รีวิว McAfee: สรุปย่อโดยผู้เชี่ยวชาญ
McAfeeให้การตรวจจับมัลแวร์แบบเรียลไทม์ที่ยอดเยี่ยมพร้อมกับการป้องกันเว็บที่ดีที่สุดในราคาที่ไม่แพง นอกจากนี้ McAfee ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์เสริมมากมาย และก็สามารถรองรับได้ถึง 10 อุปกรณ์ (มากกว่าที่คู่แข่งส่วนใหญ่รองรับ)
เครื่องสแกนแอนตี้ไวรัสของ McAfee ได้คะแนนการตรวจจับมัลแวร์ที่น่าประทับใจมากถึง 100% ในการทดสอบทั้งหมดของฉันในอุปกรณ์ Windows, Mac, Android และ iOS มันสามารถระบุและบล็อกทั้งมัลแวร์แบบธรรมดาและซับซ้อน รวมถึงไวรัส โทรจัน สปายแวร์ แรนซัมแวร์ และ cryptojacker
McAfee ยังมีฟีเจอร์มากกว่าแอนตี้ไวรัสอื่น ๆ ส่วนใหญ่ ได้แก่:
- ไฟร์วอลล์และการป้องกันเครือข่าย Wi-Fi
- การป้องกันการฟิชชิ่ง
- เครือข่ายส่วนตัวเสมือน (VPN)
- เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
- เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน
- การควบคุมของผู้ปกครอง
- การป้องกันการโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคล
- พื้นที่เก็บข้อมูลที่ปลอดภัย
- และอื่น ๆ อีกมากมาย…
ฟีเจอร์ส่วนใหญ่ของ McAfee ทำงานได้ตรงตามที่โฆษณาไว้— ฉันชอบส่วนขยายเบราว์เซอร์ที่ช่วยป้องกันการฟิชชิ่งและ Anti-Exploit ของ McAfee ที่สามารถบล็อกไซต์ที่อันตรายได้กว่า Chrome หรือ Firefox ในการทดสอบของฉัน ฉันยังคิดว่าไฟร์วอลล์และการป้องกัน Wi-Fi ของ McAfee นั้นดีกว่าบริการที่คล้ายกันจากคู่แข่งระดับพรีเมียมอย่าง TotalAV และ Avira
แต่ในทางกลับกัน ฉันไม่ค่อยชอบสักเท่าไรที่เวลาทำ full system scan แล้วมักจะส่งผลให้ทั้งระบบทำงานช้าลง (แต่คุณสามารถตั้งเวลาการทำ full scan ตอนที่คุณไม่ได้ใช้คอมพิวเตอร์ได้) และฉันก็อยากให้ McAfee รวมฟีเจอร์ทั้งหมดไว้ในแดชบอร์ดเดียวเลยมากกว่า นอกจากนี้เรายังคิดว่า VPN นั้นยังสามารถปรับปรุงได้ดีกว่านี้ — มันไม่สามารถใช้งานกับเว็บไซต์สตรีมมิ่งยอดนิยมบางเว็บได้ (เราสามารถดู Netflix และ Amazon Prime ได้ แต่ไม่สามารถดู Disney+ และ Hulu ได้) และมันก็ไม่มีฟีเจอร์เสริมอย่าง split-tunneling ด้วย
ถึงงั้นก็ตาม ฉันก็ยังคิดว่า McAfee นั้นเป็นหนึ่งในแอนตี้ไวรัสที่มีความคุ้มค่าที่สุด มันมีระบบสแกนมัลแวร์ที่มีคุณภาพสูง มีฟีเจอร์ความปลอดภัยมากมาย และก็ใช้งานง่าย – ทั้งหมดนี้มาในราคาถูกแสนถูก
McAfee มีแผนสำหรับ 1, 5 หรือ 10 อุปกรณ์เป็นเวลา 1 ปี และก็ยังมี แผนที่ลดราคาสูงสำหรับ 2 ปี ด้วย ถ้าเลือกใช้สำหรับหลายอุปกรณ์ ทำให้ McAfee นั้นเป็นหนึ่งในแอนตี้ไวรัสระดับพรีเมียมที่ราคาดีที่สุดในปี 2024 McAfee มีการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วันสำหรับแผนทั้งหมด ดังนั้นคุณสามารถทดลองใช้งานได้โดยไม่มีความเสี่ยง
🏅 อันดับโดยรวม | แอนตี้ไวรัสอันดับที่ 4 จาก 71 |
🔥 ไฟร์วอลล์ | มี |
👤 VPN | VPN (ไม่จำกัดข้อมูล) |
🎁 แผนใช้งานฟรี | ไม่มี |
💸 ราคา | ราคาเริ่มต้นที่US$39.99/ปี |
💰 การรับประกันคืนเงิน | 30 วัน |
📀 ระบบปฏิบัติการ | Windows, Android, Mac, iOS |
อินเตอร์เฟสผู้ใช้ในภาษาไทย | Yes/ไม่ |
ดาวน์โหลด McAfee เลยตอนนี้ (ใช้งานโดยไม่มีความเสี่ยง 30 วัน)
รีวิวตัวเต็ม McAfee
McAfee เป็นชุดป้องกันมัลแวร์ระดับพรีเมียมที่มีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยมากมาย ฉันใช้เวลา 2-3 สัปดาห์ในการทดสอบการรักษาความปลอดภัยของ McAfee ใน PC, MacBook Pro, Samsung Galaxy และ iPhone ของฉันและฉันรู้สึกประทับใจกับประสิทธิภาพการทำงานในทุก ๆ ด้านของพวกเขามาก (โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อบริการนำเสนอฟีเจอร์พิเศษมากกว่าคู่แข่งเกือบทุกราย)
McAfee เป็นหนึ่งในชุดเครื่องมือรักษาความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ตที่น่าประทับใจที่สุดใน2024บริการมีความน่าเชื่อถืออย่างมาก ใช้งานง่ายและแผน 2 ปีก็มีราคาถูกที่สุดในบรรดาบริการทั้งหมด
ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยของ McAfee
การสแกนไวรัส
ระบบสแกนแอนตี้ไวรัสของ McAfree นั้นใช้วิธีการตรวจจับมัลแวร์แบบทั่วไป ซึ่งจะเป็นการตรวจสอบไฟล์นั้นเทียบกับฐานข้อมูลไวรัสขนาดใหญ่ของ McAfree รวมถึงวิธีฮิวริสติกซึ่งจะระบุถึงไฟล์อันตรายโดยอ้างอิงจากพฤติกรรมของมัน
ฉันได้ทำการทดลองระบบสแกนของ McAfee ด้วยการดาวน์โหลดฐานข้อมูลมัลแวร์ขนาดใหญ่ใส่ PC ของฉัน – มีทั้งไวรัส โทรจัน รูทคิท แรนซัมแวร์ และก็สปายแวร์ จากนั้นฉันก็ติดตั้ง McAfee และเปิดใช้ full system scan การสแกนตรวจพบมัลแวร์ทดสอบของฉัน 100% แต่ผลลัพธ์ก็ไม่ได้ทำให้ฉันประหลาดใจเท่าไหร่
McAfee เป็นหนึ่งในแอนตี้ไวรัสที่มีผลลัพธ์ในการตรวจจัลมัลแวร์ทุกประเภทที่ยอดเยี่ยมและสม่ำเสมอ— บริการอื่น ๆ ที่ให้บริการได้ใกล้เคียงกับ McAfee ได้แก่ Norton และ Bitdefender ซึ่งบริการทั้งหมดสามารถตรวจจับและจำกัดมัลแวร์ตัวอย่างทั้งหมดในระหว่างการทดสอบทั้งหมดของเราได้
เครื่องมือสแกนระบบเต็มรูปแบบของ McAfee ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 1 ชั่วโมง — ซึ่งเทียบเท่ากับคู่แข่งอย่าง Bitdefender แต่ทั้ง Norton และ Avira นั้นใช้เวลาเร็วกว่า โดยใช้เวลาเพียง 40 นาทีในการแสกน ฉันใช้การสแกนอย่างรวดเร็วของ McAfee ซึ่งใช้เวลาทั้งหมดน้อยกว่า 2 นาทีและเวลาในการสแกนแบบกำหนดเองของ McAfee นั้นขึ้นอยู่กับประเภทของไฟล์ที่ฉันเลือกสแกน (ตั้งแต่ 2-3 นาทีไปจนถึง 1 ชั่วโมง)
สิ่งเดียวที่ฉันไม่ชอบเกี่ยวกับสแกนเนอร์ของ McAfee คือมันทำให้1บางระบบทำงานช้าลง เมื่อ McAfee ทำการสแกน PC ของฉัน มันทำให้ PC ของฉันทำงานช้ากว่าปกติ — ฉันยังสามารถใช้อินเทอร์เน็ตและใช้โปรแกรม Word processorได้สำเร็จ แต่การดูวิดีโอหรือเล่นเกมนั้นแทบทำไม่ได้เลย แต่ McAfee ให้คุณสามารถกำหนดเวลาสแกนได้ทุกเมื่อที่ต้องการ ดังนั้นคุณจึงสามารถกำหนดเวลาการสแกนระบบเต็มรูปแบบได้ เมื่อคุณรู้ว่าคุณจะไม่ใช้ PC ของคุณ แต่บริการจากคู่แข่งบางราย อย่าง TotalAVนั้นไม่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของระบบระหว่างการสแกน
โดยรวมแล้ว โปรแกรมสแกนแอนตี้ไวรัสของ McAfee นั้นเป็นหนึ่งในบริการที่ดีที่สุดในตลาด หากคุณกำลังมองหาการป้องกันที่น่าเชื่อถือจากภัยคุกคามทั้งที่เป็นที่รู้จักและมัลแวร์ใหม่ McAfee เป็นตัวเลือกที่ดีอย่างมาก ด้วยอัตราการตรวจจับมัลแวร์ที่สมบูรณ์แบบ การสแกนที่รวดเร็วและการกำหนดตารางเวลาการสแกนที่ให้งานได้อย่างง่ายดาย ข้อติเดียวของฉันคือเครื่องสแกนแอนตี้ไวรัสทำให้ PC ของฉันทำงานช้าลงระหว่างการสแกนระบบ แต่คุณสามารถกำหนดเวลาการสแกนเต็มรูปแบบได้ในตอนกลางคืนหรือเมื่อคุณไม่ได้ใช้ PC ของคุณได้อย่างง่ายดาย
ไฟร์วอลล์
ไฟร์วอลล์ของ McAfee นั้นทรงพลัง ใช้งานง่ายและปรับแต่งได้สูง — แต่ถ้าคุณไม่มีความรู้ด้านเทคโนโลยี โปรแกรมก็ใช้งานได้ดีแม้ไม่ได้ทำการปรับแต่งใด ๆ
ในการทดสอบของฉัน McAfee สามารถตรวจพบภัยคุกคาม รวมถึงการบุกรุกเครือข่าย การโจมตีจุดอ่อนในระบบและมัลแวร์ที่พยายามสื่อสารกับเซิร์ฟเวอร์ระยะไกล การป้องกันไฟร์วอลล์ของ McAfee นั้นแม่นยำและมีประสิทธิภาพมากกว่าไฟร์วอลล์ในตัวจาก Windows และ macOS
ไฟร์วอลล์ของ McAfee มีความสามารถด้านความปลอดภัยมากมาย — ตัวอย่างเช่น McAfee อนุญาตให้ผู้ใช้:
- ตัดสินใจว่าโปรแกรมใดบ้างที่สามารถเข้าถึงเว็บได้
- เปิดและปิดพอร์ตเฉพาะเครือข่าย
- เลือกระดับความเข้มงวดการป้องกันเครือข่ายที่แตกต่างกัน 4 ระดับ
- ปรับการตั้งค่าความน่าเชื่อถือสำหรับเครือข่ายที่บันทึกไว้
- เปิดใช้งานการตรวจจับการบุกรุกซอฟต์แวร์
- โปรแกรมที่อนุญาตพิเศษ
ฉันชอบตัวเลือกที่หลากหลายที่ไฟร์วอลล์ของ McAfee มีให้ — แต่ผู้ใช้ที่ไม่มีความรู้ด้านเทคโนโลยีก็สามารถตั้งค่าไฟร์วอลล์ให้บล็อกกิจกรรมที่น่าสงสัยโดยอัตโนมัติได้โดยที่แทบไม่มีการตั้งค่าใด ๆ จากผู้ใช้เลย
สิ่งเดียวที่ฉันไม่ชอบเกี่ยวกับไฟร์วอลล์ของ McAfee คือบันทึกของพวกเขาไม่มีรายละเอียดมากพอ— McAfee จะบอกคุณว่ากิจกรรมเครือข่ายใดที่ถูกบล็อก แต่ไม่ได้บอกคุณว่าทำไมการรับส่งข้อมูลบางประเภทจึงถูกบล็อกหรือคุณควรทำอะไรกับมัน (นอกเหนือจากการติดตั้ง McAfee ไว้)
ไฟร์วอลล์ของ McAfee ให้การปกป้องเครือข่ายที่ทันสมัยผู้ใช้ — ฉันชอบเครื่องมือบล็อกโปรแกรม การป้องกันการบุกรุกเครือข่ายและการตั้งค่าขั้นสูงสำหรับผู้ใช้ที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี ฉันต้องการให้เห็นการวินิจฉัยของ McAfee เพิ่มข้อมูลเกี่ยวกับภัยคุกคามที่ตรวจพบเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่บริการนี้ก็ยังเป็นหนึ่งในไฟร์วอลล์ที่ดีที่สุดที่ฉันเคยใช้ใน 2024
VPN (เครือข่ายส่วนตัวเสมือน)
McAfee Safe Connect VPN นั้นใช้งานง่าย การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตก็มีความเร็วสูงมาก และก็เหมาะสำหรับการใช้งานอินเทอร์เน็ตทั่วไป เช่นการท่องเว็บและก็การสตรีมมิ่ง
VPN จะนำทางข้อมูลการใช้งานของคุณผ่านเซิร์ฟเวอร์ที่ปลอดภัย ซึ่งจะเข้ารหัสและซ่อนข้อมูลการใช้งานของคุณ เซิร์ฟเวอร์ที่มีความปลอดภัยนี้จะช่วยปิดบังที่อยู่ IP ของคุณด้วยเพื่อทำให้เหมือนกับว่าคุณเชื่อมต่อมาจากที่อื่น ตัวอย่างเช่น หากคุณอาศัยอยู่ในอเมริกาและเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ในอังกฤษ คุณจะได้รับหมายเลข IP ของอังกฤษ ซึ่งช่วยให้คุณสามารถใช้งานอินเตอร์เน็ตได้เหมือนว่าคุณอาศัยอยู่ที่นั่น
McAfee Safe Connect VPN มีมากกว่า 1,900+ เซิร์ฟเวอร์ใน 41 ประเทศ — เครือข่ายเซิร์ฟเวอร์จำนวนมาก แต่ไม่ใหญ่เท่ากับบริการสแตนด์อโลนอย่าง ExpressVPN (ExpressVPN มีเซิร์ฟเวอร์มากกว่า 3,000 เซิร์ฟเวอร์ใน 94 ประเทศ) Safe Connect VPN ของ McAfee ปกป้องข้อมูลผู้ใช้ด้วยการเข้ารหัส 256-bit AES ซึ่งเป็นหนึ่งในการเข้ารหัสที่รัดกุมที่สุดและยังมี Kill switch (Safe Connect) ซึ่งจะตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตหากการเชื่อมต่อ VPN ยุติลง
ในการทดสอบของเรา เราสามารถดู Netflix และ Amazon Prime ได้แต่ Disney+ กับ Hulu ดูไม่ได้ เราและเพื่อนร่วมงาน ยังสามารถดูรายการทีวีและภาพยนตร์จากบริการสตรีมมิ่งที่คนไม่ค่อยรู้จักในประเทศของพวกเราได้ด้วย อย่างเช่น Pluto TV แต่ แต่พวกเราถูกบริการอื่น ๆ อย่าง Crunchyroll บล็อก ถ้าคุณกำลังมองหา VPN ที่สามารถใช้กับบริการสตรีมมิ่งได้อย่างเสถียร เราก็แนะนำให้เลือก ExpressVPN
ในการทดสอบของฉัน McAfee Safe Connect VPN ยังบล็อกไคลเอนต์ทอร์เรนต์ของฉันไม่ให้อัปโหลดหรือดาวน์โหลดไฟล์ได้อีกด้วย — หากคุณกำลังมองหา VPN ที่ดีสำหรับการทอร์เรนต์ตัวเลือกที่ดีที่สุดที่ฉันแนะนำคือExpressVPN และProtonVPN
อีกข้อเสียหนึ่งก็คือ VPN ที่บันเดิลมากับ McAfee นั้นจะขาดฟีเจอร์เสริมอย่าง split-tunneling (ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถเลือกได้ว่าทราฟฟิคไหนที่ต้องการให้เดินทางผ่านเซิร์ฟเวอร์ VPN และทราฟฟิคไหนที่ต้องการให้เดินทางผ่านเครือข่ายปกติ) รวมถึงเซิร์ฟเวอร์ที่ผ่านการทำ obfuscation (เพื่อซ่อนทราฟฟิค VPN ของคุณให้ดูเหมือนเป็นทราฟฟิคปกติ)
อย่างไรก็ตาม McAfee Safe Connect VPN ทำงานได้ดีมากในการทดสอบความเร็วของฉัน — บริการมีความเร็วที่รวดเร็วมากเมื่อเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ในพื้นที่ (ฉันอยู่ในสหรัฐอเมริกา) และ McAfee Safe Connect VPN ก็รักษาความเร็วที่เหมาะสมเมื่อใช้งานบนเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ห่างไกลได้อย่างราบรื่น เช่น ในยุโรปและอเมริกาใต้ (แต่เว็บไซต์ใช้เวลาโหลดประมาณ 4-5 วินาทีเมื่อเชื่อมต่อเซิร์ฟเวอร์ในออสเตรเลีย)
แม้ว่า McAfee Safe Connect VPN จะมีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย ความเร็วที่รวดเร็วบนเซิร์ฟเวอร์ในพื้นที่และสามารถเข้าถึง Netflix ได้ แต่บริการจะเก็บบันทึกการใช้งานข้อมูลออนไลน์และหมายเลข IP ไว้และไม่รองรับการรับส่งข้อมูลแบบ P2P และไม่มีฟีเจอร์พิเศษเหมือนที่นำเสนออยู่ใน VPN แบบสแตนอโลน ๆ บริการ แต่ว่า McAfee Safe Connect VPN ก็มีความปลอดภัยและเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการใช้งานและการสตรีมทั่วไป
WebAdvisor (มีให้แค่ใน Windows เท่านั้น)
McAfee WebAdvisor บล็อกเว็บฟิชชิ่ง การโจมตีจุดอ่อนในระบบและ Cryptojacker บนเบราว์เซอร์และยังให้คะแนนความปลอดภัยสำหรับบางเว็บไซต์อีกด้วย
มันเป็นเครื่องมือฟรีที่ใช้ Windows ซึ่งสามารถดาวน์โหลดเป็นส่วนเสริมแยกต่างหากในเบราว์เซอร์ของคุณและยังนำเสนอให้เป็นส่วนหนึ่งของ Total Protection WebAdvisor พร้อมใช้งานสำหรับ Chrome, Firefox, Edge และ Explorer
WebAdvisor จะทำการวิเคราะห์ทุกเว็บไซต์ที่คุณเยี่ยมชมเพื่อหาการโจมตีจุดอ่อนในระบบและยังสามารถระบุเว็บฟิชชิ่งจากฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่มีการอัปเดตอย่างต่อเนื่อง
WebAdvisor บล็อกเว็บฟิชชิ่งและการโจมตีจุดอ่อนในระบบในการทดสอบของฉัน โดยตรวจเครื่องมือตรวจพบเว็บอันตรายจำนวนมากที่เครื่องมือป้องกันในตัวของ Chrome และ Firefox ไม่สามารถตรวจพบได้
WebAdvisor ยังรวมโหมด Secure Search สำหรับการค้นหาที่ปลอดภัย ซึ่งกำหนดระดับความปลอดภัยตามรหัสสีให้กับผลการค้นหาของคุณ ฉันทดสอบฟีเจอร์นี้กับ Google แม้ว่าเว็บไซต์จำนวนมากจะไม่มีคะแนนแสดงไว้ แต่เว็บละเมิดลิขสิทธิ์บางเว็บก็ถูกกำหนดว่าเป็นเว็บ “อันตราย” นอกจากนี้ยังแสดงมีการระบุเว็บไซต์ที่ไม่ปลอดภัยได้อย่างแม่นยำอีกด้วย
WebAdvisor ยังสามารถให้คะแนนลิงก์เครือข่ายโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, Twitter, Instagram และอื่น ๆ ได้อีกด้วย ในการทดสอบของฉัน การให้คะแนนลิงก์นี้แม่นยำอย่างน่าประหลาดใจ โดยระบุว่าลิงก์ส่วนใหญ่ปลอดภัยและสามารถเตือนเว็บฟิชชิ่งได้อย่างถูกต้องเมื่อเพื่อนของฉันถูกแฮ็กบน Instagram
โดยรวม WebAdvisor แล้วเป็นหนึ่งในเครื่องมือป้องกันออนไลน์ที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรม การป้องกันเว็บฟิชชิ่งและการโจมตีจุดอ่อนในระบบนั้นดีกว่าเครื่องมือป้องกันในตัวของ Chrome และ Firefox และการจัดอันดับของเสิร์ชเอ็นจิ้นและลิงก์โซเชียลมีเดียนั้นมีประโยชน์อย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ใช้ขั้นสูงที่ไม่มีความรู้ด้านเทคนิคที่ไม่สามารถระบุเว็บไซต์ที่ไม่ปลอดภัยได้
เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
Total Protection นั้นมีเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานที่ใช้ได้อยู่ 2 ตัว — Tracker Remover กับ Web Boost — สำหรับเดสก์ท็อปและเบราว์เซอร์ แต่ว่ามันเข้าถึงได้ไม่ง่ายเลย นี่คือเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพประสิทธิภาพของ McAfee.
QuickClean ของ McAfee จะลบคุกกี้และไฟล์ชั่วคราวที่ไม่ต้องการออกจากคอมพิวเตอร์ของคุณ ซึ่งสามารถเข้าถึงได้จากแท็บ PC Security โดยคลิกที่ปุ่ม “Tracker Remover”
การสแกนของ QuickClean ใช้เวลาไม่ถึง 1 นาทีและสามารถเพิ่มพื้นที่ว่างในคอมพิวเตอร์ของฉันได้เกือบ 2 GB
ฉันชอบความง่ายในการดูรายละเอียดของการสแกน QuickClean โดยเฉพาะอย่างยิ่ง McAfee แยกไฟล์ออกเป็นหมวดหมู่ต่าง ๆ โดยนำเสนอเมนูดร์อปดาวน์ที่แสดงรายการชื่อไฟล์เฉพาะที่ถูกแท็กเพื่อลบในแต่ละหมวดหมู่ วิธีนี้ทำให้ผู้ใช้ขั้นสูงตัดสินใจได้ง่ายว่าต้องการเก็บไฟล์ใดไว้ ในขณะที่ผู้ใช้ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีก็สามารถปล่อยให้ McAfee จัดการลบไฟล์ทั้งหมดได้
McAfee Web Boost เป็นส่วนขยายของ Chrome ที่ป้องกันไม่ให้วิดีโอเล่นอัตโนมัติทางออนไลน์ ซึ่งอาจเป็นประโยชน์สำหรับการเพิ่มความเร็วของเบราว์เซอร์ แต่ฉันพบว่ามันน่ารำคาญเสียมากกว่า เนื่องจากวิดีโอตัวอย่างบน YouTube ก็ไม่สามารถเล่นได้
เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ McAfee นั้นดีมาก — ฉันชอบการกำจัดไฟล์ขยะของ QuickClean เป็นพิเศษ ซึ่งก็มีข้อมูลละเอียดและใช้งานง่าย (แต่ฉันไม่คิดว่า Web Boost นั้นจะมีประโยชน์มากสักเท่าไร)
เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน
เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน True Key ของ McAfee ให้การป้องกันรหัสผ่านที่ดีและฟังก์ชันการทำงานที่เหมาะสม แต่ยังขาดฟีเจอร์เพิ่มเติมบางอย่างที่มีให้ในเครื่องมือจัดการรหัสผ่านแบบสแตนด์อโลนที่ดีที่สุดใน2024
True Key จัดเก็บและซิงค์ข้อมูลผู้ใช้ในระบบคลาวด์โดยใช้การเข้ารหัส 256-bit AES และการไม่เก็บบันทึกข้อมูล ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้บุคคลอื่น (รวมถึง McAfee) เข้าถึงข้อมูลรหัสผ่านที่บันทึกไว้ได้ เครื่องมือจัดการรหัสผ่านของ McAfee สามารถติดตั้งได้บนอุปกรณ์ Windows, Mac, iOS หรือ Android และรองรับ Firefox, Chrome, Explorer และ Safari
True Key นำเสนอฟีเจอร์ที่จำเป็น เช่น พื้นที่จัดเก็บรหัสผ่านไม่จำกัดอุปกรณ์ พื้นที่จัดเก็บบัตรเครดิตและเอกสาร พื้นที่เก็บบันทึกที่ปลอดภัย เครื่องมือสร้างรหัสผ่านและการกรอกอัตโนมัติแบบไม่ต้องคลิก แต่ฉันรู้สึกผิดหวังที่พบว่า True Key ไม่มีตัวเลือก 2FA ที่ปลอดภัย (คุณสามารถเข้าสู่ระบบบนอุปกรณ์มือถือด้วยการสแกนไบโอเมตริกซ์ แต่ True Key ไม่รองรับการยืนยันตัวตนของ TOTP หรือโทเค็น USB เช่น Yubikey)
ฉันไม่ชอบที่ True Key ขาดฟีเจอร์บางอย่างเช่น การแชร์รหัสผ่านที่ปลอดภัย การตรวจสอบที่จัดเก็บรหัสผ่านหรือการตรวจสอบการละเมิดรหัสผ่าน เช่น 1Password และ Dashlane
อย่างไรก็ตาม True Key เป็นเครื่องมือจัดการรหัสผ่านพื้นฐานที่ดี ฉันสามารถสร้าง บันทึกและป้อนรหัสผ่านอัตโนมัติได้อย่างง่ายดาย คุณสามารถตั้งค่า True Key ให้ป้อนรหัสผ่านอัตโนมัติได้ด้วยคลิกเดียวหรือแม้แต่ป้อนข้อมูลรหัสผ่านของคุณโดยอัตโนมัติเมื่อคุณใช้งานเว็บไซต์ที่บันทึกไว้ (สามารถช่วยประหยัดเวลาได้มาก แต่มีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยไม่มาก)
True Key ยังมีการกู้คืนรหัสผ่านหลักอย่างง่าย หากคุณลืมรหัสผ่านหลัก McAfee จะส่งอีเมลถึงคุณเพื่อเปลี่ยนรหัสผ่าน แม้ว่าฟีเจอร์นี้จะเป็นฟีเจอร์ที่ดีสำหรับผู้ใช้ส่วนใหญ่ แต่ก็ไม่ใช่แนวทางปฏิบัติที่ปลอดภัยนัก ซึ่งเป็นสาเหตุที่เครื่องมือจัดการรหัสผ่านชั้นนำอย่าง Dashlane ไม่นำเสนอฟีเจอร์การกู้คืนบัญชีดังกล่าว
โดยรวมแล้วฉันชอบที่ True Key นั้นใช้งานได้ง่ายแม้ว่าฟีเจอร์จะมีข้อจำกัดเมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องมือจัดการรหัสผ่านแบบสแตนด์อโลน แต่ True Key ก็ยังเป็นส่วนเสริมที่มีประโยชน์สำหรับ Total Protection ที่สามารถช่วยสร้างรหัสผ่านที่ไม่ซ้ำกันและจัดเก็บรหัสผ่านโดยใช้การเข้ารหัสขั้นสูง คุณสามารถอ่านรีวิวของ TrueKey ได้ที่นี่
การควบคุมของผู้ปกครอง
แอป McAfee Safe Family มีการควบคุมโดยผู้ปกครองที่ยอดเยี่ยมสำหรับอุปกรณ์ Windows, Android และ iOS
สามารถดาวน์โหลดแยกได้หลังจากการซื้อ McAfee Total Protection ระดับสูงสุด
Safe Family ให้คุณสามารถ:
- กรองเนื้อหาบนเว็บ
- จำกัดการใช้อุปกรณ์และการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต
- บล็อกเฉพาะแอป
- ติดตามตำแหน่งของอุปกรณ์ (ในระยะ 10 เมตร)
เมื่อฉันทดสอบ Safe Family ฉันพบว่าอินเทอร์เฟซนั้นใช้งานได้ง่ายและดูสะอาดตา ฉันชอบที่ McAfee มีการตั้งค่าล่วงหน้าสำหรับการใช้แอปและกฎการใช้เว็บของเด็กทุกคนตามอายุ คุณสามารถปรับการอนุญาตแต่ละแอพและหมวดหมู่เนื้อหา เพิ่มเว็บไซต์ที่ต้องการบล็อกและกำหนดเวลาหน้าจอสำหรับความต้องการส่วนบุคคลของเด็กแต่ละคน
McAfee Safe Family ทำงานได้ดีในระหว่างการทดสอบ โดยสามารถบล็อกเนื้อหาบนเว็บและแอปที่ไม่ต้องการได้ทั้งหมด ฉันได้ลองทดสอบดูกับเนื้อหาหลากหลายประเภท รวมถึงเว็บไซต์ลามก เกมที่มีความรุนแรง เว็บไซต์โซเชียลมีเดีย และก็เว็บไซต์ที่มีการพูดจาแสดงความเกลียดชัง – มันจะทำการบล็อกเว็บไซต์เหล่านี้ทั้งหมด และก็จะทำการบันทึกการค้นหาของฉันด้วย (นี่จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ปกครองที่อยากจะรู้ว่าลูก ๆ ของตัวเองนั้นค้นหาเกี่ยวกับเรื่องอะไร)
หนึ่งในฟีเจอร์ที่ดีที่สุดของ Safe Family คือการติดตามตำแหน่ง คุณสามารถติดตามอุปกรณ์ของบุตรหลานได้ภายในระยะ 10 เมตร และบุตรหลานของคุณยังสามารถส่งการอัปเดตอย่างรวดเร็วถึงคุณผ่านแอปมือถือ Safe Family เมื่อพวกเขาไปถึงจุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัย ฉันทดสอบการติดตามตำแหน่งด้วย iPad ของลูกสาวของฉันและรู้สึกประหลาดใจที่ Safe Family สามารถติดตามอุปกรณ์ของเธอได้อย่างแม่นยำ — ฟีเจอร์อัพเดทตำแหน่งตลอดเวลาและแม่นยำกว่าเครื่องมือ “Find My” ของ Apple หรือ Google มาก
โดยรวมแล้ว McAfee Safe Family เป็นแอปควบคุมสำหรับผู้ปกครองที่ยอดเยี่ยม (ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมบริการจึงอยู่ในรายการโปรแกรมป้องกันไวรัสที่มีการควบคุมโดยผู้ปกครองที่ดีที่สุด)
การป้องกันการขโมยข้อมูลส่วนตัว
บริการป้องกันการโจรกรรมข้อมูลประจำตัวของ McAfee ให้การตรวจสอบแบบเรียลไทม์สำหรับข้อมูลระบุตัวบุคคล (PII) ที่หลากหลายโดยใช้การตรวจสอบดาร์กเว็บแบบเรียลไทม์ร่วมกับเครือข่ายเครดิตของ Experian การป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลนั้นมีให้บริการสำหรับลูกค้าในอังกฤษ, อเมริกา, ออสเตรเลีย, บราซิล, แคนาดา, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อิตาลี, ญี่ปุ่น, นิวซีแลนด์และสเปน นี่เป็นบริการที่ดีกว่า TotalAV ที่นำเสนอการป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับลูกค้าในอเมริกาเท่านั้น
การปกป้องข้อมูลประจำตัวของ McAfee ให้คุณสามารถตรวจสอบ:
- 1 SSN (หมายเลขประกันสังคม)
- 1 ใบขับขี่
- 1 พาสปอร์ต
- 1 บัญชีธนาคารต่างชาติ
- 10 ID ทางการแพทย์
- 10 อีเมล
- 10 หมายเลขโทรศัพท์
- 10 บัตรเครดิตและเดบิต
- 10 บัตรอื่น ๆ (พื้นที่จัดเก็บ ฯลฯ)
- 10 บัญชีธนาคาร
คุณยังสามารถตั้งค่าการตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงที่อยู่ (Change of Address Monitoring) เพื่อคอยระวังความพยายามใด ๆ ในการเปลี่ยนเส้นทางอีเมลของคุณ คุณยังได้รับการกู้คืนข้อมูลประจำตัว ซึ่งให้ความช่วยเหลือหากคุณทำกระเป๋าเงิน บัตรเครดิตหรือเอกสารหาย ทีมกู้ข้อมูลของ McAfee สามารถช่วยคุณจัดการการยกเลิก สั่งซื้อใหม่และการออกใหม่ที่จำเป็น
โชคยังดีที่บริษัทส่วนใหญ่เหล่านี้ยังจำเป็นต้องทำตามคำร้องขอของคุณเพราะกฎหมาย ถ้าคุณจะร้องขอให้พวกเขาเก็บข้อมูลไว้เป็นส่วนตัว เครื่องมือป้องกันความเป็นส่วนตัวของ McAfee นั้นจะระบุรายชื่อของนายหน้าข้อมูลทั้งหมดที่มีข้อมูลของคุณ และก็ทำให้ง่ายต่อการนำข้อมูลของคุณออกจากแหล่งข้อมูลเหล่านั้น — ถ้าคุณอัปเกรดขึ้นไปใช้บริการระดับพรีเมียม McAfee จะทำการนำข้อมูลของคุณออกให้อัตโนมัติเลยด้วย Norton ก็มีบริการที่คล้าย ๆ กันนี้ด้วยระบบป้องกันการโจรกรรมเอกลักษณ์บุคคล และการทดสอบของฉันก็พบว่ามันทั้งง่ายและเร็วต่อการใช้งานเช่นกัน
McAfee มีระดับการป้องกันการโจรกรรมข้อมูลที่แตกต่างกัน 2-3 ระดับ ผู้ใช้ Total Protection ที่ไม่ได้ลงทะเบียนสำหรับการต่ออายุอัตโนมัติจะได้รับการตรวจสอบดาร์กเว็บสำหรับบัญชีอีเมลสูงสุด 10 บัญชีและการเข้าถึงตัวแทนฝ่ายสนับสนุนโดยเฉพาะ แผน Total Protection ที่มีต่ออายุอัตโนมัติเพิ่มการตรวจสอบดาร์กเว็บสำหรับ 55 PII (รวมถึงหมายเลขโทรศัพท์และอื่น ๆ ) และผู้ใช้ที่ซื้อ Total Protection Ultimate จะได้รับสิทธิ์การประกันภัยการกู้คืนข้อมูลประจำตัวมูลค่า 1,000,000 ดอลลาร์และความคุ้มครองการชำระเงินคืนที่ถูกขโมยมากถึง 10,000 ดอลลาร์ (Norton นำเสนอความคุ้มครองการถูกขโมยเงินในแผน LifeLock Select เท่านั้น ซึ่งมีราคามากกว่าบริการของ McAfee)
โดยรวมแล้วการป้องกันการโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคลของ McAfee นั้นเป็นฟีเจอร์ที่เข็งแกร่งที่ใช้เครื่องมือหลากหลายในการตรวจสอบการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล นี่เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมและมีราคาถูกสำหรับผู้ใช้ในหลาย ๆ ประเทศที่ต้องการการปกป้องข้อมูลส่วนตัวของตนเอง
ฟีเจอร์เพิ่มเติม
McAfee Total Protection มีเครื่องมือรักษาความปลอดภัยอีกมากมาย เช่น:
- File Lock ช่วยเข้ารหัสและจัดเก็บไฟล์ไว้เบื้องหลังรหัสผ่านและคำถามเพื่อความปลอดภัย
- Anti-spam ช่วยตรวจสอบข้อความอีเมลของคุณและกรองอีเมลขยะและฟิชชิ่ง
- Home Network Analyzerแจ้งเตือนคุณหากมีอุปกรณ์ที่ไม่น่าเชื่อถือพยายามเชื่อมต่อกับเครือข่ายของคุณ
- Vulnerability Scanner ช่วยรับรองว่าโปรแกรมทั้งหมดของคุณเป็นปัจจุบัน
- Secure file shredder เขียนทับไฟล์ที่ละเอียดอ่อนที่ถูกลบเพื่อไม่ให้กู้คืนได้
เครื่องสแกนช่องโหว่ก็เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่มีประโยชน์ โดยเครื่องมือนี้จะวิเคราะห์แอปทั้งหมดบนอุปกรณ์ของคุณและแจ้งเตือนหากคุณต้องอัปเดตโปรแกรมใด ๆ ของคุณ (สิ่งนี้สำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของภัยคุกคามใหม่ ๆ และช่องโหว่ใหม่ของซอฟต์แวร์ใน2024)
ฉันยังชอบเครื่องทำลายไฟล์ที่ปลอดภัย (Secure File Shredder) ของ McAfee ซึ่งสามารถลบไฟล์ออกจากคอมของคุณได้อย่างสมบูรณ์ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่า File Lock ของ McAfee จะเป็นฟีเจอร์ที่ดี แต่มันก็ไม่ได้ทำประโยชน์อะไรเพิ่มจากฟีเจอร์ที่มีใน Windows และ macOS อยู่แล้ว ฟีเจอร์ anti-spam นั้นอาจจะมีประโยชน์สำหรับเมื่อทศวรรษที่แล้ว แต่ว่า Gmail รวมถึง บริการอีเมลชั้นนำอื่น ๆ ก็มีระบบ anti-spam ที่ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว
ฟีเจอร์เพิ่มเติมของ McAfee นั้นยังไม่น่าประทับใจเท่าที่ควร แต่ฉันชอบที่บริษัททำงานอย่างหนักเพื่อมอบแอนตี้ไวรัสระดับพรีเมียมที่ให้การป้องกันที่น่าประทับใจ
แผนการบริการและราคาของ McAfee
McAfee นั้นมีระดับการให้บริการที่ต่างกันออกไป 3 ราคา สำหรับ Total Protection และ Plus กับ Premium ก็จะมีราคาที่ถูกมาก ๆ สำหรับผู้ใช้งานที่สมัครใช้บริการเป็นเวลา 2 ปี
สำหรับแผนทั้งหมด McAfee อนุญาตให้คุณขอเงินคืน:
- ภายใน 30 วันหลังจากซื้อบริการ
- ภายใน 60 วันหลังจากต่ออายุอัตโนมัติ
- ตลอดอายุการสมัครของคุณ หาก McAfee ไม่สามารถลบมัลแวร์ได้
นอกจากนี้แผน McAfee ทั้งหมดยังมีฟีเจอร์พิเศษบางอย่างที่มีให้เฉพาะลูกค้าที่สมัครรับการต่ออายุอัตโนมัติ (อย่างเช่น VPN และการป้องกันการโจรกรรมเอกลักษณ์บุคคล)
หมายเหตุ: ชื่อแผนของ McAfee อาจจะมีชื่อ ฟีเจอร์ และระยะเวลาการสมัครใช้บริการที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นกับสถานที่
Total Protection Basic — เหมาะสำหรับการป้องกัน 1 อุปกรณ์
แผนบริการระดับต่ำสุดของ McAfeeมีฟีเจอร์ดี ๆ มากมาย แต่สำหรับอุปกรณ์เครื่องเดียวเท่านั้น ฟีเจอร์นี้ประกอบด้วย:
- การสแกนแอนตี้ไวรัส
- VPN ที่ปลอดภัยไม่มีข้อจำกัด (ต้องสมัครแบบต่ออายุอัตโนมัติ)
- ไฟร์วอลล์
- การป้องกันข้อมูลส่วนตัว
- การป้องกันการใช้งานอินเตอร์เน็ตและฟิชชิ่ง
- เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน
- การเข้ารหัสไฟล์
- เครื่องมือทำลายไฟล์
- การสนับสนุนตลอด 24/7
หากคุณกำลังมองหาการปกป้องให้กับ PC (หรือ Mac) เครื่องเดียวอยู่ แผน McAfee Total Protection Basic ก็จะเป็นตัวเลือกที่เหมาะเนื่องจากมันมาพร้อมกับฟีเจอร์ความปลอดภัยทั้งหมดที่คุณจะต้องการ แต่มันมีราคา US$79.99 / ปี ซึ่งแพงกว่าแผนที่คล้ายกันของ 360 Standard ที่คล้ายกันของ Norton
Total Protection Plus — การป้องกันที่ครอบคลุมในราคาที่ยอดเยี่ยม
แผน McAfee Total Protection Plusนั้นจะรวมฟีเจอร์ทั้งหมดของแผนก่อนหน้าและก็จะครอบคลุมถึง 5 อุปกรณ์และยังมีลิขสิทธิ์ VPN ให้ใช้ถึง 5 ลิขสิทธิ์ (สำหรับสมาชิกที่ต่ออายุอัตโนมัติเท่านั้น)
ด้วยราคาเพียง US$39.99 / ปี แผนนี้จะมีราคาถูกกว่าแผน McAfee Basic และมันก็จะช่วยปกป้องอุปกรณ์ของคุณได้อย่างทั่วถึงอีกด้วย ผู้ใช้งานที่กำลังมองหาการปกป้องที่ยอดเยี่ยมในราคาถูกนั้นควรจะเลือกดูแผนดี (แต่เนื่องจากมันยังขาดระบบควบคุมสำหรับผู้ปกครอง จึงอาจไม่เหมาะสำหรับใช้ภายในครอบครัวที่มีเด็กเล็ก)
Total Protection Premium — คุ้มค่าที่สุดโดยรวม
แผนMcAfee Premiumนั้นจะรวมฟีเจอร์ทั้งหมดของ Basic และ Plus สำหรับ 10 อุปกรณ์และมาพร้อมกับระบบควบคุมสำหรับผู้ปกครอง
Total Protection Premium นั้นจะสามารถใช้งานแบบ 2 ปีได้เท่านั้น US$44.99 / ปี แต่มันก็จะมีราคาที่ถูกมาก ๆ ผมลองใช้แล้วเห็นว่าระบบควบคุมสำหรับผู้ปกครองนั้นทำงานได้ดีมากบนทุกอุปกรณ์ของผม ดังนั้นแผนนี้ก็จะเป็นตัวเลือกที่ดีมาก ๆ สำหรับครอบครัวที่มีเด็กเล็ก หรือใครก็ตามที่ต้องการให้ครอบคลุมถึง 10 อุปกรณ์
ความง่ายในการใช้งานและการตั้งค่าของ McAfee
การดาวน์โหลดและติดตั้ง McAfee นั้นใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที หลังการติดตั้ง McAfee ก็เสนอให้ฉันใช้การสแกนไวรัส ซึ่งใช้เวลาประมาณ 45 นาทีบน PC ของฉัน
แดชบอร์ดของ McAfee ก็ถือว่าดูเรียบง่ายใช้ได้ แต่ก็ยังน่าสับสนเกินความจำเป็น โดยมีฟีเจอร์หลักให้ใช้งาน 6 ฟีเจอร์ในหน้าโฮม:
- แอนตี้ไวรัส
- Tracker remover
- การสมัครสมาชิกของฉัน
- รายงานความปลอดภัย
- ไฟร์วอลล์
- การตั้งค่าทั่วไป
ปุ่มส่วนใหญ่นี้ก็ค่อนข้างจะมีประโยชน์ — ยกตัวอย่างเช่นปุ่ม แอนตี้ไวรัส จะเปิดหน้าต่างที่คุณสามารถตั้งเวลาการสแกน และก็เลือกวิธีการสแกนรูปแบบต่าง ๆ หรือจะเปิดใช้งานการสแกนอย่างเร็วก็ได้
ฉันชอบความง่ายในการกำหนดเวลาการสแกนด้วย McAfee และการทำสิ่งต่าง ๆ เช่น การปรับแต่งการป้องกันไฟร์วอลล์ การเข้าถึง VPN และการเรียกใช้เครื่องมือปรับแต่งระบบนั้นทำได้ง่ายมากในแอปเดสก์ท็อปของ McAfee คุณสามารถเข้าถึงตัวเลือกต่าง ๆ ได้โดยคลิกที่ปุ่มแต่ละปุ่ม ตัวอย่างเช่นการคลิกที่ปุ่ม “แอนตี้ไวรัส” จะแสดงตัวเลือกการสแกนที่หลากหลาย
การควบคุมโดยผู้ปกครองของ McAfee และการป้องกันการโจรกรรมข้อมูลประจำตัวสามารถเข้าถึงได้ผ่านแดชบอร์ดออนไลน์ของ McAfee ซึ่งทั้งใช้งานง่ายและเข้าถึงได้ง่าย แต่จริง ๆ แล้วฉันต้องการให้ McAfee รวมฟีเจอร์ทั้งหมดเหล่านี้ไว้ในแอปเดสก์ท็อป (เหมือนกับที่ TotalAV และ Bitdefender ทำ)
ส่วนใหญ่แล้วฟีเจอร์ของ McAfee นั้นก็ใช้งานง่าย ฉันเองก็รู้สึกหงุดหงิดอยู่ตอนที่ตามหาฟีเจอร์ tune-up ระบบ และฉันก็อยากให้แอป VPN กับ Safe Family นั้นถูกรวมเข้ามาอยู่ในแดชบอร์ดของ McAfee ด้วย แต่ถ้ามองโดยรวมถึงความมากมายของฟีเจอร์แล้ว McAfee ก็ถือว่าทำได้ดีในเรื่องความง่ายในการตามหาและใช้งานสำหรับส่วนของเครื่องมือความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ต
แอพพลิเคชั่นมือถือของ McAfee
แอปมือถือของ McAfee คือ Mobile Security มีให้ใช้งานสำหรับทั้ง iOS และ Android
คุณสามารถเปิดใช้งานบัญชีของคุณได้โดยการส่งอีเมลหรือส่งข้อความถึงตัวคุณเองด้วยลิงก์จากแดชบอร์ดออนไลน์ของ McAfee หรือคุณสามารถดาวน์โหลดแอปจาก App Store ของอุปกรณ์และป้อนรหัสผ่านของคุณได้
อินเทอร์เฟซของแอพมือถือนั้นดูสะอาดตาและใช้งานง่าย คุณสามารถเปิดใช้งานเครื่องมือบางอย่างได้โดยใช้ปุ่มบนหน้าจอ ส่วนเครื่องมือที่เหลือก็สามารถเข้าถึงได้จากเมนูที่มุมบนขวา
McAfee ตรวจพบมัลแวร์ที่มีเฉพาะใน Android ทั้งหมดบนอุปกรณ์ของฉัน หลังจากที่ไปได้สแกน 10 นาที ฉันค่อนข้างประทับใจในความเร็วและความแม่นยำของการสแกนนี้ — คู่แข่งจำนวนมากไม่สามารถการตรวจจับไฟล์อย่าง รูทคิต แอดแวร์และแอปสปายแวร์ที่แอบเก็บรวบรวมข้อมูล
McAfee ไม่ได้นำเสนอฟีเจอร์สำหรับ iOS เพราะว่า iOS นั้นไม่สามารถติดไวรัสจากไฟล์มัวแวร์ทั่วไปได้ แต่อุปกรณ์นี้ไม่ได้มีการป้องการฟิชชิ่งที่ยอดเยี่ยมอะไร ซึ่งการป้องกันฟิชชิ่งจะช่วยตรวจจับเว็บที่เป็นอันตรายได้
น่าเสียดายที่ McAfee อัพเดทและลบฟีเจอร์การป้องกันขโมยออกไป ซึ่งฟีเจอร์นี้เป็นหนึ่งในสิ่งที่ฉันชอบมากที่สุดบนแอปมือถือเลย
อย่างไรก็ตาม แอปมือถือของ McAfee ยังมีฟีเจอร์ที่ดีอื่น ๆ อยู่ รวมถึง:
- เครื่องมือสแกน Wi-Fi สแกนเครือข่าย Wi-Fi เพื่อตรวจสอบความปลอดภัย
- VPN ที่ปลอดภัย เข้ารหัสการเชื่อมต่อของคุณเพื่อปกป้องหมายเลข IP จริงของคุณ (แต่ให้บริการได้ไม่ดีเท่ากับ VPN สแตนอโลนอย่าง ExpressVPN)
- การป้องกันการขโมยข้อมูลส่วนบุคคล แจ้งเตือนเมื่ออีเมล์ของคุณถูกละมิดความปลอดภัย
แอปมือถือของ McAfee นั้นมีฟีเจอร์ที่หลากหลายและมีราคาไม่แพงและมีให้บริการในทั้ง iOS และ Android — โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณได้รับบริการผ่านแผน McAfee Premium
การสนับสนุนลูกค้าของ McAfee
ตัวเลือกการสนับสนุนลูกค้าของ McAfee ได้แก่:
- การสนับสนุนผ่านไลฟ์แชทตลอด 24 ชั่วโมงในภาษาอังกฤษ
- การสนับสนุนผ่านโทรศัพท์ตลอด 24 ชั่วโมงในภาษาอังกฤษ
- Support forum.
- ฐานความรู้ออนไลน์มีให้บริการในภาษาอังกฤษ
ฉันชอบติดต่อ McAfee ทางโทรศัพท์หากมีปัญหาเร่งด่วน
ตอนที่ฉันมีปัญหากับแผนของฉัน ทีมสนับสนุนทางโทรศัพท์ก็สามารถอัปเกรดแผนให้ฉัน พร้อมทั้งคืนเงินให้ รวมถึงลดราคา ทั้งหมดนี้เสร็จภายในไม่กี่นาที
ฉันยังมีประสบการณ์ที่ดีกับทีมสนับสนุนผ่านไลฟ์แชทสดของ McAfee ก่อนที่ฉันจะเข้าถึงไลฟ์แชท ฉันต้องกรอกรายละเอียดในแบบฟอร์มและส่งคำถามเป็นลายลักษณ์อักษร จากนั้นฉันต้องรอพูดคุยกับทีมสนับสนุนที่พร้อมให้บริการ
ฉันติดต่อทีมงานไลฟ์แชทของ McAfee 2-3 ครั้งและในทุกครั้งฉันก็ไม่ต้องรอเป็นเวลานาน ซึ่งมันดีมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับคู่แข่งที่ให้บริการาได้ช้ากว่าอย่าง Norton! ทีมงานสนับสนุนของ McAfee ทุกคนที่ฉันคุยด้วยนั้นมีความรู้ สุภาพและตรงประเด็น
ทีมงานในไลฟ์แชทของ McAfee เสนอทางเลือกควบคุม PC ของฉันเสมอผ่านแอปเพล็ตที่ดาวน์โหลดได้และแก้ไขปัญหาให้ฉัน ในขณะที่ฉันดูพวกเขาทำไปด้วย ผู้ใช้มือใหม่อาจพบว่าตัวเลือกนี้น่าสนใจ แต่ฉันชอบให้พวกเขาให้คำแนะนำและฉันทำทุกอย่างด้วยตัวเองมากกว่า – และทีมงานสนับสนุนของ McAfee ก็ยินดีที่จะทำเช่นนั้นด้วยเช่นกัน
ฉันได้รับคำตอบอย่างละเอียดเสมอและฉันได้รับหมายเลขสำหรับทุกคำถามในกรณีที่ฉันต้องการติดตามผล
ฟอรัมการสนับสนุนของ McAfee นั้นมีการใช้งานเป็นจำนวนมากและตอบสนองได้ดีเช่นกัน ทั้งทีมงานของ McAfee และชุมชนผู้ใช้ของ McAfee พร้อมตอบคำถามของคุณที่นั่น ฉันได้รับคำตอบในเวลาไม่ถึง 5 ชั่วโมง ซึ่งค่อนข้างเร็วเลยทีเดียว!
แต่ฉันพบว่าฐานความรู้ออนไลน์นั้นให้บริการได้ตรงกันข้ามกับไลฟ์แชทและฟอรัมการสนับสนุนของ McAfee ของคำถามที่พบบ่อยจำนวนมากนั้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับซอฟต์แวร์เวอร์ชันเก่าเท่านั้น ซึ่งคุณอาจไม่ได้คำตอบที่คุณต้องการ หากไม่ได้พูดคุยกับทีมงานโดยตรง แต่เนื่องจากทีมสนับสนุนทางโทรศัพท์และไลฟ์แชทของ McAfee ตอบสนองได้ดีมาก ผู้ใช้ส่วนใหญ่จึงไม่มีปัญหา
โดยรวมแล้วฉันพบว่าการสนับสนุนของ McAfee นั้นยอดเยี่ยม — เป็นหนึ่งในแบรนด์แอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดที่ฉันเคยทดสอบมาและฉันประทับใจมากพวกเขามีการสนับสนุนด้วยไลฟ์แชทตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันสำหรับผู้ใช้ทุกคน ดังนั้นคุณสามารถเข้าถึงได้แม้ว่าคุณจะทดลองใช้งานฟรี
McAfee เป็นแอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดใน2024หรือเปล่า
Total Protection
จาก McAfee เป็นชุดรักษาความปลอดภัยที่ให้บริการอย่างครอบคลุมและโปรแกรมสแกนแอนตี้ไวรัสเป็นหนึ่งในโปรแกรมที่ดีที่สุดที่ฉันเคยทดสอบ — McAfee ได้คะแนนการตรวจจับมัลแวร์ 100% ในการทดสอบของฉัน สามารถระบุและลบมัลแวร์ทุกประเภทได้สำเร็จ ข้อเสียหลักเดียวก็คือ full system scan จะทำให้ทั้งระบบนั้นช้าลง แต่เรื่องนี้ก็สามารถป้องกันได้ด้วยการตั้งเวลาสแกนตอนที่คุณไม่ได้ใช้งานคอมพิวเตอร์
ฉันชอบไฟร์วอลล์ของ McAfee มาก (มีประสิทธิภาพมากกว่าไฟร์วอลล์ในตัวจาก Windows และ macOS) และการป้องกันเว็บนั้นดีมาก การควบคุมโดยผู้ปกครองและแอปมือถือของ McAfee ยังมีฟีเจอร์ที่ยอดเยี่ยมและอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายในอุปกรณ์ที่หลากหลาย ฉันคิดว่า VPN และเครื่องมือจัดการรหัสผ่านของ McAfee นั้นใช้งานได้ดี แต่ก็ไม่ได้ดีเท่ากับ VPN แบบสแตนด์อโลนและเครื่องมือจัดการรหัสผ่านระดับพรีเมี่ยมใน 2024
อย่างไรก็ตามด้วยฟีเจอร์ที่มีประโยชน์มากมายที่นำเสนอควบคู่ไปกับแผนราคาสุดคุ้มสำหรับบุคคลและครอบครัว McAfee เป็นหนึ่งในชุดรักษาความปลอดภัยบนอินเทอร์เน็ตระดับพรีเมียมที่คุ้มค่าที่สุด ไม่ว่าคุณจะเลือกแผน Basic สำหรับ PC หรือ Mac หรือ Plus และ Premium สำหรับ 5-10 อุปกรณ์ก็ตาม คุณก็จะได้รับการปกป้องจากมัลแวร์ที่ยอดเยี่ยมในราคาที่คุ้มค่า
โดยรวมแล้ว McAfee เป็นแอนตี้ไวรัสที่ครอบคลุม มาพร้อมกับการป้องกันคุณภาพสูงสำหรับ PC, Mac, Android และ iOS การสนับสนุนลูกค้าที่ยอดเยี่ยมและการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วันให้คุณสามารถใช้งานได้โดยปราศจากความเสี่ยง
คำถามที่พบบ่อย
McAfee เป็นแอนตี้ไวรัสที่ดีหรือเปล่า
ได้ McAfee ติดอันดับหนึ่งในเครื่องมือสแกนป้องกันมัลแวร์ชั้นนำด้วยคะแนนการตรวจจับที่สม่ำเสมอ 100% สำหรับมัลแวร์ที่หลากหลาย รวมถึงโทรจัน รูทคิต สปายแวร์ แอดแวร์และอื่น ๆ
ในการทดสอบของฉันการสแกนระบบเต็มรูปแบบของ McAfee ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งเทียบได้กับคู่แข่งชั้นนำอย่าง Bitdefender. McAfee ช่วยให้คุณกำหนดเวลาการสแกนได้ตามสะดวกและยังมีตัวเลือกในการปรับแต่งการสแกนของคุณ (คุณสามารถเลือกไฟล์ที่ต้องการสแกนได้)
McAfee นำเสนอแผนบริการราคาไม่แพงสำหรับบุคคลและครอบครัวในอุปกรณ์ต่าง ๆ — คุณสามารถดูส่วนแผนและราคาของรีวิวนี้เพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม
McAfee จะลบมัลแวร์ออกจากคอมพิวเตอร์ของฉันหรือเปล่า
ใช่ McAfee เป็นแอนตี้ไวรัสที่น่าเชื่อถือ ซึ่งคุณสามารถใช้สแกน PC ของคุณเพื่อหาไวรัสและเพิ่มการป้องกันแบบเรียลไทม์ มันสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในการทดสอบของฉัน มันสามารถตรวจพบมัลแวร์ได้ทุกชนิด เช่น แรนซัมแวร์ สปายแวร์ คริปโตแจ็กเกอร์ แอดแวร์ และอื่น ๆ
นอกจากนี้โปรแกรมป้องกันไวรัสนี้ยังได้รับการสนับสนุนโดย McAfee Virus Pledge ซึ่งหมายความว่าบริษัทสัญญาว่าจะคืนเงินให้ผู้ใช้ ถ้าหาก McAfee ไม่สามารถลบมัลแวร์ออกจากอุปกรณ์ได้ในระหว่างการเป็นสมาชิกได้ (Nortonมีข้อเสนอที่คล้ายกันกับผลิตภัณฑ์นี้)
McAfee ลบสปายแวร์ได้หรือไม่
ได้ เครื่องสแกนมัลแวร์ของ McAfee ออกแบบมาเพื่อตรวจจับและลบมัลแวร์ที่รู้จักทุกประเภท (รวมถึงสปายแวร์และแอดแวร์) McAfeeยังรวมเอ็นจิ้นการป้องกันแบบเรียลไทม์ไว้ในแผนทั้งหมด ซึ่งสามารถบล็อกไฟล์มัลแวร์ เช่น สปายแวร์ ไมให้ดาวน์โหลดหรือเปิดบนอุปกรณ์ของคุณ
หากคุณสงสัยเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างซอฟต์แวร์ป้องกันสปายแวร์แบบสแตนด์อโลนและโปรแกรมป้องกันมัลแวร์ที่ครอบคลุมมากขึ้น SafetyDetectives ได้ทำการวิเคราะห์อย่างละเอียดเกี่ยวกับตัวเลือกการป้องกันสปายแวร์ที่ดีที่สุดใน 2024ไว้แล้ว
McAfee จะทำให้คอมของฉันช้าลงหรือเปล่า
อาจเป็นไปได้ Mcafee ทำให้ PC ของฉันทำงานช้าลงระหว่างการสแกนทั้งระบบ แต่ผู้ใช้ยังสามารถกำหนดเวลาการสแกนในตอนกลางคืนเพื่อหลีกเลี่ยงการทำงานที่ช้าลงได้ เมื่อคุณไม่ได้ทำการสแกน McAfee จะไม่ทำให้ระบบของคุณช้าลง แต่หากคุณกำลังมองหาโปรแกรมป้องกันไวรัสที่มีขนาดเล็ก ลองพิจารณาตัวเลือกอย่างBitdefenderซึ่งทั้งสองตัวเลือกนี้นี้ใช้ทรัพยากรในระบบน้อยมาก
Total Protection จาก McAfee ยังมีเครื่องมือปรับแต่งระบบที่เหมาะสม ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเริ่มต้นระบบ ล้างไฟล์ขยะและทำให้คอมพิวเตอร์ทำงานช้าเร็วขึ้น
McAfee มีเวอร์ชั่นฟรีหรือเปล่า
McAfee ไม่มีเวอร์ชันฟรี แต่มีรับประกันคืนเงินภายใน 30 วันในแผนทั้งหมด (ขยายเป็น 60 วันสำหรับลูกค้าต่ออายุอัตโนมัติ)
McAfee มีแอปสำหรับ iOS และ Android หรือไม่
มี McAfee Mobile Security มีให้บริการทั้งใน iOS และ Android
แอปมือถือของ McAfee มีการป้องกันมัลแวร์ขั้นสูงและการป้องกันฟิชชิ่ง การตรวจสอบความปลอดภัย Wi-Fi และ VPN McAfee Mobile Security เป็นหนึ่งในแอปมือถือที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรม มีราคาถูกเมื่อซื้อเป็นส่วนหนึ่งของแผน Total Protection multi-device
ฉันควรซื้อ McAfee แผนไหนดี
มันขึ้นอยู่กับคุณ!
ผู้ที่ใช้งาน PC หรือ Mac เครื่องเดียวควรจะเลือกใช้แผน McAfee Total Protection Basic
ผู้ใช้งานที่ต้องการให้ครอบคลุมคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์มือถือหลายเครื่องควรจะเลือกดูแผน Total Protection Plus ในขณะที่ผู้ปกครองที่ต้องการระบบควบคุมสำหรับผู้ปกครองและก็การครอบคลุมถึง 10 อุปกรณ์ควรจะเลือกซื้อแผน Premium
ดูรีวิวฉบับเต็มของฉันสำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับแผนและราคาทั้งหมดของ McAfee