อัพเดท: 1 ตุลาคม 2024
ไม่ค่อยมีเวลาใช่ไหม? นี่คือแอนตี้ไวรัส Android ฟรีและดีที่สุดในปี 2024:
- 🥇 Norton มันคือแอนตี้ไวรัส Android ที่ดีที่สุด — มันสามารถตรวจจับและนำเอามัลแวร์กับแอปที่ไม่น่าไว้วางใจบน Android ออกได้ทั้งหมด สามารถบล็อกเว็บไซต์ฟิชชิง และก็มีบริการเสริมอย่างเช่น การตรวจสอบติดตาม Wi-Fi, บริการ VPN และการป้องกันการโจรกรรมเอกลักษณ์บุคคล มันไม่ฟรี 100% แต่มันมีให้ทดลองใช้ฟรีได้ 14 วัน และถ้าคุณได้รับทดลองใช้ผ่านแพลนหลายอุปกรณ์ของ Norton คุณก็จะสามารถทดลองใช้งานมันได้ถึง 60 วันอย่างไม่มีความเสี่ยง
- รับ2024แอปความปลอดภัยสำหรับ Android ที่ดีที่สุดได้ที่นี่ (ใช้ได้นานสุด 60 วันอย่างไม่มีความเสี่ยง)
เราได้ทำการทดสอบแอปแอนตี้ไวรัสฟรีทั้งหมดบน Google Play Store แล้ว — หลังจากที่ใช้เวลาทดสอบอยู่หลายสัปดาห์ เราก็พบว่ามีผลิตภัณฑ์แค่ไม่กี่ตัวเท่านั้นที่เรารู้สึกมั่นใจว่าจะใช้ปกป้องอุปกรณ์ Android จากมัลแวร์ได้ดีจริง
แอปแอนตี้ไวรัสฟรีสำหรับ Android ส่วนใหญ่ที่เราทดสอบมานั้นป้องกันมัลแวร์ได้ไม่ดีนัก และมันก็จะเต็มไปด้วยโฆษณาอันน่ารำคาญ ไม่ก็จะอ้างตัวแบบผิด ๆ ว่าฟรี — แอป “ฟรี” ส่วนใหญ่นั้นจริง ๆ แล้วมันก็แค่ทดลองใช้ฟรี ไม่ก็จะเป็นแอปแบบที่ถูกจำกัดมาก ๆ บางแอปถึงขั้นเป็นแอปปลอมที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้เก็บข้อมูลผู้ใช้งานเลยก็มี! ถึงแม้ว่าเราจะเจอแอปฟรีที่มีคุณภาพอยู่ระดับหนึ่ง แต่ไม่ว่ายังไง แอปฟรีนั้นก็ไม่สามารถมอบเครื่องมือความปลอดภัยทั้งหมดที่จำเป็นสำหรับการป้องกันอุปกรณ์ Android ของคุณให้ปลอดภัย 100% ได้ หากคุณกำลังมองหาแอนตี้ไวรัสที่จะสามารถช่วยปกป้องคุณและอุปกรณ์ของคุณได้อย่างเต็มที่ คุณควรจะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์แบบพรีเมียม (เราแนะนำ แอป Android อันยอดเยี่ยมของ Norton)
แต่ถ้าคุณต้องการแค่การป้องกันระดับพื้นฐาน ก็ยังมีตัวเลือกแอป Android ดี ๆ และฟรีให้คุณใช้งานอยู่ — มีทั้งการสแกนไวรัสแบบเรียลไทม์ฟรี สแกนไวรัสแบบตามสั่ง การป้องกันการโจรกรรมฟรี และมีฟีเจอร์เสริมดี ๆ มากมายเพื่อช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้มือถือ Android ของคุณ
ทดลองใช้ NORTON อย่างไม่มีความเสี่ยง
สรุปโดยย่อเกี่ยวกับแอปแอนตี้ไวรัส Android ฟรีและดีที่สุดในปี 2024:
- 1.🥇 Norton — แอปแอนตี้ไวรัส Android ที่ดีที่สุดโดยรวม (ใช้ได้นาน 60 วันอย่างไม่มีความเสี่ยง)
- 2.🥈 TotalAV — ป้องกันเว็บได้ดีมาก + มีตัวสแกนการรั่วไหลของข้อมูล
- 3.🥉 McAfee — แอนตี้ไวรัสขั้นสูงซึ่งมีตัวสแกน Wi-Fi คุณภาพดี
- 4. Bitdefender — ตัวสแกนมัลแวร์คุณภาพดีเยี่ยม + แพลนระดับพรีเมียมราคาไม่แพง
- 5. Panda Dome — ป้องกันการโจรกรรมดี + ใช้งานกับสมาร์ทวอทช์ได้
- และอีก 5 แอปแอนตี้ไวรัส Android ฟรี
- การเปรียบเทียบแอปแอนตี้ไวรัส Android ฟรีและดีที่สุด
🥇1. Norton Mobile Security — การป้องกันความปลอดภัยทางไซเบอร์ขั้นสูงสำหรับ Android
Norton Mobile Security นั้นเป็นแอปแอนตี้ไวรัส Android ที่เราชื่นชอบมากที่สุดในปี 2024 มันมีการป้องกันมัลแวร์ขั้นสูง และก็มีการรักษาความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ตมากกว่าคู่แข่งทุกราย — แต่มันไม่ฟรี อย่างไรก็ตาม คุณสามารถทดลองใช้ฟีเจอร์มือถือทั้งหมดของ Norton ได้ผ่านการทดลองใช้ฟรีเป็นเวลา 14 วัน หรือการรับประกันคืนเงินภายใน 60 วัน ขึ้นกับว่าคุณใช้แอปอย่างเดียวหรือใช้งานมันเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องมือป้องกันภัยอันตรายทางอินเทอร์เน็ตขั้นสูงของ Norton
เพื่อที่จะช่วยปกป้องอุปกรณ์ Android ของคุณจากแอปที่อันตราย Norton จะทำการสแกนแอปก่อนที่คุณจะดาวน์โหลด ใส่เครื่องและจะแจ้งเตือนคุณในกรณีที่แอปนั้นมีไวรัสหรือมัลแวร์แฝงอยู่ มันยังจะสแกนแอปที่มีอยู่ทั้งหมดในอุปกรณ์ของคุณ และจะแจ้งเตือนเกี่ยวกับแอปที่เก็บข้อมูลละเอียดอ่อนมากเกินไป ใช้แบตมากเกินไป หรือสร้างความเสี่ยงด้านอื่น ๆ ให้กับอุปกรณ์หรือข้อมูลของคุณ
ในระหว่างการทดสอบของเรา แอป Android ของ Norton ก็สามารถตรวจจับแอปที่มีความเสี่ยงซึ่งเราได้ติดตั้งไว้ก่อนหน้านี้บน Samsung Galaxy ได้ทั้งหมด และมันก็ยังแจ้งเตือนเราด้วยว่าแอปไหนที่มีความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัว แถมการป้องกันฟิชชิงของมันก็สามารถป้องกันลิงก์ฟิชชิงและลิงก์อันตรายส่วนใหญ่ที่เราพยายามจะเปิดผ่านเบราว์เซอร์โทรศัพท์ของเราได้ (มันสามารถตรวจจับเว็บไซต์อันตรายพบได้มากกว่าคู่แข่งรายอื่น ๆ) นอกจากนี้เรายังชอบฟีเจอร์ Safe Search (การค้นหาอย่างปลอดภัย) ของ Norton มากเลยด้วย มันจะช่วยไฮไลท์ลิงก์อันตรายก่อนที่ึคุณจะเผลอกดเข้าไป
แอป Android ของ Norton นั้นยังมีการป้องกัน Wi-Fi ด้วย — มันจะช่วยแจ้งเตือนคุณถ้าเครือข่าย Wi-Fi ไม่มีความปลอดภัย นอกจากนี้มันก็มี VPN ที่ปลอดภัยให้ใช้งานด้วย VPN ของ Norton จะช่วยปกป้องข้อมูลการท่องเว็บของคุณด้วยการเข้ารหัส 256-bit AES โดยที่มันจะรักษาความเร็วได้ดีบนทุกเซิร์ฟเวอร์ และก็สามารถใช้งานกับเว็บไซต์สตรีมมิ่งส่วนใหญ่ได้ มันยังสามารถป้องกันการรั่วไหล DNS, WebRTC และ IPv6 ได้อย่างเต็มรูปแบบอีกด้วย โดยรวมแล้ว VPN นี้ถือว่าดีมาก ๆ สำหรับ VPN ที่เป็นตัวบันเดิลมากับโปรแกรมแอนตี้ไวรัส แต่ตัวเลือกที่ดีกว่านี้ก็มี (หากคุณยินดีลงทุนใช้งาน VPN แบบสแตนด์อโลน เราก็อยากแนะนำให้ลองดู ExpressVPN)
Norton Mobile Security นั้นสามารถซื้อใช้แบบสแตนด์อโลนได้ (หรือจะซื้อโดยเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องมือป้องกันภัยอันตรายทางอินเทอร์เน็ตอันยอดเยี่ยมของ Norton ก็ได้) แอปแบบสแตนด์อโลนจะมีราคา US$19.99 / ปี* และจะใช้งานได้กับ Android แค่ 1 เครื่อง ในขณะที่ Norton 360 Deluxe จะครอบคลุมถึง 5 เครื่องสำหรับทุกระบบปฏิบัติการ ในราคาเพียง US$49.99 / ปี* (และมันก็เป็น ชุดเครื่องมือป้องกันไวรัส #1 ในปี 2024 ของเราด้วย) ผู้ใช้งานในสหรัฐอเมริกายังสามารถเลือกใช้ แพลน LifeLock ของ Norton ได้ด้วย ซึ่งจะมีการคุ้มกันการโจรกรรมเอกลักษณ์บุคคล และมีเงินประกันสูงถึง 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แอปมือถือนั้นจะมาพร้อมกับการให้ทดลองใช้ฟรี 14 วัน และเครื่องมือป้องกันภัยอันตรายทางอินเทอร์เน็ตของ Norton ทั้งหมดมีการรับประกันคืนเงินยาวถึง 60 วัน
สรุป:
Norton นั้นมีแอปความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ครอบคลุมมากที่สุดสำหรับผู้ใช้งาน Android — มันไม่ได้เพียงแต่สามารถนำเอามัลแวร์ Android ออกได้เท่านั้น แต่มันยังสามารถสแกนแอปใน Google Play Store ก่อนดาวน์โหลดได้ด้วย เพื่อให้แน่ใจว่าเครื่องของคุณจะไม่ติดไวรัสตั้งแต่แรก แถมมันยังมาพร้อมกับฟีเจอร์เสริมอย่างการป้องกันฟิชชิง ความปลอดภัย Wi-Fi บริการ VPN และการตรวจสอบติดตาม dark web ด้วย แอป Android ของ Norton นั้นสามารถซื้อใช้งานแบบสแตนด์อโลนหรือจะใช้งานเป็นส่วนหนึ่งของแพลน 360 Deluxe และ LifeLock ของ Norton ก็ได้
🥈2. TotalAV — ป้องกันเว็บได้ดีมาก + มีตัวสแกนการรั่วไหลของข้อมูล
TotalAV Mobile Security สำหรับ Android นั้นมีการป้องกันทางด้านเว็บไซต์ที่ดีมาก และก็มีฟีเจอร์เสริมให้เลือกใช้มากมายถึงแม้จะเป็นเวอร์ชันฟรีก็ตาม แอปนั้นยังใช้งานง่ายมาก ๆ เลยอีกด้วย มันมีอินเทอร์เฟซที่เข้าใจง่าย เหมาะสำหรับผู้ใช้งานมือใหม่
ฟีเจอร์ WebShield ของ TotalAV นั้นดีมาก ๆ เราได้ทำการทดสอบมันแล้วด้วยการลองเข้าถึงเว็บไซต์อันตราย รวมถึงเว็บที่รู้อยู่แล้วว่ามีการฟิชชิง โดยใช้แอปเบราว์เซอร์ Google Chrome เรารู้สึกประทับใจมากที่ TotalAV สามารถบล็อกลิงก์อันตรายทั้งหมดที่เราคลิกได้
นี่เป็นฟีเจอร์เสริมที่ TotalAV มีให้ใช้งานฟรี:
- การป้องกัน Wi-Fi
- การสแกนการรั่วไหลของข้อมูล
- เบราว์เซอร์ที่มีความปลอดภัย
ตัวสแกนการรั่วไหลของข้อมูลนั้นทำงานได้ดีในการทดสอบของเรา — เราลองกรอกอีเมลส่วนตัวเข้าไป และก็พบว่ามันเคยเกิดการรั่วไหลถึง 19 ครั้ง — แต่มันก็ยังไม่ล้ำเท่ากับ การตรวจจับการรั่วไหลของ Norton ซึ่งจะคอยสแกนการรั่วไหลของข้อมูลอยู่ตลอดเวลา ประกอบไปด้วยที่อยู่อีเมล ที่อยู่บ้าน เบอร์โทรศัพท์ หนังสือเดินทางและบัตรประชาชน และอีกมากมาย
เราชอบเบราว์เซอร์ที่มีความปลอดภัยของ TotalAV ซึ่งใช้เทคโนโลยีที่มีความปลอดภัยเดียวกันกับ DuckDuckGo มันเป็น search engine ที่เป็นมิตรต่อความเป็นส่วนตัวซึ่งจะทำให้คุณหลีกเลี่ยงคุกกี้และตัวติดตามอื่น ๆ ได้ เราชอบเป็นพิเศษที่มันสามารถปรับแต่งได้สูง — คุณสามารถตั้งค่าตำแหน่งการค้นหาและภาษาที่ต้องการได้ สามารถกรองผลลัพธ์ตามประเทศและช่วงเวลา และเลือกได้ว่าต้องการจะให้ Safe Search กรองเนื้อหารุนแรงออกหรือไม่
TotalAV เวอร์ชันฟรีนั้นถือว่าพอใช้ได้ แต่ถ้าคุณกำลังมองหาการป้องกันขั้นสูงมากกว่านี้ การลงทุนใช้งานเวอร์ชันพรีเมียมนั้นก็มีความคุ้มค่าอยู่ มันจะเปิดให้คุณเข้าถึงฟีเจอร์ทั้งหมดได้ ประกอบไปด้วย VPN ที่ใช้ข้อมูลได้ไม่จำกัด การป้องกันแอปที่อันตราย และการล็อกแอป (เพิ่มความเป็นส่วนตัวขึ้นไปอีกขั้นสำหรับแอปที่มีข้อมูลส่วนตัวอยู่)
แอป Android เวอร์ชันพรีเมียมของ TotalAV นั้นยังมีการป้องกันแบบเรียลไทม์ให้ใช้งานได้ด้วย มันสามารถตรวจจับมัลแวร์ในการทดสอบบนโทรศัพท์ของเราได้ทั้งหมด ซึ่งก็เป็นเรื่องดีมาก อย่างไรก็ตาม มันทำให้แบตเครื่องของเราหมดไวมาก ในทางกลับกัน คู่แข่งอย่าง Norton นั้นก็มีการป้องกันสำหรับ Android ที่มีคุณภาพและก็บริหารจัดการพลังงานได้ดีกว่า ไม่กินแบตหมดเร็วเหมือน TotalAV
TotalAV Mobile Security Premium ราคา US$19.00 / ปี แต่คุณยังสามารถรับการปกป้อง Android ได้ด้วยแพ็กเกจหลายเครื่องของ TotalAV Total Security จะครอบคลุมถึง 6 อุปกรณ์ประกอบไปด้วย Android, iOS, Windows และ Mac ในราคาเพียง US$49.00 / ปี แพลนรายปีทั้งหมดของ TotalAV นั้นจะมาพร้อมกับการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
สรุป:
TotalAV นั้นมีการป้องกัน Android ฟรีแบบมีคุณภาพ ประกอบไปด้วยการป้องกันเว็บไซต์ขั้นสูง มีเบราว์เซอร์ที่มีความปลอดภัย และก็มีตัวสแกนการรั่วไหลของข้อมูล การป้องกันเว็บไซต์และเบราว์เซอร์ที่มีความปลอดภัยนั้นมีประสิทธิภาพมาก และตัวสแกนการรั่วไหลของข้อมูลก็ใช้งานได้ดีเช่นกัน ถึงแม้ว่าตัวเลือกระดับฟรีของ TotalAV นั้นจะดีพอ แต่ระดับพรีเมียมก็จะมีฟีเจอร์ให้เลือกใช้เพิ่มมากยิ่งขึ้นไปอีก ประกอบไปด้วย VPN, การป้องกันแบบเรียลไทม์ และการป้องกันแอปอันตราย
🥉3. McAfee Total Protection — แอนตี้ไวรัสที่มีการป้องกันดีเยี่ยม มาพร้อมการสแกน Wi-Fi
McAfee Total Protection มีการป้องกันมัลแวร์ขั้นสูง มีตัวสแกนความเป็นส่วนตัวของแอป และก็มีตัวสแกน Wi-Fi ที่ดีมาก ๆ มี UI ภาษาไทย และอีกมากมาย ถึงแม้ว่ามันจะไม่ฟรี แต่ McAfee นั้นก็มีให้ทดลองใช้แพลนระดับพรีเมียมฟรี 30 วัน และก็ยังมีการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วันอีกด้วย
ตัวสแกนความเป็นส่วนตัวของแอปนั้นจะมีข้อมูลเกี่ยวกับแอปทั้งหมดที่คุณติดตั้งไว้ในมือถือ นี่จะคล้ายกับของ Norton แต่ตัวสแกนความเป็นส่วนตัวของ McAfee จะมีข้อมูลที่ละเอียดน้อยกว่า ตัวสแกน Wi-Fi — ซึ่งจะทำการวิเคราะห์ความปลอดภัยของเครือข่าย Wi-Fi — นั้นก็ทำงานได้ดีมาก ๆ ในทุกการทดสอบ มันจะแจ้งเตือนเราทุกครั้งที่กำลังจะเชื่อมต่อไปยังเครือข่ายสาธารณะที่ไม่ปลอดภัย เพื่อให้เราเปลี่ยนไปเลือกเครือข่ายที่ปลอดภัยแทน
McAfee นั้นมี VPN ที่มีข้อมูลไม่จำกัดให้ใช้ตอนที่คุณสมัครใช้งานแบบต่ออายุอัตโนมัติ (ไม่อย่างงั้นคุณจะใช้งานได้แค่เดือนละ 500 MB) VPN นี้มีเซิร์ฟเวอร์ตั้งอยู่ใน 45+ ประเทศ มันจะมีเครื่องมือการเชื่อมต่ออย่างรวดเร็วภายในคลิกเดียว มีความเร็วดีสม่ำเสมอ และก็ใช้งานกับ Netflix และ Amazon Prime ได้ (แต่ Disney+ ใช้ไม่ได้) มันได้รับการสนับสนุนโดย VPN แบบสแตนด์อโลนชั้นนำที่ชื่อว่า TunnelBear ซึ่งมีนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลที่ผ่านการตรวจสอบจากองค์กรอิสระและได้รับการยืนยันแล้ว อย่างไรก็ตาม McAfee นั้นยังขาดฟีเจอร์เสริมอย่าง split-tunneling และตัวบล็อกโฆษณา (ไม่เหมือน VPN ของ Norton)
คุณยังจะได้รับการตรวจสอบติดตาม dark web ที่มีประสิทธิภาพดีมากด้วย มันจะรองรับสูงถึง 10 ที่อยู่อีเมล, รหัสผ่าน, เลขที่บัตรเครดิต, วันเกิด และเลขที่หนังสือเดินทาง เราชอบที่ McAfee จะสอนคุณแบบเป็นขั้นตอนว่าจะแก้ไขการรั่วไหลของข้อมูลได้อย่างไร และก็จะแสดงวิธีป้องกันภัยในอนาคตให้คุณด้วย
แอปแบบเสียเงินบน Android ของ McAfee นั้นจะแพงกว่าแอปพรีเมียมของคู่แข่งเล็กน้อย ดังนั้นเราจึงแนะนำให้เลือกใช้มันผ่านแพลน Total Protectionของ McAfee เครื่องมือป้องกันภัยอันตรายทางอินเทอร์เน็ตระดับพรีเมียมราคาเริ่มต้นที่ US$39.99 / ปี ทำให้ McAfee มีแพ็กเกจโปรแกรมแอนตี้ไวรัสที่คุ้มค่าที่สุดในปี 2024 Total Protection Plus ประกอบไปด้วยการครอบคลุมอุปกรณ์ถึง 5 เครื่อง ในขณะที่แพลนระดับ Premium และ Advanced จะครอบคลุมอุปกรณ์ไม่จำกัดจำนวนเครื่องบนทุกระบบปฏิบัติการ คำสั่งซื้อของ McAfee ทั้งหมดจะมีการรับประกันคืนเงินอย่างไม่มีความเสี่ยงเป็นเวลา 30 วัน
สรุป:
McAfee นั้นจะมีการสแกนมัลแวร์แบบเรียลไทม์ การตรวจสอบเครือข่าย Wi-Fi การป้องกันเว็บไซต์ การตรวจสอบติดตาม dark web และ VPN ตัวสแกนไวรัสจะสามารถตรวจจับไฟล์และแอปอันตรายทั้งหมดที่เราโหลดมาใส่มือถือได้ และ ตัวสแกน Wi-Fi ก็จะแจ้งเตือนเราทุกครั้งที่เราต้องการจะเชื่อมต่อไปยังเครือข่ายที่ไม่ปลอดภัย การตรวจสอบติดตาม dark web นั้นก็ดีเยี่ยมเช่นกัน และ VPN นี้ก็ได้รับการสนับสนุนโดย TunnelBear หนึ่งในผู้ให้บริการ VPN สแตนด์อโลนที่ดีที่สุด คุณยังสามารถใช้งานแอป Android ได้จากแพ็กเกจ Total Protection ของ McAfee ด้วย ซึ่งมันจะครอบคลุมได้ 5 เครื่อง ถึงไม่จำกัดจำนวนขึ้นกับแพลน แพลนจ่ายเงินทั้งหมดของ McAfee นั้นจะมีการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
อ่านรีวิว McAfee ฉบับเต็มได้ที่นี่ >
4. Bitdefender — ใช้งานง่าย มีการป้องกันมัลแวร์เป็นอย่างดี
Bitdefender Antivirus Free นั้นเป็นแอปที่ใช้งานง่ายซึ่งมาพร้อมกับ อัตราการตรวจจับมัลแวร์ที่ดีเยี่ยม การสแกนไวรัสแบบกดใช้งานทีเดียวของมันนั้นทำงานได้ดีมากในการทดสอบของเรา มันสามารถตรวจจับและนำมัลแวร์ส่วนใหญ่ที่เราเคยโหลดมาไว้ในมือถือออกได้ Bitdefender Antivirus Free นั้นใช้เทคโนโลยีการสแกนแบบคลาวด์ นี่ทำให้อุปกรณ์ Android ของคุณนั้นได้รับการตรวจจับสแกนไวรัสที่ทันสมัยโดยไม่รบกวนการใช้งานอุปกรณ์และไม่กินแบตอีกด้วย มีแต่บริการระดับชั้นนำอย่าง Norton ที่จะสามารถสแกนและทำความสะอาดอุปกรณ์ของเราได้อย่างครอบคลุม
ฟีเจอร์สแกนตอนติดตั้งของ Bitdefender Antivirus Free นั้นก็ดีมาก ๆ มันจะช่วยสแกนไวรัสให้อัตโนมัติสำหรับทุกแอปพลิเคชันในทันทีหลังจากที่มันติดตั้งเสร็จเพื่อช่วยให้คุณรู้สึกมั่นใจได้ว่าอุปกรณ์ Android ของคุณนั้นสะอาดและปลอดภัย ฟีเจอร์นี้จะช่วยให้คุณรู้สึกสบายใจได้ตอนที่คุณทดลองใช้งานแอปพลิเคชันใหม่ มันจะช่วยให้ข้อมูลและคอยปกป้องคุณ และเพื่อเป็นการเพิ่มความปลอดภัยยิ่งขึ้นไปอีก คุณก็สามารถทำการสแกนเมื่อไรก็ได้ที่คุณต้องการตรวจสอบความถูกต้องและความปลอดภัยของแอปพลิเคชันทั้งหมดในเครื่องของคุณ
อย่างไรก็ตาม Bitdefender Antivirus Free นั้นมีบริการทั้งหมดให้แค่นี้ ในขณะที่แอปพรีเมียมจะมีฟีเจอร์อันน่าประทับใจอื่น ๆ อีกมากมายเพื่อช่วยปกป้องคุณได้อย่างครอบคลุม App Anomaly Detection (การตรวจจับความผิดปกติของแอป) ซึ่งมีให้บริการเป็นที่แรกจะช่วยเฝ้าสังเกตพฤติกรรมของแอปว่ามีการกระทำที่น่าสงสัยหรือไม่ การป้องกันเว็บไซต์และการแจ้งเตือนสแกมจะช่วยปกป้องคุณจากการฟิชชิงและเว็บไซต์หลอกลวงได้ตลอดเวลา WearON จะช่วยส่งการแจ้งเตือนไปยังสมาร์ทวอทช์ของคุณเพื่อเพิ่มการรับรู้ด้านความปลอดภัยขึ้นไปอีก
เราชอบการป้องกันการโจรกรรมของ Bitdefender เป็นพิเศษ — หากมือถือของคุณถูกขโมยไป คุณก็สามารถทำการล็อกมันจากระยะไกล ล้างข้อมูลทั้งหมด ค้นหาตำแหน่งมันบนแผนที่ หรือแม้แต่ถ่ายรูปของโจรได้ด้วย
แอปฟรีของ Bitdefender นั้นดีมาก ๆ แต่แอปพรีเมียมจะมีความคุ้มค่ามากกว่า Mobile Security นั้นสามารถซื้อใช้ได้เป็นแบบสแตนด์อโลน แต่คุณยังสามารถรับบริการมันเป็นส่วนหนึ่งของแพ็กเกจ Total Security ได้ด้วย (ซึ่งมันจะครอบคลุมอุปกรณ์ Android, iOS, Windows และ Mac ทั้งหมดในราคา US$49.99 / ปี) หรือแพลน Premium Security ของ Bitdefender (ครอบคลุม 10 อุปกรณ์) ซึ่งมีราคา US$79.99 / ปี แพลนของ Bitdefender นั้นจะมีการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
สรุป:
Bitdefender Antivirus Free มีการป้องกันมัลแวร์เป็นอย่างดี แต่แอปพรีเมียมก็จะมีเครื่องมือความปลอดภัยทางด้านเว็บไซต์, การป้องกันการโจรกรรม และอีกมากมาย Bitdefender นั้นตั้งค่าและใช้งานง่ายมาก ๆ และก็เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ใช้งานที่ไม่ถนัดด้านเทคนิค แพลนระดับพรีเมียมทั้งหมดของพวกเขานั้นมาพร้อมกับการรับประกันคืนเงิน 30 วัน
อ่านรีวิว Bitdefender ฉบับเต็ม >
5. Panda Dome Free Antivirus for Android — ตัวกำจัดไวรัส มือถือ คุณภาพดีที่ใช้งานกับสมาร์ทวอทช์ได้
Panda Dome Free Antivirus for Android นั้นมีแอนตี้ไวรัสที่มีการป้องกันในระดับดีใช้ได้ นอกจากนี้ยังมีการป้องกันการโจรกรรม และตัวสแกนความเป็นส่วนตัวของแอป และ VPN — และฟีเจอร์เหล่านี้ส่วนใหญ่ก็สามารถเปิดใช้งานระยะไกลผ่านสมาร์ทวอทช์ Android Wear ได้!
ตัวสแกนไวรัส มือถือ แบบเรียลไทม์ของ Panda นั้นสามารถตรวจจับตัวอย่างมัลแวร์ส่วนใหญ่ได้ แต่ก็ยังไม่ดีเท่ากับ Norton หรือ McAfee ถึงแม้ว่ามันจะพลาดตัวอย่างไวรัสไปบางส่วน แต่เราก็ดีใจที่มันสามารถตรวจจับแอปแรนซัมแวร์และสปายแวร์ได้ทั้งหมด — และเราก็ได้รับการแจ้งเตือนบนสมาร์ทวอทช์ของเราทุกครั้งที่ Panda ตรวจเจอมัลแวร์
Panda นั้นยังมีฟีเจอร์ป้องกันการโจรกรรมอย่างการติดตามตำแหน่งจากระยะไกล การล้างข้อมูล และการล็อกอุปกรณ์อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์กล้องเซลฟี่แบบระยะไกลและสัญญาณเตือนนั้นจะมีให้ใช้งานเฉพาะกับแอป Android แบบจ่ายเงิน ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของชุดเครื่องมือป้องกันภัยอันตรายทางอินเทอร์เน็ตของ Panda
Panda Dome นั้นยังมาพร้อมกับ VPN แต่มันจะใช้งานได้แค่ 150 MB ต่อวัน ถือว่ายังดีกว่า Avira แต่มันก็เพียงพอแค่ใช้สำหรับท่องเว็บแค่เบา ๆ อยู่ดี
หากคุณต้องการใช้งาน VPN เวอร์ชันที่ไม่จำกัดและต้องการเข้าถึงระบบควบคุมสำหรับผู้ปกครอง คุณจะต้องอัปเกรดไปใช้แอนตี้ไวรัส Panda Dome Premium ที่มีความครอบคลุมกว่า (US$63.00 / ปี) แพ็กเกจเครื่องมือป้องกันภัยอันตรายทางอินเทอร์เน็ตทั้งหมดของ Panda นั้นจะมาพร้อมกับการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วันอย่างไม่มีความเสี่ยง
สรุป:
แอปสแกนไวรัสมือถือฟรีของ Panda นั้นจะมีการสแกนแบบเรียลไทม์ มีเครื่องมือป้องกันการโจรกรรม และก็ใช้งานเข้ากันได้สะดวกกับสมาร์ทวอทช์ Android เราชอบที่สามารถทำการสแกนมัลแวร์ ล้างข้อมูลจากระยะไกล และติดตามตำแหน่งอุปกรณ์ได้จากสมาร์ทวอทช์ อย่างไรก็ตาม คุณจะต้องอัปเกรดไปใช้แพลนจ่ายเงินสำหรับ Android ของ Panda ถ้าคุณต้องการจะใช้การถ่ายรูปเซลฟี่จากระยะไกล พร้อมเครื่องมือแจ้งเตือน รวมถึงเครื่องมือบล็อกสแปมและเครื่องมือล็อกแอป ผู้ใช้งานที่กำลังต้องการ VPN ซึ่งไม่จำกัดข้อมูลการใช้งาน ก็สามารถเลือกใช้แพ็กเกจโปรแกรมแอนตี้ไวรัสของ Panda Dome ได้เลย
อ่านรีวิว Panda Dome ฉบับเต็ม >
6. Avira Antivirus Security for Android — มีฟีเจอร์มากมายและใช้งานง่าย
Avira Antivirus Security for Android นั้นมีเครื่องมือการตรวจจับและการนำไวรัสออกที่ดีมาก และมันก็ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ความปลอดภัยเสริมมากมาย และมันก็ใช้งานง่ายมาก ๆ อีกด้วย แอปฟรีของ Android นั้นมาพร้อมกับตัวสแกนความเป็นส่วนตัวของแอป การป้องกันการโจรกรรม บริการ VPN ตัวสแกนการรั่วไหลของข้อมูล และอีกมากมาย
เราชอบตัวสแกนความเป็นส่วนตัวมาก มันจะคล้ายกับ Norton ตรงที่มันจะสแกนแอปทั้งหมดบนอุปกรณ์และก็จะสรุปให้เราเข้าใจได้ง่าย ๆ เกี่ยวกับข้อมูลและการใช้งานที่แต่ละแอปมีสิทธิ์เข้าถึง — ยกตัวอย่างเช่น มันจะบอกเราได้ว่าแอปไหนที่สามารถเข้าถึงรายชื่อติดต่อ รูปภาพ และข้อมูลท่องเว็บของเรา เราค่อนข้างประหลาดใจมากที่พบว่าเกมฟรีบนเครื่องของเรานั้นจริง ๆ แล้วกำลังเก็บข้อมูลของเราถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้เปิดเล่นมันก็ตาม!
นอกจากนี้ Call Blocker (บล็อกการโทร) ยังช่วยเพิ่มความสามารถในการควบคุมการโทรเข้า และก็เป็นทางออกของปัญหาเรื่องเบอร์ที่โทรมารบกวนหรือสร้างความรำคาญได้อีกด้วย เราชอบที่เราสามารถสร้างบัญชีดำของเบอร์ที่ไม่ต้องการรับสายได้อย่างง่ายดาย นี่ช่วยให้เราสามารถบล็อกเบอร์โทรเหล่านั้นไม่ให้ติดต่อเข้ามาหาเครื่องของเราได้ ไม่ว่าจะเป็นโทรมาขายของ, โทรสแปม หรือเลขหมายอื่น ๆ ที่เราไม่ได้ต้องการคุยด้วย Call Blocker (บล็อกการโทร) ของ Avira ก็จะมีกลไกที่สามารถช่วยกรองเลขหมายเหล่านี้ออกไปได้ ทำให้เราได้รับสายเฉพาะเบอร์ที่เราต้องการคุยด้วย
โดยรวมแล้ว แพลนระดับฟรีของ Avira นั้นก็ถือว่าดีมาก แต่มันไม่มีการป้องกันการ ถ้าคุณต้องการการป้องกันฟิชชิง รวมถึงการป้องกันไมโครโฟนและกล้อง (ไม่มีใน Android 10) คุณจะต้องอัปเกรดไปใช้แอปพรีเมียมของ Avira
การปกป้องมือถือระดับพรีเมียมของ Avira นั้นจะเป็นส่วนหนึ่งของชุดแอนตี้ไวรัส Prime ซึ่งจะครอบคลุมอุปกรณ์ถึง 5 เครื่อง และจะรองรับ Android, Windows, macOS, และ iOS ในราคา US$59.99 / ปี แพ็กเกจ Prime นั้นยังมาพร้อมกับ VPN ที่ไม่มีข้อจำกัด รวมถึง เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน ที่ดีมาก ๆ อีกด้วย Avira Prime นั้นมีการรับประกันคืนเงินยาวถึง 60 วัน
สรุป:
Avira นั้นมีฟีเจอร์เยอะที่สุดเมื่อเทียบกับแอนตี้ไวรัสของ Android ตัวอื่น ๆ — และมันก็มีคุณภาพดีมาก ๆ ใช้งานง่าย และก็ทำงานได้ตามที่กล่าวอ้างจริง นอกจากการป้องกันมัลแวร์แล้ว Avira ยังมาพร้อมกับการป้องกันการโจรกรรม และตัวสแกนความเป็นส่วนตัวของแอป และตัวสแกน Wi-Fi ด้วย นอกจากนี้เรายังชอบ VPN ของ Avira มาก ๆ ด้วย แต่ 100 MB ต่อวันนั้นมันน้อยมาก ๆ แอปแบบจ่ายเงินของ Avira นั้นจะมีเพิ่มเรื่องของการป้องกันการฟิชชิง ในขณะที่แพ็กเกจ Prime ของ Avira นั้นก็จะมี VPN ที่ไม่มีข้อจำกัดให้ใช้ พร้อมกับเครื่องมือจัดการรหัสผ่าน และมันจะสามารถรองรับได้หลายอุปกรณ์บนหลายระบบปฏิบัติการอีกด้วย แพลนจ่ายเงินรายปีของ Avira ทุกแพลนมีการรับประกันคืนเงินอย่างไม่มีความเสี่ยงถึง 60 วัน
7. Kaspersky Free — ใช้งานง่าย มีการสแกนไวรัสที่ใช้งานได้ดี
Kaspersky Free นั้นเป็นแอปเครื่องมือป้องกันภัยอันตรายทางอินเทอร์เน็ตฟรีที่ใช้งานได้ดี สำหรับผู้ใช้งาน Android — และเนื่องจากมันมีฟีเจอร์ให้ใช้ฟรีได้ไม่เยอะอยู่แล้ว ทำให้มันใช้งานง่ายมาก ๆ คุณแค่ต้องให้อนุญาตเล็กน้อยตอนที่คุณติดตั้งแอป จากนั้นก็กดปุ่ม สแกน ตอนที่คุณต้องการตรวจว่าเครื่องของคุณติดไวรัสหรือเปล่า
Kaspersky นั้นมีการตรวจจับมัลแวร์ที่ดี มันสามารถตรวจจับไฟล์มัลแวร์ส่วนใหญ่ได้ในการทดสอบของเรา ทำได้ดีเกือบเท่าคู่แข่งระดับแรก ๆ มันยังมีการป้องกันแบบเรียลไทม์ที่ดีมากด้วย ซึ่งมันก็ได้ช่วยหยุดไม่ให้เราดาวน์โหลดไฟล์ที่มีความอันตรายและแอปที่น่าสงสัย แถมเรายังชอบมากที่คุณสามารถสั่งสแกนจากสมาร์ทวอทช์ได้ — แต่การใช้งานบนสมาร์ทวอทช์ของ Kaspersky นั้นยังดีไม่เท่ากับของ Panda
นอกจากนี้มันยังมีการป้องกันการโจรกรรมให้ใช้ฟรี มันจะช่วยล็อกมือถือของคุณและทำให้คุณสามารถตรวจสอบตำแหน่งของมันบนเว็บของ Kaspersky บนสมาร์ทวอทช์ของคุณ หรือแอป Kaspersky บนเดสก์ท็อป เครื่องมือป้องกันการโจรกรรมนั้นก็ประกอบไปด้วยการล้างข้อมูลจากระยะไกล การถ่ายเซลฟี่ และการแจ้งเตือนระยะไกล
VPN ฟรีของ Kaspersky นั้นก็ใช้งานบน Android ได้ดีด้วย เราพบว่าความเร็วของมันนั้นพอใช้ได้ตอนที่เราทำการทดสอบ แต่น่าเสียดายที่มันจำกัดให้ใช้ข้อมูลได้แค่วันละ 200 MB เท่านั้น (300 MB ถ้าคุณเชื่อมต่อใช้งานกับ My Kaspersky) ถึงจะเป็นเช่นนั้น นี่ก็ยังมากกว่าที่ Panda หรือ Avira มีให้ในแพลนระดับฟรีของพวกเขา อย่างไรก็ตาม Kaspersky Free จะไม่มีฟีเจอร์อย่าง kill switch และ split-tunneling ให้ใช้งาน
การตรวจจับโปรแกรมสอดแนมของ Kaspersky นั้นก็ทำงานได้น่าประทับใจมากเช่นกัน — มันสามารถระบุแอปและกระบวนการที่ดูน่าสงสัยซึ่งอาจจะแอบกำลังสอดแนมกิจกรรมที่คุณทำหรือเข้าถึงข้อมูลของคุณโดยไม่ได้รับอนุญาต เราชอบมากที่มันแจ้งเตือนเราหากตรวจพบการพยายามเข้าถึงตำแหน่ง, ข้อความ หรือข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อนอื่น ๆ ของเรา ระบบแจ้งเตือนแบบเชิงรุกนี้จะทำให้คุณสามารถรับมือกับการละเมิดความเป็นส่วนตัวได้ทันเวลา
การอัปเกรดไปใช้ เครื่องมือป้องกันภัยอันตรายทางอินเทอร์เน็ตระดับพรีเมียมของ Kaspersky จะมีระบบป้องกันการฟิชชิง และเครื่องมืออื่น ๆ ให้คุณ แพลนระดับพรีเมียมแบบหลายอุปกรณ์ราคาเริ่มต้นที่ US$25.48 / ปี และจะครอบคลุมถึง 20 อุปกรณ์ Kaspersky รับประกันคืนเงินทุกคำสั่งซื้อภายใน 30 วัน
สรุป:
Kaspersky นั้นมี การตรวจจับไวรัสที่ดีใช้ได้ การป้องกันการโจรกรรม และ VPN ที่จำกัด แต่จะไม่มีอะไรเสริมอื่น ๆ การที่จะเข้าถึงการป้องกันทางเว็บไซต์ที่มีคุณภาพดีของ Kaspersky รวมถึงการล็อกแอป และ VPN แบบที่ใช้ข้อมูลได้ไม่จำกัด คุณจะต้องทำการซื้อแพลนเครื่องมือป้องกันภัยอันตรายทางอินเทอร์เน็ตของ Kaspersky ซึ่งทุกแพลนจะมาพร้อมกับการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
อ่านรีวิว Kaspersky ฉบับเต็ม >
8. Sophos Intercept X for Mobile — Effective Free Antivirus With Customizable Protections
Sophos Intercept X for mobile มีตัวสแกนไวรัส มือถือ ที่พอใช้ได้ และก็สามารถตั้งเวลาสแกนได้ ตัวสแกนไวรัสของมันยังมีประสิทธิภาพไม่ดีเท่ากับคู่แข่งระดับต้น ๆ อย่าง Norton หรือ Bitdefender แต่มันก็ถือว่าใช้งานได้ดีและก็ใช้งานง่าย ถึงแม้จะมีฟีเจอร์เยอะก็ตาม และการป้องกันเว็บไซต์ของ Sophos นั้นก็ดีมาก ๆ เลยด้วย — มันสามารถตรวจจับเว็บไซต์ฟิชชิงที่เราพยายามเข้าถึงได้ทั้งหมด
นอกจากจะตรวจจับมัลแวร์แล้ว Sophos ยังตรวจจับแอปที่อาจไม่เป็นที่ต้องการ (PUAs) รวมถึงแอปที่มีชื่อเสียงต่ำได้ด้วย ยกตัวอย่างเช่น ตอนที่คุณดาวน์โหลดแอปเสร็จแล้ว Sophos ก็จะทำการสแกนตรวจสอบลักษณะที่มีความอันตรายซึ่งส่งผลให้เกิดการโจรกรรมข้อมูล, การสูญเสียข้อมูล หรือการใช้งานข้อมูลเครือข่ายมากเกินความจำเป็นได้ในทันที นอกจากนี้มันยังแสดงการแจ้งเตือนการล้างแอปและการเฝ้าติดตามพื้นที่จัดเก็บไฟล์แบบแชร์ (SD การ์ด และ USB ว่ามีการเปลี่ยนแปลงและมีไฟล์ใหม่เข้ามาหรือไม่) นอกจากนี้ยังมีการแนะนำเรื่องความเป็นส่วนตัวของแอป มีการป้องกันแอป มีเครื่องมือจัดการรหัสผ่าน และก็มีระบบสุ่มโค้ดยืนยันตัวตนสองชั้นด้วย
เรารู้สึกประทับใจมากที่ Sophos นั้นมีทั้งระบบยืนยันตัวและมีตู้เซฟสำหรับเก็บรหัสผ่านในแพลนระดับฟรีให้ใช้งาน ระบบยืนยันตัวตนนั้นทำให้คุณสามารถใช้งานการยืนยันตัวตนหลายชั้นได้อย่างง่ายดายสำหรับเว็บไซต์ต่าง ๆ เช่น Google, Amazon, and Facebook เมื่อใช้สิ่งนี้รวมกับตู้เซฟสำหรับรหัสผ่านซึ่งจะจัดเก็บและเรียบเรียงรหัสผ่านเอาไว้อย่างปลอดภัยแล้วนั้น ทำให้คุณสามารถจัดการบัญชีต่าง ๆ ได้อย่างปลอดภัยโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
นอกจากนั้นก็ยังมีตัวสแกนคิวอาร์โค้ดที่มีความปลอดภัยอีกด้วย มันจะช่วยตรวจสอบ URL เป้าหมายของคิวอาร์โค้ดเพื่อดูว่ามีเนื้อหาอันตรายหรือไม่ ทำให้คุณสามารถสแกนคิวอาร์โค้ดได้อย่างไม่มีความเสี่ยง มันจะปักธงเกี่ยวกับปัญหาความปลอดภัยของคิวอาร์โค้ดสำหรับการตั้งค่า Wi-Fi ด้วย เพื่อช่วยป้องกันให้การเชื่อมต่อเครือข่ายของคุณมีความเสถียร
Sophos Intercept X for Android นั้นสามารถใช้งานได้ฟรี แต่คุณก็สามารถอัปเกรดไปใช้ Sophos Home Premium (US$44.99 / ปี) เพื่อปกป้องอุปกรณ์ทั้งหมดที่เชื่อมต่อกับบัญชีจากระยะไกลได้เช่นกัน Sophos รับประกันคืนเงินแพลนจ่ายเงินภายใน 30 วัน
สรุป:
Sophos Intercept X นั้นเป็นแอปฟรีสำหรับ Android ที่มีคุณภาพดี และมันก็จะช่วยให้ผู้ใช้งานปกป้องอุปกรณ์ให้ปลอดภัยได้โดยไม่รู้สึกว่ามันยุ่งยากเกินไป ตัวสแกนมัลแวร์ของมันนั้นสามารถตั้งค่าเวลาการสแกนได้ และฟีเจอร์ตัวแนะนำทั้งหลายของมันก็จะมอบข้อมูลที่คุณต้องการเพื่อช่วยให้คุณดูแลมือถือของคุณให้ปลอดภัยได้ และมันก็ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ระบบยืนยันตัวตนสองชั้น เครื่องมือตั้งรหัสผ่านแบบสุ่ม และการล็อกแอปอีกด้วย
9. Trend Micro — ตัวสแกนไวรัส + การป้องกันเว็บไซต์คุณภาพดี
Trend Micro มีแอปสำหรับ Android ให้ใช้งานได้ฟรีโดยที่มันค่อนข้างจะถูกจำกัดในหลายด้าน แต่มันก็มีตัวสแกนไวรัสที่ดี ซึ่งตัวสแกนไวรัสนี้จะทำงานโดยผสานวิธีการหลายอย่างเข้าด้วยกันเช่นแบบฐานข้อมูล, การวิเคราะห์ฮิวริสติก และการเฝ้าระวังพฤติกรรม
ตัวสแกนไวรัสนั้นทำงานได้ดีในการทดสอบของเรา ทำให้เราสามารถค้นหาและจัดการกับมัลแวร์ที่เราดาวน์โหลดมาใส่ในแต่ละโฟลเดอร์ได้เกือบทั้งหมด (ผลลัพธ์ในการค้นหามัลแวร์ของมันนั้นถือว่าดีเทียบเท่ากับแบรนด์ระดับต้น ๆ ในรายการนี้อย่าง Norton และ Avira) นอกจากนี้มันก็ยังมีฟีเจอร์ความปลอดภัยอื่น ๆ ให้ใช้งานได้เช่น Wi-Fi Checker (การป้องกัน Wi-Fi)
การสแกนของ Trend Micro นั้นถูกออกแบบมาให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ ทำให้คุณสามารถสแกนไวรัสได้อย่างรวดเร็วและไม่ส่งผลกระทบต่อการใช้งานอุปกรณ์ของคุณ Smart Protection Network (การปกป้องเครือข่ายอัจฉริยะ) แบบคลาวด์นั้นจะช่วยเพิ่มความเร็วในการสแกนด้วยการแบ่งการวิเคราะห์บางส่วนไปไว้บนคลาวด์ซึ่งก็เป็นเหมือนโบนัสสำหรับอุปกรณ์ Android ที่มีหน่วยประมวลผลที่ใช้งานได้อย่างจำกัด
Wi-Fi Checker (การป้องกัน Wi-Fi) นั้นก็จะทำการตรวจสอบความปลอดภัยในการเชื่อมต่อ Wi-Fi ของคุณ และจะทำให้คุณเลือกเฉพาะเครือข่ายที่ผ่านการตรวจสอบแล้วอย่างเช่นเครือข่ายที่บ้านหรือที่ทำงาน นอกจากนี้ก็ยังมีฟีเจอร์ Social Network Privacy (ความเป็นส่วนตัวบนโซเชียลเน็ตเวิร์ก) ที่จะช่วยรีวิวการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของคุณบนเว็บไซต์อย่าง Facebook, X และ LinkedIn ได้ด้วย การสแกนนี้สะดวกและมีประโยชน์มาก — มันจะทำให้คุณรู้เกี่ยวกับความเสี่ยงจากการตั้งค่าที่คุณเปิดเอาไว้ และก็ช่วยให้คุณสามารถแก้ไขทุกปัญหาได้ด้วยการกดปุ่ม Fix All (แก้ไขทั้งหมด) เพียงแค่ปุ่มเดียว
Trend Micro นั้นมีแพลนระดับพรีเมียมให้เลือกมากมาย (ราคาเริ่มต้นที่ US$19.95 / ปี) ซึ่งจะครอบคลุมอุปกรณ์ Android ของคุณ และก็ยังมีแพลน Maximum Security (ซึ่งจะครอบคลุมอุปกรณ์ Windows, Mac, iOS และ Chromebook ด้วย) แพลนทั้งหมดมาพร้อมกับการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
สรุป:
แพลนระดับฟรีของ Trend Micro นั้นมาพร้อมกับตัวสแกนไวรัสและการป้องกัน Wi-Fi ที่มีคุณภาพดี ทั้งสองฟีเจอร์นั้นทำงานได้ดีในการทดสอบของเรา มันสามารถตรวจจับมัลแวร์ทั้งหมดบนเครื่องของเรา และทำการแจ้งเตือนเราเกี่ยวกับเครือข่าย Wi-Fi ที่ไม่ปลอดภัยได้ การอัปเกรดไปใช้เครื่องมือป้องกันภัยอันตรายทางอินเทอร์เน็ตระดับพรีเมียมของ Trend Micro จะช่วยปกป้องอุปกรณ์ของคุณได้อย่างครอบคลุมบนทุกระบบปฏิบัติการ
อ่านรีวิว Trend Micro ฉบับเต็ม >
10. Malwarebytes — แอนตี้ไวรัสที่ใช้งานง่ายพร้อมฟีเจอร์เสริมต่าง ๆ
แอปกำจัดไวรัสฟรีสำหรับ Android ของ Malwarebytes นั้นมีอัตราการตรวจจับมัลแวร์ที่ดี และยังมีฟีเจอร์เสริมต่าง ๆ ระหว่างการทดสอบของเรา ตัวสแกนนั้นสามารถตรวจจับมัลแวร์ที่เราดาวน์โหลดใส่มือถือก่อนทำการทดสอบได้มากกว่า 95% ซึ่งก็ถือว่าดีมาก (แต่คู่แข่งอย่าง Norton และ Avira สามารถตรวจจับมัลแวร์ได้ 100% ในการทดสอบ)
ตัวสแกนของ Malwarebytes นั้นทำงานได้ดี แต่แอปเวอร์ชันฟรีนั้นมีฟีเจอร์ค่อนข้างน้อย มันมีการตรวจสอบความปลอดภัย (ซึ่งจะทำการวิเคราะห์การตั้งค่าระบบของมือถือของคุณ) มีตัวจัดการแอป (ซึ่งจะมีข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับแอปที่คุณติดตั้งให้ดู) และก็มีเครื่องมือตรวจความเป็นส่วนตัว (ซึ่งจะแสดงให้ดูว่าแอปที่คุณมีนั้นสามารถเข้าถึงอะไรได้บ้าง)
การอัปเกรดไปใช้เวอร์ชันพรีเมียมจะทำให้คุณได้รับฟีเจอร์ต่าง ๆ เพิ่มเติม อย่างการป้องกันแบบเรียลไทม์ การป้องกันสปายแวร์และแรนซัมแวร์ Identity Theft Protection (การป้องกันการโจรกรรมเอกลักษณ์บุคคล) และการป้องกันเว็บไซต์ Identity Theft Protection (การป้องกันการโจรกรรมเอกลักษณ์บุคคล) จะช่วยปกป้องตัวตนของคุณและครอบครัวของคุณด้วยการเฝ้าระวังแบบเรียลไทม์, การปกป้องเครดิตอย่างเข้มงวด และมีตัวแทนให้บริการตลอดเวลาเพื่อกู้คืนตัวตน
บริการป้องกันการโจรกรรมเอกลักษณ์บุคคลนั้นมีประกันสูงถึง 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (เฉพาะในสหรัฐอเมริกา) ซึ่งเป็นเหมือนการป้องกันภัยอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นกับเอกลักษณ์บุคคลได้ไปอีกขั้นหนึ่ง เราชอบที่ถึงแม้ว่าประกันจะครอบคลุมเฉพาะในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น แต่ฟีเจอร์ที่เหลือนั้นสามารถใช้งานได้ในหลาย ๆ พื้นที่ทั่วโลก แต่เราก็อยากให้มันขยายให้ครอบคลุมพื้นที่มากกว่านี้เช่น สหราชอาณาจักร, แคนาดา และอีกหลาย ๆ ประเทศในยุโรป
ผู้ใช้งานสามารถใช้งานแอปพรีเมียมของ Android ได้ในฐานะส่วนหนึ่งของแพลน Malwarebytes Premium หรือ Premium+ Privacy ซึ่งจะครอบคลุมอุปกรณ์ 1-5 เครื่องสำหรับทุกระบบปฏิบัติการ ข้อแตกต่างเดียวระหว่างทั้งสองแพลนก็คือ แพลน Premium + Privacy นั้นจะเพิ่ม VPN เข้ามาด้วย Malwarebytes ราคาเริ่มต้นที่ US$44.99 / ปี และมีรับประกันคืนเงินภายใน 60 วัน แอปสำหรับ Windows และ Mac นั้นมีให้ทดลองใช้ฟรี 14 วัน แต่ Android กับ iOS นั้นมีให้ทดลองใช้ฟรีแค่ 7 วัน
สรุป:
Malwarebytes นั้นสามารถตรวจจับมัลแวร์บน Android ได้เป็นอย่างดี และมันก็มาพร้อมกับฟีเจอร์เสริมที่ทำงานได้ดีเช่นกัน ถึงแม้ว่ามันจะมีฟีเจอร์ไม่เยอะเท่ากับคู่แข่งอย่าง Avira แต่มันก็ใช้งานง่ายมาก ๆ และคุณก็สามารถรับฟีเจอร์พรีเมียมทั้งหมดได้ด้วยการสั่งซื้อแบบสแตนด์อโลนหรือจะสั่งซื้อเป็นส่วนหนึ่งของแพ็กเกจเครื่องมือป้องกันภัยอันตรายทางอินเทอร์เน็ตที่มีการรับประกันคืนเงินภายใน 60 วัน
อ่านรีวิว Malwarebytes ฉบับเต็ม >
โบนัส Avast Security & Privacy — ความปลอดภัยขั้นพื้นฐานสำหรับ Android + คลังรูปภาพเข้ารหัส
Avast Security & Privacy นั้นมีฟีเจอร์ดี ๆ สำหรับ Android ให้ใช้งานได้ฟรีประกอบไปด้วยตัวสแกนมัลแวร์ ตัวสแกนเครือข่าย Wi-Fi ตัวทำความสะอาดขยะ การแจ้งเตือนการรั่วไหลของข้อมูล และคลังรูปภาพที่มีความปลอดภัย มันมีการป้องกันที่พอใช้ได้ ซึ่งมีแอปที่ได้รับการแปลเป็นภาษาไทย แต่ฟีเจอร์ของมันจะไม่ครบครันเท่ากับคู่แข่งระดับต้น ๆ อย่าง Norton หรือ TotalAV
เครื่องมือความปลอดภัยที่ใช้งานได้ฟรีของ Avast นั้นมีความเรียบง่ายแต่ใช้งานได้มีประสิทธิภาพ — การสแกนระบบขั้นพื้นฐานก็สามารถสแกนเสร็จได้ภายในไม่กี่วินาที และก็สามารถตรวจจับแอปอันตรายทั้งหมดบนเครื่องของเราได้ นอกจากนี้เรายังชอบฟีเจอร์ Web Shield (โล่กันเว็บ) ซึ่งสามารถบล็อกทุกเว็บฟิชชิงที่เราพยายามเข้าถึงได้; และเครื่องมือ Network Inspector (ตัวตรวจจับเครือข่าย) ซึ่งสามารถตรวจช่องโหว่เครือข่าย Wi-Fi ได้
ฟีเจอร์Hack Alerts (แจ้งเตือนการแฮ็ก) ของ Avast นั้นจะช่วยแจ้งเตือนการละเมิดข้อมูลขั้นพื้นฐาน มันจะคอยเฝ้าสังเกตฐานข้อมูลสาธารณะ และจะแจ้งเตือนคุณถ้าอีเมลของคุณไปปรากฏเป็นส่วนหนึ่งของการรั่วไหลของข้อมูล — แต่เวอร์ชันฟรีนั้นจะคอยเฝ้าสังเกตแค่อีเมลเดียวเท่านั้น
เราชอบฟีเจอร์Photo Vault (คลังภาพถ่าย) ของ Avast ซึ่งจะทำให้คุณสามารถเก็บรูปถ่ายได้ถึง 40 รูปไว้ในโฟลเดอร์เข้ารหัสแบบส่วนตัว จะไม่มีใครสามารถเข้าถึงรูปถ่ายพวกนี้ได้ถ้าไม่มี PIN หรือวิธีการตรวจพิสูจน์บุคคลของคุณ รูปพวกนั้นจึงปลอดภัย ถึงแม้ว่าจะมีคนได้มือถือหรือแท็บเล็ตของคุณไปก็ตาม
อัปเกรดไปใช้แพลนระดับพรีเมียมจะทำให้คุณสามารถเข้าถึงฟีเจอร์ที่ครอบคลุมมากกว่าแพลนPremium (US$49.99 / ปี) จะมาพร้อมกับการเฝ้าสังเกตการรั่วไหลของข้อมูลบัตรเครดิต รหัสผ่าน และคลังรูปถ่ายแบบไม่จำกัด และก็มีการล็อกแอปพร้อมกับการสแกนมัลแวร์อัตโนมัติอีกด้วย แพลน Ultimate (US$119.99 / ปี) จะมีเพิ่ม VPN เข้ามา คุณยังสามารถรับบริการแอป Android ของ Avast ได้จากแพลนแบบรองรับหลายอุปกรณ์อีกด้วย ซึ่งมีราคาเริ่มต้น US$23.88 / ปี ซึ่งมันจะมาพร้อมกับการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
สรุป:
Avast Security & Privacy นั้นเป็นตัวเลือกสายฟรีที่ดีพอใช้สำหรับ Android มันจะมีการป้องกันไวรัสขั้นพื้นฐานที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ต่าง ๆ ซึ่งประกอบไปด้วยตัวสแกนมัลแวร์ ตัวสแกนเครือข่าย Wi-Fi ตัวกำจัดขยะ การแจ้งเตือนการละเมิดข้อมูล และคลังรูปถ่าย แพลนระดับพรีเมียมของ Avast นั้นจะมีฟีเจอร์ที่ครอบคลุมมากกว่า และคุณก็สามารถซื้อมันแบบสแตนด์อโลนหรือจะใช้บริการจากชุดเครื่องมือแอนตี้ไวรัสของ Avast ซึ่งมีการรับประกันคืนเงินอย่างไม่มีความเสี่ยงเป็นเวลา 30 วัน ก็ได้เช่นกัน
อ่านรีวิว Avast ฉบับเต็มได้ที่นี่ >
โบนัส AVG Mobile Security — ฟีเจอร์ความปลอดภัยที่เข้าใจง่าย พร้อมแอปที่ใช้งานง่าย
AVG Mobile Security นั้นเป็นแอปที่ใช้งานง่ายซึ่งมาพร้อมกับเครื่องมือฟรีต่าง ๆ ประกอบไปด้วยตัวสแกนมัลแวร์ ตัวสแกนเครือข่าย Wi-Fi การแจ้งเตือนข้อมูลรั่วไหล และคลังรูปถ่าย ทั้งฟีเจอร์และอินเทอร์เฟซของมัน (ซึ่งมีภาษาไทย) จะดูเกือบเหมือน Avast เลยเพราะว่าทั้งสองแบรนด์นั้นมีเจ้าของรายเดียวกัน
เช่นเดียวกับ Avast ตรงที่ AVG เวอร์ชันฟรีนั้นจะมีการป้องกันขั้นพื้นฐานที่ค่อนข้างจำกัด การเฝ้าระวังการละเมิดข้อมูลนั้นจะจำกัดไว้สำหรับที่อยู่อีเมลที่อยู่เดียว คลังรูปถ่ายจะจำกัดไว้แค่ 40 รูป และคุณก็จะไม่สามารถตั้งให้สแกนอัตโนมัติได้
ตัวสแกนมัลแวร์ของ AVG นั้นทั้งเร็วและละเอียด — Deep Scan (สแกนแบบลึก) นั้นสามารถสแกนเสร็จภายใน 5 นาที และมันก็สามารถตรวจจับตัวอย่างมัลแวร์ใน OnePlus ของเราได้ทั้งหมด ข้อเสียเดียวของมันก็คือมันตรวจเจอ “ปัญหาขั้นสูง” เล็กน้อยที่เราไม่สามารถสั่งให้แก้ไขได้ถ้าไม่อัปเกรดไปใช้แพลนระดับพรีเมียม ซึ่งเป็นวิธีการเพิ่มยอดขายที่เราไม่ชอบสักเท่าไร
เวอร์ชันพรีเมียมของ AVG Mobile Security นั้นก็จะคล้ายกับ Avast เช่นกัน — คุณสามารถอัปเกรดไปใช้ระดับ Premium (US$39.99 / ปี) เพื่อให้ได้การเฝ้าสังเกตการรั่วไหลของข้อมูลที่ครอบคลุมกว่า คลังรูปถ่ายแบบไม่จำกัด และการสแกนอัตโนมัติ รวมถึงการล็อกแอป หรือคุณสามารถเลือกแพลนระดับ Ultimate (US$55.99 / ปี) ถ้าหากคุณต้องการได้ VPN ไว้ใช้งานด้วย คุณสามารถรับบริการแอปพรีเมียมสำหรับ Android ได้จากแพ็กเกจแอนตี้ไวรัสของ AVG ซึ่งจะมีการป้องกันครบถ้วนสำหรับหลายอุปกรณ์และหลายระบบปฏิบัติการ ราคาเริ่มต้นที่ US$39.99 / ปี และแพลนทั้งหมดก็จะมาพร้อมกับการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน ในขณะที่บางแพลนจะมีให้ทดลองใช้ฟรี 30 วันด้วย
สรุป:
AVG Mobile Security นั้นมีเครื่องมือฟรีสำหรับ Android ให้ใช้มากพอตัว ประกอบไปด้วยตัวสแกนมัลแวร์ ตัวสแกนเครือข่าย Wi-Fi การแจ้งเตือนการรั่วไหลของข้อมูล และคลังรูปถ่ายที่มีความปลอดภัย คุณสามารถลองใช้ฟีเจอร์พรีเมียมได้อย่างไม่มีความเสี่ยงด้วยการซื้อแพ็กเกจแอนตี้ไวรัสของ AVG ซึ่งทั้งหมดนี้จะได้รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน และบางแพลนนั้นจะมีการทดลองใช้ฟรี 30 วันด้วย
อ่านรีวิว AVG ฉบับเต็มได้ที่นี่ >
การเปรียบเทียบแอปแอนตี้ไวรัส Android ฟรีและดีที่สุด
วิธีการเลือกแอปแอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับมือถือ Android ของคุณ
- ตรวจสอบดูว่าแอปนั้นสามารถตรวจจับและนำมัลแวร์ออกได้หรือไม่ เราได้ทำการดาวน์โหลดไฟล์มัลแวร์ แอปที่น่าสงสัย และแม้แต่แรนซัมแวร์สำหรับ Android โดยเฉพาะ เพื่อให้แน่ใจว่า แอปแอนตี้ไวรัสที่เราแนะนำจะสามารถตรวจจับและนำมัลแวร์ทุกชนิดออกได้จริง ๆ ตัวสแกนมัลแวร์ของ Norton สามารถตรวจจับแอปอันตรายทั้งหมดที่เราพยายามดาวน์โหลดได้
- มองหาแอปที่มีเครื่องมือป้องกันภัยอันตรายทางอินเทอร์เน็ตซึ่งมีประสิทธิภาพ เราได้ทำการทดสอบฟีเจอร์ความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ตอย่างเช่น การป้องกันการฟิชชิง และตัวสแกน Wi-Fi ด้วย เพื่อให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะช่วยปกป้องอุปกรณ์ Android ให้ปลอดภัยจากภัยอันตรายทางเว็บล่าสุดได้ แอนตี้ไวรัส Android บางราย (อย่าง Norton) จะมี VPN ให้ใช้งานด้วย ซึ่งจะช่วยปกป้องข้อมูลของคุณด้วยการเข้ารหัสระดับเดียวกับธนาคาร
- ประเมินผลกระทบที่แอปมีต่อการทำงานของอุปกรณ์ ไม่มีอะไรที่แย่ไปกว่าแอปความปลอดภัยที่กินแบตและทำให้ประสิทธิภาพของเครื่องเสียอีกแล้ว เราได้ตรวจสอบให้แน่ใจแล้วว่า แอปทั้งหมดที่เราแนะนำนั้น สามารถช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับมือถือและแท็บเล็ตของคุณได้โดยที่ไม่ส่งผลกระทบด้านการทำงานของมัน
- ดูว่าแอปมีฟีเจอร์เสริมเพิ่มมาให้ด้วยหรือไม่ แอนตี้ไวรัสสำหรับ Android นั้นไม่ใช่แค่ว่าจะสามารถป้องกันมัลแวร์บน Android ได้เพียงอย่างเดียว แต่มันยังมีฟีเจอร์เสริมที่เป็นประโยชน์อย่างเช่นตัวแนะนำแอป การป้องกันการโจรกรรม และฟีเจอร์ความปลอดภัยอื่น ๆ เราได้ทำากรทดสอบฟีเจอร์เสริมของแต่ละแบรนด์ทั้งหมดในรายการนี้แล้วเพื่อให้แน่ใจว่ามันจะสามารถทำงานได้ตามที่สัญญาเอาไว้จริง และก็จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้ผลิตภัณฑ์ได้
- ค้นหาว่าแอปไหนที่ใช้งานง่ายสำหรับคุณ เราได้ทำการทดสอบแต่ละฟีเจอร์มาแล้ว เพื่อให้แน่ใจว่าแอปเหล่านี้นั้นจะออกแบบให้ฟีเจอร์ต่าง ๆ สามารถเข้าถึงและเข้าใจง่ายสำหรับผู้ใช้งานทุกคน แอปทั้งหมดในรายการนี้ยังสามารถใช้งานเข้ากันได้ดีกับ Android OS และ Chrome OS อีกด้วย
- พยายามเลือกแอปที่สามารถเข้าถึงได้อย่างเต็มรูปแบบฟรี เราแนะนำเฉพาะแอนตี้ไวรัสที่มีแพลนฟรี 100% หรือไม่ก็ต้องมีให้ทดลองใช้ฟรี หรือรับประกันคืนเงินอย่างน้อย 30 วัน อย่างน้อยสองตัวเลือกหลังก็จะทำให้คุณทดสอบใช้งานซอฟต์แวร์ได้อย่างไม่มีความเสี่ยง เราชอบแพลนระดับฟรีของ TotalAV มาก ๆ ในขณะที่ Norton เองก็จะมีให้ทดลองใช้ฟรี 14 วัน และก็มีการรับประกันคืนเงินที่ยาวนานถึง 60 วัน
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าแอปนั้นจะไม่เก็บข้อมูลของคุณ มีแอนตี้ไวรัสฟรีมากมายที่จะเก็บบันทึกและนำข้อมูลของคุณไปขายให้กับผู้โฆษณา ซึ่งจะเป็นวิธีการช่วยสร้างกำไรล้างค่าใช้จ่ายที่ง่ายและเร็ว (แต่ไม่ซื่อสัตย์) อย่างไรก็ตาม เรายืนยันว่าแอนตี้ไวรัสทั้งหมดในรายการนี้จะมีนโยบายที่จะไม่บันทึกข้อมูลของคุณเพื่อนำไปขาย — บางราย อย่างเช่น Norton มีฟีเจอร์การเฝ้าสังเกตความเป็นส่วนตัวซึ่งจะช่วยให้คุณเลือกที่จะไม่ส่งมอบข้อมูลให้กับเว็บไซต์ที่มีการเก็บข้อมูลได้
- ลองใช้งานแอปแอนตี้ไวรัสระดับพรีเมียมที่ราคาไม่แพง แพลนระดับฟรีทั้งหมดของแอนตี้ไวรัสต่างก็จะบล็อกฟีเจอร์สำคัญ ๆ เอาไว้ถ้าคุณไม่จ่ายเงิน ซึ่งประกอบไปด้วยเครื่องมือป้องกันภัยอันตรายทางอินเทอร์เน็ตที่มีประโยชน์อย่างเช่น การป้องกันฟิชชิง ตัวสแกนความเป็นส่วนตัวของแอป ระบบควบคุมสำหรับผู้ปกครอง บริการ VPN ที่มีข้อมูลไม่จำกัด และอีกมากมาย แต่คุณสามารถเข้าถึงมันทั้งหมดได้ด้วยการอัปเกรดไปใช้แพลนแบบจ่ายเงิน เราจะแนะนำเฉพาะแอนตี้ไวรัสที่มีราคาแข่งขันได้, และทุกตัวที่เราแนะนำนั้นก็มีการรับประกันคืนเงินอย่างน้อยเป็นเวลา 30 วัน
ความเสี่ยงและข้อเสียของการใช้แอนตี้ไวรัส Android แบบฟรี
ปกติแล้วฉันไม่ค่อยแนะนำให้เชื่อมั่นในแอนตี้ไวรัสฟรีสำหรับอุปกรณ์ Android สักเท่าไหร่ ฉันพบว่าแอนตี้ไวรัสฟรีสำหรับ Android นั้นมักจะขาดฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่สำคัญไป ถึงแม้ว่าแอปจะมีเครื่องมือขั้นพื้นฐาน อย่างเช่นเครื่องมือสแกนมัลแวร์และการละเมิดความปลอดภัยของแอป แต่มันก็ขาดฟีเจอร์สำคัญอย่าง การป้องกันเว็บอันตรายและการป้องกันการโขมยอุปกรณ์ไป
เพราะแบบนี้เราถึงได้แนะนำให้คุณใช้งานแอนตี้ไวรัสแบบจ่ายเงิน — คุณจะได้รับเครื่องมือป้องกันภัยอันตรายทางอินเทอร์เน็ตแบบครบครัน ประกอบไปด้วยไฟร์วอลล์ การป้องกันการฟิชชิง การตรวจสอบ Wi-Fi การป้องกันเว็บไซต์ ระบบควบคุมสำหรับผู้ปกครอง บริการ VPN และเครื่องมือจัดการรหัสผ่าน สำหรับไว้ช่วยปกป้องคุณจากการโจมตีทางไซเบอร์ทุกรูปแบบ แถมคุณมักจะได้เข้าถึงบริการลูกค้าที่ดียิ่งขึ้นอีกด้วยอย่างเช่นการติดต่อทางโทรศัพท์ อีเมล และไลฟ์แชท เพื่อที่คุณจะสามารถแก้ปัญหาการนำไวรัสออกและขอความช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ ได้
โชคดีที่ชุดแอนตี้ไวรัสที่มีคุณภาพส่วนใหญ่นั้นมีราคาไม่ค่อยแพง ยกตัวอย่างเช่นแพ็กเกจของ Norton 360’s Deluxe มีราคาเพียง US$49.99 / ปี* และมันก็จะมีเครื่องมือป้องกันภัยอันตรายทางอินเทอร์เน็ตซึ่งครอบคลุมอุปกรณ์ถึง 5 เครื่องสำหรับทุกระบบปฏิบัติการ และก็มีการรับประกันคืนเงินถึง 60 วัน
แอปฟรี vs. แอปพรีเมี่ยมสำหรับ Android
แอนตี้ไวรัส Android ที่ดีที่สุดนั้นจะมีเครื่องมือที่สามารถช่วยปกป้องคุณจากภัยอันตรายทางไซเบอร์ล่าสุดได้ เช่นตัวสแกนมัลแวร์ ตัวสแกน Wi-Fi และฟีเจอร์ความเป็นส่วนตัวของแอป อย่างไรก็ตาม เราไม่ชอบที่แอนตี้ไวรัสฟรีมักจะปิดกั้นไม่ให้คุณเข้าถึงฟีเจอร์หลัก ๆ ที่จะมีในแพลนระดับพรีเมียม ยกตัวอย่างเช่น แพลนระดับฟรีของ Avira จะไม่มีการป้องกันการฟิชชิงหรือการป้องกันไมโครโฟนกับกล้อง
แอนตี้ไวรัสแบบจ่ายเงินที่ดีที่สุดนั้นจะเปิดให้คุณสามารถเข้าถึงเครื่องมือป้องกันภัยอันตรายทางอินเทอร์เน็ตได้มากมาย แอนตี้ไวรัส Android ที่เราชื่นชอบอย่าง Norton จะมีตัวสแกนมัลแวร์ระดับชั้นนำของโลก มีไฟร์วอลล์อัจฉริยะ และมีการป้องกันการฟิชชิง รวมถึงฟีเจอร์เสริมอื่น ๆ อย่างระบบควบคุมสำหรับผู้ปกครอง บริการ VPN ที่มีข้อมูลให้ใชได้ไม่จำกัด และเครื่องมือจัดการรหัสผ่าน — และถ้าซื้อแพลน LifeLock (มีเฉพาะใน US) มันก็จะเพิ่มการรับประกันการโจรกรรมเอกลักษณ์บุคคลเป็นเงิน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และก็มีการเฝ้าระวังจากเครดิตบูโรชั้นนำอีกด้วย
โดยรวมแล้วแพลนระดับฟรีของแอนตี้ไวรัสสำหรับ Android นั้นก็มีการป้องกันที่พอใช้ได้ นอกจากนี้มันยังมาพร้อมกับฟีเจอร์เสริมต่าง ๆ อีกด้วย แต่วิธีที่ดีที่สุดที่จะปกป้องอุปกรณ์ของคุณให้ปลอดภัยก็คือการใช้แอนตี้ไวรัสแบบจ่ายเงิน — มีตัวเลือกดี ๆ มากมายในราคาไม่แพง และมันต่างก็มีการรับประกันคืนเงินด้วย
แอนตี้ไวรัสฟรีสำหรับ Android ที่ควรหลีกเลี่ยง
แอนตี้ไวรัสฟรีอาจดูเหมือนเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการป้องกันอุปกรณ์ Android ของคุณจากมัลแวร์ แต่ก็มีบางบริการที่คุณควรหลีกเลี่ยง นอกจากนี้ยังมีแอปปลอมที่มีมัลแวร์แฝงอยู่ในนั้นด้วย!
แอปแอนตี้ไวรัสปลอมมักจะนำเสนอฟีเจอร์มากมายนอกเหนือจากการสแกนมือถือ ยกตัวอย่างเช่น บริการมักจะโฆษณาว่าสามารถช่วยเพิ่มความเร็วให้กับอุปกรณ์ ลบไฟล์และโฆษณาถึงผลลัพธ์ที่เกินจริง (เช่นทำให้อุปกรณ์ของคุณเร็วขึ้น 100%) แอปเหล่านี้มักจะมีมัลแวร์อันตรายแฝงอยู่และอาจทำให้ข้อมูลและความเป็นส่วนตัวของคุณตกอยู่ในอันตรายและแอปอาจจะการติดตั้งแรนซัมแวร์ลงในอุปกรณ์ของคุณด้วย
Google ได้ทำการลบแอปเหล่านี้ออกจาก Play Store แล้ว แต่คุณอาจจะเผลอไปดาวน์โหลดแอปเหล่านี้จากที่อื่นได้ คุณควรระวังแอปเหล่านี้เอาไว้ให้ดี:
- Antivirus, Super Cleaner.
- Powerful Cleaner, Antivirus.
- Center Security – Antivirus.
- Mister Phone Cleaner.
- Kylhavy Mobile Security.
- Atom Clean-Booster, Antivirus.
- Alpha Antivirus, Cleaner.
แอปเหล่านี้อาจนำเสนออยู่ในแอปสโตร์อื่น ๆ ดังนั้นคุณควรระมัดระวังเมื่อดาวน์โหลด ดาวน์โหลดแต่แอนตี้ไวรัสที่น่าเชื่อถือจากแอปสโตร์ที่ไว้ใจได้ เช่น Google Play Store และตรวจสอบเรตติ้งและรีวิวก่อนดาวน์โหลด คุณควรเลือกบริการที่น่าเชื่อถือมาปกป้องคุณจากภัยคุกคามเช่น Norton Mobile Security สำหรับ Android
แบรนด์ชั้นนำอื่น ๆ ที่ไม่ติดอันดับ:
มีแอปแอนตี้ไวรัสสำหรับ Android มากมายที่ไม่ติด 10 อันดับของเรา นี่เป็นตัวอย่างแบรนด์ที่มีชื่อเสียงซึ่งคุณอาจจะคิดว่าน่าจะติดอันดับ:
- G DATA Mobile Security Lite G Data นั้นมีการป้องกันมัลแวร์ที่ดี แต่มันขาดฟีเจอร์สำคัญอย่างการป้องกันแบบเรียลไทม์ การสแกน Wi-Fi และอื่น ๆ
- Dr.Web Light Dr.Web Light นั้นเป็นแอปแอนตี้ไวรัสที่พอใช้ได้สำหรับ Android แต่แอปของมันนั้นค่อนข้างธรรมดาและก็ไม่มีฟีเจอร์เสริมอะไรมากนัก
- Systweak Systweak Anti-Malware เป็นแอปฟรีสำหรับผู้ใช้งาน Android ซึ่งค่อนข้างใช้งานได้จำกัด มันสามารถสแกนแอปได้เท่านั้น และก็จะเมินไฟล์อื่น (ที่อาจมีความอันตราย) ทั้งหมดในเครื่องของคุณ
- PCProtect PCProtect นำเสนอแอนตี้ไวรัสฟรีสำหรับ Android แต่บริการขาดฟีเจอร์หลายอย่างไปและไม่มีการป้องกันแบบเรียลไทม์
คำถามพบบ่อย
แอปแอนตี้ไวรัสฟรีสำหรับ Android นั้นปลอดภัยหรือไม่?
ทั้งหมดในรายการนี้นั้นปลอดภัยใช้งานได้ แต่คุณควรทราบไว้ว่าการสแกนหามัลแวร์นั้นต้องใช้สิทธิ์การเข้าถึงไปยังพื้นที่ที่อาจจะมีความอ่อนไหวในเครื่องของคุณ แอปแอนตี้ไวรัสที่มีความอันตรายนั้นจะสามารถทำลายความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของคุณ รวมถึงจะขโมยข้อมูลของคุณด้วย
เราได้ทำการทดสอบแอปเหล่านี้มาอย่างละเอียดแล้ว และพวกมันก็ใช้งานได้จริงและปลอดภัยทั้งหมด แต่ละแอปนั้นมาจากแบรนด์ที่มีชื่อเสียงด้านการสร้างผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับความปลอดภัยทางไซเบอร์ ตัวเลือกอันดับหนึ่งของเราคือ Norton Mobile Security ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของบริษัทที่มีผู้ใช้งานนับล้านคนทั่วโลก และก็มีประสบการณ์นานนับทศวรรษในอุตสาหกรรมความปลอดภัยทางไซเบอร์
แอนตี้ไวรัส Android จะกินแบตเยอะไหม?
ผลกระทบที่มีต่อแบตของแอนตี้ไวรัส Android นั้นจะแตกต่างกันออกไป ขึ้นกับตัวซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสและการตั้งค่าของมัน แอปแอนตี้ไวรัสบางแอปอย่างเช่น Norton และ Bitdefender นั้นขึ้นชื่อเรื่องการประหยัดพลังงาน และก็ส่งผลกระทบต่อแบตน้อย ในขณะที่แอปอื่น ๆ อย่าง TotalAV จะใช้ทรัพยากรมากกว่าอย่างที่ได้เห็นในการทดสอบก่อนหน้านี้ และมันก็อาจจะทำให้แบตของคุณหมดเร็วขึ้น ฟีเจอร์อย่างการสแกนแบบเรียลไทม์ การสแกนบนคลาวด์ และการอัปเดตบ่อยครั้งนั้นสามารถส่งผลต่อการใช้แบตที่สูงขึ้นได้
เราอยากแนะนำให้คุณเลือกใช้โปรแกรมแอนตี้ไวรัสที่มีความสมดุลในแง่ของการป้องกันที่ดีและก็ใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยกตัวอย่างเช่น Norton ซึ่งมีการสแกนที่มีประสิทธิภาพเพื่อลดการกินแบต และ Bitdefender ซึ่งมีฟีเจอร์ Battery & Performance Saver (ประหยัดแบตเตอรี่และการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ)
ฉันควรต้องมีแอนตี้ไวรัสบนมือถือ Android ด้วยหรอ?
ตอบสั้น ๆ เลยว่า — ควร! มือถือหรือแท็บเล็ต Android ของคุณนั้นจะมีข้อมูลอันละเอียดอ่อนอย่างเช่นข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลธนาคาร โซเชียลมีเดีย รูปและไฟล์ส่วนตัวอยู่ นอกจากนี้มันยังเป็นของที่มีราคาค่อนข้างแพง ซึ่งก็จะเป็นที่หมายปองของหัวขโมย
และเมื่อเปรียบเทียบกับแพลตฟอร์มอย่าง iOS แล้วนั้น Android ก็ไม่ใช่แพลตฟอร์มที่มีความปลอดภัยมากสักเท่าไร Android OS นั้นมีชื่อเสียงตรงที่มีนักพัฒนา นักเขียนโปรแกรม และนักทำม็อดขนาดเล็กจากทั่วโลก แต่น่าเสียดายที่นี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ Android เป็นเหมือนสนามเด็กเล่นของเหล่าแฮ็กเกอร์ด้วยเช่นกัน
แรนซัมแวร์ สปายแวร์ คริปโตแจ็คกิ้งซอฟต์แวร์ และแอปสอดแนม รวมถึงมัลแวร์ต่าง ๆ นี้ได้สร้างความเสียหายให้กับผู้ใช้งาน Android อยู่ทุกวัน ผู้ใช้งาน Android นั้นยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากเว็บไซต์ฟิชชิง สมิชชิง และการล้วงกระเป๋าอีกด้วย
เพื่อที่จะช่วยปกป้องอุปกรณ์ของคุณให้ปลอดภัยจากเรื่องเหล่านี้ คุณจะต้องมีแอนตี้ไวรัส Android ที่มีคุณภาพซึ่งมาพร้อมกับการป้องกันแบบเรียลไทม์ การป้องกันเว็บไซต์ เครื่องมือป้องกันการโจรกรรม และฟีเจอร์เสริมอื่น ๆ แอนตี้ไวรัส Android ที่เราชื่นชอบก็คือ Norton แต่มันไม่ฟรีซะทีเดียว — แอปสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่จะเปิดให้ทดลองใช้ฟรีได้ 14 วัน แต่ถ้าคุณใช้บริการมันผ่านชุดเครื่องมือป้องกันภัยอันตรายทางอินเทอร์เน็ตแบบหลายอุปกรณ์ของ Norton คุณก็จะสามารถใช้แอปได้ 60 วันอย่างไม่มีความเสี่ยง
แอปแอนตี้ไวรัส Android มีฟีเจอร์อะไรบ้าง?
นอกจากจะสามารถตรวจจับและนำมัลแวร์ออกได้แล้ว แอปแอนตี้ไวรัส Android ยังสามารถ:
- เก็บรักษาความเป็นส่วนตัวให้กับข้อมูลของคุณ (เราแนะนำ Norton Mobile Security)
- ช่วยตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้ทำการเชื่อมต่อเครือข่าย Wi-Fi ที่มีความปลอดภัยแล้ว (Norton ก็สามารถทำได้เช่นกัน)
- ปกป้องการสูญเสียหรือการโจรกรรมอุปกรณ์ของคุณ (แอป Android ฟรีของ Avira มีเครื่องมือป้องกันการโจรกรรมที่มีประสิทธิภาพเป็นพิเศษ)
แอปแอนตี้ไวรัสส่วนใหญ่นั้นยังมีฟีเจอร์ที่จะได้เพิ่มหากจ่ายเงินให้ และสำหรับทุกแอปที่เปิดให้ใช้งานฟรี มันก็ยังมีแอปพรีเมียมอีกมากมายให้ใช้เช่นกัน ถ้าโทรศัพท์ของคุณมีข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อนซึ่งคุณไม่อยากให้รั่วไหลออกไป มันก็จะดีกว่าถ้าคุณใช้ตัวเลือกระดับพรีเมียมที่มีราคาไม่แพงอย่าง Norton
แอปแอนตี้ไวรัสฟรีและดีที่สุดสำหรับ Android คือ?
ตัวเลือกที่เราแนะนำเป็นอันดับหนึ่งเลยคือ Norton Mobile Security (ไม่ฟรี 100% แต่มีการรับประกันคืนเงินภายใน 60 วัน) และ TotalAV Mobile Security (มีฟีเจอร์ฟรีให้ใช้งานได้เยอะ)
Norton นั้นเป็นแอนตี้ไวรัสที่มีการป้องกันดีเยี่ยม นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์เสริมที่มีประโยชน์มากมาย ประกอบไปด้วยการตรวจสอบติดตาม dark web (เป็นการตรวจสอบติดตาม dark web ที่ดีที่สุดเมื่อเทียบกับแอปแอนตี้ไวรัสอื่น ๆ) และก็มี VPN เร็วและใช้งานข้อมูลได้ไม่จำกัด ในขณะที่ TotalAV นั้นมีการป้องกันเว็บไซต์ที่ดีเยี่ยม มีการสแกนการรั่วไหลของข้อมูล และมีเบราว์เซอร์ที่ปลอดภัย
แต่ก็ยังมีแอปแอนตี้ไวรัส Android ฟรีและดีมากมาย ทั้งหมดนั้นต่างก็มาพร้อมกับการป้องกันมัลแวร์ที่แข็งแกร่ง การป้องกันเว็บไซต์ หรือเครื่องมืออื่น ๆ ที่จะช่วยให้คุณสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตของคุณปลอดภัย
ฉันจะสามารถสแกนไวรัสบนอุปกรณ์ Android ฟรีได้อย่างไร?
คุณสามารถดาวน์โหลดแอนตี้ไวรัส Android ฟรีที่น่าเชื่อถือซึ่งมีการสแกนไวรัสมาใช้งานได้ เช่น Norton หรือ TotalAV (ทั้งสองเจ้านี้ต่างก็มีอัตราการตรวจจับมัลแวร์ที่ดีเยี่ยมทั้งคู่) แอปแอนตี้ไวรัส Android ฟรีในรายการนี้จะยังสามารถตรวจจับและหยุดภัยอันตรายจากอินเทอร์เน็ตส่วนใหญ่ได้ด้วย — แอปส่วนใหญ่จะมาพร้อมกับการป้องกันเว็บไซต์ ดังนั้นคุณจะได้รับการแจ้งเตือนถ้าหากว่ามันตรวจพบเว็บไซต์ที่มีความอันตรายหรือน่าสงสัย รวมถึงเว็บไซต์ที่มีการฟิชชิงซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อขโมยข้อมูลส่วนตัวของคุณด้วย แต่เพื่อที่จะปกป้องอุปกรณ์ของคุณอย่างเต็มรูปแบบ คุณจะต้องดูให้แน่ใจว่าแอนตี้ไวรัส Android ที่คุณเลือกนั้นจะมีการป้องกันไวรัสแบบเรียลไทม์ (Norton จะมีการป้องกันแบบเรียลไทม์)
อุปกรณ์ Android สามารถถูกแฮ็กได้ไหม?
น่าเสียดายที่อุปกรณ์ Android นั้นจะสามารถูกแฮ็กได้ง่ายกว่าอุปกรณ์มือถืออื่น ๆ เฟิร์มแวร์ของ Android นั้นถูกออกแบบมาให้ปรับแต่งได้มากและมีความยืดหยุ่นกว่าเฟิร์มแวร์อื่น ๆ อย่างเช่น iOS แต่นี่ก็เป็นการเปิดประตูต้อนรับแฮ็กเกอร์กับมัลแวร์เช่นกัน — การออกแบบและแพร่กระจายมัลแวร์ไปยังอุปกรณ์ Android นั้นจะง่ายกว่ามาก ส่วนหนึ่งก็เนื่องจากมันมีช่องโหว่ในระบบปฏิบัติการ และอีกส่วนหนึ่งก็เพราะว่า Android app stores นั้นมีการกำกับดูแลที่เข้มงวดน้อยกว่าโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับ Apple’s App Store (ซึ่งมีการตรวจสอบด้านความปลอดภัยที่โหดที่สุดแล้ว)
เพื่อที่จะปกป้องตัวคุณเองจากแอปที่มีอันตราย เราแนะนำให้คุณใช้ Norton Mobile Security นอกจากมันจะมีตัวสแกนมัลแวร์ที่ทรงพลังแล้ว มันยังจะช่วยแจ้งเตือนคุณเกี่ยวกับแอปที่มีความน่าสงสัยก่อนที่คุณจะดาวน์โหลดและติดตั้งมันอีกด้วย
ฉันใช้แอนตี้ไวรัสฟรีของ Android กับ Chromebook ได้ไหม
คุณสามารถใช้แอนตี้ไวรัสฟรีของ Android กับ Chromebook ได้ Chromebooks สามารถเข้าถึง Google Play Store ได้ แอนตี้ไวรัสำหรับ Android อย่าง TotalAV ก็สามารถติดตั้งและใช้งานในอุปกรณ์นี้ได้ คุณสามารถใช้แอปเพื่อสแกนแอปและไฟล์ที่อาจเป็นอันตราย เพิ่มชั้นการป้องกันได้ แต่อย่างไรก็ตามอย่าลืมว่าแอนตี้ไวรัสฟรีเหล่านี้ไม่สามารถให้การปกป้องที่ครอบคลุมสำหรับมัลแวร์และไวรัสขั้นสูงได้
แอนตี้ไวรัสฟรีสามารถตรวจจับและลบมัลแวร์ได้หรือไม่
แอนตี้ไวรัสฟรีสามารถตรวจจับและลบมัลแวร์หลายประเภทได้ แอปอย่าง Bitdefender สามารถตรวจจับและลบมัลแวร์ได้ในการทดสอบของฉัน แต่อย่าลืมว่าแอนตี้ไวรัสฟรีสามารถให้ความปลอดภัยได้แค่ระดับนึงเท่านั้น มันขาดฟีเจอร์หลายอย่างไป ไม่เหมือนกับบริการพรีเมี่ยม หากคุณต้องการการปกป้องที่ครอบคลุม คุณควรเลือกบริการพรีเมี่ยมดีกว่า
อุปกรณ์ Android มีแอนตี้ไวรัสในตัวหรือเปล่า
ใช่ Android มีระบบตรวจจับและกำจัดภัยคุกคามอยู่แล้ว มันมีชื่อว่า Google Play Protect ซึ่งสามารถสแกนแอปใน Google Play Store เพื่อหามัลแวร์ที่อาจฝังอยู่ในแอปก่อนที่คุณจะดาวน์โหลดได้ และสามารถตรวจสอบแอปอันตรายในอุปกรณ์ของคุณได้ อย่างไรก็ตาม Google Play Protect ไม่สามารถให้การป้องกันได้เหมือนแอนตี้ไวรัสอย่า
ง Norton ได้ อัตราการตรวจจับมัลแวร์นั้นต่ำกว่าบริการประเภทนี้ และขาดฟีเจอร์ที่สำคัญหลายอย่าง เช่นการป้องกันแบบเรียลไทม์ การป้องกันเว็บฟิชชิ่ง และเครื่องมือเพิ่มความปลอดภัยเพิ่มเติม ด้วยเหตุนี้ฉันเลยแนะนำให้คุณใช้แอปแอนตี้ไวรัส ที่น่าเชื่อถือเพื่อเพิ่มชั้นการป้องกันให้กับอุปกรณ์ของคุณดีกว่า