มีเวลาไม่พออ่านรีวิวทั้งหมดใช่ไหมล่ะ นี่คือรายการเครื่องมือจัดการรหัสผ่านที่ดีที่สุดสำหรับ2024:
- 🥇 1Password — การรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่งด้วยแอป Windows ที่ยอดเยี่ยมและส่วนขยายที่ใช้งานง่ายสำหรับเบราว์เซอร์หลัก ๆ ทั้งหมด สามารถใช้งานได้กับ Windows Hello มีการตรวจสอบความปลอดภัยของรหัสผ่าน การแบ่งปันรหัสผ่าน ที่เก็บรหัสผ่านลับและพื้นที่เก็บข้อมูลที่ปลอดภัย 1 GB ในราคาถูก
- รับเครื่องมือจัดการรหัสผ่านที่ดีที่สุดสำหรับ Windows ได้ที่นี่
ฉันได้ทดสอบเครื่องมือจัดการรหัสผ่านที่เป็นที่นิยมมากที่สุดในตลาดเพื่อดูว่าบริการไหนเหมาะสำหรับคอมพิวเตอร์ Windows ในปี2024 — เครื่องมือนี้มีการเข้ารหัสระดับสูง ใช้งานร่วมกับ Windows ได้อย่างง่ายดายและสามารถซิงค์ข้อมูลบนอุปกรณ์ต่าง ๆ สามารถใช้งานได้กับฟังชั่นไบโอเมตริกอย่างเช่น Windows Hello และทำหน้าที่สามารถสร้าง บันทึกและกรอกรหัสผ่านอัตโนมัติได้อย่างยอดเยี่ยม
แต่น่าเสียดายที่เครื่องมือจัดการรหัสผ่านจากบุคคลที่สามนั้นไม่มีประสิทธิภาพ มีบัคและขาดฟีเจอร์ที่สำคัญไป — และหลายเครื่องมือไม่มีการปรับปรุงฟังก์ชั่นการใช้งานบนบราวเซอร์ (ซึ่งมันแย่มาก)
แต่หลังจากทดลองมาเป็นเวลาหลายอาทิตย์และทำการเปรียบเทียบเครื่องมือจัดการรหัสผ่านที่ยอดเยี่ยมต่าง ๆ ฉันได้เจอผลิตภัณฑ์ที่มีความโดดเด่นในด้านความปลอดภัย ความง่ายในการใช้งานและความคุ้มค่าโดยรวม
เครื่องมือจัดการรหัสผ่านที่ดีที่สุดสำหรับ Windows ในปี 2024:
- 1.🥇 1Password — เครื่องมือจัดการรหัสผ่านสำหรับ Windows ที่ดีที่สุดในปี 2024
- 2.🥈 Dashlane — มีความปลอดภัยสูง & มีฟีเจอร์มากมาย (พร้อมฟีเจอร์พิเศษที่ยอดเยี่ยมเช่น VPN)
- 3.🥉 RoboForm — มีความสามารถในการกรอกแบบฟอร์มอัตโนมัติที่ยอดเยี่ยม
- 4. Keeper — มีส่วนเสริมด้านความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพ (พื้นที่จัดเก็บข้อมูลมากถึง 100 GB, แชทเข้ารหัส)
- 5. LastPass — มีแผนการใช้งานฟรีที่ดีและแผนพรีเมี่ยมที่มีฟีเจอร์ความปลอดภัยขั้นสูง
- และอีก 5 บริการ!
- การเปรียบเทียบเครื่องมือจัดการรหัสผ่านที่ดีที่สุดสำหรับ Windows
🥇1. 1Password — เครื่องมือจัดการรหัสผ่านสำหรับ Windows ที่ดีที่สุดใน 2024
1Password นั้นปลอดภัย ใช้งานได้ง่ายและมีฟีเจอร์พิเศษมากมาย มันเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ใช้ Windows ที่กำลังมองหาเครื่องมือจัดการรหัสผ่านที่ใช้งานง่ายและมีฟีเจอร์มากมาย แผนบริการสำหรับผู้ใช้แบบส่วนตัวและครอบครัวนั้นเป็นข้อเสนอที่ดีที่สุดและเป็นบริการเดียวที่ไม่มีการจำกัดจำนวนผู้ใช้ที่คุณสามารถเพิ่มได้ภายใต้บัญชีเดียว
ระหว่างการทดสอบ แอปเดสก์ท็อปของ 1Password ทำงานบน Windows ได้อย่างราบรื่น ช่วยให้ฉันสร้าง จัดระเบียบและแบ่งปันรหัสผ่านได้อย่างง่ายดาย ฉันยังชอบที่ 1Password ใช้งานได้กับ Windows Hello ดังนั้นฉันจึงสามารถใช้ลายนิ้วมือและรหัสประจำตัวเพื่อพื้นที่จัดเก็บรหัสผ่านของฉันได้อย่างรวดเร็ว 1Password ยังรองรับอุปกรณ์ที่ใช้ Windows Hello เช่น เครื่องอ่านลายนิ้วมือหรือคีย์ USB บนอุปกรณ์รุ่นเก่า
1Password มาพร้อมกับฟีเจอร์:
- พื้นที่จัดเก็บรหัสผ่านไม่จำกัด
- การซิงค์ในหลายอุปกรณ์
- การยืนยันตัวตน 2 ขั้นตอน (2FA)
- การแบ่งปันรหัสผ่าน
- การตรวจสอบความแข็งแกร่งของรหัสผ่าน
- การควบคุมดาร์กเว็บ
- การกู้คืนบัญชี
- พื้นที่จัดเก็บรหัสผ่านที่ปลอดภัย(1 GB)
- บัตรความเป็นส่วนตัว (ผู้ใช้ในอเมริกาเท่านั้น)
ฉันชอบฟีเจอร์การตรวจสอบความปลอดภัยรหัสผ่านของ 1Password มาก ฉันชอบที่ฉันสามารถตรวจสอบได้ว่ารหัสผ่านใดของฉันที่เดาได้ง่าย ซ้ำซ้อนหรือถูกละเมิด ยังดีที่ฟีเจอร์การตรวจสอบความปลอดภัยของ 1Password สามารถตรวจสอบวันหมดอายุของบัตรเครดิต โดยจะแจ้งให้คุณทราบหากบัตรของคุณจะหมดอายุในเร็ว ๆ นี้และจำเป็นต้องเปลี่ยน
1Password นำเสนอแผนการใช้งาน 2 แบบ — 1Password Personal ที่มีการจัดเก็บรหัสผ่านไม่จำกัดจำนวนบนอุปกรณ์ไม่จำกัด, 2FA, การแบ่งปันรหัสผ่าน, การตรวจสอบรหัสผ่าน, การตรวจสอบดาร์กเว็บและพื้นที่การจัดเก็บรหัสผ่านที่มีการเข้ารหัสจำนวน 1 GB1Password Families เพิ่มพื้นที่จัดเก็บที่สามารถแบ่งปันได้, ครอบคลุมสำหรับผู้ใช้สูงสุด 5 คนและการกู้คืนบัญชี 1Password มีราคาเริ่มต้นที่ US$2.99 / เดือนและเป็นเครื่องมือจัดการรหัสผ่านเพียงบริการเดียวในรายการที่ให้คุณเพิ่มผู้ใช้ได้มากเท่าที่คุณต้องการภายใต้แผนครอบครัว 1 แผน โดยมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเล็กน้อย ซึ่งเหมาะสำหรับครอบครัวขนาดใหญ่ (1Password เป็นเครื่องมือจัดการรหัสผ่านที่ดีที่สุดสำหรับครอบครัวในปี 2024)
สรุป:
1Password เป็นเครื่องมือจัดการรหัสผ่านสำหรับ Windows ที่ปลอดภัย ใช้งานง่ายและมาพร้อมฟีเจอร์มากมาย มีการเข้ารหัสที่รัดกุม ตัวเลือก 2FA ที่หลากหลาย มีการตรวจสอบความปลอดภัยรหัสผ่าน การตรวจสอบดาร์กเว็บ การแบ่งปันรหัสผ่านที่ปลอดภัย การกู้คืนบัญชีและอื่น ๆ อีกมากมาย แอพ Windows ใช้งานได้ง่ายช่วยให้คุณสามารถใช้ฟีเจอร์ต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย (แม้แต่ผู้ใช้ใหม่) และเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับทั้งบุคคลและครอบครัว (คุณสามารถเพิ่มผู้ใช้ได้มากเท่าที่คุณต้องการในแผนสำหรับครอบครัว) คุณยังสามารถทดลองใช้ฟีเจอร์พรีเมียมทั้งหมดได้ด้วยการทดลองใช้ฟรี 14 วัน
อ่านรีวิวตัวเต็มของ 1Password >
🥈2. Dashlane — ตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับฟีเจอร์เพิ่มเติม (มาพร้อมกับ VPN)
Dashlane มาพร้อมกับการเข้ารหัสระดับสูง ฟีเจอร์การกรอกอัตโนมัติบน Windows และฟีเจอร์ที่โดดเด่นอื่น ๆ เช่น ฟีเจอร์เปลี่ยนรหัสผ่านในคลิกเดียวและ VPN
แอปเบราเซอร์ของ Dashlane นั้นใช้งานง่ายมากและฉันใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีในการตั้งค่าและใช้งานที่จัดเก็บรหัสผ่าน บริการใช้งานได้ง่ายมาก ตั้งแต่นำเข้ารหัสผ่านไปยังที่เก็บของ Dashlane ไปจนถึงตั้งค่าการยืนยันลายนิ้วมือใน Windows Hello ก็สามารถทำได้ง่าย
Dashlane มี:
- พื้นที่จัดเก็บรหัสผ่านไม่จำกัด
- การซิงค์ในหลายอุปกรณ์
- การแบ่งปันรหัสผ่าน
- เครื่องมือเปลี่ยนรหัสผ่านภายในคลิกเดียว
- เครือข่ายส่วนตัวเสมือน (VPN)
- การตรวจสอบความแข็งแกร่งของรหัสผ่าน
- การควบคุมดาร์กเว็บ
- การเข้าถึงอัตโนมัติ
- พื้นที่จัดเก็บรหัสผ่านที่ปลอดภัย (1 GB)
ฟีเจอร์ที่ฉันชอบที่สุดของ Dashlane ก็คือ เครื่องมือเปลี่ยนรหัสผ่านภายในคลิกเดียว หลังจากที่ Dashlane ตรวจสอบที่เก็บรหัสผ่านของฉันแล้ว ฉันก็สามารถทำการเปลี่ยนรหัสผ่านที่อ่อนแอด้วยรหัสผ่านใหม่ที่เข้มแข็งกว่าบนหลายเว็บไซต์ในคราวเดียวกัน สำหรับเครื่องมือจัดการรหัสผ่านส่วนใหญ่ คุณต้องเปลี่ยนรหัสผ่านที่ไม่รัดกุมด้วยตนเองทีละครั้ง ดังนั้นตัวเลือกนี้สามารถช่วยประหยัดเวลาได้อย่างมาก!
Dashlane ยังนำเสนอ VPN อีกด้วย — เมื่อฉันทดสอบ บริการสามารถทำการเข้ารหัสการเชื่อมต่อของฉันโดยไม่ทำให้ความเร็วลดลงเลย ฉันมีความเร็วที่รวดเร็วมากในทุกเซิร์ฟเวอร์ และสามารถสตรีมวิดีโอแบบ HD ได้โดยไม่มีสะดุด
Dashlane ฟรี ให้คุณสามารถบันทึกรหัสผ่าน 50 รหัสบน 1 อุปกรณ์ แต่บริการยังนำเสนอฟีเจอร์ที่บริการส่วนใหญ่นำเสนอในบริการพรีเมี่ยม ได้แก่การแบ่งปันรหัสผ่าน, การตรวจสอบความปลอดภัยรหัสผ่าน, การยืนยัน TOT และการแจ้งเตือนเมื่อมีการละเมิดข้อมูลDashlane แผนพรีเมี่ยม มีพื้นที่จัดเก็บรหัสผ่าน, แบ่งปันได้ไม่จำกัดอุปกรณ์, VPN, 2FA ขั้นสูง, การตรวจสอบเว็บและพื้นที่เก็บข้อมูลที่เข้ารหัส บริการมีราคามากกว่าคู่แข่งบางราย แต่ก็คุ้มค่าและคุณยังสามารถรับบริการได้ในราคาเพียง US$4.99 / เดือนหากคุณกรอกรหัส SAFETYD25 เมื่อชำระเงิน Dashlane ยังเสนอแผนสำหรับครอบครัว พร้อมการใช้งานใน 6 อุปกรณ์และแดชบอร์ดจัดการครอบครัวในราคา US$7.49 / เดือน
สรุป:
Dashlane มีความปลอดภัยมาก ใช้งานได้ง่ายและมาพร้อมกับฟีเจอร์พิเศษมากมาย รวมถึงฟีเจอร์การเปลี่ยนรหัสผ่านในคลิกเดียว, VPN, ใช้งานได้บน Windows Hello, พื้นที่เก็บข้อมูลที่เข้ารหัส 1 GB และอื่น ๆ อีกมากมาย แผนบริการฟรีของ Dashlane ให้คุณสามารถทดลองใช้ Dashlane Premium ได้ฟรีและยังมีการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วันอีกด้วย
อ่านรีวิวตัวเต็มของ Dashlane >
🥉3. RoboForm — ดีที่สุดสำหรับการกรอกแบบฟอร์มขั้นสูง
RoboForm มีเครื่องมือการกรอกแบบฟอร์มที่ดีมาก – บริการสามารถกรอกแบบฟอร์มเว็บทุกประเภทได้อย่างแม่นยำ ตั้งแต่แบบง่าย ๆ เช่นการเข้าสู่ระบบเว็บโซเชียลมีเดียไปจนถึงแบบฟอร์มที่ซับซ้อน เช่นการช็อปปิ้งออนไลน์และแบบฟอร์มการบัญชี
แอพ RoboForm Windows และส่วนขยายเบราว์เซอร์นั้นทั้งง่ายต่อการติดตั้งและใช้งาน — อินเทอร์เฟสที่ใช้งานง่ายและตัวเลือกการปรับแต่งที่หลากหลายทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ใช้ที่ไม่เชี่ยวชาญด้านเทคนิค
มีเทมเพลต 7 แบบที่ RoboForm สามารถกรอกได้โดยอัตโนมัติ รวมถึงแบบฟอร์มที่อยู่ ธนาคาร รถยนต์ และหนังสือเดินทาง ในการทดสอบของฉัน RoboForm สามารถกรอกแบบฟอร์มในแต่ละแบบได้ในคลิกเดียว มันสามารถกรอกข้อมูลทั้งหมดของฉันในช่องที่เหมาะสมได้โดยไม่มีข้อผิดพลาด
RoboForm มีฟีเจอร์:
- ไม่จำกัดจำนวนรหัสผ่านและจำนวนอุปกรณ์
- การเข้าสู่ระบบแอพพลิเคชัน Windows
- 2FA
- การตรวจสอบรหัสผ่าน
- การเข้าถึงอัตโนมัติ
- โฟลเดอร์จัดเก็บข้อมูลที่ปลอดภัยสำหรับการแบ่งปันรหัสผ่าน
- การบันทึกบุ๊คมาร์คที่ปลอดภัย
- พื้นที่จัดเก็บบันทึกที่ปลอดภัย
RoboForm นั้นเหมือนกับ Sticky Passwordตรงที่เป็นเครื่องมือจัดการรหัสผ่านที่นำเสนอการเข้าสู่ระบบแอพพลิเคชัน ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถบันทึกและกรอกข้อมูลเข้าสู่ระบบอัตโนมัติสำหรับแอพพลิเคชัน Windows ของคุณ เช่น Skype และ iTunes ได้
ฉันยังชอบพื้นที่เก็บข้อมูลที่ปลอดภัยของ RoboForm บริการช่วยให้ฉันบันทึกและแบ่งปันข้อมูลสำคัญได้อย่างง่ายดาย เช่น รหัสเซฟ รหัสผ่านอินเทอร์เน็ตและแม้แต่สูตรลับของครอบครัว!
เครื่องมือตรวจสอบรหัสผ่านของ RoboForm นั้นใช้งานได้ดีพอ ๆ กับ 1Password บริการใช้อัลกอริธึมโอเพนซอร์ซ “zxcvbn” ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์หลายคนเชื่อว่าเป็นเครื่องมือตรวจสอบความเข็งแกร่งของรหัสผ่านที่ดีที่สุด
RoboForm Free นำเสนอการบันทึกรหัสผ่านไม่จำกัด, เครื่องมือตรวจสอบรหัสผ่าน, เครื่องมือกรอกแบบฟอร์ม, บันทึกรหัสผ่านแอปและพื้นที่เก็บข้อมูลบุ๊คมาร์คRoboForm Premium, เพิ่มการซิงค์ในหลายอุปกรณ์, 2FA, การเข้าถึงฉุกเฉินและการสำรองบนคลาวด์ RoboForm Family นำเสนอแบบเดียวกัน แต่ครอบคลุมผู้ใช้สูงสุด 5 คน RoboForm เป็นหนึ่งในโปรแกรมจัดการรหัสผ่านที่มีราคาจับต้องได้มากที่สุดในตลาด โดยมีราคาเริ่มต้นที่ US$0.99 / เดือน โปรแกรมนี้จึงเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ใช้ที่มีงบประมาณจำกัด
สรุป:
RoboForm มีความสามารถในการกรอกแบบฟอร์มที่ยอดเยี่ยม บริการสามารถกรอกแบบฟอร์มเว็บได้อย่างแม่นยำด้วยการคลิกเพียงครั้งเดียว RoboForm ยังมาพร้อมฟีเจอร์เพิ่มเติมมากมาย เช่น 2FA, การเข้าสู่ระบบแอปพลิเคชัน, พื้นที่จัดเก็บบุ๊กมาร์กและอื่น ๆ คุณสามารถลองใช้ RoboForm ได้ด้วยการทดลองใช้ฟรี 30 วันและบริการยังมีการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วันอีกด้วย
อ่านรีวิวตัวเต็มของ RoboForm >
4. Keeper — ดีที่สุดสำหรับฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยเพิ่มเติม
Keeper มาพร้อมกับฟีเจอร์ความปลอดภัยสูงมากมาย ใช้การเข้ารหัส AES 256-bit มีตัวเลือกการยืนยันที่หลากหลายและรายงานประเมินความปลอดภัย (SOC 2) ซึ่งหมายความว่ารหัสผ่านของคุณจะได้รับการตรวจสอบความปลอดภัยเป็นประจำ
แอพ Keeper Windows นั้นดีมาก มีอินเทอร์เฟสที่สะอาด ทันสมัยและมีการจัดระเบียบอย่างดี ฟีเจอร์ทั้งหมดสามารถเข้าถึงได้ง่ายและทุกอย่างทำงานได้เป็นอย่างดี
Keeper มี:
- การควบคุมดาร์กเว็บ<(BreachWatch)
- แชทเข้ารหัส(KeeperChat)
- การตรวจสอบความแข็งแกร่งของรหัสผ่าน
- พื้นที่จัดเก็บรหัสผ่านที่ปลอดภัย(มากถึง 100 GB)
- การเข้าถึงอัตโนมัติ
- เข้าสู่ระบบไบโอเมตริกซ์ด้วย Windows Hello
ฉันชอบฟีเจอร์การตรวจสอบดาร์กเว็บของ Keeper มาก ในขณะที่คู่แข่งชั้นนำอย่าง 1Password และ Dashlane ก็นำเสนอการสแกนดาร์กเว็บเพื่อหาข้อมูลประจำตัวที่ถูกละเมิดเช่นกัน แต่ฉันคิดว่า Keeper ทำงานได้ดีพอสมควร ในการทดสอบของฉัน Keeper แจ้งเตือนฉันว่าอีเมลฉบับหนึ่งของฉันถูกละเมิด ซึ่งเครื่องมือจัดการรหัสผ่านส่วนใหญ่ไม่สามารถตรวจจับได้!
แถม Keeper ยังมีแอปเข้ารหัสข้อความอีกด้วย นอกจากการรักษาความปลอดภัยของการสื่อสารแล้ว ยังช่วยให้คุณถอนข้อความและตั้งเวลาทำลายข้อความได้อีกด้วย ข้อดีอีกอย่างคือ คุณสามารถซื้อพื้นที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์ได้สูงสุด 100 GB เครื่องมือจัดการรหัสผ่านอื่น ๆ ในรายการนี้นำเสนอได้ตัวเลือกสูงสุด 1 GB
แผนฟรีของ Keeperมาพร้อมกับการบันทึกรหัสผ่านไม่จำกัด แต่ใน 1 อุปกรณ์เท่านั้นKeeper Unlimited บันทึกรหัสผ่านได้ไม่จำกัดบนอุปกรณ์ไม่จำกัด ซิงค์บนหลายอุปกรณ์ การเข้าถึงฉุกเฉินและอื่น ๆ ด้วยส่วนลดพิเศษ 30% ของเรา ราคาอยู่ที่ US$2.92 / เดือน ซึ่งเป็นข้อเสนอที่ดี Keeper Family เพิ่ม 5 ผู้ใช้และพื้นที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์ 10 GB และยังมีส่วนลด 30% ดังนั้นคุณจึงสามารถซื้อบริการได้ในราคา US$6.25 / เดือน ผู้ใช้ทั้งแบบUnlimited และFamily สามารถซื้อส่วนเสริมได้ เช่น การตรวจสอบดาร์กเว็บและที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์สูงสุด 100 GB
สรุป:
Keeper เป็นเครื่องมือจัดการรหัสผ่านที่มีความปลอดภัยสูงและยังมาพร้อมกับฟีเจอร์เพิ่มเติมมากมาย เช่น การตรวจสอบดาร์กเว็บ, พื้นที่เก็บข้อมูลที่ปลอดภัย 10 GB, การยืนยันตัวตนหลายขั้นตอน, แชทเข้ารหัสและการตรวจสอบความปลอดภัยรหัสผ่าน Keeper มีแผนให้เลือกมากมายทั้งสำหรับบุคคลและครอบครัวและคุณสามารถทดลองใช้ฟีเจอร์ระดับพรีเมียมทั้งหมดของ Keeper ด้วยการทดลองใช้ฟรี 30 วัน
5. LastPass — ฟีเจอร์ฟรีที่ดีสำหรับผู้ใช้ Windows
LastPass มีแผนบริการฟรีที่ดีสำหรับผู้ใช้ Windows โดยมีพื้นที่จัดเก็บรหัสผ่านไม่จำกัดบนเดสก์ท็อปหรืออุปกรณ์พกพาไม่จำกัดจำนวนสำหรับผู้ใช้คนเดียว LastPass เป็นเครื่องมือจัดการรหัสผ่านฟรีที่นำเสนอการแบ่งปันรหัสผ่าน ซึ่งไม่ค่อยมีบริการฟรีนำเสนอฟีเจอร์นี้ คุณสามารถแบ่งปันรหัสผ่านได้ไม่จำกัด แต่แบ่งปันได้กับผู้ใช้อื่นเพียง 1 คนเท่านั้น แผนบริการฟรีของ Dashlane มีการแบ่งปันรหัสผ่านเช่นกัน แต่ให้คุณสามารถแบ่งปันรหัสผ่านกับผู้ใช้ Dashlane คนอื่นๆ ได้มากถึง 5 รหัสผ่าน
ทั้งแอพพลิเคชั่น Windows และส่วนขยายเบราว์เซอร์ของ LastPass ทำงานได้ดีในระหว่างการทดสอบ — ฉันไม่มีปัญหาในการใช้งานฟีเจอร์ที่นำเสนอให้ทั้งหมดและฉันพบว่าการสร้างบันทึก การกรอกข้อมูลและการแบ่งปันรหัสผ่านสามารถทำได้อย่างง่ายดาย แต่ส่วนขยายเบราว์เซอร์ของ LastPass ก็มีฟังก์ชันที่ค่อนข้างจำกัดเมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง 1Password และ
LastPass Free ฟรี ยังมีบริการ:
- การกู้คืนบัญชี
- ตัวเปลี่ยนรหัสผ่านอัตโนมัติ
- การยืนยันตัวตน 2FA & TOTP
สิ่งที่ฉันชอบมากที่สุดเกี่ยวกับ LastPass คือมีตัวเลือกมากมายในการกู้คืนบัญชีของคุณ ในกรณีที่คุณลืมรหัสผ่านหลัก เช่น LastPass สามารถส่งรหัสกู้คืนไปยังโทรศัพท์มือถือของคุณหรือคุณสามารถกู้คืนรหัสผ่านหลักก่อนหน้านี้ได้ถึง 30 วันหลังจากตั้งรหัสผ่านหลักใหม่
ฉันยังชอบที่ LastPass มาพร้อมกับ 2FA และโปรแกรมสร้าง TOTP สำหรับการรักษาความปลอดภัยรหัสผ่านอีกชั้นหนึ่ง แต่ฉันก็อยากให้บริการนำเสนอการตรวจสอบความปลอดภัยของรหัสผ่านและการแจ้งเตือนการละเมิด เช่นเดียวกับที่ 1Password นำเสนอ
ประสิทธิภาพของLastPass แผนฟรี นั้นว่าดีแล้ว แต่ LastPass แผนพรีเมี่ยม นั้นดียิ่งกว่า โดยมีการเพิ่มคุณสมบัติต่าง ๆ เช่น การแชร์รหัสผ่านจากผู้ใช้รายหนึ่งไปยังหลายผู้ใช้ การเฝ้าระวังเว็บไซต์มืด การเข้าถึงฉุกเฉิน และคลังเก็บข้อมูลขนาด 1 GB ในราคาเพียง US$1.50 / เดือน เท่านั้น LastPass แผนครอบครัว มีคุณสมบัติเหมือนกันกับพรีเมี่ยม แต่สามารถครอบคลุมผู้ใช้ได้สูงสุด 6 รายด้วยราคา US$2.00 / เดือน
สรุป:
LastPass มีแผนฟรีที่ดีสำหรับผู้ใช้ Windows บริการให้คุณสามารถจัดเก็บรหัสผ่านได้ไม่จำกัดบนเดสก์ท็อปหรืออุปกรณ์มือถือไม่จำกัดจำนวนสำหรับผู้ใช้ 1 คน นอกจากนี้ยังมี การแบ่งปันรหัสผ่านกับผู้ใช้รายอื่น, 2FA, การกู้คืนบัญชีและการตรวจสอบรหัสผ่าน LastPass เวอร์ชันพรีเมี่ยมเพิ่มฟีเจอร์ขั้นสูง เช่น การแบ่งปันรหัสผ่านกับผู้ใช้หลายราย การตรวจสอบดาร์กเว็บ การเข้าถึงกรณีฉุกเฉินและที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์ คุณสามารถทดลองใช้งาน LastPass ได้โดยใช้บัญชีทดลองใช้งานฟรี 30 วัน
อ่านรีวิวตัวเต็มของ LastPass >
6. Sticky Password — แผนพรีเมี่ยมที่ดีและตัวเลือกสำหรับการพกพา
Sticky Password นั้นเป็นเครื่องมือจัดการรหัสผ่านแบบพื้นฐานที่มาพร้อมกับแอป Windows ที่ใช้งานได้ง่ายถึงแม้ว่าจะมีฟีเจอร์น้อยกว่าคู่แข่งอย่าง 1Password, Dashlane และ Keeper แต่บริการก็นำเสนอฟีเจอร์ที่มีประโยชน์บางอย่าง เช่น:
- รหัสผ่านแอป
- พื้นที่จัดเก็บบันทึกข้อมูลที่ปลอดภัย
- ตัวเลือกซิงค์บนคลาวด์และ Wi-Fi
- โปรแกรมแบบพกพาบน USB
ฉันชอบที่ Sticky Password สามารถบันทึกและป้อนข้อมูลรหัสผ่านสำหรับแอป Windows เช่น Skype และ iTunes ของคุณได้ RoboForm นำเสนอสิ่งนี้เช่นกัน แต่เครื่องมือจัดการรหัสผ่านระดับพรีเมียมอื่น ๆ อีกมากมายที่ไม่ได้นำเสนอสิ่งนี้
เครื่องมือจัดการรหัสผ่านบน USB ของ Sticky Password ก็เป็นฟีเจอร์ที่ดีเช่นกัน คุณสามารถโหลด Sticky Password เวอร์ชันพกพาลงในแฟลชไดรฟ์ เพื่อให้คุณสามารถเข้าถึงรหัสผ่านและข้อมูลทั้งหมดของคุณบน PC ทุกเครื่อง ฉันยังชอบที่ Sticky Password ให้ตัวเลือกแก่คุณในการจัดเก็บข้อมูลในอุปกรณ์หรือบนคลาวด์ได้
แผนฟรีของ Sticky Password มาพร้อมกับรหัสผ่านไม่จำกัดจำนวนบน 1 อุปกรณ์, โปรแกรมแบบพกพา, 2FA, และพื้นที่จัดเก็บบันทึกที่ปลอดภัย แผนSticky Password Premium (US$1.66 / เดือน) จะสามารถใช้งานได้ไม่กัดอุปกรณ์, สามารแบ่งปันรหัสผ่านและมีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์หรือในอุปกรณ์และซิงค์ นอกจากนี้ StickyPassword ยังนำเสนอแผนบริการตลอดชีพอีกด้วย
หากคุณเป็นคนรักสัตว์ มีเหตุผลอีกข้อในการเลือก Sticky Password กำไรส่วนหนึ่งจากสมัครบริการพรีเมียมในแต่ละครั้งจะมอบให้ Save The Manatee Club ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่อุทิศให้กับการอนุรักษ์ประชากรพะยูน
สรุป:
Sticky Password นำเสนอฟีเจอร์การจัดการรหัสผ่านมาตรฐานทั้งหมด รวมถึงการจัดเก็บข้อมูลในเครื่องและเวอร์ชัน USB แบบพกพา ใช้งานง่ายบน Windows และยังสามารถบันทึกรหัสผ่านแอป Windows ของคุณได้ แผนบริการฟรีนำเสนอการทดลองใช้ Sticky Password Premium ฟรี 30 วันและการซื้อทั้งหมดยังมีการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
อ่านรีวิว Sticky Password ตัวเต็ม >
7. Avira Password Manager — แอป Windows ที่ใช้งานได้ง่าย + แผนฟรีที่ดี
Avira Password Manager นั้นปลอดภัยและใช้งานได้ง่าย เหมาะสำหรับผู้ใช้เริ่มต้นที่ไม่มีความรู้ด้านเทคนิคนอกจากนี้ยังมีแผนบริการฟรีที่ดีที่ให้คุณจัดเก็บรหัสผ่านได้ไม่จำกัดในอุปกรณ์ไม่จำกัด เครื่องมือจัดการรหัสผ่านชั้นนำอย่าง Dashlane จำกัดการใช้งานเพียง 1 อุปกรณ์เท่านั้นในแผนฟรี แต่แผนฟรีของ Dashlane ยังมีฟีเจอร์ความปลอดภัยเพิ่มเติมมากกว่าที่ Avira Password Manager มีให้
ฉันพบว่า Avira Password Manager ใช้งานได้ง่ายบน Windows อินเทอร์เฟสมีความคล่องตัวและสามารถสร้าง บันทึกและกรอกรหัสผ่านอัตโนมัติโดยไม่มีปัญหาในการทดสอบของฉัน
Avira Password Manager มี:
- การยืนยัน 2FA ในตัว (แผนฟรี)
- การตรวจสอบที่เก็บ รหัสผ่าน (แผนพรีเมี่ยม)
- การตรวจสอบการละเมิดข้อมูล (แผนชำระเงิน)
การตั้งค่าเครื่องมือยืนยันตัวตนในตัวนั้นทำได้ง่ายมาก ฉันเพิ่งถ่ายภาพรหัส QR Code บนเว็บไซต์ที่ใช้งานได้กับ 2FA และ Avira ก็สร้างรหัสผ่านแบบใช้ครั้งเดียวชั่วคราว (TOTP) ใหม่สำหรับเว็บไซต์เหล่านั้นทุก ๆ 30 วินาที
แผนฟรีของ Avira Password Manager นำเสนอการบันทึกรหัสผ่านไม่จำกัดบนอุปกรณ์ไม่จำกัด, เครื่องมือยืนยัน 2FA ในตัวและการซิงค์หลายอุปกรณ์ อย่างไรก็ตามแผนการชำระเงิน (US$2.66 / เดือน)จะเพิ่มการตรวจสอบพื้นที่จัดเก็บรหัสผ่านและการตรวจสอบการละเมิดข้อมูล ทั้งสองเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับการตรวจสอบความปลอดภัยของรหัสผ่านของคุณและช่วยให้คุณสามารถเปลี่ยนรหัสผ่านได้อย่างรวดเร็วหากจำเป็น คุณยังสามารถรับ Avira Password Manager ที่เป็นส่วนหนึ่งของแพ็คเกจแอนตี้ไวรัส Prime ที่ครอบคลุมของ Avira ซึ่งมีราคาอยู่ที่ US$59.99 / ปี และยังมี VPN และครอบคลุมอุปกรณ์สูงสุด 5 เครื่อง
สรุป:
Avira Password Manager นั้นใช้งานง่ายและปลอดภัยด้วยแผนบริการฟรีที่ดีและบริการพรีเมี่ยมราคาถูก แผนบริการฟรีมอบพื้นที่จัดเก็บรหัสผ่านไม่จำกัดบนอุปกรณ์ไม่จำกัด, 2FA และการซิงค์หลายอุปกรณ์ ในขณะที่รุ่นพรีเมียมเพิ่มการตรวจสอบพื้นที่จัดเก็บรหัสผ่านและการตรวจสอบการละเมิดข้อมูล คุณสามารถรับเครื่อง
มือจัดการรหัสผ่านของ Avira เป็นแอปแบบสแตนด์อโลนหรือรวมกับแพ็คเกจ Avira Prime ก็ได้ นอกจากนี้ยังมีการรับประกันคืนเงิน 60 วันสำหรับแผนรายปีทั้งหมด
อ่านรีวิวตัวเต็มของ Avira Password Manager >
8. Bitwarden — เครื่องมือจัดการรหัสผ่านแบบโอเพ่นซอร์ส
Bitwarden เป็นเครื่องมือจัดการรหัสผ่านโอเพ่นซอร์สที่ปลอดภัย มาพร้อมฟีเจอร์สำหรับผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียมทั้งหมด แถมยังสามารถใช้งานอินเตอร์เฟสในภาษาไทยได้
มีฟีเจอร์:
- การเข้ารหัสที่แข็งแกร่ง
- การยืนยัน 2 ขั้นตอน (2FA)
- การตรวจสอบความปลอดภัยของรหัสผ่าน
- การตรวจสอบการละเมิดรหัสผ่าน
- ตัวเลือกการจัดเก็บบนคลาวด์หรือในพื้นที่
แผนบริการฟรีของ Bitwarden นั้นค่อนข้างดี มีพื้นที่จัดเก็บรหัสผ่านไม่จำกัดบนอุปกรณ์ไม่จำกัด และยังสามารถแบ่งปันรหัสผ่านแบบไม่จำกัดได้กับผู้ใช้อีก 1 คน เครื่องมือจัดการรหัสผ่านชั้นนำหลายบริการจำกัดการใช้งานในอุปกรณ์เพียง 1 เครื่องในแผนบริการฟรีและไม่อนุญาตให้แบ่งปัน ในขณะที่ Dashlane นำเสนอกาจัดเก็บรหัสผ่านมากถึง 50 รหัสใน 1 อุปกรณ์และให้คุณสามารถแบ่งปันได้มากถึง 5 รหัส นอกจากนี้ยังมีการตรวจสอบความปลอดภัยของรหัสผ่าน, การตรวจสอบการละเมิดข้อมูล, การยืนยันตัวตนผ่าน TOT และอื่น ๆ อีกมากมาย ฟีเจอร์เพิ่มเติมเหล่านี้มีให้บริการในแผนพรีเมี่ยมของ Bitwarden เท่านั้น
แต่ว่า Bitwarden ไม่ได้นำเสนอบริการที่ใช้งานได้ง่ายเท่ากับเครื่องมือจัดการหัสผ่านพรีเมี่ยมอื่น ๆะดับพรีเมียมอื่นๆ เช่น Dashlane ฉันพบว่ากระบวนการนำเข้ารหัสผ่านจากเครื่องมือจัดการรหัสผ่านอื่นนั้นค่อนข้างซับซ้อน ฉันยังพบว่าอินเทอร์เฟสบน Windows นั้นใช้งานได้ไม่ง่ายนักเมื่อเทียบกับ Dashlane อย่างไรก็ตามรหัสผ่านของฉันซิงค์ได้ง่ายระหว่างอุปกรณ์และฟีเจอร์การกรอกรหัสผ่านอัตโนมัติก็ทำงานได้ดี
หากคุณเป็นผู้ใช้ที่มีความรู้ทางเทคนิค ฉันคิดว่า Bitwarden อาจเป็นตัวเลือกราคาประหยัดที่ดีสำหรับคุณ หากคุณไม่มีความรู้ด้านเทคโนโลยี คุณควรเลือกใช้เครื่องมือจัดการรหัสผ่านที่ใช้งานได้ง่ายกว่า เช่น Dashlane หรือ 1Password
ด้วยแผนบริการฟรีของ Bitwarden คุณจะได้รับพื้นที่จัดเก็บรหัสผ่านไม่จำกัดในอุปกรณ์ไม่จำกัด ตัวเลือกการจัดเก็บบนคลาวด์หรือในอุปกรณ์และการแบ่งปันรหัสผ่านไม่จำกัดกับผู้ใช้อื่น 1 คน Bitwarden Premium ให้พื้นที่เก็บข้อมูลเข้ารหัสขนาด 1 GB, เครื่องมือตรวจสอบความปลอดภัยที่เก็บรหัสผ่านและเครื่องมือยืนยัน 2FA ในราคาเพียงUS$1.00 / เดือน
สรุป:
Bitwarden เป็นเครื่องมือจัดการรหัสผ่านโอเพ่นซอร์สที่มีราคาไม่แพง รองรับการจัดการรหัสผ่านพื้นฐานได้ดีและมีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้แผนบริการฟรีของ Bitwarden ยังมีการจัดเก็บรหัสผ่านแบบไม่จำกัดบนอุปกรณ์ไม่จำกัดและการแบ่งปันแบบไม่จำกัดกับผู้ใช้อื่นอีก 1 คน ในขณะที่มันใช้งานได้ไม่ง่ายเท่ากับบริการจาก 1Password และ Dashlane เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ใช้ขั้นสูงที่ต้องการตัวเลือกราคาไม่แพง
อ่านรีวิวตัวเต็มของ Bitwarden >
9. Enpass — ตัวเลือกราคาประหยัดสำหรับแผนตลอดชีพ
Enpass เป็นเครื่องมือจัดการรหัสผ่านที่ดีสำหรับผู้ใช้ Windows ที่ต้องการการป้องกันรหัสผ่านขั้นพื้นฐาน บริการนำเสนอการสร้างรหัสผ่านที่ดี การกรอกรหัสผ่านอัตโนมัติและการตรวจสอบรหัสผ่านและเพื่อให้ใช้งานได้ง่าย คุณสามารถเปลี่ยนอินเทอร์เฟสแอปเป็นภาษาไทยได้
อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับเครื่องมือจัดการรหัสผ่านชั้นนำอย่าง 1Password, Dashlane และ RoboForm แล้ว Enpass ยังมีข้อจำกัดมากกว่า ยิ่งไปกว่านั้นนี่เป็นเครื่องมือจัดการรหัสผ่านเพียงบริการเดียวในรายการของฉันที่นำเสนอการจัดเก็บข้อมูลในอุปกรณ์เท่านั้น ผู้ใช้ที่ต้องการความปลอดภัยคิดว่านี่เป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยที่สุด แต่ฉันชอบ Sticky Password มากกว่าเพราะบริการให้คุณเลือกได้ว่าจะบันทึกข้อมูลของคุณในอุปกรณ์หรือคลาวด์
ด้วย Enpass คุณสามารถซิงค์ข้อมูลของคุณกับแอปที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์ เช่น Google Drive และ Dropbox ได้ แต่มันอาจซับซ้อนเกินไปสำหรับผู้ใช้ที่ไม่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี นอกจากนี้คุณยังจะต้องจ่ายเพิ่มสำหรับบริการเหล่านี้ด้วย
Enpass มีเวอร์ชันเดสก์ท็อปฟรีและยังมีแอปเวอร์ชันมือถือฟรีที่มีข้อจำกัด (บันทึกได้สูงสุด 25 รหัสผ่าน) เริ่มต้นที่ แผนพรีเมียมหลายแผน มีราคาเริ่มต้นที่ US$1.99 / เดือน และ Enpass ยังนำเสนอการสมัครสมาชิกตลอดชีพอีกด้วย
สรุป:
Enpass เป็นเครื่องมือจัดการรหัสผ่านพื้นฐานที่ทำงานได้ดี นำเสนอการจัดเก็บข้อมูลในเครื่องเท่านั้น ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ใช้ขั้นสูง อย่างไรก็ตามหากคุณต้องการจัดเก็บข้อมูลของคุณในระบบคลาวด์ คุณจะต้องชำระค่าบริการที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์ของบริษัทอื่น Enpass มีเวอร์ชันฟรีและเป็นหนึ่งในเครื่องมือจัดการรหัสผ่านที่มาพร้อมกับการสมัครสมาชิกตลอดชีพ
10. Norton Password Manager — ตัวเลือกบริการฟรีที่ดี
Norton Password Manager ปลอดภัย ใช้งานง่ายและมาพร้อมกับบริการฟรีหรือมาพร้อมกับแอนตี้ไวรัส Norton 360 บริการทำหน้าที่จัดการรหัสผ่านพื้นฐานได้ดีและมีฟีเจอร์ความปลอดภัยมาตรฐานอุตสาหกรรมทั้งหมด เช่น การเข้ารหัส AES 256-bit และนโยบายการไม่เก็บข้อมูล
Norton Password Manager มี:
- พื้นที่จัดเก็บรหัสผ่านไม่จำกัด
- เครื่องมือสร้างรหัสผ่าน
- การตรวจสอบที่จัดเก็บรหัสผ่าน
- การยืนยันตัวตน 2FA พื้นฐาน
- เครื่องมือเปลี่ยนรหัสผ่านอัตโนมัติ
Norton Password Manager ไม่มีเครื่องมือ 2FA ขั้นสูง การแชร์รหัสผ่านระหว่างผู้ใช้หรือการยืนยัน TOTP ในตัว คู่แข่งอย่าง RoboForm และ Keeper นำเสนอฟีเจอร์เหล่านี้ในราคาถูก และบริการอย่าง 1Password และ Dashlane ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ที่โดดเด่น เช่น การซ่อนที่เก็บรหัสผ่าน (1Password), บัตร Virtual Card (1Password) และ VPN (Dashlane)
อย่างไรก็ตาม แม้ว่า Norton Password Manager จะไม่มีฟีเจอร์เหล่านี้ แต่ Norton 360 ก็มีฟีเจอร์ความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ตมากกว่าคู่แข่งส่วนใหญ่ มีการสแกนมัลแวร์แบบเรียลไทม์, การป้องกันฟิชชิ่ง, การควบคุมโดยผู้ปกครองที่ครอบคลุม, VPN ที่ปลอดภัยและการป้องกันการโจรกรรมข้อมูลประจำตัวสำหรับผู้ใช้ในสหรัฐอเมริกา
แต่ถ้าคุณไม่ต้องการแอนตี้ไวรัสใหม่ คุณสามารถดาวน์โหลด Norton Password Manager ได้ฟรี บน Windows PC ของคุณ คุณสามารถเข้าถึงส่วนขยายเบราว์เซอร์ได้บนเบราว์เซอร์ยอดนิยมทั้งหมดและแอพมือถือนั้นสามารถใช้งานบน Android และ iOS ได้อย่างง่ายดาย
สรุป:
Norton Password Manager เป็นเครื่องมือจัดการรหัสผ่านฟรีที่มีการเข้ารหัสที่ปลอดภัย ไม่บันทึกข้อมูลผู้ใช้งานและฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่เป็นประโยชน์ มันไม่ได้มีฟีเจอร์มากมายเหมือนกับเครื่องมือจัดการรหัสผ่านชั้นนำอย่าง 1Password แต่บริการนำเสนอการซิงค์อุปกรณ์ไม่จำกัด การตรวจสอบรหัสผ่านในห้องที่เก็บและฟีเจอร์การเปลี่ยนรหัสผ่านอัตโนมัติ Norton Password Manager ยังมาพร้อมกับ Norton 360 ซึ่งมีการตรวจสอบดาร์กเว็บ, VPN, การควบคุมโดยผู้ปกครองและการรับประกันคืนเงินภายใน 60 วัน
อ่านรีวิวตัวเต็มของ Norton Password Manager >
ตารางเปรียบเทียบเครื่องมือจัดการรหัสผ่านที่ดีที่สุดสำหรับ Windows
วิธีเลือกเครื่องมือจัดการรหัสผ่านที่ดีที่สุดสำหรับ Windows ในปี 2024
- ความปลอดภัย เครื่องมือจัดการรหัสผ่านที่ดีจะมีการรักษาความปลอดภัยระดับสูงด้วยการเข้ารหัสระดับเดียวกับธนาคาร โปรโตคอลการไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานและการยืนยันตัวตนสองขั้นตอน (2FA) ตัวเลือกอันดับแรกของฉันมีฟีเจอร์ความปลอดภัยที่สำคัญทั้งหมด เพื่อช่วยให้รหัสผ่านและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของคุณปลอดภัย 100%
- ฟีเจอร์ เครื่องมือจัดการรหัสผ่านจำนวนมากมีฟีเจอร์ที่หลากหลาย แต่ไม่ใช่ทุกฟีเจอร์ที่จะเป็นประโยชน์หรือทำงานได้ดี แต่บริการทั้งหมดในรายชื่อนี้มีฟีเจอร์พิเศษที่มีคุณภาพสูง รวมถึงการแบ่งปันรหัสผ่านที่เข้ารหัสและการสแกนดาร์กเว็บ เครื่องมือจัดการรหัสผ่านบางบริการยังมีฟีเจอร์พิเศษที่ไม่เหมือนใคร ตัวอย่างเช่น 1Password มีการซ่อนที่เก็บรหัสผ่านและบัตร Virtual Card และ Dashlane เป็นเครื่องมือจัดการรหัสผ่านเพียงบริการเดียวที่นำเสนอ VPN
- ความง่ายในการใช้งาน รายการของฉันมีบริการที่ใช้งานได้ง่าย สามารถใช้งานได้หลายแพลตฟอร์ม มีอินเตอร์เฟสที่นำทางได้ง่ายและมีส่วนเสริมบนเบราเซอร์ เครื่องมือจัดการรหัสผ่านทั้งหมดในรายการนี้มีทั้งแผนส่วนบุคคลและแผนสำหรับครอบครัว (ฉันขอแนะนำ 1Password สำหรับครอบครัว)
- การช่วยเหลือลูกค้า ฉันทดสอบการติดต่อขอความช่วยเหลือผ่านไลฟ์แชท โทรศัพท์และอีเมล์ เพื่อการันตีต่อคุณว่าบริการที่ฉันแนะนำสามารถให้ความช่วยเหลือคุณได้ตลอดเวลาเมื่อคุณต้องการ บริการที่ฉันนำเสนอยังมีส่วนคำถามที่พบบ่อย ฐานความรู้และฟอรั่มเพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถค้นหาคำตอบที่พวกเขามีได้อย่างง่ายดาย
- ความคุ้มค่า เครื่องมือจัดการรหัสผ่านที่ดีที่สุดสำหรับ Windows ควรมีราคาที่เหมาะสมสำหรับทุกงบประมาณ ตัวเลือกที่ฉันแนะนำที่มีราคาจับต้องได้และมาพร้อมกับการทดลองใช้ฟรีและ/หรือการการันตีคืนเงิน
เครื่องมือจัดการรหัสผ่านจากบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ไม่ติดโผของฉัน
- NordPass นั้นปลอดภัย เรียบง่ายและใช้งานง่าย อย่างไรก็ตามฟีเจอร์ที่นำเสนอนั้นไม่โดดเด่นมากเท่ากับบริการชั้นนำอื่น ๆ มันขาดฟีเจอร์พิเศษที่คู่แข่งอย่าง Dashlaneนำเสนอเช่นที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์ที่ปลอดภัยและเครื่องมือเปลี่ยนรหัสผ่านอัตโนมัติ
- Kaspersky Password Manager เป็นแบรนด์การรักษาความปลอดภัยบนเว็บที่น่าเชื่อถือและเครื่องมือจัดการรหัสผ่านนั้นเน้นฟีเจอร์พื้นฐานและใช้งานง่าย Kaspersky ไม่มีฟีเจอร์พิเศษที่นำเสนอในเครื่องมือจัดการรหัสผ่าน เช่น Dashlane หรือ 1Password
- Zoho Vault เป็นเครื่องมือจัดการรหัสผ่านที่ดี แต่พัฒนามาสำหรับทีมและธุรกิจ ฟีเจอร์หลายอย่างจึงไม่มีประโยชน์สำหรับบุคคลหรือครอบครัว
ทำไมเครื่องมือจัดการรหัสผ่านบนเบราเซอร์ถึงไม่ดีพอ
เบราว์เซอร์ชั้นนำ รวมทั้ง Edge, Chrome และ Firefox มีเครื่องมือจัดการรหัสผ่านในตัว แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่ามันจะใช้งานได้ฟรีและสะดวกสบาย แต่มันก็ให้บริการได้ไม่ดีเท่ากับเครื่องมือจัดการรหัสผ่านแบบสแตนด์อโลนและนี่คือเหตุผล
- ความปลอดภัย Edge, Chrome และ Firefox ใช้การเข้ารหัส AES-256 bit เหมือนกันกับเครื่องมือจัดการรหัสผ่านระดับพรีเมียม อย่างไรก็ตามมันไม่มีรหัสผ่านหลักหรือ 2FA (ดังนั้นหากอุปกรณ์ของคุณละเมิดความปลอดภัย รหัสผ่านของคุณจะถูกเข้าถึงได้ง่ายกว่า) และไม่มีโครงสร้างโปรแกรมแบบ zero-knowledge (หมายความว่าหากเซิร์ฟเวอร์ถูกแฮ็ก ข้อมูลของคุณก็จะถูกเข้าถึงได้เพราะไม่มีการเข้ารหัส)
หมายเหตุ ขณะนี้ Chrome และ Firefox นำเสนอรหัสผ่านหลักและตัวเลือก 2FA แล้ว แต่ไม่เปิดใช้งานตามค่าเริ่มต้นและคุณจำเป็นต้องเข้าไปที่การตั้งค่าต่างๆ เพื่อค้นหาตัวเลือกนี้และ Edge ยังไม่ได้เสนอตัวเลือกเหล่านี้เลย - การซิงค์ เครื่องมือจัดการรหัสผ่านบนเบราว์เซอร์ทั้งหมดมีตัวเลือกในการซิงค์ระหว่างอุปกรณ์ต่าง ๆ แต่ยังคงจำกัดอยู่เพียงเบราว์เซอร์เดียวเท่านั้น ดังนั้นหากคุณใช้หลายเบราว์เซอร์ คุณจะต้องบันทึกรหัสผ่านสำหรับแต่ละเบราว์เซอร์ ในทางกลับกันเครื่องมือจัดการรหัสผ่านแบบสแตนด์อโลนจะซิงค์กับทุกเบราว์เซอร์และทุกแพลตฟอร์มให้คุณ ซึ่งสะดวกกว่ามากและยังปลอดภัยกว่าอีกด้วย
- สร้างรหัสผ่านที่รัดกุม เครื่องมือจัดการรหัสผ่านบนเบราว์เซอร์ทั้งหมดมีเครื่องมือสร้างรหัสผ่าน ซึ่งโดยปกติแล้วจะแสดงป๊อปอัปโดยอัตโนมัติเมื่อสร้างรหัสผ่านใหม่ อย่างไรก็ตามมันไม่สามารถสร้างรหัสผ่านที่รัดกุมเท่ากับเครื่องมือสร้างรหัสผ่านแบบพรีเมียมและไม่มีตัวเลือกการปรับแต่งใด ๆ เช่น ความยาวของรหัสผ่านหรือประเภทของอักขระที่ใช้
- การแบ่งปันรหัสผ่าน เครื่องมือจัดการรหัสผ่านบนเบราว์เซอร์ไม่มีฟีเจอร์การแบ่งปันใด ๆ ดังนั้นหากคุณต้องการแบ่งปันรหัสผ่านกับครอบครัวหรือเพื่อนร่วมงาน คุณจะไม่สามารถทำได้อย่างปลอดภัย คุณจะต้องส่งข้อความหรืออีเมลซึ่งตัวเลือกเหล่านั้นจะไม่เข้ารหัสข้อความให้กับคุณและสามารถถูกละเมิดได้ตลอดเวลา
- ความสมบูรณ์ของรหัสผ่าน ขณะนี้ Edge และ Chrome มีตัวบ่งชี้สถานะของรหัสผ่าน ซึ่งจะแสดงรหัสผ่านที่ไม่รัดกุม ใช้ซ้ำหรือถูกละเมิด Firefox จะแสดงเฉพาะรหัสผ่านที่ถูกละเมิด คุณจะต้องลงชื่อเข้าชะและเข้าไปที่การตั้งค่ารหัสผ่านของเบราว์เซอร์เพื่อดูข้อมูลนี้ มันยุ่งยากมากและคุณอาจพลาดข้อมูลสำคัญนี้ไปได้ง่าย ๆ แต่ในทางกลับกันเครื่องมือจัดการรหัสผ่านแบบสแตนด์อโลนมีแอปเดสก์ท็อปและมือถือที่แสดงข้อมูลนี้อย่างชัดเจน พร้อมเครื่องมือเพิ่มเติมเพื่อแก้ไขและอัปเดตรหัสผ่านที่ได้อย่างง่ายดาย
- การจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลอื่นๆ เครื่องมือจัดการรหัสผ่านแบบสแตนด์อโลนช่วยให้คุณสามารถบันทึกข้อมูลส่วนบุคคลได้หลากหลายในที่เก็บรหัสผ่าน เครื่องมือจัดการรหัสผ่านบนเบราว์เซอร์จะจำกัดประเภทข้อมูลแค่เฉพาะรหัสผ่านและรายละเอียดบัตรเครดิตเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าคุณยังจำเป็นต้องจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลอื่น ๆ ทั้งหมดของคุณไว้ที่อื่น โดยไม่มีตัวเลือกในการเข้ารหัสและปกป้องจากแฮ็กเกอร์ที่อาจเข้าถึงได้
- การเข้าถึงฉุกเฉิน เครื่องมือจัดการรหัสผ่านบนเบราว์เซอร์ไม่มีฟีเจอร์การเข้าถึงฉุกเฉินใด ๆ ซึ่งหมายความว่ารหัสผ่านของคุณจะไม่สามารถเข้าถึงได้โดยสมาชิกในครอบครัวหรือผู้ติดต่ออื่น ๆ หากเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น
โดยพื้นฐานแล้วเครื่องมือจัดการรหัสผ่านบนเบราว์เซอร์นั้นได้รับการปรับปรุงให้ดีกว่าเดิมมาก โดยมีการเพิ่มการรักษาความปลอดภัยและฟีเจอร์ต่าง ๆ เช่น การสร้างรหัสผ่านและความแข็งแกร่งของรหัสผ่านนั้นเริ่มมีให้เห็นมากขึ้นในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตามมันยังไม่มีความปลอดภัยเท่ากับเครื่องมือจัดการรหัสผ่านแบบสแตนด์อโลน มันไม่อนุญาตให้ซิงค์ได้ในทุกแอป เบราว์เซอร์และอุปกรณ์ ไม่อนุญาตให้แบ่งปันรหัสผ่านหรือมีการเข้าถึงฉุกเฉินและคุณไม่สามารถบันทึกข้อมูลส่วนบุคคลหรือข้อมูลประเภทอื่นได้ นอกจากนี้มันยังใช้งานได้ค่อนข้างยาก ซึ่งอาจทำให้คุณสูญเสียหรือถูกเปิดเผยข้อมูลที่สำคัญได้มากขึ้น
คำถามที่พบบ่อย
ฉันจำเป็นต้องมีเครื่องมือจัดการรหัสผ่านบน PC ไหม
ใช่ คุณควรมีเครื่องมือจัดการรหัสผ่าน ทุกวันนี้เราใช้บริการออนไลน์ทำทุกอย่างในเกือบทุกแง่มุมของชีวิตของเราอยู่แล้ว ซึ่งหมายความว่าเราไม่เพียงแต่มีรหัสสำหรับบริการออนไลน์หลายร้อยรายการเท่านั้น แต่เราต้องทำให้รหัสพวกนั้นปลอดภัยจากแฮ็กเกอร์อีกด้วย
การมีรหัสผ่านที่ซับซ้อนและไม่ซ้ำกันสำหรับทุกบัญชีเป็นหนทางเดียวที่จะอยู่ได้อย่างปลอดภัยบนโลกออนไลน์ ซึ่งหมายความว่าเครื่องมือจัดการรหัสผ่านเป็นสิ่งจำเป็นมาก เพราะไม่มีใครสามารถจดจำรหัสผ่านที่ซับซ้อนได้มากมายขนาดนั้นได้
เครื่องมือจัดการรหัสผ่านแบบสแตนด์อโลนระดับพรีเมียม ใช้เทคโนโลยีการเข้ารหัสที่ปลอดภัยหลายชั้น ทำให้มันเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดในการจัดการชีวิตออนไลน์ของคุณ นอกจากนี้ยังสามารถสร้าง บันทึกและจัดเก็บรหัสผ่านได้ไม่จำกัดจำนวน มีความสามารถในการป้อนอัตโนมัติที่ยอดเยี่ยมและมาพร้อมกับฟีเจอร์ที่มีประโยชน์อื่น ๆ มากมาย เช่น การแบ่งปันรหัสผ่าน การตรวจสอบความสมบูรณ์ของรหัสผ่าน ตัวเลือกการเข้าถึงฉุกเฉินและอื่น ๆ อีกมากมาย เครื่องมือจัดการรหัสผ่านที่ดีที่สุดนั้นมีค่าใช้จ่าย แต่ก็ไม่แพงเช่นกันและให้ความคุ้มค่ายอดเยี่ยมเมื่อพิจารณาถึงความปลอดภัยและความสะดวกที่พวกเขามอบให้
แม้ว่าเบราว์เซอร์ส่วนใหญ่จะมีฟังก์ชันบันทึกรหัสผ่าน แต่ก็ไม่ปลอดภัยหรือสะดวก เท่ากับเครื่องมือจัดการรหัสผ่านแบบสแตนด์อโลน ซึ่งมาพร้อมกับแอปที่ใช้งานง่ายสำหรับ PC และอุปกรณ์มือถือของคุณ และซิงค์ได้อย่างราบรื่นในทุกแพลตฟอร์ม อุปกรณ์และเบราว์เซอร์
Windows 10 มีเครื่องมือจัดการรหัสผ่านรึเปล่า
ไม่ แต่ Microsoft Edge ที่เป็นเบราว์เซอร์เริ่มต้นของ Windows 10 มีฟีเจอร์นี้ ในขณะที่เครื่องมือจัดการรหัสผ่านของ Edge ได้รับการปรับปรุงบริการให้ดีขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่มันก็ยังให้บริการได้ไม่ใกล้เคียงกับเครื่องมือจัดการรหัสผ่านระดับพรีเมียมแบบสแตนด์อโลนที่ฉันแนะนำไว้ข้างต้น
เครื่องมือจัดการรหัสผ่านของ Microsoft Edge จะเข้ารหัสรหัสผ่านภายในอุปกรณ์ของคุณและคีย์เข้ารหัสจะถูกจัดเก็บไว้ในที่จัดเก็บข้อมูลของระบบปฏิบัติการของคุณ ซึ่งหมายความว่าหากอุปกรณ์ของคุณถูกละเมิด แฮกเกอร์อาจสามารถเข้าถึงและอ่านรหัสผ่านทั้งหมดของคุณได้ เครื่องมือจัดการรหัสผ่านระดับพรีเมียมใช้เทคโนโลยีการเข้ารหัสหลายระดับ รวมถึงรหัสผ่านหลักและ 2FA เพื่อปกป้องข้อมูลของคุณจากการโจมตีทางไซเบอร์ทุกประเภท
เครื่งมือจัดการรหัสผ่านของ Edge มีตัวเลือกในการซิงค์ระหว่างอุปกรณ์ต่าง ๆ แต่อย่างไรก็ตามวิธีการเข้ารหัสกลับไม่ปลอดภัยเท่ากับเครื่องมือจัดการรหัสผ่านแบบสแตนด์อโลนและมันจำกัดแค่ในเบราว์เซอร์ Edge เท่านั้นคุณจะไม่สามารถเข้าถึงรหัสผ่านของคุณได้หากคุณใช้เบราว์เซอร์อื่น
เครื่องมือจัดการรหัสผ่านของ Edge ประกอบด้วยเครื่องมือสร้างรหัสผ่าน ฟีเจอร์การป้อนอัตโนมัติ ฟีเจอร์ระบุสถานะรหัสผ่านและการแจ้งเตือนหากพบรหัสผ่านถูกละเมิดข้อมูล อย่างไรก็ตามฟีเจอร์เหล่านี้ไม่ครอบคลุมหรือซับซ้อนเท่าที่มีให้โดยเครื่องมือจัดการรหัสผ่านแบบสแตนด์อโลนชั้นนำและไม่มีฟีเจอร์ที่เป็นประโยชน์ เช่น การแชร์รหัสผ่าน การเข้าถึงฉุกเฉินและอื่น ๆ
ทำไมฉันจึงใช้เครื่องมือจัดการรหัสผ่านของ Chrome / Firefox / Edge ไม่ได้
แม้ว่าเครื่องมือจัดการรหัสผ่านในตัวของเบราว์เซอร์จะใช้งานได้สะดวก แต่มันก็ไม่ใช้งานได้ไม่ดีนัก มันใช้งานได้ในเบราว์เซอร์เดียวเท่านั้น ไม่สามารถแบ่งปันรหัสผ่านได้ ไม่อนุญาตให้คุณเก็บข้อมูลประเภทอื่น ฟังก์ชันการป้อนอัตโนมัติทำงานได้ไม่แม่นยำและไม่ปลอดภัย
ผลิตภัณฑ์ที่ฉันแนะนำสามารถสร้างรหัสผ่านที่รัดกุมต่างจากเครื่องมือจัดการรหัสผ่านบนเบราว์เซอร์และกรอกข้อมูลและแบบฟอร์มบนเว็บโดยอัตโนมัติอย่างแม่นยำ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์เพิ่มเติม เช่น การแบ่งปันรหัสผ่าน การเข้าถึงฉุกเฉิน การเปลี่ยนรหัสผ่าน (และอัตโนมัติ) และอื่น ๆ บริการยังทำงานได้บนเบราว์เซอร์ อุปกรณ์และระบบปฏิบัติการทั้งหมดและมีระดับความปลอดภัยสูงสุดด้วยการใช้เทคโนโลยี เช่น 2FA รหัสผ่านหลักและโครงสร้างโปรแกรมแบบ Zero-knowledge
ฉันสามารถซิงค์รหัสผ่าน Windows กับอุปกรณ์ Android / iOS / Mac ได้หรือไม่
แน่นอน! สิ่งที่ยอดเยี่ยมอย่างหนึ่งเกี่ยวกับเครื่องมือจัดการรหัสผ่านของบุคคลที่สามคือ พวกเขามีฟังก์ชันการทำงานบนอุปกรณ์ เบราว์เซอร์และระบบปฏิบัติการเกือบทุกประเภท
ตัวอย่างเช่น ด้วยเครื่องมือจัดการรหัสผ่านทั้งหมดในรายการนี้คุณสามารถติดตั้งแอพพลิเคชั่นมือถือบน iPhone, แอพพลิเคชั่นเดสก์ท็อปบน PC และแอพพลิเคชั่น Android บนแท็บเล็ตได้ — และข้อมูลรหัสผ่านและไฟล์ที่เข้ารหัสทั้งหมดของคุณจะซิงค์ กับอุปกรณ์แต่ละเครื่องของคุณ
เครื่องมือจัดการรหัสผ่านเหล่านี้ปลอดภัยจริงหรือเปล่า
แน่นอน! ฉันแนะนำเฉพาะเครื่องมือจัดการรหัสผ่านที่ใช้โปรโตคอล zero-knowledge เท่านั้น — ซึ่งทั้งหมดได้รับการเข้ารหัสก่อนที่จะไปยังเซิร์ฟเวอร์ของผู้จัดการรหัสผ่าน การเข้ารหัสทางเดียวนี้ทำให้บริษัทไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลของคุณไได้
นอกจากนี้วิธีการเข้ารหัสที่เครื่องมือจัดการรหัสผ่านเหล่านี้ใช้นั้นแทบจะไม่สามารถเจาะเข้าถึงได้ ซึ่งเป็นวิธีเดียวกับที่ธนาคาร บริษัทเทคโนโลยีและกองทัพใช้
แม้จะมีใครก็ตามแฮ็กคอมพิวเตอร์ของคุณและพบรหัสผ่านหลักของคุณ พวกเขาก็ไม่สามารถเข้าถึงรหัสผ่านอื่น ๆ ของคุณได้ เพราะไม่สามารถยืนยันตัวตนสองขั้นตอนได้
พูดง่าย ๆ ก็คือ เครื่องมือจัดการรหัสผ่านเหล่านี้ทั้งหมดมีความปลอดภัยอย่างมาก
ฉันสามารถใช้ตัวจัดการรหัสผ่านเหล่านี้กับ Windows Hello ได้หรือไม่
1Password, Dashlane, Keeper และ RoboForm สามารถใช้งานได้กับ Windows Hello
1Password นั้นเป็นบริการที่สามารถตั้งค่า Windows Hello ได้ง่ายที่สุดสำหรับฉัน หลังจากสลับการตั้งค่าสองสามอย่าง ฉันก็สามารถเข้าถึงที่เก็บรหัสผ่านได้ด้วยลายนิ้วมือ โดยไม่ต้องใช้รหัสผ่านหลัก!