LastPass รีวิว ปี 2024 – ทำไมถึงได้ 9.0 ดาว

คาทาริน่า กลาโมสลิยา
คาทาริน่า กลาโมสลิยา บรรณาธิการหัวหน้าทีมความปลอดภัยทางไซเบอร์
ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย เฮเซล ชอว์
คาทาริน่า กลาโมสลิยา
คาทาริน่า กลาโมสลิยา
เผยแพร่เมื่อ 27 มีนาคม 2024 บรรณาธิการหัวหน้าทีมความปลอดภัยทางไซเบอร์
ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดย เฮเซล ชอว์

รีวิว LastPass: สรุปย่อโดยผู้เชี่ยวชาญ

LastPass เป็นหนึ่งในผู้จัดการรหัสผ่านออนไลน์ที่เป็นที่นิยมมากที่สุด ด้วยรายงานที่ว่ามันใช้งานง่ายมากๆ, มีเครื่องมือสร้างรหัสผ่านที่แข็งแกร่งและส่วนต่างๆ สามารถทำงานโดยอัตโนมัติได้ซึ่งจะทำให้คุณปวดหัวน้อยลงไปเยอะมาก มันมีฟีเจอร์สุดเจ๋งอยู่สองสามฟีเจอร์ เช่น เครื่องมือสร้างรหัสผ่านแบบกำหนดเอง บทวิเคราะห์ความปลอดภัยรหัสผ่านและส่วนเสริมเบราว์เซอร์สำหรับเกือบทุกเบราว์เซอร์

ฟีเจอร์

LastPass ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้จัดการรหัสผ่านที่เรียบง่ายและตรงไปตรงมา – และฉันคิดว่านั่นเป็นคำอธิบายที่ค่อนข้างตรงกับที่ฉันได้ทดสอบ

มันค่อนข้างอเนกประสงค์ ด้วยส่วนเสริมเบราว์เซอร์สำหรับ Mac, Windows, Linux, Chrome, Firefox, Safari และแม้กระทั่ง Internet Explorer, Opera และ Microsoft Edge! นั่นถือว่าค่อนข้างน่าประทับใจและมอบโอกาสให้ผู้ที่ใช้ที่ใช้งานเบราว์เซอร์ที่ไม่ค่อยเป็นที่นิยมนักให้ได้ใช้งาน LastPass เช่นกัน นอกจากนี้มันยังมีแอปเฉพาะสำหรับ Windows, iOS และ Android

LastPass ไม่ทำให้คุณทึ่งกับฟีเจอร์ที่พวกเขามีมาให้ แต่มันมีฟีเจอร์หลากหลายที่ดีในการดูแลรายละเอียดของคุณให้ปลอดภัย เช่น สถานที่สำหรับจัดเก็บบัตรเครดิตและข้อมูลเข้าสู่ระบบทางการเงิน, รายละเอียดบัญชีธนาคาร, พื้นที่จัดเก็บเอกสารที่ปลอดภัยสูงสุด 1 GBและที่จัดเก็บโน้ตบันทึกที่ปลอดภัย การแบ่งปันรหัสผ่านที่ไม่จำกัดและแม้กระทั่งข้อมูลติดต่อ นอกจากนี้มันยังมีระบบป้ายกำกับที่ช่วยจัดหมวดหมู่สิ่งต่างๆ เหล่านี้ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วฉันพบว่ามันน่าสับสน ดังนั้นเลยไม่ใช้งาน แต่เพราะฉันไม่ใด้ใช้ระบบป้ายกำกับ ดังนั้นสิ่งต่างๆ จึงน่าสับสนมากขึ้นเมื่อฉันไปยัง ‘รายการทั้งหมด’ ในตู้นิรภัย

ฟีเจอร์

…แต่อย่างน้อยมันก็ดูดีและที่จริงแล้วมันค่อนข้างง่ายที่จะดูว่าอะไรเป็นอะไร (เห็นได้ชัดเลยว่าคุณรู้อยู่แล้วว่า Visa คือบัตรเครดิตและ Chase คือธนาคาร?

LassPass มีแผนให้บริการแบบชำระเงินมากมายตั้งแต่ Premium (ผู้ใช้งานรายบุคคล) ไปจนถึง Families, Teams และ Enterprise ในแผนให้บริการทั้งหมดยกเว้น Premium ผู้ใช้จะได้รับสิทธิ์ในการเข้าถึงแดชบอร์ดผู้ดูแล การจัดการกลุ่มและฝ่ายบริการลูกค้าและฉันรู้สึกว่าแดชบอร์ดทำให้การค้นหาสิ่งต่างๆ ง่ายมากขึ้น

อย่างที่คุณเห็นในภาพประกอบ ตัวเลือก ‘พื้นที่จัดเก็บที่ปอดลภัย’ จะแบ่งรูปแบบพื้นที่จัดเก็บที่ปลอดภัยต่างๆ ออก ได้แก่ รหัสผ่าน, โน้ตบันทึก, ที่อยู่, บัตรชำระเงินและบัญชีธนาคาร ถือเป็นเรื่องดีที่ LastPass แบ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้ แต่มันจะจำเป็นจริงๆ เหรอ?

หากคุณต้องการเพิ่มรายการหรืออะไรก็ตาม ทุกอย่างมันจะซับซ้อนมากขึ้น…

ฟีเจอร์

ว้าว แล้วตรงนี้ฉันควรจะเริ่มต้นที่ไหนดี?

ฉันเข้าใจว่ามีเอกสารบางประเภทหรือข้อมูลความลับบางอย่าง เช่น ใบขับขี่ หนังสือเดินทาง เลขบัตรประกันสังคมนั้นเป็นสิ่งที่คุณอาจอยากจัดเก็บไว้ แต่สมาชิก? ข้อความส่วนตัว? รหัส WiFi? สิ่งเหล่านี้จำเป็นจริงๆ หรือ? ฉันสงสัยอย่างมากว่าจะมีใครที่สนใจในตัวเลือกพื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่ลงรายละเอียดลึกขนาดนี้ของ LastPass หรือไม่

อีกหนึ่งสิ่งเกี่ยวกับตู้นิรภัยรหัสผ่านคือมันใช้งานง่าย แต่มีบางรายการแอบซ่อนอยู่หรือค่อนข้างหาที่ตั้งได้ยาก: ฉันตรวจสอบรายการของฟีเจอร์ที่ LastPass สัญญาว่ามีกับสิ่งที่ฉันเห็นในตู้นิรภัยของฉันเสมอ – แต่การยืนยันตัวตนสองขั้นตอนอยู่ที่ไหน? ฉันหาไม่เจอเลย แม้ว่าฉันจะคงค้นหามันต่อไป แต่ก็ไม่พบอะไร

จากนั้นฉันก็คลิกที่ ‘ตัวเลือกบัญชี’ และพบมันซ่อนอยู่ในเมนูนั้น:

ฟีเจอร์

ควบคู่กับอุปกรณ์ที่เชื่อถือได้และฟีเจอร์อื่นๆ

การยืนยันตัวตนหลายขั้นตอน

น่าอายที่มันอยู่แอบซ่อนแบบนั้นเพราะการยืนยันตัวตนหลายขั้นตอนของ LastPass นั้นเป็นข้อเสนอที่ใหญ่เพราะมีตัวเลือกมากมาย (มันเอาชนะคู่แข่งอย่าง 1Password ได้):

ฟีเจอร์

และการเปิดใช้งานการยืนยันตัวตนหลายขั้นตอนต่างๆ ที่ฉันต้องการนั้นทำได้อย่างง่ายดาย – ฉันแค่คลิกที่แต่ละรายการ ตั้งกฎและทุกอย่างก็พร้อมใช้งานแล้ว:

ฟีเจอร์

ผลลัพธ์ที่ได้คือเมื่อใดก็ตามที่ฉันเพิ่มอุปกรณ์เข้าไป มันจะไปยังส่วนอุปกรณ์ที่เชื่อถือได้ (ดูด้านบนในรูปภาพประกอบ LastPass แจ้งเตือนฉันเมื่อใดก็ตามเมื่อมีการใช้งานอุปกรณ์ที่เชื่อถือ ฉันไม่ถูกถามถึงรหัสผ่านมาสเตอร์และอุปกรณ์ที่เชื่อนั้นจะยังคง ‘เชื่อถือ’ ได้เป็นระยะเวลา 30 วันหลังจากนั้นคุณต้องลงทะเบียนให้เป็นอุปกรณ์ที่เชื่อถือได้อีกครั้ง นั่นเป็นสิ่งที่ดีที่ได้รู้เผื่อในกรณีที่อุปกรณ์ของคุณสูญหายหรือถูกขโมย

URL Rules

การตั้งบัญชีของ LastPass มีตัวเลือกที่แปลกอยู่บ้างที่ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อน ได้แก่ Never URLs, Equivalent Domains และ URL Rules

  • Never URLs ให้คุณเพิ่มเว็บไซต์ที่คุณไม่ต้องการให้ LastPass ดำเนินการใดๆ เช่น บางทีอาจเป็นบางสิ่งที่คุณต้องการเก็บเป็นความลับ
  • Equivalent Domains อนุญาตให้คุณตั้งค่าโดเมนซึ่ง LastPass รู้ว่ามันเทียบเท่ากับ URL ที่มันใช้รหัสผ่านของคุณจาก:

ฟีเจอร์

(ฉันขอแนะนำให้ตรวจสอบรายการโดเมนที่เทียบเท่า เช่น อย่างที่ฉันรู้รหัสผ่าน Skype ของฉันนั้นแตกต่างจาก Bing มากๆ เลย!)

  • URL Rules อนุญาตให้คุณตั้งค่ากฎสำหรับโดเมนที่เทียบเท่าเหล่านั้น – อย่างที่ฉันแนะนำไปข้างต้น หากคุณไม่ต้องการให้ LastPass ใช้ข้อมูลเข้าสู่ระบบเดิมสำหรับโดเมนสองโดเมนที่แยกกัน คุณสามารถเปลี่ยนการดำเนินการได้ที่นี่:

ฟีเจอร์

Security Challenge

Security Challenge ของ LastPass จะวิเคราะห์อีเมลและรหัสผ่านของคุณเพื่อตรวจจับการรั่วไหลใดๆ ก็ตามและมันก็ค่อนข้างจะละเอียดด้วย

ขั้นตอนแรกมันจะตรวจสอบที่อยู่อีเมลของคุณสำหรับการรั่วไหลด้านความปลอดภัย:

ฟีเจอร์

จากนั้นมันจะแสดงคะแนนความปลอดภัยของรหัสผ่านของคุณและให้คำแนะนำกับคุณเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้มากขึ้น:

ฟีเจอร์

มันใช้งานง่ายมากๆ และบางทีอาจเป้นหนึ่งในรายงานความแข็งแกร่งรหัสผ่านและเครื่องมือสร้างรหัสผ่านที่ดีที่สุดและใช้งานง่ายที่สุด มันไม่ดีเท่ากับเครื่องมือเปลี่ยนแปลงส่วนต่างๆ ในหนึ่งคลิกของDashlane แต่มันก็จัดเป็นอันดับสอง

ข้อมูลติดต่อฉุกเฉิน

นี่ไม่ใช่ฟีเจอร์ผู้จัดการรหัสผ่านมาตรฐาน แต่ที่ LastPass คุณสามารถตั้งค่าข้อมูลติดต่อฉุกเฉินมากมายสำหรับเข้าถึงบัญชีของคุณในกรณีที่คุณลืมรหัสผ่านมาสเตอร์ได้และรับการเข้าถึงข้อมูลติดต่อฉุกเฉินสำหรับบัญชีผู้ใช้อื่นๆ ได้เช่นกัน

มันตั้งค่าง่ายอย่างน่าเหลือเชื่อ – แค่คลิกที่ปุ่ม ‘เพิ่มข้อมูลติดต่อฉุกเฉิน’ กรอกที่อยู่อีเมลของข้อมูลติดต่อและตั้งเวลาจำกัดก่อนที่จะให้สิทธิ์การเข้าถึงฉุกเฉิน

โดยรวมแล้วฟีเจอร์เสริมเหล่านี้ถือว่าดีและค่อนข้างเป็นประโยชน์ – แต่ฉันไม่รู้ว่าทำไมพวกเขาถึงซ่อนเอาไว้จนถึงขนาดที่ฉันยังหาไม่เจอ!

แผนให้บริการและราคา

LastPass มีแผนให้บริการสองแบบ ได้แก่ Personal และ Business

แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมดนะเพราะในแผน ‘Personal’ มันมาพร้อมกับตัวเลือกอีกสองตัวเลือก ได้แก่ Premium และ Families ภายใต้ ‘Business’ จะมีแผนให้บริการสำหรับ Teams และ แผนสำหรับ Enterprise

‘Premium’ เป็นแผนสำหรับการใช้งานรายบุคคล, ‘Family’ สำหรับผู้ใช้งานสูงสุด 6 ราย, ‘Team’ สำหรับผู้ใช้งาน 5-50 รายและ ‘Enterprise’ สำหรับผู้ใช้งาน 5 คนขึ้นไป…

แผนให้บริการและราคา

สำหรับผู้ใช้รายบุคคล แผน Premium คือทุกสิ่งที่คุณอาจต้องการ – มีฟีเจอร์ Security Challenge มาให้ด้วยเช่นเดียวกับการเข้าถึงแบบฉุกเฉินและพื้นที่จัดเก็บไฟล์เข้ารหัสขนาด 1GBฉันคิดว่าคุณจะต้องการแผนให้บริการ Family จริงหากคุณต้องการตู้นิรภัยสำหรับสมาชิกครอบครัวแต่ละคน เพราะแผนให้บริการ Premium ก็มีการแบ่งปันรหัสผ่านและสามารถบันทึกและกรอกรหัสผ่านได้ไม่จำกัด

ข้อแตกต่างที่แท้จริงระหว่างแผนให้บริการเมื่อพูดถึงแผนให้บริการ Teams หรือ Enterprise คือทั้งแดชบอร์ดและการรายงานอาจเป็นประโยชน์สำหรับนายจ้างที่ต้องการดูแลข้อมูลของพวกเขาให้ปลอดภัย นี่คือสิ่งที่มีมาให้ในแผนให้บริการ Teams –

แผนให้บริการและราคา

…และนี่คือสิ่งที่มีมาให้ในแผน Enterprise –

แผนให้บริการและราคา

ทั้งสองแผนให้บริการต่างมีฟีเจอร์ดีๆ สำหรับผู้ใช้งานธุรกิจ แม้ว่าฉันจะไม่แน่ใจว่าทีมขนาดใหญ่แค่ไหนหรือต้องการฟีเจอร์อื่นๆ อีกไหมก็ตาม – การเข้าถึง API และฝ่ายบริการลูกค้าที่ทุ่มเท (ซึ่งฉันจะพูดถึงในอีกไม่นาน)

ความง่ายในการใช้งานและตั้งค่า

การดาวน์โหลดและติดตั้ง LastPass นั้นเป็นการติดตั้งแบบคลิกเดียว

เมื่อติดตั้งโปรแกรมเสร็จแล้ว ฉันก็ถูกถามให้ติดตั้งส่วนเสริมเบราว์เซอร์สำหรับเบราว์เซอร์หนึ่ง (หรือหลายเบราว์เซอร์) ที่ฉันต้องการนำเข้ารหัสผ่าน – ที่จริงแล้วมันค่อนข้างฉลาดเพราะ LastPass ตรวจจับเบราว์เซอร์ที่ฉันมีในระบบ –

ความง่ายในการใช้งานและตั้งค่า

และจากนั้นก็ถามว่าเบราว์เซอร์ใดบ้างที่ฉันต้องการให้ติดตั้งส่วนเสริม

ฉันเลือก Chrome และจากนั้นนี่ก็ปรากฎขึ้น:

ความง่ายในการใช้งานและตั้งค่า

นั่นฉลาดมากๆ และถือเป็นประสบการณ์ที่ค่อนข้างน่าประทับใจ – หลังจากตรวจสอบผู้จัดการรหัสผ่านมากมายฉันคิดว่านี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นคำแนะนำสำหรับการสร้างรหัสผ่านมาสเตอร์ซึ่งละเอียดขนาดนี้!

หลังจากกรอกรหัสผ่านมาสเตอร์แล้ว สิ่งนี้ก็ปรากฏขึ้น –

ความง่ายในการใช้งานและตั้งค่า

ฉันเลือก Google และมันนำฉันไปยังการยืนยันของ Google… และจากนั้นก็ถามหากฉันต้องการบันทึกรหัสผ่านของฉันก่อน:

ความง่ายในการใช้งานและตั้งค่า

ไม่เลวเลย!

มันกลายเป็นว่า LastPass เป็นเพียงส่วนเสริมของเบราว์เซอร์ซึ่งคุณใช้เพื่อเข้าสู่ระบบด้วยรหัสผ่านมาสเตอร์ของคุณและไปยังตู้นิรภัยของคุณ – เหมือนแดชบอร์ดของคุณ แต่เรียบง่ายกว่า

มันเป็นอินเตอร์เฟซที่สะอาดตามากๆ และมีแม้กระทั่งแถบค้นหาสำหรับคุณเพื่อค้นหาอะไรก็ตามที่คุณบันทึกไว้ –

ความง่ายในการใช้งานและตั้งค่า

เท่าที่ฉันทดสอบมาก็ดี…ยกเว้นแต่ว่าฉันต้องมานั่งเพิ่มรหัสของฉันทั้งหมดทีละรหัสจริงๆ เหรอ? ฉันไม่พบฟังก์ชั่นนำเข้าที่ใดเลย ฉันต้องไปค้นหาคำตอบในหน้าคำถามที่พบบ่อยของ LastPass และพบว่ามันมีหลายวิธีมากมายในการนำเข้ารหัสผ่าน:

ความง่ายในการใช้งานและตั้งค่า

…แต่ไม่มีฟังก์ชั่นนำเข้าอัตโนมัติซึ่งแตกต่างจากคู่แข่งที่ใกล้ชิดของ LastPass นั่นคือ Dashlane ซึ่งนำเข้ารหัสผ่านทั้งหมดโดยไม่แม้แต่จะถามคุณ นี่ถือเป็นเรื่องที่น่าผิดหวังเล็กน้อยจาก LassPast แม้ว่าส่วนเสริมเบราว์เซอร์จะสามารถนำเข้ารหัสผ่านทได้ทั้งหมดก็ตาม แต่จะเกิดอะไรขึ้นหากฉันมีเบราว์เซอร์มากมายพร้อมรหัสผ่านต่างๆ อีกเพียบในนั้น?

นอกจากนี้ตู้นิรภัยยังใช้งานได้ง่ายมากๆ และฉันชอบฟังก์ชั่นค้นหาเพราะมันช่วยประหยัดเวลาในการที่ฉันต้องมานั่งค้นหารายละเอียดธนาคารและรหัสผ่านบางรหัสไปได้เยอะมาก

หากคุณไม่ใช้คนมีความรู้ทางด้านเทคโนโลยี ฉันคิดว่าคุณจะสามารถติดตั้ง LastPass ได้อย่างง่ายดายและสามารถตั้งค่าได้… แต่การนำเข้ารหัสผ่านผ่าน CSV หรือผู้จัดการรหัสผ่านอื่นๆ อาจทำให้คุณสับสน การนำเข้าผ่านส่วนเสริมเว็บเบราวืเซอร์จะเป็นวิธีที่ง่ายกว่าในการทำเช่นนั้นอย่างแน่นอน

สำหรับแอปมือถือ ในขณะที่ฉันถูกกันไม่ให้ถ่ายรูปภาพหน้าจอได้ ตอนพยายามเข้าสู่ระบบฉันได้รับอีเมลสอบถามให้ยืนยันว่าที่จริงแล้วฉันกำลังพยายามเข้าสู่ระบบบัญชี LastPass ของฉันจากอุปกรณ์ที่ไม่รู้จักอยู่ใช่ไหม

เมื่อเข้าสู่ระบบแล้ว (และฉันยืนยันตัวตนแล้ว) LastPass จะทำงานทุกอย่างจากที่นั่น: มันจะถามหากคุณต้องการให้กรอกแบบฟอร์มให้โดยอัตโนมัติสำหรับรหัสผ่านทั้งหมดจากบัญชีของคุณลงในแอปหรือไม่และเพิ่มพวกมันในรายการของรหัสผ่านที่มีอยู่ของคุณ

แอปมีหน้าตาที่เหมือนกับเวอร์ชั่นเว็บไซต์และส่วนเสริมพร้อมตัวเลือกสำหรับรหัสผ่าน โน้ตบันทึกที่ปลอดภัย ที่อยู่ เบราว์เซอร์ที่ปลอดภัย (นี่เฉพาะสำหรับในแอป) และศูนย์แบ่งปัน มันช่วยลดตัวเลือกข้อมูลที่ปลอดภัยนับล้านที่ฉันกล่าวที่ด้านบนเหลือเพียง ‘บัตรชำระเงิน’ และ ‘บัญชีธนาคาร’ ซึ่งถือว่าไม่ได้แย่เท่าไหร่นัก

ฉันพูดได้ว่ามันใช้งานและติดตั้งได้ง่ายมากๆ และฉันชอบที่ว่ามันนำเข้ารหัสผ่านของอุปกรณ์ของฉันโดยอัตโนมัติ – ซึ่ง Dashlane หรือ Zoho Vault ที่เป็นคู่แข่งที่ใกล้ชิดไม่สามารถทำได้

ความปลอดภัย

อย่างที่ฉันกล่าวไปข้างต้น การเข้าสู่ระบบใน LastPass อาจเป็นขั้นตอนที่ยากพอๆ กับตอนที่คุณสร้างมันเพราะคุณสามารถตั้งค่าตัวเลือกการยืนยันตัวตนแบบสองขั้นตอนได้มากมายตามที่คุณต้องการจากเมนูตั้งค่าบัญชีของตู้นิรภัย

LastPass ใช้การเข้ารหัส AES-256 เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลของคุณปลอดภัย ถ่ายโอนผ่านการเข้ารหัส SSL แต่ไม่ได้เก็บข้อมูลด้วยตัวของมันเอง – มันเป็นผู้ให้บริการแบบปราศจากความรู้ซึ่งหมายความว่ามีแค่คุณเท่านั้น (และใครก็ตามที่คุณแบ่งปันด้วย) ที่เข้าถึงรหัสผ่านมาสเตอร์ได้

LastPass จะไม่เก็บอะไรบนเซิร์ฟเวอร์ของพวกเขาหรือสอบถามคุณถึงเรื่องนั้นและหากคุณถูกปิดกั้นจากบัญชีของคุณ (และไม่มีการตั้งค่าการเข้าถึงข้อมูลติดต่อฉุกเฉินเอาไว้) งั้นข้อมูลของคุณก็จะหายไปตลอดกาล ฉันคิดว่านั่นก็ค่อนข้างมั่นใจได้นะโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีเกิดการแฮ็กอุปกรณ์ของคุณหรือเซิร์ฟเวอร์ LastPass

นอกจากนี้ฟีเจอร์ความปลอดภัยอื่นๆ ที่มีมาให้นั้นรวมถึง Security Challenge ที่ฉันบรรยายถึงในก่อนหน้านี้ซึ่งยิ่งฉันคิดเกี่ยวกับมันมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งมีประโยชน์มากเท่านั้น

บริการความช่วยเหลือลูกค้า

นี่คือที่ที่ LastPass ทำให้ฉันผิดหวังมากกว่าผู้จัดการรหัสผ่านอื่นๆ ใดๆ ก็ตามที่ฉันเคยรีวิว

ระบบความช่วยเหลือของพวกเขายุ่งยากมาก อย่างแรกเลยคือไม่มีที่ใดที่ฉันสามารถพบปุ่มความช่วยเหลือในตู้รหัสผ่านหรือส่วนเสริมเบราว์เซอร์ได้เลย –

บริการความช่วยเหลือลูกค้า

…และนี่นำฉันไปสู่แค่ฟอรั่มเท่านั้น:

บริการความช่วยเหลือลูกค้า

ฉันค้นหาว่า ‘ฉันจะติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าได้อย่างไร?’ และนี่คือสิ่งที่ฉันเห็น:

บริการความช่วยเหลือลูกค้า

แม้ว่ามันจะมีประโยชน์ในการให้ผู้ใช้ค้นหาคำตอบของพวกเขาก่อนจะติดต่อความช่วยเหลือด้วยคำถามเดิมๆ ในแต่ละครั้งและทุกๆ ครั้งก็ตาม แต่จากในมุมมองฝ่ายบริการลูกค้า สิ่งนี้ถือว่าไม่โอเคเลยสักนิด นั่นไม่ใช่วิธีที่คุณควรใช้ในการดูแลลูกค้าที่ชำระเงินนะ LastPass หากฉันต้องการที่จะรู้อะไรสักอย่าง ฉันอยากรู้มันให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

หลังจากที่ฉันเข้าไปยังหน้าความช่วยเหลือลูกค้าได้แล้ว ฉันก็เห็นสิ่งนี้:

บริการความช่วยเหลือลูกค้า

ดังนั้นแม้ว่าฉันจะเป็นลูกค้าที่ชำระเงินก็ตาม ฉันก็ยังต้องสำหรับความช่วยเหลือผ่านตั๋ว? ไม่มีแชทออนไลน์หรือการรองรับเลยด้วยซ้ำ?

เห็นได้ชัดว่าผู้ใช้ Premium ได้รับการตอบกลับที่เร็วกว่าผู้ใช้งานในแผนให้บริการฟรี ฉันชอบที่พวกเขาให้ลิงก์ติดตามกับฉันเพื่อตรวจสอบสถานะคำขอของฉัน –

บริการความช่วยเหลือลูกค้า

และมันใช้เวลา 3 วันสำหรับพวกเขาในการตอบกลับฉันซึ่งถือว่าไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ฉันสงสัยว่ามันจะนานแค่ไหนสำหรับผู้ใช้แผนให้บริการฟรี หากพิจารณาระยะเวลาตอบกลับ 3 วันคือความเร็วในการตอบกลับ ‘Premium’

ที่แย่ที่สุดคือ LastPass ไม่มีนโยบายคืนเงินซึ่งพวกเขาไม่กล่าวถึงใดๆ เลยบนเว็บไซต์

บริการความช่วยเหลือลูกค้า

เกือบทุกผู้จัดการรหัสผ่านที่ฉันรีวิวและอ่าน พวกเขาต่างมีการรับประกันคืนเงินบางอย่างซึ่งอธิบายให้เห็นอย่างชัดเจนบนเว็บไซต์ ในกรณีนี้ LastPass นั้นถือว่าห่างจากคำว่ายอดเยี่ยม การมีนโยบาย ‘ไม่คืนเงิน’ เป็นเพียงการบริการลูกค้าที่ไม่ดี หากนั่นคือบางสิ่งที่สำคัญกับคุณ งั้นฉันขอแนะนำคู่แข่งที่ใกล้ชิดของ LastPass นั่นคือ Dashlaneที่คืนการชำระเงินให้กับฉันในวันเดียวกันที่ฉันร้องขอ

ถึงอย่างนั้นแล้วเว็บไซต์ของ LastPass ก็สามารถเข้าถึงได้ในภาษาต่างๆ –

บริการความช่วยเหลือลูกค้า

…ความช่วยเหลือจะมักขอให้คุณเขียนคำขอเป็นภาษาอังกฤษ ดังนั้นถือว่าโชคดีหากการเขียนภาษาอังกฤษของคุณไม่ได้ดีนัก

ถ้ามีเรื่องใดเกี่ยวกับรีวิว LastPass ที่พวกเรายังไม่ได้พูดถึงและคุณอยากรู้ คุณสามารถส่งข้อความหาพวกเราได้ — พวกเรายินดีทำการทดสอบเพิ่มเติมและตอบทุกคำถามที่คุณอยากรู้

LastPass สินค้าและราคา

ฟรี
US$0.00 / ปี
พรีเมี่ยม
US$1.50 / เดือน
Families
US$2.00 / เดือน
สรุป

เมื่อทบทวนทุกสิ่งดูแล้ว LastPass ถือเป็นผู้จัดการรหัสผ่านที่ใช้งานง่าย (ส่วนใหญ่) ที่มีฟีเจอร์เสริมเจ๋งๆ บางส่วน Security Challenge เป็นฟีเจอร์โปรดของฉันอย่างแน่นอนและจะเป็นบางสิ่งที่ฉันใช้ในการวัดความสำเร็จเมื่อฉันรีวิวผู้จัดการรหัสผ่านอื่นๆ

ฉันคิดว่าแผนที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้รายบุคคลคงเป็นแผนให้บริการ Premium เพราะมันมีฟีเจอร์ทั้งหมดที่คุณอาจต้องการสำหรับใช้งานส่วนตัว แม้ว่าคุณจะมีครอบครัว คุณก็สามารถแบ่งปันรหัสผ่านทั้งหมดของคุณกับพวกเขาได้ง่ายๆ และซิงค์อุปกรณ์ทั้งหมดของคุณก็ด้วยเช่นกัน

ฉันคิดว่า LastPass เป็นหนึ่งในผู้จัดการรหัสผ่านที่ดีที่สุดในตลาดอย่างแน่นอนทั้งในเรื่องของราคา ฟีเจอร์ที่มีให้และความง่ายในการใช้งาน – แต่สำหรับฉันแล้วการไม่มีความช่วยเหลือลูกค้าทั่วไปนั้นทำให้มันอยู่ห่างไกลคำว่าผู้จัดการรหัสผ่านที่ดีที่สุดอย่างจริงจัง ฉันคิดว่ามันทำงานได้ดีเหมือนกัน แต่ผู้จัดการรหัสผ่านอื่นๆ อย่าง Dashlane ทำทุกสิ่งที่ LastPass ทำได้และส่วนอื่นๆ ก็ด้วย

เกี่ยวกับผู้เขียน
คาทาริน่า กลาโมสลิยา
คาทาริน่า กลาโมสลิยา
บรรณาธิการหัวหน้าทีมความปลอดภัยทางไซเบอร์

เกี่ยวกับผู้เขียน

คาทาริน่า กลาโมสลิยาเป็นบรรณาธิการหัวหน้าทีมความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ SafetyDetectives เธอมีประสบการณ์ยาวนานเกินทศวรรษในด้านการค้นคว้า ทดสอบ และรีวิวผลิตภัณฑ์ความปลอดภัยทางไซเบอร์ และแนวทางการปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับความปลอดภัยออนไลน์และการปกป้องข้อมูล ก่อนที่จะมาเข้าร่วมกับ SafetyDetectives เธอได้ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าทีมให้กับเว็บไซต์เทคโนโลยีมากมาย ซึ่งมีทั้งที่เกี่ยวกับแอนตี้ไวรัสและ VPN ด้วย นอกจากนี้เธอยังทำงานเป็นนักเขียนและบรรณาธิการฟรีแลนซ์ให้กับสำนักพิมพ์สายเทคโนโลยี การแพทย์ และธุรกิจอีกด้วย ในช่วงเวลาที่เธอไม่ได้สวมบทบาทเป็น "Safety Detective" เธอก็จะสวมบทเป็นนักเดินทางแทน (และก็เขียนเกี่ยวกับการเดินทางนั้น บนบล็อกเดินทางเล็ก ๆ ของเธอ) นอกจากนี้เธอก็เป็นคนรักแมวและชอบดูละครสืบสวนสอบสวน
ดู 3 เครื่องมือจัดการรหัสผ่านยอดนิยมอื่นๆ
คะแนนของเรา
9.8
อ่านรีวิว
คะแนนของเรา
9.6
อ่านรีวิว
คะแนนของเรา
9.4
อ่านรีวิว
LastPass รีวิวจากผู้ใช้งาน

*รีวิวผู้ใช้งานไม่ได้ผ่านการตรวจสอบ

9 41
อ้างอิงจาก 50 รีวิว ใน 7 ภาษา 3.2
ภาษา
ในปัจจุบันไม่มีรีวิวสำหรับ LastPass ไทย ถ้าหากคุณเคยใช้บริการของพวกเขา โปรดเป็นคนแรกที่ เขียนรีวิว ไทย
ความไว้วางใจของผู้ใช้งานของเราคือสิ่งสำคัญอันดับ #1! บริษัทแอนตี้ไวรัสไม่สามารถจ่ายเงินเพื่อเปลี่ยนแปลงหรือลบรีวิวได้
ไม่พบรีวิวจากผู้ใช้งาน เป็นคนแรกที่รีวิว LastPass เลยสิ!
เขียนรีวิว
เขียนรีวิว
0.0/ 10.0
โปรดกรอกที่อยู่อีเมลของคุณเพื่อส่งรีวิว