ทำการทดสอบโปรโตคอลนี้กับเซิร์ฟเวอร์โรมาเนียและออสเตรเลีย เวลาที่ใช้เซิร์ฟเวอร์โรมาเนีย ความเร็วของ OpenVPN นั้นจะช้ากว่าตอนที่ใช้ Lightway ถึง 53% และตอนที่ใช้เซิร์ฟเวอร์ออสเตรเลีย ความเร็วของ OpenVPN จะช้ากว่าถึง 75%
นอกจากนี้เรายังได้ขอให้เพื่อนร่วมงานที่อยู่ในสหรัฐอเมริกาได้ช่วยทำการทดสอบความเร็วด้วย เพราะว่าที่โรมาเนียนั้นมีความเร็วอินเทอร์เน็ตดีอยู่แล้ว แรกสุดเลยเขาก็ทำการทดสอบโดยที่ยังไม่เชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ ExpressVPN ถัดไป เพื่อนร่วมงานของเราก็ใช้สถานที่อัจฉริยะ และเขาก็เชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ในนิวยอร์ก โดยรวมแล้วก็เหมือนกับเราตอนที่เชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ ExpressVPN ที่อยู่ใกล้เคียง เขาก็สังเกตไม่พบความแตกต่างระหว่างที่ท่องอินเทอร์เน็ตหรือสตรีมดูเนื้อหาต่าง ๆ เช่นกัน
จากนั้นเขาก็เชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่สหราชอาณาจักร และเขาก็รายงานว่าความเร็วในการดาวน์โหลดตอนที่ใช้โหลดบิทก็ยังเร็วดี และไม่พบปัญหาใด ๆ ระหว่างการโทร VoIP ทั้งสองครั้ง สำหรับการทดสอบความเร็วครั้งสุดท้าย เพื่อนร่วมงานของเราได้ทำการเชื่อมต่อไปที่เซิร์ฟเวอร์ในออสเตรเลีย (ซึ่งเป็นเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ห่างจากเขามากที่สุด) เขารู้สึกประหลาดใจมากที่ความเร็วของเขาตกลงไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้นตอนที่เขาทดลองท่องอินเทอร์เน็ตดู — เว็บไซต์ต่าง ๆ ใช้เวลาโหลดเพิ่มขึ้นแค่วินาทีเดียว และวิดีโอความชัดระดับ HD ก็โหลดเสร็จภายในเวลาไม่ถึง 1 วินาทีและเล่นแบบ HD ได้ตลอด
สรุปโดยรวมแล้ว ExpressVPN นั้นเป็นหนึ่งใน VPN ที่เร็วที่สุด — ระหว่างการทดสอบของเรา ความเร็วในการเชื่อมต่อของมันนั้นดีเยี่ยมทั้งตอนที่ใช้เซิร์ฟเวอร์ใกล้เคียงและเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ห่างไกล เราสามารถสตรีมดูเนื้อหาบนเว็บไซต์ต่าง ๆ ได้ในความชัดระดับ HD และความเร็วตอนที่โหลดบิทก็ยังดีมากอยู่ ขนาดตอนที่เชื่อมต่อไปเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ห่างไกล รายการกับภาพยนตร์ต่าง ๆ ก็ใช้เวลาโหลดภายในไม่กี่วินาทีเท่านั้น
ExpressVPN เซิร์ฟเวอร์ & ที่อยู่ IP
ExpressVPN มีเซิร์ฟเวอร์อยู่ใน 94 ประเทศรวมถึงในประเทศไทย นี่เป็นเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ที่เรียกได้ว่าใหญ่มาก ๆ ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถค้นหาเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้ได้อย่างง่ายดายไม่ว่าคุณจะอาศัยอยู่ที่ใดก็ตาม
เรื่องหนึ่งที่เราชอบมาก ๆ ก็คือว่าเซิร์ฟเวอร์ของ ExpressVPN นั้นรองรับทราฟฟิค P2P ด้วย นี่ทำให้เราสามารถค้นหาเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้เพื่อให้ได้ความเร็วในการดาวน์โหลดที่ดีขึ้นได้ (VPN ส่วนใหญ่อย่าง ProtonVPN จะรองรับ P2P บนเซิร์ฟเวอร์เฉพาะเท่านั้น)
นอกจากนี้เรายังดีใจมากที่เซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดของ ExpressVPN นั้นรองรับการทำ obfuscation — นี่ถือเป็นเรื่องที่มีประโยชน์มาก ๆ เมื่อเทียบกับการต้องมานั่งเลือกจากรายการเซิร์ฟเวอร์แบบจำกัดเอาเอง
เซิร์ฟเวอร์ส่วนใหญ่ของ ExpressVPN นั้นเป็นเซิร์ฟเวอร์แบบกายภาพ (หมายความว่ามันมีเครื่องเซิร์ฟเวอร์ตั้งอยู่ในประเทศที่คุณเชื่อมต่อไป และส่วนใหญ่แล้วก็มักจะมีความเร็วที่ดีกว่า) แต่ ExpressVPN ก็มีเซิร์ฟเวอร์แบบเสมือนซึ่งจะตั้งอยู่ในประเทศที่ต่างจากประเทศที่คุณเชื่อมต่อไปให้ใช้งานได้เช่นกัน เราชอบที่ ExpressVPN เปิดเผยข้อมูลว่าเซิร์ฟเวอร์เสมือนนั้นจริง ๆ แล้วตั้งอยู่ที่ไหน — เซิร์ฟเวอร์เสมือนนั้นจะถูกส่งข้อมูลไปยังเนเธอร์แลนด์ บราซิล สิงคโปร์ ฮ่องกง และสหราชอาณาจักร
อย่างไรก็ตาม ExpressVPN ไม่มีที่อยู่ IP เฉพาะ ซึ่งจะเป็น IP ที่ถูกจัดสรรให้คุณใช้งานได้เพียงคนเดียว ไม่ต้องแบ่งกับคนอื่น ที่อยู่ IP เฉพาะนั้นจะช่วยไม่ให้คุณต้องเจอปัญหาเรื่องอย่าง reCAPTCHA ซึ่งเป็นการตรวจสอบที่น่ารำคาญว่าคุณไม่ใช่บอท รวมถึงมันจะช่วยให้คุณสามารถเข้าใช้งานบางเว็บไซต์ที่ใช้กับ VPN ไม่ได้ อย่างเช่นเว็บของธนาคาร Private Internet Access นั้นมีที่อยู่ IP เฉพาะให้ใช้งานได้ในหลายประเทศ โดยจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเล็กน้อย
สรุปโดยรวมแล้ว ExpressVPN นั้นมีเซิร์ฟเวอร์มากมายตั้งอยู่ทั่วโลก และทุกเซิร์ฟเวอร์ก็รองรับทราฟฟิค P2P และมีการทำ obfuscation ทั้งหมด
ExpressVPN การรองรับการสตรีมมิ่ง
เราคิดว่า ExpressVPN นั้นเป็นVPN ที่ดีที่สุดสำหรับใช้สตรีมมิ่งเลย เพราะว่ามันใช้งานกับแอปสตรีมมิ่งได้มากถึง 100+ แอป ไม่ว่าจะเป็นแอปยอดนิยมหรือจะเป็นบริการสตรีมมิ่งรายเล็กก็ตาม
ExpressVPN นั้นยังเป็นVPN โปรดในการใช้ดู Netflix ของเราด้วย เพราะว่ามันใช้งานได้เสถียรกับบริการยอดนิยมรายนี้ เราใช้งานมันอยู่เป็นประจำในระเราสามารถดู Netflix โรมาเนียได้ตลอดตอนที่เราเชื่อมต่อไปเซิร์ฟเวอร์ของมัน และเราก็ไม่เจอปัญหาข้อผิดพลาดพร็อกซี่ใด ๆ เลย เพื่อนร่วมงานของเราที่สหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร ได้ยืนยันแล้วว่า ExpressVPN สามารถใช้งานกับ Netflix ในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรได้เช่นกัน นอกจากนี้เราก็ได้ติดต่อไปยังฝ่ายให้บริการลูกค้า และทางตัวแทนก็ทำการยืนยันแล้วว่า ExpressVPN สามารถใช้งานกับ Netflix ได้ถึง 10+ ประเทศ ดังนั้นคุณจะสามารถเลือกได้รายการได้อย่างหลากหลาย ทางตัวแทนยังได้บอกกับเราด้วยว่า คุณจะสามารถใช้ไลฟ์แชทของ ExpressVPN เพื่อสอบถามได้ว่า VPN นี้สามารถใช้งานกับ Netflix ประเทศที่คุณต้องการจะดูได้หรือไม่ ซึ่งก็สะดวกดีมาก
นอกจาก Netflix แล้ว ExpressVPN ก็ยังสามารถใช้งานกับแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งชั้นนำอื่น ๆ ได้ด้วย อาทิเช่น Hulu, Amazon Prime, BBC iPlayer และ Disney+ ยิ่งไปกว่านั้น มันยังสามารถใช้งานเข้ากันได้กับแอปสตรีมมิ่งอื่น ๆ อีกมากมายอย่าง Crunchyroll, VRV, HBO Max, DAZN, RaiPlay, Now TV, ESPN, TVNZ, Antena 3, Channel 4, Sling TV, Apple TV+, ONE 31, Channel 7 และ Sky Go เราชอบเป็นพิเศษที่ ExpressVPN มีรายการของเว็บไซต์สตรีมมิ่งที่ใช้งานได้ระบุให้ดูอยู่บนเว็บไซต์แล้ว — นี่เป็นวิธีที่เร็วกว่าเมื่อเทียบกับการใช้ไลฟ์แชทติดต่อเพื่อสอบถามว่าแพลตฟอร์มที่คุณกำลังสนใจนั้นจะใช้งานกับ VPN ได้หรือไม่
โดยรวมแล้ว ExpressVPN นั้นเป็นตัวเลือกที่ดีเยี่ยมสำหรับการสตรีมมิ่ง — มันสามารถใช้งานได้กับ 100+ บริการสตรีมมิ่ง (รวมถึงเว็บไซต์ชั้นนำอย่าง Netflix, Hulu และ Disney+)
ExpressVPN การรองรับการโหลดบิท
ExpressVPN รองรับการโหลดบิทได้อย่างดีเยี่ยม และมันก็เป็นตัวเลือก #1 ของเราในรายการ VPN ที่ดีที่สุดสำหรับใช้โหลดบิทปี 2024 ด้วย มันรองรับทราฟฟิค P2P บนทุกเซิร์ฟเวอร์ใน 94 ประเทศ (รวมถึงประเทศไทย) ซึ่งก็ช่วยเพิ่มความสะดวกได้เป็นอย่างสูง เพราะว่า VPN บางรายจะเปิดให้โหลดบิทได้เฉพาะบนเซิร์ฟเวอร์เฉพาะเท่านั้น — ยกตัวอย่างเช่น Proton VPN จะรองรับทราฟฟิค P2P บนเซิร์ฟเวอร์ใน 15+ ประเทศเท่านั้น ทำให้คุณไม่สามารถเลือกเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้เพื่อให้ได้ความเร็วสูง ๆ ได้
เราได้ทำการทดสอบ ExpressVPN กับแอป P2P ยอดนิยมทั้งหลายแล้ว และมันก็ใช้งานได้ดีไม่มีปัญหาใด ๆ เราได้ความเร็วสูงที่สุดตอนที่ใช้ qBittorrent แต่ไคลเอนต์อื่น ๆ อย่าง Vuze, Deluge, uTorrent, BitTorrent และ Transmission ก็เร็วไม่แพ้กัน
qBittorrent | ✅ |
Vuze | ✅ |
Deluge | ✅ |
uTorrent | ✅ |
BitTorrent | ✅ |
Transmission | ✅ |
ExpressVPN นั้นมาพร้อมกับการทำ port forwarding ด้วย (มันจะช่วยให้คุณเชื่อมต่อหา peer ได้มากยิ่งขึ้นและดาวน์โหลดได้เร็วขึ้น) แต่จะใช้งานได้เฉพาะกับแอปเราเตอร์เท่านั้น ถึงจะเป็นเช่นนั้นแต่แอปเราเตอร์ก็ติดตั้งใช้งานง่ายมาก ๆ เราใช้เวลาแค่ 6–7 นาทีในการกำหนดค่าแอปบนเราเตอร์และก็เปิด port forwarding เท่านั้น — หลังจากที่ตั้งค่าเสร็จหมดแล้ว ความเร็ว P2P ของเราก็เร็วขึ้นถึง 10% ตอนที่ใช้ Windows PC
ExpressVPN จะช่วยให้คุณโหลดบิทได้อย่างปลอดภัย เพราะว่ามันมี kill switch และการป้องกันการรั่วไหลเต็มรูปแบบ นี่จะเป็นการป้องกันไม่ให้ทราฟฟิคของคุณรั่วไหลออกไปในขณะที่โหลดบิท เราได้ทำการทดสอบการรั่วไหลกับเซิร์ฟเวอร์ใน 10+ ประเทศด้วยการใช้เครื่องมือตรวจสอบการรั่วไหลที่ ExpressVPN มีให้มาในตัว พร้อมกับบริการของบุคคลที่สาม ก่อนที่เราจะทำการดาวน์โหลดไฟล์บิท และเราก็ไม่พบการรั่วไหลใด ๆ เลย นอกจากนี้เรายังได้ทำการทดสอบการรั่วไหลของ IP กับโปรแกรมโหลดบิทถึง 3 โปรแกรมเพื่อให้แน่ใจว่าแอปเหล่านี้จะไม่นำที่อยู่ IP จริงของเราไปแชร์กับ peer คนอื่น ๆ — ผลลัพธ์ก็แสดงที่อยู่ IP ของ ExpressVPN ในทุก ๆ ครั้ง
เราแนะนำให้ใช้งานฟีเจอร์ Threat Manager ของ ExpressVPN ในขณะที่โหลดบิทด้วย เพราะว่ามันจะช่วยบล็อกการเชื่อมต่อไปยังเว็บไซต์อันตราย ซึ่งก็รวมถึงแพลตฟอร์ม P2P ปลอม ที่อาจทำให้เครื่องของคุณติดมัลแวร์ได้ เราได้ลองทำการเชื่อมต่อไปยังเว็บโหลดบิทที่ดูไม่น่าเชื่อถือ 5 เว็บไซต์ และ Threat Manager ก็บล็อกการเชื่อมต่อของเราบนทุกเว็บที่ลอง
สรุปโดยรวมแล้ว ExpressVPN นั้นเป็น VPN ที่รองรับ P2P ได้ดีที่สุด — เซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดของมันต่างก็รองรับ P2P ได้ ใช้งานกับแอป P2P ยอดนิยมได้ และก็มี port forwarding บนแอปเราเตอร์ และยังมีการป้องกันการรั่วไหลที่ดีเยี่ยมอีกด้วย
ExpressVPN การรองรับการเล่นเกม
ExpressVPN นั้นใช้เล่นเกมได้ดีมาก ๆ — เราใช้มันเล่นเกมออนไลน์อย่าง Dota 2 กับ Counter-Strike: Global Offensive บน Steam และมันก็เล่นได้ลื่นไหลมาก ตอนแรกสุดเลยเราลองใช้เซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ห่างไกลอย่างในสหรัฐอเมริกาเพื่อดาวน์โหลด Dota 2 (ประมาณ 35 GB) และมันก็โหลดเสร็จภายในเวลาประมาณ 15 นาทีซึ่งก็ถือว่าเร็วมาก ๆ และตอนที่เราลองเล่นเกมบนเซิร์ฟเวอร์สหรัฐอเมริกาเดียวกันนั้น ค่าปิงของเราก็เฉลี่ยอยู่ที่ (113-119 ms) แต่เราก็ไม่พบอาการแลค เกมค้าง หรือเกมการขาดเชื่อมต่อใด ๆ
เนื่องจาก ExpressVPN จะเปลี่ยนที่อยู่ IP ของคุณ นี่จึงทำให้ผู้เล่นคนอื่น ๆ ไม่สามารถโจมตี DDoS ใส่คุณได้ (การโจมตีแบบปฏิเสธการให้บริการ) ซึ่งจะบังคับให้คุณออฟไลน์ไป แต่สิ่งที่เราชอบมาก ๆ ก็คือ — เซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดของ ExpressVPN นั้นมีการป้องกัน DDoS ในตัวด้วย ดังนั้นถึงแม้ว่าเกมเมอร์คนอื่น ๆ จะพยายามโจมตี DDoS ใส่คุณ มันก็จะส่งผลไปยังที่อยู่ IP ของ ExpressVPN แทน (และก็จะโจมตีไม่สำเร็จด้วย) นี่จะทำให้ที่อยู่ IP จริงของคุณยังคงใช้งานได้อย่างปลอดภัย
ExpressVPN นั้นเป็นหนึ่งใน VPN น้อยรายที่มีการรองรับคลาวด์เกมมิ่ง (มันคือแพลตฟอร์มที่ใช้สตรีมเกมไปยังอุปกรณ์พกพาอย่างแท็บเล็ตและสมาร์ทโฟนได้) มันสามารถใช้งานได้กับบริการคลาวด์เกมมิ่งยอดนิยมมากมาย ซึ่งก็รวมถึง PlayStation Now และ GeForce Now ด้วย เราได้ทำการทดสอบเซิร์ฟเวอร์ใน 10+ ประเทศผ่านบัญชี GeForce Now ของเราด้วยการเล่น Half-Life 2 กับ Just Cause 4 และ ExpressVPN ก็สามารถลดค่าปิงให้เราได้ในทุก ๆ ครั้ง ทำให้เราสามารถเชื่อมต่อได้อย่างเสถียรและปลอดภัย
และเราก็ชอบมากที่ ExpressVPN นั้นมาพร้อมกับแอปเราเตอร์ที่ติดตั้งง่าย (VPN ส่วนใหญ่จะมีขั้นตอนการติดตั้งใช้งานกับเราเตอร์ที่ซับซ้อนมาก) — ดังนั้นเราจึงสามารถใช้งานมันกับเครื่องเล่นเกมที่ไม่รองรับ VPN อย่าง Xbox กับ PlayStation ได้อย่างง่ายดาย เราใช้เวลาเพียงแค่ 7–8 นาทีก็ติดตั้ง ExpressVPN กับเราเตอร์เสร็จแล้ว และก็สามารถใช้มันเล่น Elden Ring บน PlayStation 4 ของเราได้อย่างปลอดภัย ExpressVPN นั้นยังมีตัวเลือกให้ผู้ใช้งานสามารถสั่งซื้อเราของมันเองที่ชื่อว่า Aircove ได้ด้วย ซึ่งจะรองรับความเร็วได้สูงถึง 1,200 Mbps และก็มี VPN ติดมาในตัว
สรุปโดยรวมแล้ว ExpressVPN นั้นใช้เล่นกับการเล่นเกมได้ดีมาก ๆ (และมันก็เป็น ตัวเลือก #1 ในรายการ VPN ที่ดีที่สุดสำหรับใช้เล่นเกมในปี 2024) — มันมีความเร็วสูงเหมาะสำหรับการเล่นเกมทั้งเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้และไกล มันมีการป้องกันการโจมตี DDoS บนทุกเซิร์ฟเวอร์ และก็สามารถใช้งานกับบริการคลาวด์เกมมิ่งได้ แถมยังมีแอปที่ติดตั้งใช้งานกับเราเตอร์ง่ายด้วย เพื่อที่จะช่วยให้คุณเล่นเกมได้อย่างปลอดภัยบนอุปกรณ์ที่ปกติแล้วจะไม่รองรับ VPN
ExpressVPN การหลบหลีกการเซ็นเซอร์
ExpressVPN ใช้การทำ obfuscation เพื่อปิดบังทราฟฟิค VPN ของคุณ ทำให้มันสามารถใช้งานได้ในประเทศอย่างจีน, อิหร่าน, รัสเซีย, ซาอุดีอาระเบีย และอินโดนีเซีย
นอกจากนี้เราก็คิดว่ามันดีมาก ๆ ที่ ExpressVPN มีเซิร์ฟเวอร์ตั้งอยู่ทั่วโลก — มันทำให้ผู้ใช้งานในประเทศที่ถูกจำกัดการเข้าถึงสามารถเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้เคียงเพื่อให้ได้ความเร็วที่สูงได้ ยกตัวอย่างเช่น ผู้ใช้งานที่อยู่ในจีนจะสามารถเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ในสิงคโปร์และญี่ปุ่นได้ ส่วนผู้ใช้งานที่อยู่ในซาอุดีอาระเบียก็จะสามารถใช้เซิร์ฟเวอร์ของอิสราเอลและไซปรัสได้
ExpressVPN แพลนและราคา
ExpressVPN นั้นเป็นบริการ VPN ที่มีราคาค่อนข้างแพงเมื่อเทียบกับผู้ให้บริการรายอื่น ๆ — แต่คุณสามารถใช้คูปองลดราคา 82% ของเราเพื่อที่จะรับบริการได้ในราคาเพียง US$6.25 / เดือน มันมีแพลนการสมัครสมาชิกแบบ 1 เดือน 6 เดือน และ 12 เดือน (ซึ่งมีแถมให้ใช้งานฟรีได้อีก 3 เดือน) แพลนทั้งหมดของ ExpressVPN นั้นจะเปิดให้คุณเข้าถึงฟีเจอร์ได้เหมือน ๆ กัน
แน่นอนว่าแพลนแบบ 12 เดือนนั้นมีความคุ้มค่ามากที่สุด ถึงแม้ว่ามันจะแพงกว่าแพลนแบบ 12 เดือนของคู่แข่งรายอื่น ๆ อย่าง Private Internet Access และ CyberGhost VPN อย่างไรก็ตาม VPN รายอื่น ๆ นั้นต่างก็มักจะขึ้นราคาหลังจากที่หมดช่วงเวลาการสมัครสมาชิกครั้งแรก ยกตัวอย่างเช่น PrivateVPN นั้นจะเพิ่มราคาขึ้นเป็นสามเท่าหลังจากที่จบช่วงเวลาการสมัครสมาชิกครั้งแรก และแพลนของ IPVanish ก็จะเพิ่มราคาขึ้นกว่าสองเท่าหลังจากที่โปรโมชั่นในครั้งแรกหมดอายุ
แถมแพลนที่ยาวที่สุดของ ExpressVPN นั้นจะยังมีโปรโมชั่นที่เพิ่มความคุ้มค่าขึ้นไปอีก — มันมีแทบพื้นที่จัดเก็บอย่างไม่จำกัดของ Backblaze ให้ใช้ได้ฟรีเป็นเวลา 1 ปี Backblaze จะสำรองข้อมูลทั้งหมดของคุณบน Windows กับ Mac และนำมันไปเก็บบนพื้นที่จัดเก็บบนคลาวด์ มันมีการสำรองข้อมูลตามกำหนดเวลา และก็ยังสามารถช่วยคุณตามหาคอมพิวเตอร์ของคุณได้ด้วยถ้าคุณทำมันหาย มันจะเข้ารหัสข้อมูลทั้งหมดของคุณก่อนที่จะส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ จากนั้นก็จะมีการเข้ารหัสเซิร์ฟเวอร์ด้วย คุณสามารถใช้คีย์การเข้ารหัสของคุณเองได้ รวมถึงการยืนยันตัว 2 ชั้นเพื่อช่วยปกป้องข้อมูลที่เก็บให้ปลอดภัยขึ้นไปอีก
ExpressVPN เปิดให้คุณเชื่อมต่อพร้อมกันได้ถึง 8 การเชื่อมต่อใน 1 การสมัครสมาชิก แต่คุณสามารถใช้งานได้มากกว่า 8 อุปกรณ์อีกหากคุณติดตั้ง ExpressVPN ไว้บนเราเตอร์ — และถ้านั่นฟังดูไม่สะดวกสำหรับคุณ และคุณต้องการการเชื่อมต่อที่มากกว่านี้ คุณก็สามารถลองดู Private Internet Access หรือ Surfshark แทนได้ ทั้งสองรายนี้ต่างก็เปิดให้เชื่อมต่อได้ไม่จำกัดจำนวน
ExpressVPN รับการชำระเงินผ่านบัตรเครดิต, PayPal, Bitcoin และ Paymentwall (ซึ่งรองรับตัวเลือกการชำระเงินถึง 11 ตัวเลือก เช่น Mint, Giropay, และ UnionPay) ทุกแพลนนั้นมีการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
สรุปโดยรวมแล้ว ExpressVPN นั้นมีราคาแพงกว่า VPN ชั้นนำรายอื่น ๆ แต่มันก็ยังเป็นบริการที่คุ้มค่ามาก ๆ เนื่องจากมันมีความเร็วที่สูงสุด ๆ มีฟีเจอร์ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวที่แข็งแกร่ง รวมถึงฟังก์ชันซึ่งเกือบจะสมบูรณ์แบบ
ExpressVPN ความสะดวกในการใช้งาน: แอปอุปกรณ์เคลื่อนที่และเดสก์ท็อป
ExpressVPN นั้นมีแอปสำหรับ Android, iOS, Windows, macOS, Linux, Chromebook, Kindle Fire, สมาร์ททีวี และเราเตอร์ Wi-Fi การติดตั้ง ExpressVPN นั้นเป็นเรื่องที่ง่ายมาก ๆ เราใช้เวลาเพียงแค่ 1-2 นาทีก็ดาวน์โหลดและติดตั้ง ExpressVPN สำหรับ Samsung Galaxy, iPhone X, Windows 10 PC และ MacBook Pro เสร็จแล้ว
วิธีการติดตั้ง ExpressVPN (ใน 3 ขั้นตอนง่าย ๆ):
- ขั้นตอนที่ 1: สมัครใช้งาน ExpressVPN. เลือกแพลนที่ตรงกับความต้องการสำหรับคุณ จากนั้นก็เริ่มสร้างบัญชี
- ขั้นตอนที่ 2: ดาวน์โหลดและติดตั้งแอป ทำตามขั้นตอนที่ wizard การติดตั้งของ ExpressVPN แจ้งบนหน้าจอ
- ขั้นตอนที่ 3: เปิดแอป VPN เชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ภายในคลิกเดียว และก็เริ่มท่องเว็บอย่างปลอดภัยได้เลย
Android
แอป Android ของ ExpressVPN นั้นมีฟีเจอร์มากมายและยังใช้งานง่ายอีกด้วย เราติดตั้งใช้งานมันกับ Samsung Galaxy ของเราได้อย่างไม่มีปัญหา และเราก็มองเห็นดีไซน์ที่ถูกออกแบบมาให้เข้าใจง่ายได้ในทันที
หน้าโฮมของแอปนี้จะช่วยให้คุณเชื่อมต่อเข้าหาเซิร์ฟเวอร์ของ VPN ได้อย่างรวดเร็วด้วยการใช้เครื่องมือ สถานที่อัจฉริยะ หรือคุณจะเลือกเชื่อมต่อไปยังสองตำแหน่งที่เคยเชื่อมต่อล่าสุดก็ได้ แตะที่ สถานที่อัจฉริยะ และคุณจะเห็นรายการสถานที่แนะนำสั้น ๆ นอกจากนี้ก็ยังมีตัวเลือกให้ดูรายการเซิร์ฟเวอร์เต็มได้ด้วย
ถ้าคุณแตะที่ไอคอนเส้น 3 เส้นเล็ก ๆ ตรงมุมซ้ายบน มันก็จะเปิดเมนูขึ้นมา ตรงการตั้งค่า คุณสามารถเปิดใช้งานการเชื่อมต่ออัตโนมัติ, ใช้ split-tunneling, ปรับแต่งการตั้งค่าเครือข่าย และเลือกโปรโตคอลที่ต้องการใช้เองได้ — แอป Android ของ ExpressVPN นั้นจะมีให้เลือกใช้ได้ทั้ง Lightway และ OpenVPN (แต่เราแนะนำให้เลือกใช้โปรโตคอลที่ ExpressVPN จัดมาเป็นค่าตั้งต้นเพื่อที่คุณจะได้ความเร็วการเชื่อมต่อและความปลอดภัยที่ดีที่สุด)
อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ใช้งานสะดวกซึ่งเราชอบก็คือ Shortcuts ซึ่งจะทำให้เราสามารถสร้างทางลัดแบบคลิกเดียวเพื่อเปิดใช้งานแอปที่ต้องการ (อย่างเช่น Netflix หรือ Facebook) ซึ่งมันจะปรากฏบนหน้าจอในทันทีหลังจากที่คุณเชื่อมต่อไปยัง ExpressVPN ด้วยวิธีนี้คุณก็ไม่ต้องคอยไปค้นหาแอปที่อยู่ในเครื่อง
แอป Android ของ ExpressVPN นั้นจะไม่มี Network Lock แต่คุณจะยังสามารถเปิดการ “บล็อกอินเทอร์เน็ตเวลาที่ไม่สามารถเชื่อมต่อไปยัง VPN ได้” ซึ่งก็เป็นฟังก์ชันที่ทำงานได้คล้ายกัน แอป Android นั้นยังมาพร้อมกับ ExpressVPN Keys ด้วย แต่มันจะไม่มี Threat Manager
นอกจากนี้เราก็ยังชอบฟีเจอร์ ภาพหน้าจอของแอป ด้วย ซึ่งมันจะช่วยปิดการจับภาพหน้าจอในแอป และจะป้องกันไม่ให้แสดงเนื้อหาแอปในบานหน้าต่างมัลติทาสก์ — ด้วยวิธีนี้ก็จะไม่มีใครสามารถมาดูข้อมูลที่แสดงอยู่บนหน้าจอของ ExpressVPN จากหน้าจอของคุณได้ เรายังคิดว่านี่เป็นเรื่องดีมาก ๆ ที่ฟีเจอร์นี้ช่วยป้องกันแอปที่มีสิทธิ์พิเศษไม่ให้เข้ามาดูเนื้อหาบางประการจากหน้าจอของคุณตอนที่คุณใช้แอป VPN
สรุปโดยรวมแล้ว ExpressVPN นั้นมีแอปที่ดีที่สุดสำหรับ Android ตัวหนึ่ง มันเป็นมิตรต่อผู้ใช้งานมาก ๆ มี UI เป็นภาษาไทย มีตัวเลือกการเชื่อมต่ออย่างง่ายและรวดเร็ว มีฟีเจอร์ความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง และก็มีความเร็วสูง
iOS
แอป iOS ของ ExpressVPN นั้นก็มีความคล้ายคลึงกับแอป Android มาก ๆ อย่างไรก็ตาม แอป iOS นั้นจะไม่มีฟีเจอร์ split-tunneling (TunnelBear จะเป็น VPN ตัวเดียวที่มีสิ่งนี้ให้บริการ) และฟีเจอร์ Shortcuts — แต่มันจะมาพร้อมกับโปรโตคอล Lightway และ IKEv2/IPSec, Threat Manager และ ExpressVPN Keys.
แอป iOS ของ ExpressVPN นั้นจะมี Network Lock ให้ใช้งานได้ แต่จะใช้ได้เฉพาะกับโปรโตคอล Lightway เท่านั้น เรารู้สึกดีใจมาก ๆ ที่ได้เห็นสิ่งนี้เพราะว่า VPN ส่วนใหญ่จะไม่มี kill switch สำหรับแอป iOS ของพวกเขา
สรุปโดยรวมแล้ว ExpressVPN นั้นมีแอป iOS ที่ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี ถึงแม้ว่ามันจะขาดการ split-tunneling (แอป VPN ของ iOS ส่วนใหญ่ก็มักจะไม่มี) แต่มันก็ยังมีฟีเจอร์ความปลอดภัยอื่น ๆ ให้ใช้มากมาย อย่างเช่นเครื่องมือจัดการรหัสผ่านและ kill switch และอินเทอร์เฟซของมันก็สามารถแสดงค่าเป็นภาษาไทยได้ด้วย
Windows/Mac (เดสก์ท็อป)
แอป Windows และ macOS ของ ExpressVPN นั้นดีมาก ๆ เราติดตั้งแอป ExpressVPN บน Windows 10 PC และ MacBook Pro ของเรา มันจะใช้งานได้เหมือนกับแอปอุปกรณ์เคลื่อนที่ ตรงที่คุณสามารถเชื่อมต่อไปยัง สถานที่อัจฉริยะ หรือเซิร์ฟเวอร์ที่คุณเคยเลือกล่าสุดได้ หากคุณคลิกที่ไอคอนเมนู คุณก็จะสามารถดูตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมด และก็เข้าถึงเมนูตัวเลือกและติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าได้
เมนู ตัวเลือก เป็นเมนูไว้ใช้เข้าถึงฟีเจอร์ความปลอดภัยต่าง ๆ (อย่างเช่น kill switch และ split-tunneling), ตัวเลือกโปรโตคอล และการตั้งค่าขั้นสูง ถึงแม้ว่าคุณจะสามารถตั้งค่า VPN ได้ตามต้องการ แต่เราก็ชอบมากที่ ExpressVPN นั้นมีการกำหนดค่าฟังก์ชันสำคัญต่าง ๆ เป็นค่าเริ่มต้นมาให้แล้ว เพื่อที่คุณจะไม่จำเป็นต้องไปเปิดปิดการตั้งค่าต่าง ๆ เอาเอง
ExpressVPN นั้นเป็นหนึ่งใน VPN น้อยรายที่มี split-tunneling สำหรับ macOS แต่มันสามารถใช้งานได้กับ macOS 10.15 หรือเก่ากว่าเท่านั้น (ฟีเจอร์นี้ยังไม่มีให้ใช้งานสำหรับ macOS 11.0 หรือใหม่กว่า) แอป macOS นั้นยังมาพร้อมกับ Threat Manager ด้วย และทั้งสองแอปก็เปิดให้เข้าถึงโปรโตคอลได้เหมือนกัน
สรุปโดยรวมแล้ว ExpressVPN นั้นมีแอปสำหรับเดสก์ท็อปที่ดีมาก โดยที่มี UI แสดงค่าเป็นภาษาไทยได้ แอป Windows และ macOS นั้นหน้าตาจะดูเหมือน ๆ กัน และ ExpressVPN ยังมี split-tunneling ให้ใช้งานได้สำหรับ macOS 10.15 หรือเก่ากว่าอีกด้วย (คู่แข่งรายอื่น ๆ มักจะไม่มี)
ส่วนขยายเบราว์เซอร์ (Chrome/Firefox/Edge)
ส่วนขยายเบราว์เซอร์นี้จะทำให้คุณสามารถควบคุมแอป VPN ที่ติดตั้งบนเครื่องจากระยะไกลได้ เพื่อที่จะทำให้มันเข้ารหัสข้อมูลของคุณ ด้วยวิธีนี้จะทำให้ส่วนขยายเบราว์เซอร์ของ ExpressVPN นั้นทำให้ทราฟฟิคของทั้งเครื่องของคุณมีความปลอดภัย (ไม่ใช่เพียงเฉพาะทราฟฟิคเบราว์เซอร์) ดังนั้นมันจึงมีความปลอดภัยที่ดีกว่า นี่จะต่างจากส่วนขยายของคู่แข่งรายอื่น ๆ ที่จริง ๆ แล้วก็เป็นเหมือนพร็อกซี่ธรรมดาที่มันจะเปลี่ยนที่อยู่ IP ของคุณแต่ไม่ได้เข้ารหัสทราฟฟิคของคุณ
เราคิดว่าส่วนขยายเบราว์เซอร์ของ ExpressVPN นั้นเป็นมิตรต่อผู้ใช้งานมาก ๆ และก็มีภาษาไทยด้วย — ดีไซน์ของมันจะดูเหมือนกันสำหรับเบราว์เซอร์ทั้งหมด ดังนั้นคุณจึงสามารถเปลี่ยนระหว่างส่วนขยายได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ก็ยังมีฟีเจอร์การเชื่อมต่ออย่างเร็วด้วย หน้าอินเทอร์เฟซก็ใช้งานง่าย (โดยเฉลี่ยเราใช้เวลาเพียง 5 วินาทีก็สามารถเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ได้แล้ว) และฟีเจอร์กับการตั้งค่าทั้งหมดของมันก็มีคำอธิบายที่เป็นประโยชน์อีกด้วย
นอกจากนี้เรายังชอบที่ส่วนขยายนั้นมีฟีเจอร์ให้ใช้งานได้เยอะ — มันจะไม่มี split-tunneling แต่จะมีฟีเจอร์ความปลอดภัยอื่น ๆ ที่มีประโยชน์มากมาย ยกตัวอย่างเช่น HTTPS Everywhere จะเชื่อมต่อคุณไปยังเว็บไซต์เวอร์ชัน HTTPS ถ้ามี แทนที่จะเป็นเวอร์ชัน HTTP เว็บไซต์ HTTPS ทั้งหมดจะมีการเข้ารหัสเพื่อปกป้องข้อมูลของคุณ และจะมีความปลอดภัยมากกว่าเว็บไซต์ HTTP ซึ่งขาดเรื่องความปลอดภัย เราได้ทำการทดสอบฟีเจอร์นี้ด้วยการลองเข้าเว็บไซต์ HTTP ทั้ง 10 เว็บไซต์ แต่มันก็ช่วยเชื่อมต่อเราไปเวอร์ชัน HTTPS ในทุก ๆ ครั้ง
นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ที่จะป้องกัน HTML5 geolocation ไม่ให้สามารถระบุตำแหน่งที่อยู่อุปกรณ์ของคุณได้ด้วย (HTML5 geolocation จะระบุตำแหน่งได้โดยอาศัยข้อมูล GPS, เครือข่าย Wi-Fi และ Cell-Tower Triangulation สรุปอย่างง่ายก็คือ ส่วนขยายของ ExpressVPN จะทำให้ข้อมูล geolocation ของเบราว์เซอร์ตรงกับของที่อยู่ IP ของเซิร์ฟเวอร์
และเราก็ชอบมากที่ส่วนขยายเบราว์เซอร์ของ ExpressVPN นั้นจะทำให้คุณสามารถบล็อก WebRTC ได้ นี่เป็นปัญหาเฉพาะสำหรับเบราว์เซอร์ที่จะทำให้ที่อยู่ IP ของคุณรั่วไหลในขณะที่คุณเชื่อมต่อกับ VPN เราได้ทำการทดสอบการรั่วไหลของ WebRTC ในขณะที่เราเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ใน 5 ประเทศ และเราก็ไม่พบการรั่วไหลของ IP เลย
เรื่องเดียวที่เราต้องติก็คือคุณจะต้องติดตั้งแอปสำหรับเดสก์ท็อปก่อน ถึงจะใช้ส่วนขยายเบราว์เซอร์ได้ ซึ่งก็อาจจะเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยสะดวกสำหรับผู้ใช้งานบางราย แต่โดยรวมแล้ว เราก็คิดว่า ExpressVPN นั้นมีส่วนขยายเบราว์เซอร์ที่ดีที่สุด — มันใช้งานง่าย มีความปลอดภัย และก็มีฟีเจอร์มากมาย
แอปเราเตอร์
ExpressVPN นั้นเป็นหนึ่งใน VPN น้อยรายที่มีแอปเฉพาะสำหรับเราเตอร์ (VyprVPN ก็มีแอปสำหรับเราเตอร์เช่นกัน แต่มันไม่เป็นมิตรต่อผู้ใช้งานเท่ากับแอปของ ExpressVPN) แอปเราเตอร์ของ ExpressVPN นั้นสามารถใช้งานกับแบรนด์ยอดนิยมอย่าง Netgear, Asus และ Linksys ได้
อีกตัวเลือกหนึ่งก็คือการซื้อ Aircove ซึ่งเป็นเราเตอร์ที่ ExpressVPN พัฒนาขึ้นเองได้โดยตรง มันจะมี ExpressVPN ติดตั้งมาในตัว และก็มีราคาที่แข่งขันได้ (เมื่อเทียบกับเราเตอร์ชั้นนำรายอื่น ๆ) มันตั้งค่าและใช้งานง่าย และก็มีความเร็วที่ดีเยี่ยม ExpressVPN กล่าวไว้ว่า Aircove รองรับอุปกรณ์ได้มากมายหลายรุ่น นอกจากนี้ เราเตอร์ของผู้ให้บริการยังผ่านการตรวจสอบอย่างอิสระมาแล้วด้วย
การตั้งค่าแอปเราเตอร์นั้นง่ายมาก ๆ — เราใช้เวลาเพียง 8 นาทีก็ดำเนินการเสร็จแล้ว ที่คุณต้องใช้ก็แค่:
- ดาวน์โหลดแอปเราเตอร์ของ ExpressVPN
- อัปโหลดแอปเราเตอร์ไปยังเราเตอร์ของคุณ
- รอให้เราเตอร์ของคุณรีสตาร์ท
- กำหนดค่าแอป
เราชอบความเป็นมิตรต่อผู้ใช้งานของแอปเราเตอร์ของ ExpressVPN มาก ๆ — แดชบอร์ดนั้นมีหน้าตาที่ดูเหมือนแอปในอุปกรณ์เคลื่อนที่และเดสก์ท็อป (ดังนั้นมันจึงเป็นหน้าตาที่คุ้นเคย) มีฟีเจอร์เชื่อมต่ออย่างเร็วให้ใช้งาน และการค้นหากับเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ต่าง ๆ ก็ง่ายมาก ๆ ด้วย
นอกจากนี้เรายังชอบฟีเจอร์ กลุ่มอุปกรณ์ ซึ่งจะทำให้คุณสามารถตั้งค่ากลุ่มได้สูงสุด 5 กลุ่มสำหรับแต่ละอุปกรณ์ของคุณ — ยกตัวอย่างเช่น คุณสามารถสร้างกลุ่มสำหรับอุปกรณ์เดสก์ท็อป และก็กลุ่มสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ และก็กลุ่มสำหรับสมาร์ททีวีและเครื่องเล่นเกม นอกจากนี้มันยังเปิดให้คุณเชื่อมต่ออุปกรณ์ไปยังสถานที่ต่าง ๆ ได้ถึง 5 ตำแหน่งเลยด้วย (VPN ส่วนใหญ่มักจะเปิดให้เชื่อมต่ออุปกรณ์ไปได้แค่ 1 ตำแหน่งเท่านั้น)
คุณสามารถสร้างกลุ่มอุปกรณ์ซึ่งไม่ต้องการใช้งาน VPN ได้ด้วย รวมถึงกลุ่มที่ต้องการจะใช้ MediaStreamer (Smart DNS ของ ExpressVPN ซึ่งดีสำหรับสตรีมมิ่ง) การสร้างกลุ่มนั้นง่ายมาก ๆ และคุณก็สามารถย้ายอุปกรณ์จากกลุ่มหนึ่งไปอีกกลุ่มหนึ่งได้ด้วยการลากวาง ซึ่งก็เป็นวิธีที่สะดวกมาก
และเราก็ชอบมาก ๆ ที่แอปเราเตอร์ของ ExpressVPN นั้นมีโปรโตคอล Lightway ให้ใช้งานเพื่อที่จะทำให้คุณได้ความเร็วที่สูงที่สุดสำหรับทุกอุปกรณ์ ตอนที่เราใช้งานแอปเราเตอร์ เราก็สามารถรักษาระดับความเร็วในการสตรีมมิ่ง ท่องเว็บ และโหลดบิทได้ดีทั้งบน Windows 10 PC, สมาร์ทโฟน Android , แล็ปท็อป, สมาร์ททีวี และ PlayStation 4 ทั้งเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้และไกล ยิ่งไปกว่านั้น แอปเราเตอร์ยังเปิดให้ใช้งาน port forwarding ได้ด้วย ซึ่งก็จะช่วยเพิ่มความเร็วในการโหลดบิทสำหรับอุปกรณ์ทั้งหมดของคุณ
สรุปโดยรวมแล้ว ExpressVPN นั้นเป็นหนึ่งใน VPN น้อยรายที่มีแอปเราเตอร์ให้ใช้งาน (และก็ยังติดตั้งใช้งานง่ายมาก ๆ อีกด้วย) แอปเราเตอร์นั้นใช้งานได้กับเราเตอร์หลายรุ่น และก็ยังเปิดให้อุปกรณ์ของคุณเชื่อมต่อไปได้ถึง 5 สถานที่เลยอีกด้วย
ExpressVPN แอป: ExpressVPN นั้นใช้งานง่ายจริงหรือไม่?
แอปทั้งหมดของ ExpressVPN นั้นใช้งานง่ายและก็มีฟีเจอร์ที่หลากหลายมาก ๆ
แอปสำหรับอุปกรณ์ต่าง ๆ นั้นจะมีฟีเจอร์ที่เหมือน ๆ กันโดยมีข้อยกเว้นเล็กน้อยแอป iOS จะไม่มี Shortcuts และ split-tunneling ส่วนแอป macOS จะรองรับ split-tunneling สำหรับเวอร์ชัน 10.15 หรือเก่ากว่าเท่านั้น ในขณะที่แอป Android กับ Windows จะไม่มี Threat Manager และแอปเดสก์ท็อปก็จะไม่มี ExpressVPN Keys
แต่นอกจากนั้นแล้ว แอปทั้งหมดก็จะมีความคล้ายคลึงกันมาก และมันก็ทำงานได้ตามที่กล้าวอ้างไว้จริง ๆ นอกจากนี้เรายังชอบมากที่ ExpressVPN นั้นเป็นหนึ่งใน VPN น้อยรายที่มีแอปเราเตอร์ให้ใช้งาน (แถมมันยังเป็นมิตรต่อผู้ใช้งานมาก ๆ ด้วย) นอกจากนี้ส่วนขยายเบราว์เซอร์ก็ยังมีความปลอดภัยมาก และก็จะทำให้คุณควบคุมแอปเดสก์ท็อปจากระยะไกลได้ ซึ่งมีความสะดวกมาก ๆ
Android | iOS | Windows | macOS | Linux | เราเตอร์ | |
ส่วนต่อประสานกราฟิกกับผู้ใช้ (GUI) | ✅ | ✅ | ✅ | ✅ | ✅ (มีเฉพาะถ้าใช้ส่วนขยายเบราว์เซอร์) |
✅ |
Kill Switch | ✅ | ✅ | ✅ | ✅ | ✅ | ✅ |
Split-Tunneling | ✅ | ❌ | ✅ | ✅ (macOS 10.15 หรือเก่ากว่า) |
❌ | ✅ |
Threat Manager | ❌ | ✅ | ❌ | ✅ | ✅ | ❌ |
ExpressVPN Keys | ✅ | ✅ | ✅ (เฉพาะผ่านทางส่วนขยายเบราว์เซอร์) |
✅ (เฉพาะผ่านทางส่วนขยายเบราว์เซอร์) |
✅ (เฉพาะผ่านทางส่วนขยายเบราว์เซอร์) |
❌ |
Shortcuts | ✅ | ❌ | ✅ | ✅ | ❌ | ❌ |
ExpressVPN ฝ่ายให้บริการลูกค้า
ExpressVPN นั้นมีฝ่ายให้บริการลูกค้าที่ดีเยี่ยมซึ่งสามารถติดต่อได้ผ่านทาง:
บริการผ่านไลฟ์แชท
ไลฟ์แชทนั้นดีมาก ๆ เราได้ทำการทดสอบฟีเจอร์ไลฟ์แชทของ ExpressVPN มาแล้วสองครั้ง — ครั้งแรกตอนสุดสัปดาห์ อีกครั้งระหว่างสัปดาห์ ในแต่ละครั้ง เราก็สามารถติดต่อกับทางตัวแทนฝ่ายบริการได้ภายในเวลาไม่ถึง 15 วินาที จากนั้นเขาก็แนะนำและให้ข้อมูลที่มีประโยชน์กับเรา ExpressVPN นั้นมีบริการเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น แต่ว่าพวกเขามีเครื่องมือแปลภาษาในตัวถ้าหากว่าคุณต้องการติดต่อเป็นภาษาอื่น ซึ่งก็รวมถึงภาษาไทย เราได้ทำการทดสอบเครื่องมือนี้ด้วยการลองคุยเป็นภาษาโรมาเนีย และทางตัวแทนก็สามารถเข้าใจเราได้ (และก็แก้ปัญหาให้เราได้)
นอกจากนี้เราก็รู้สึกชอบที่ทางตัวแทนมีส่งบทสนทนาจากไลฟ์แชทมาทางอีเมลให้เราด้วย มันเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่มันก็ช่วยให้เราย้อนกลับมาดูคำถามทั้งหมดที่เราถามไปได้ (เพื่อที่เราจะไม่ได้ต้องมาติดต่อสอบถามฝ่ายบริการลูกค้าใหม่ในครั้งถัดไป)
ฝ่ายบริการลูกค้าทางอีเมล
การบริการทางอีเมลของ ExpressVPN นั้นดีมาก ๆ เราส่งอีเมลไปถึง 3 อีเมล และก็ได้รับการตอบกลับอย่างละเอียดภายในเวลา 6–7 ชั่วโมง
ศูนย์สนับสนุน
ExpressVPN นั้นมีคู่มือและวิดีโอสอนที่สามารถช่วยแก้ปัญหาได้ (ซึ่งมีเป็นภาษาไทยด้วย) มันจะครอบคลุมเกี่ยวกับหัวข้อต่าง ๆ ตั้งแต่การติดตั้งแอป การลงชื่อเข้าใช้ ไปจนกระทั่งการตั้งค่ากับอุปกรณ์ของคุณ คู่มือเหล่านี้จะทำให้มือใหม่ด้าน VPN สามารถเริ่มใช้งานได้อย่างง่ายดาย เราไม่เคยพบปัญหาใด ๆ ในการเปิดดูศูนย์สนับสนุนเลยด้วย คู่มือต่าง ๆ นั้นสามารถเข้าไปดูได้อย่างง่ายดายผ่านฟังก์ชันการค้นหาซึ่งก็เป็นเรื่องดีมาก!
เครื่องมืออื่น ๆ บนเว็บไซต์
ExpressVPN นั้นยังมีเครื่องมือความปลอดภัยที่มีประโยชน์อีกมากมายบนเว็บไซต์ให้ใช้ฟรี ประกอบไปด้วย:
- เครื่องมือสร้างรหัสผ่านแบบสุ่ม มันจะช่วยคุณสร้างรหัสผ่านที่มีความปลอดภัยซึ่งมีความยาว 6 ถึง 50 อักขระ คุณสามารถเลือกได้ว่าต้องการให้รหัสผ่านมีตัวเลข สัญลักษณ์ และตัวพิมพ์เล็ก ตัวพิมพ์ใหญ่หรือไม่ เครื่องมือนี้จะช่วยสร้างรหัสผ่านที่ไม่ซ้ำใครและมีความซับซ้อนสูงให้ได้ในทันที ExpressVPN Keys ก็มีเครื่องมือสร้างรหัสผ่านแบบสุ่มให้ใช้เช่นกัน แต่ถ้าคุณไม่มีเครื่องมือจัดการรหัสผ่าน และก็ไม่คิดจะใช้งานอะไรแบบนั้น แค่ใช้เครื่องมือสร้างรหัสผ่านแบบสุ่มแบบฟรีของ ExpressVPN ก็เป็นตัวเลือกที่สะดวกพอแล้ว
- เครื่องมือตรวจสอบที่อยู่ IP หากคุณรู้สึกไม่มั่นใจว่า VPN ได้เปลี่ยนที่อยู่ IP ของคุณจริง ๆ หรือเปล่า ExpressVPN ก็มีเครื่องมือ “ที่อยู่ IP ของฉันคือ” ซึ่งจะช่วยบอกคุณได้ว่าที่อยู่ IP จริงของคุณนั้นถูกซ่อนแล้วหรือยัง ที่คุณต้องทำก็แค่เข้าไปหน้าเครื่องมือตรวจสอบที่อยู่ IP และ ExpressVPN ก็จะบอกข้อมูลตำแหน่งของคุณโดยอัตโนมัติ จากที่เราลองใช้มา เครื่องมือตรวจสอบที่อยู่ IP นั้นจะบอกตำแหน่งสถานที่ได้ตรงกับสถานที่ตั้งของเซิร์ฟเวอร์ที่เราเชื่อมต่อไปอยู่ตลอด
- การทดสอบการรั่วไหล ExpressVPN นั้นจะช่วยให้คุณทำการทดสอบการรั่วไหลของ WebRTC และ DNS ได้ การรั่วไหลของ DNS นั้นหมายความว่า DNS request (ข้อมูลเว็บไซต์ที่คุณเปิดดู) นั้นรั่วไหลไปถึง ISP และก็อาจจะถึงมือของบุคคลที่สามอื่น ๆ ด้วย ในขณะที่การรั่วไหลของ WebRTC นั้นหมายความว่าคนอื่นอาจจะมองเห็นที่อยู่ IP ของคุณ เครื่องมือของ ExpressVPN นั้นยังสามารถตรวจจับการรั่วไหลของทราฟฟิค IP, การรั่วไหลของ BitTorrent, การรั่วไหลที่เกิดจากการเชื่อมต่อที่ไม่เสถียร และการรั่วไหลเพราะ VPN เชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ไม่สำเร็จได้ด้วย การทดสอบ DNS นั้นจะระบุเว็บไซต์ทั้งหมดที่รั่วไหลออกไป และใครบ้างที่สามารถดูรายการนี้ได้ (เช่น ISP ของเรา) การทดสอบ WebRTC นั้นจะบอกให้คุณรู้ว่าเบราว์เซอร์ของคุณทำที่อยู่ IP ของคุณรั่วไหลออกไปหรือไม่
สรุปโดยรวมแล้ว ExpressVPN นั้นมีฝ่ายให้บริการลูกค้าและเครื่องมือเสริมที่ดีเยี่ยม คู่มือสนับสนุนของมันก็มีประโยชน์มาก ๆ และเราก็ชอบที่มันมีไลฟ์แชท 24/7 พร้อมกับเครื่องมือแปลภาษาติดมาในตัวสำหรับเกือบจะทุกภาษา ผู้ให้บริการนั้นมีบริการทางอีเมลด้วย แต่เราชอบติดต่อทางไลฟ์แชทมากกว่า เพราะว่ามันเร็วกว่าเยอะ นอกจากนี้เราก็ชอบที่มีเครื่องมือเสริมต่าง ๆ ให้ใช้งานได้บนเว็บไซต์เพื่อช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวทางออนไลน์ยิ่งขึ้นไปอีก
ExpressVPN เป็น VPN ที่ดีที่สุดในปี 2024 จริงหรือเปล่า?
ExpressVPN นั้นเป็น VPN ที่ดีที่สุดเพราะว่ามันมีฟีเจอร์ความปลอดภัยที่ดีเยี่ยม มีความเร็วที่สูงที่สุด สามารถรองรับการสตรีมมิ่ง การเล่นเกม และการโหลดบิทได้เป็นอย่างดีมาก ๆ แถมแอปก็ยังเป็นมิตรต่อผู้ใช้งานสุด ๆ เลยอีกด้วยสำหรับอุปกรณ์ที่คนนิยมใช้กันส่วนใหญ่
มันมีฟีเจอร์ความปลอดภัยที่หาใครเปรียบไม่ได้ แถมมีเครื่องมือเสริมต่าง ๆ ให้ใช้งานได้มากมาย มันจะช่วยปกป้องข้อมูลของผู้ใช้งานให้ปลอดภัยด้วยการเข้ารหัส 256-bit AES, นโยบายการไม่บันทึกข้อมูลที่ผ่านการตรวจสอบและยืนยันแล้ว, kill switch และการป้องกันการรั่วไหลเต็มรูปแบบ เซิร์ฟเวอร์ของมันนั้นทำงานด้วยหน่วยความจำ RAM ดังนั้นข้อมูลทั้งหมดจะถูกลบทิ้งในทุก ๆ การรีบูท นอกจากนี้มันก็ยังมี Threat Manager ซึ่งจะช่วยบล็อกตัวติดตามและป้องกันไม่ให้คุณเผลอเข้าไปในเว็บไซต์ที่มีความอันตราย และ ExpressVPN Keys ซึ่งเป็นเครื่องมือจัดการรหัสผ่านพื้นฐานแต่ใช้งานได้อย่างปลอดภัย
เราได้ความเร็วสูงที่สุดอยู่ตลอดตอนที่เราใช้งาน ExpressVPN — ถึงแม้ว่าเราจะเชื่อมต่อเข้าหาเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ห่างไกลจากเราก็ตาม — นี่ทำให้เราสามารถท่องเว็บ สตรีมดูเนื้อหา (ในความชัดระดับ HD) และดาวน์โหลดไฟล์ขนาดใหญ่ได้อย่างไม่มีปัญหา อันที่จริงโปรโตคอล Lightway ของ ExpressVPN นั้นมีประสิทธิภาพกว่าโปรโตคอล VPN ยอดนิยมอย่าง OpenVPN และ WireGuard ในทุกการทดสอบของเรา
ExpressVPN นั้นยังรองรับการสตรีมมิ่ง การโหลดบิท และการเล่นเกมได้อย่างดีเยี่ยมอีกด้วย มันสามารถใช้งานได้กับแอปสตรีมมิ่ง 100+ แอป สามารถโหลดบิทได้กับทุกเซิร์ฟเวอร์ที่ตั้งอยู่ใน 94 ประเทศ และมันก็ยังมีการเชื่อมต่อที่มีความเสถียรในขณะเล่นเกมและรองรับแพลตฟอร์มคลาวด์เกมมิ่งได้ นอกจากนี้ก็ยังใช้งานในประเทศที่ถูกจำกัดการเข้าถึงอย่างจีนและอิหร่านได้ด้วย
สรุปโดยรวมแล้ว ExpressVPN นั้นเป็น VPN #1 สำหรับเราในปี 2024 มันมีความปลอดภัยที่สุด มีความเร็วสูงที่สุด และก็ใช้งานง่ายที่สุด ExpressVPN นั้นมีราคาแพงกว่า VPN ชั้นนำรายอื่น ๆ แต่มันก็มีความคุ้มค่ามาก ๆ และทุกแพลนก็มีการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน อย่างไม่มีความเสี่ยง
คำถามพบบ่อย
ExpressVPN ฟรีหรือเปล่า?
ไม่ ExpressVPN ไม่มีแพลนระดับฟรี อย่างไรก็ตาม มันมีการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน ดังนั้นคุณจึงสามารถทดลองใช้ผลิตภัณฑ์อย่างไม่มีความเสี่ยงได้เป็นเวลาหนึ่งเดือน (และเราก็ได้รับเงินคืนเข้าบัญชีภายในเวลา 4 วันหลังจากที่ส่งเรื่องขอคืนเงิน)
VPN ฟรี นั้นมีให้เลือกใช้ได้มากมาย แต่เราไม่แนะนำให้คุณใช้งานพวกมัน — VPN ฟรีส่วนใหญ่เลยจะขาดฟีเจอร์ความปลอดภัยขั้นพื้นฐาน จะมีความเร็วที่ต่ำ และก็จะมีการจำกัดด้านข้อมูลที่เปิดให้ใช้งานได้ ทั้งยังสแปมโฆษณา และ/หรือ มีการติดตามดูทราฟฟิคของคุณด้วย ในขณะที่ VPN พรีเมียม จะมีความปลอดภัยดีเยี่ยม มีความเป็นส่วนตัวชั้นหนึ่ง และก็มีความเร็วในการเชื่อมต่อที่เร็วที่สุดสำหรับทุกกิจกรรมออนไลน์ของคุณ (ExpressVPN สามารถทำเรื่องทั้งหมดนี้ได้ และทำได้ยิ่งกว่านี้อีก)
ExpressVPN ใช้งานในประเทศจีนได้หรือไม่?
ได้ ExpressVPN นั้นใช้งานในประเทศจีนและประเทศอื่น ๆ ที่มีการเซ็นเซอร์อินเทอร์เน็ตอย่างเข้มงวดได้ หากคุณอาศัยอยู่หรือต้องการจะเดินทางไปประเทศที่มีการเซ็นเซอร์อินเทอร์เน็ตล่ะก็ ExpressVPN นั้นเป็นตัวเลือกที่ดีมาก ExpressVPN นั้นก็มีความปลอดภัย มีความเร็วดี และใช้งานง่าย รวมถึงยังรองรับระบบปฏิบัติการหลักทั้งหมดอีกด้วย
ExpressVPN ใช้งานกับ Netflix ได้หรือไม่?
ได้ ExpressVPN ใช้งานกับ Netflix ได้ ที่ดีไปกว่านั้น มันสามารถใช้งานกับ Netflix ได้ถึง 10+ ประเทศอีกด้วย จากคำยืนยันของตัวแทนบริการลูกค้า ExpressVPN นั้นรองรับการสตรีมมิ่งบนทุกเซิร์ฟเวอร์ — ไม่เหมือนคู่แข่งบางรายที่มีบางเซิร์ฟเวอร์เอาไว้รองรับการสตรีมมิ่งโดยเฉพาะ
ExpressVPN นั้นยังรองรับแอปสตรีมมิ่งอื่น ๆ อย่างเช่น BBC iPlayer, Amazon Prime, Disney+ และ FuboTV อีกด้วย
ExpressVPN ปลอดภัยหรือไม่?
ปลอดภัย ExpressVPN นั้นเป็นหนึ่งใน VPN ที่ปลอดภัยที่สุด มันใช้การเข้ารหัส 256-bit AES และมันก็มี kill switch พร้อมทั้งยังมีนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลอย่างเข้มงวดซึ่งผ่านการตรวจสอบและยืนยันอย่างอิสระมาแล้ว เซิร์ฟเวอร์ของ ExpressVPN นั้นทำงานบน RAM ซึ่งก็หมายความว่าข้อมูลทั้งหมดจะถูกล้างในทุก ๆ ครั้งที่เซิร์ฟเวอร์มีการรีบูท และ ExpressVPN ก็จะมีการป้องกันการรั่วไหลของ WebRTC, DNS และ IPv6 อย่างเต็มรูปแบบด้วย (เราทำการทดสอบการรั่วไหลอยู่หลายครั้งและก็ไม่พบการรั่วไหลเลย) นอกจากนี้ คุณจะยังสามารถใช้งาน Threat Manager ได้อีกด้วย มันจะช่วยปกป้องคุณจากตัวติดตามที่อันตราย รวมถึงเว็บไซต์ปลอม นอกจากนี้ก็ยังมี ExpressVPN Keys ซึ่งเป็นเครื่องมือจัดการรหัสผ่านที่จะช่วยปกป้องข้อมูลล็อกอินของคุณ
ExpressVPN ทำให้ความเร็วอินเทอร์เน็ตตกลงหรือไม่?
VPN ทุกตัวนั้นต่างก็จะทำให้ความเร็วอินเทอร์เน็ตตกลงทั้งนั้น เนื่องจากมันมีกระบวนการเข้ารหัสซึ่งจะเพิ่มเวลาการเดินทางของข้อมูลทางเว็บ ระยะห่างระหว่างคุณและเซิร์ฟเวอร์ VPN ที่คุณเชื่อมต่อไปนั้นก็จะส่งผลถึงความเร็วการเชื่อมต่อที่ตกลงด้วย
แต่ ExpressVPN นั้นถือว่าความเร็วตกลงไปน้อยมาก ๆ เพราะว่ามันมีโปรโตคอล Lightway ที่พัฒนาขึ้นเองซึ่งมีความเร็วสูงสุด ๆ และมันก็มีเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใน 90+ ประเทศ (ดังนั้นคุณจึงสามารถหลีกเลี่ยงเซิร์ฟเวอร์ที่คนแย่งกันใช้ และก็เชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้เคียงเพื่อทำให้ความเร็วสูงที่สุดได้) จากการทดสอบความเร็วของเรา ความเร็วของเรานั้นสูงมากอยู่ตลอดไม่ว่าจะใช้ทำกิจกรรมออนไลน์ใดก็ตาม อาทิเช่นเล่นเกม โหลดบิท สตรีมมิ่ง และท่องเว็บ ตอนที่เราเชื่อมต่ออุปกรณ์ 5+ เครื่องของเราเข้ากับแอปเราเตอร์ของ ExpressVPN ความเร็วก็ยังดีไม่ตก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าประหลาดใจเลย เพราะว่า ExpressVPN นั้นเป็น VPN ที่เร็วที่สุดอยู่แล้ว
ExpressVPN นั้นคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปหรือไม่?
คุ้มมาก— ถึงแม้ว่า ExpressVPN จะมีแพลนที่ราคาแพงเล็กน้อย เริ่มต้นที่ US$4.99 / เดือน แต่มันก็มีความคุ้มค่ามาก เพราะว่า ExpressVPN นั้นเป็น VPN ที่ดีที่สุดในปี 2023 ExpressVPN นั้นสามารถรองรับการสตรีมมิ่งได้ดีเยี่ยมเนื่องจากมันสามารถใช้งานได้กับแอปสตรีมมิ่งถึง 100+ แอป ซึ่งรวมถึงแอปชั้นนำอย่าง Netflix และ Hulu ด้วย และมันก็ยังมีความเร็วที่สูงที่สุด มีฟีเจอร์ความปลอดภัยที่ดีที่สุด (ซึ่งรวมถึงฟีเจอร์ความปลอดภัยขั้นสูงอย่างเซิร์ฟเวอร์แบบ RAM-only, การป้องกันการรั่วไหลเต็มรูปแบบ และ perfect forward secrecy) รวมถึงมีแอปที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้งานสำหรับทุกแพลตฟอร์มหลัก นอกจากนี้ก็ยังมีแอปเราเตอร์ที่ติดตั้งและใช้งานง่ายมาก ๆ อีกด้วย
ExpressVPN รองรับอุปกรณ์ใดบ้าง?
คุณสามารถใช้งาน ExpressVPN ได้กับแทบจะทุกอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับเว็บได้ มันมีแอปเฉพาะสำหรับ:
- สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต Android ที่ใช้ Android 5.0 หรือใหม่กว่า
- iPhones, iPads และ iPods ที่ใช้ iOS 12 หรือใหม่กว่า
- PC (คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล) ที่ใช้ Windows 7 หรือใหม่กว่า
- PC ที่ใช้ macOS X 10.11 หรือใหม่กว่า
- PC ที่ใช้ Linux distros (Ubuntu, Debian 9 และ 10, Fedora 34, Mint 20.1 และ LMDE4 และ Arch ล่าสุด) คุณสามารถใช้แอป ExpressVPN กับ distros ที่ไม่รองรับอย่างเป็นทางการโดยผู้ให้บริการได้ด้วย ถ้ามันเป็น distros ตามที่เราระบุไว้ในรายการ อย่างไรก็ตาม ExpressVPN นั้นจะไม่มีวิธีแก้ไขใด ๆ ให้สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นกับ distros ที่ไม่ได้รองรับ
- Android TV ที่ใช้ Android 5.0 หรือใหม่กว่า
- อุปกรณ์ Amazon Fire (Fire TV และ Fire Stick รุ่น 2 หรือใหม่กว่า)
- แท็บเล็ต Amazon Fire ที่ใช้ Fire OS 5 หรือใหม่กว่า
- Chromebook ที่รองรับแอป Android
- Raspberry Pi ที่ใช้ Raspbian 9 หรือ 10
- เราเตอร์จาก Netgear, Linksys และ Asus
- เบราว์เซอร์ Chrome, Firefox และ Edge
และแอปเราเตอร์ของ ExpressVPN จะยังทำให้คุณสามารถใช้งาน VPN บนอุปกรณ์ที่ไม่รองรับแอป VPN ได้ด้วย ยกตัวอย่างเช่น Apple TV, Roku และเครื่อง PlayStation ExpressVPN นั้นยังมีเราเตอร์ของตัวเอง (ชื่อว่า Aircove) ซึ่งจะมีฟังก์ชันทั้งหมดของ VPN ในราคาที่สมเหตุสมผล และก็ผ่านการตรวจสอบอย่างอิสระมาแล้วว่ามีความปลอดภัย
คุณจะยังสามารถใช้งาน MediaStreamer (บริการ Smart DNS ของมัน) ได้กับ:
- สมาร์ททีวีและอุปกรณ์สตรีมมิ่งอย่าง Apple TV (1st, 2nd และ 3rd gen และ tvOS 4th gen และใหม่กว่า), LG Smart TV, Samsung Smart TV, และ Amazon Fire TV
- PC ที่ใช้ macOS และ Windows
- เครื่องเล่นเกมอย่าง Nintendo Switch, PlayStation 3, 4 และ 5, Xbox 360, Xbox One และ Xbox Series X
- เราเตอร์จากแบรนด์อย่าง Netgear และ Linksys หรือเราเตอร์ที่ใช้เฟิร์มแวร์ DD-WRT
ExpressVPN ถูกกฎหมายหรือไม่?
การใช้ ExpressVPN นั้นเป็นเรื่องถูกกฎหมายในประเทศส่วนใหญ่ ถึงจะเป็นเช่นนั้น ก็จะมีประเทศที่จำกัดการเข้าถึงบางประเทศ อย่างเช่นประเทศจีน อิหร่าน และอินโดนีเซียที่จะทำการบล็อกหรือลงโทษคนที่ใช้ VPN หากคุณกำลังวางแผนเดินทางไปยังสถานที่แบบนั้น เราแนะนำเป็นอย่างยิ่งให้คุณศึกษาเกี่ยวกับกฎหมายในพื้นที่ก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะไม่ถูกดำเนินคดีหรือถูกปรับถ้าคุณถูกจับได้ว่ากำลังใช้ ExpressVPN
ExpressVPN Keys ใช้งานได้ดีเท่ากับเครื่องมือจัดการรหัสผ่านแบบสแตนด์อโลนหรือไม่?
ไม่ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเครื่องมือจัดการรหัสผ่านที่มีความปลอดภัยมาก ๆ และก็มีฟังก์ชันพื้นฐานให้ใช้งานได้ แต่มันก็ยังขาดฟีเจอร์ที่เครื่องมือจัดการรหัสผ่านระดับชั้นนำมีให้
ExpressVPN Keys นั้นมีฟีเจอร์ที่สำคัญมากมาย — มันจะช่วยทำการเข้ารหัสระดับธนาคารให้กับรหัสผ่านของคุณ, มีการใช้โครงสร้างแบบ Zero-knowledge (จะมีแต่คุณคนเดียวเท่านั้นที่เข้าถึงข้อมูลล็อกอินของคุณได้) และก็จะมีการกรอกรหัสผ่านของคุณโดยอัตโนมัติ และมันก็ยังมีเครื่องมือสร้างรหัสผ่านแบบสุ่มที่ใช้งานได้ดี, สามารถรองรับการซิงค์หลายเครื่อง และล็อกอินได้ไม่จำกัดจำนวนเครื่อง แถมยังผ่านการตรวจสอบอย่างอิสระมาแล้ว ทั้งยังเปิดให้ใช้งานได้ฟรีพร้อมกับการสมัครสมาชิกของ ExpressVPN — ที่เยี่ยมที่สุดก็คือ คุณจะสามารถใช้งาน ExpressVPN Keys ต่อได้ถึงแม้ว่าการสมัครสมาชิก ExpressVPN จะหมดอายุไปแล้วก็ตาม
แต่ถ้าคุณต้องการเครื่องมือจัดการรหัสผ่านที่มีฟีเจอร์ครบครัน เราก็ไม่แนะนำให้คุณใช้งาน ExpressVPN Keys เพราะมันจะขาดฟีเจอร์ต่าง ๆ ไปพอตัว ยกตัวอย่างเช่น มันจะไม่มีระบบยืนยันตัวตนสองชั้น (เป็นการเพิ่มวิธีการยืนยันตัวนอกเหนือจากการใช้รหัสผ่านหลัก) หรือการเฝ้าระวังการรั่วไหลของข้อมูล (การตรวจสอบ Dark Web เพื่อดูว่ามีรหัสผ่านของคุณรั่วไหลออกไปหรือไม่) — ทั้งสองอย่างนี้เป็นสิ่งที่เครื่องมือจัดการรหัสผ่านชั้นนำอย่าง 1Password และ Dashlane ต่างก็มีให้