มีเวลาไม่พอใช่ไหม นี่คือแอนตี้ไวรัสฟรีที่ดีที่สุดในปี 2024:
- 🥇 Norton: นำเสนอการป้องกันไวรัสและมัลแวร์ที่ไร้ที่ติ มาพร้อมฟีเจอร์พิเศษที่มีประโยชน์มากมาย เช่น VPN ที่ไม่จำกัดข้อมูล, เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน, การตรวจสอบดาร์กเว็บและการควบคุมโดยผู้ปกครอง แม้ว่าจะไม่ฟรี 100% แต่ก็มีการรับประกันคืนเงินภายใน 60 วัน ดังนั้นคุณสามารถทดลองใช้งานได้โดยไม่มีความเสี่ยงเป็นเวลา 2 เดือน
- รับ Norton ได้เลยตอนนี้ (ทดลองใช้งาน 60 วัน)
การหาแอนตี้ไวรัสฟรีนั้นทำได้ยากมาก แอนตี้ไวรัส “ฟรี” หลายบริการนั้นเป็นแค่บริการพรีเมี่ยมเวอร์ชั่นที่ไม่มีความปลอดภัยมากพอ ซึ่งคุณอาจเสี่ยงอันตรายต่อมัลแวร์ได้ และหลาย ๆ บริการมักจะบอกว่ามี “การทดลองใช้ฟรี” แต่เมื่อระยะเวลาทดลองใช้นั้นหมดไปแล้ว คุณจะต้องจ่ายค่าบริการ
ที่จริงแล้วซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสฟรีนั้นไม่สามารถปกป้องคุณจากการโจมตีได้ 100% อย่างไรก็ตามแอนตี้ไวรัสฟรีบางบริการก็สามารถเพิ่มความปลอดภัยให้คุณได้จริง ๆ หากคุณไม่ต้องการฟีเจอร์ความปลอดภัยขั้นสูง โดยส่วนตัวแล้วฉันมีข้อมูลที่ละเอียดอ่อนมากมายอยู่ในอุปกรณ์ ฉันจึงเลือกใช้แอนตี้ไวรัสพรีเมี่ยมราคาไม่แพงอย่าง Norton เพื่อจะได้ไม่ต้องเป็นกังวลถึงข้อเสียของบริการฟรี
แต่ฉันพบตัวเลือกที่ดีหลังจากทดสอบแอนตี้ไวรัสฟรีกว่า 40 รายการที่สามารถป้องกันไวรัสและมัลแวร์ เพิ่มความปลอดภัยอินเทอร์เน็ตและมีฟีเจอร์เพิ่มเติม แม้ว่าบริการส่วนใหญ่จะให้บริการได้ค่อนข้างแย่ แต่ฉันพบว่ามีบริการบางส่วนที่ใช้งานได้ดีจริง ๆ บริการในรายการของฉันด้านล่างจะสามารถปกป้องคุณจากภัยคุกคามออนไลน์ใน2024
ทดลองใช้ Norton ได้เลยตอนนี้ (ใช้ได้อย่างปลอดภัย 60 วัน)
สรุปของแอนตี้ไวรัสฟรีที่ดีที่สุดในปี 2024:
- Bitdefender — แอนตี้ไวรัสฟรีที่ดีที่สุดสำหรับ Windows
- Avira — แอนตี้ไวรัสฟรีที่ดีที่สุดสำหรับ Mac
- Avira — แอนตี้ไวรัสฟรีที่ดีที่สุดสำหรับ Android
- Avira — แอนตี้ไวรัสฟรีที่ดีที่สุดสำหรับ iOS
- Bitdefender — แอนตี้ไวรัสฟรีที่ดีที่สุดสำหรับ Chromebook
- ClamAV — แอนตี้ไวรัสฟรีที่ดีที่สุดสำหรับ Linux
- 🏆 Norton — แอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดโดยรวม (พรีเมี่ยม)
- เทียบแอนตี้ไวรัสฟรีที่ดีที่สุด
แอนตี้ไวรัสฟรีที่ดีที่สุดสำหรับ Windows — Bitdefender Antivirus Free
Bitdefender Antivirus Free แอนตี้ไวรัสฟรีที่ดีที่สุดสำหรับ Windows ในปี 2024 แอป Windows รองรับภาษาไทย มีเครื่องมือสแกนขนาดเล็ก (สแกนบนคลาวด์) และมีอัตราการตรวจจับมัลแวร์ที่สมบูรณ์แบบโดยไม่ทำให้ระบบของคุณช้าลงหรือเปลืองแบตเตอรี่
เมื่อฉันทดสอบ Bitdefender มันสามารถตรวจจับมัลแวร์ทดสอบทุกอันที่ฉันติดตั้งบน Windows PC ของฉันได้ ทำให้มันเป็นหนึ่งในแอนตี้ไวรัสฟรีที่น่าประทับใจที่สุด และฉันไม่สังเกตเห็นผลกระทบใด ๆ กับคอมพิวเตอร์ของฉันเลย แม้แต่ในระหว่างการสแกนเต็มรูปแบบ
Bitdefender Antivirus Free ยังมี:
- การปกป้องแบบเรียลไทม์
- การป้องกันเว็บฟิชชิ่ง
Bitdefender นั้นดีกว่า Windows Defender ที่มาพร้อมกับ Windows มาก Bitdefender นั้นใช้งานได้ง่านและมีประสิทธิภาพในการปกป้องที่มากกว่า ฉันชอบเลย์เอาท์ของ Bitdefender ที่ใช้งานได้ง่ายและเหมาะสำหรับผู้ใช้มือใหม่ที่ไม่มีความรู้ด้านเทคนิคมาก
ฉันชอบการป้องกันเว็บฟิชชิ่งฟรีของ Bitdefender มาก ฉันทดสอบบริการกับเว็บที่มีมัลแวร์ที่สามารถหลีกเลี่ยงผ่านแอนตี้ไวรัสของ Chrome และ Firefox ได้ (และแอนตี้ไวรัสอื่น ๆ ) แต่ Bitdefender สามารถบล็อกได้ทุกเว็บ
นอกจากนี้ Bitefender ยังนำเสนอการป้องกันแบบเรียลไทม์ให้แบบฟรี ๆ แอนตี้ไวรัสฟรีส่วนใหญ่ รวมถึง TotalAV สำหรับ PC มีฟีเจอร์นี้นำเสนอสำหรับบริการพรีเมี่ยมเท่านั้น แต่ฉันอยากให้บริการนำเสนอฟีเจอร์ฟรีอื่น ๆ เพิ่มเติมในแอปแอนตี้ไวรัสฟรี อย่างเช่น VPN และเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพ PC
แผนบริการสำหรับ Windows ของ Bitdefender นั้นมีราคาไม่แพง ราคาเริ่มต้นที่ US$24.99 / ปี Bitdefender ให้การปกป้องอุปกรณ์ Windows มากถึง 10 อุปกรณ์ รวมถึงการปกป้องกล้องและไมโครโฟน, แอปการควบคุมของผู้ปกครอง, การเพิ่มประสิทธิภาพอุปกรณ์, เครื่องมือปกป้องข้อมูลส่วนตัวและ VPN และยังมาพร้อมกับการรับประกันคืนเงิน 30 วัน ซึ่งช่วยให้คุณมีเวลาทดลองใช้งาน Bitdefender และตัดสินใจว่าบริการนี้เหมาะสำหรับคุณหรือไม่
สรุป:
แอนตี้ไวรัสสำหรับ Windows ฟรีของ Bitdefender ทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมในการปกป้อง Windows PC ของคุณจากมัลแวร์และภัยคุกคามบนอินเตอร์เน็ต เครื่องสแกนขนาดเล็กนี้ได้คะแนนเต็ม 100% สำหรับการตรวจจับมัลแวร์ในการทดสอบของฉัน และฉันก็ประทับใจกับการป้องกันเว็บฟิชชิ่งด้วยเช่นกัน ถึงแม้ว่าจะมีแอนตี้ไวรัสฟรีอื่น ๆ ที่มีฟีเจอร์นำเสนอมากกว่า แต่ Bitdefender ก็ใช้งานได้ง่ายและทำงานได้ดี
อ่านรีวิวฉบับเต็มของ Bitdefender ได้เลยที่นี่
แอตี้ไวรัสฟรีที่ดีที่สุดสำหรับ Mac — Avira Free Antivirus
Avira Free Antivirus สำหรับ Mac มีเครื่องมือสแกนมัลแวร์ที่ดีและมีฟีเจอร์มากมาย การสแกน Mac ใช้เวลาดำเนินการน้อยกว่า 90 นาที ซึ่งถือว่าเร็วพอสมควร ในระหว่างการสแกน Avira ตรวจพบไฟล์มัลแวร์ทดสอบทั้งหมดที่ติดตั้งบน Mac ของฉันและทำให้ฉันไม่สามารถเปิดไฟล์ .dmg ที่เป็นอันตรายได้ และยังย้ายไฟล์เหล่านี้ไปยังโฟลเดอร์แยกทันที
แผนฟรีมาพร้อมกับ:
- การปกป้องแบบเรียลไทม์สำหรับ macOS
- Phantom VPN (500 MB/เดือน)
- เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
ฉันชอบที่ Avira Free สำหรับ Mac มีการป้องกันแบบเรียลไทม์ ซึ่ง Bitdefender Virus Scanner สำหรับ Mac ไม่ได้นำเสนอสิ่งนี้ อย่างไรก็ตามข้อเสียอย่างนึงของ Avira Free สำหรับ Mac ต้องการให้คุณอัพเกรดเพื่อใช้การแสกน USB ดังนั้นคุณไม่สามารถมั่นใจได้ว่าไดร์ฟที่คุณเชื่อมต่อนั้นจะปลอดภัย ยกเว้นแต่คุณจะอัพเกรดบริการ
Phantom VPN ของ Avira มีจำนวนข้อมูล 500 MB ต่อเดือนในแผนฟรี ถึงแม้ว่าจะไม่ใช้จำนวนที่เยอะถึงขนาดในสตรีม Netflix ได้ แต่ก็มากพอสำหรับใช้งานทั่วไปเมื่อเชื่อมต่อ Wi-Fi สาธารณะ VPN มีความเร็วไม่มากเท่า VPN ของ Bitdefender และไม่อนุญาตให้คุณเลือกตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ อย่างไรก็ตาม ถึงมันจะไม่ใช่แอนตี้ไวรัสที่มี VPN ที่ดีที่สุด แต่มันก็ใช้งานได้ฟรี 100% และใช้งานได้ดีจริง ๆ
เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพฟรีของ Avira มาในรูปแบบแอปแยกต่างหาก มันเป็นเครื่องมือทำความสะอาด Mac ที่ใช้งานได้ดีมาก การสแกนอุปกรณ์ครั้งแรกทำได้เร็วมากและพบไฟล์ขยะจำนวนมาก (เกือบ 3 GB) ซึ่งฉันสามารถลบออกจากฮาร์ดไดรฟ์ได้ เลย์เอาต์ของเครื่องมือนั้นสะอาดตาและใช้งานได้ง่าย และฟีเจอร์เสริมที่ดีสำหรับ Avira
บริการฟรีของ Avira มีตัวเลือกฟีเจอร์ที่ดี แต่บริการพรีเมี่ยมนั้นมีฟีเจอร์ที่มากกว่า รวมถึงเครื่องมือจัดการรหัสผ่านและ VPN ที่ไม่มีข้อจำกัด แผนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ Avira Prime มีราคาเพียง US$59.99 / ปี และมาพร้อมกับการรับประกันคืนเงิน 60 วัน
สรุป:
Avira สำหรับ macOS เป็นแอนตี้ไวรัสสำหรับ Mac ฟรีที่ดีที่สุด ฉันชอบฟีเจอร์จำนวนมากและฟีเจอร์ฟรีเพิ่มเติมที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการปรับแต่ง Mac แต่ Avira การป้องกันแบบเรียลไทม์ฟรีเป็นจุดขายที่ดีที่สุดสำหรับฉัน แม้ว่า VPN จะไม่ดีเท่ากับ VPN ที่แถมในแอนตี้ไวรัสอื่น ๆ แต่มันก็ดีเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปเมื่อคุณใช้ Wi-Fi สาธารณะ แผนพรีเมียมของ Avira นำเสนอฟีเจอร์มากมายในราคาไม่แพง แผนพรีเมี่ยมทั้งหมดมีการรับประกันคืนเงินภายใน 60 วัน
อ่านรีวิวตัวเต็มของ Avira ได้ที่นี่
แอนตี้ไวรัสฟรีที่ดีที่สุดสำหรับ Android — Avira Antivirus Security
แอป Android ฟรีของ Avira สามารถตรวจจับและลบมัลแวร์ได้ดีพอ ๆ กับแอนตี้ไวรัสเวอร์ชั่นเดกส์ทอป โดยรวมแล้ว Avira ใช้งานได้ง่ายมากทำให้เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ใช้ที่ไม่มีความรู้ด้านเทคโนโลยี ฉันสามารถทำการสแกน Smart Scan ซึ่งสแกนอุปกรณ์ทั้งหมดเพื่อหามัลแวร์และปัญหาด้านความปลอดภัยอื่น ๆ รวมถึง การตั้งค่าความปลอดภัยที่ต้องแก้ไข
Avira ฟรีสำหรับ Android มีฟีเจอร์:
- เครื่องมือจัดการการเข้าถึง
- การสแกนเครือข่าย
- VPN (100 MB ต่อวัน)
- การสแกนหาการละเมิดรหัสผ่าน
- การล็อคแอปพลิเคชั่น
- เพิ่มประสิทธิภาพอุปกรณ์
ฉันชอบเครื่องมือจัดการการเข้าถึงของ Avira มาก ซึ่งสามารถวิเคราะห์แอปทั้งหมดบนอุปกรณ์ Android ของฉันได้อย่างรวดเร็ว และบอกฉันว่าแอปใดเข้าถึงสิ่งใดบ้าง เช่น รูปภาพและข้อมูลการใช้งานของฉัน สิ่งนี้มีประโยชน์อย่างมาก เนื่องจากบางแอปเข้าถึงข้อมูลของคุณโดยไม่จำเป็น ไม่ว่าคุณจะใช้แอปนั้นหรือไม่ก็ตาม
Avira Antivirus Security มี VPN ซึ่งมาพร้อมข้อจำกัดข้อมูล 100 MB ต่อวัน และมีข้อจำกัด 500 MB สำหรับ Windows และ Mac ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่จำนวนข้อมูลที่เยอะอะไร แต่มันก็พอสำหรับการใช้งานทั่วไปและมากกว่าที่คู่แข่งอื่น ๆ นำเสนอ อย่าง Trend Micro ที่ไม่ได้นำเสนอ VPN ให้ในแอป Android ฟรีเลยด้วยซ้ำไป
ข้อเสียอย่างนึงของ Avira คือบริการไม่ได้นำเสนอการป้องกันเว็บฟิชชิ่งหรือการป้องกันไมโครโฟนและกล้อง แต่ฟีเจอร์นี้มีให้ใช้งานในแอป Android พรีเมี่ยม ซึ่งมีให้ซื้อแบบสแตนด์อโลนสำหรับอุปกรณ์ 1 เครื่องหรือเป็นส่วนหนึ่งของ แผน Avira Prime (US$59.99 / ปี) ซึ่งให้การปกป้องครอบคลุมในหลายอุปกรณ์
สรุป:
โดยรวมแล้วแอนตี้ไวรัสฟรีสำหรับ Android ของ Avira นั้นยอดเยี่ยมมาก การสแกนมัลแวร์ทำได้อย่างรวดเร็ว ละเอียดถี่ถ้วนและได้คะแนนการตรวจจับ 100% ในการทดสอบของฉัน นอกจากนี้ฉันยังชอบที่แอปใช้งานได้ง่ายและประทับใจกับประสิทธิภาพของเครื่องมือจัดการการเข้าถึงของแอปและเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพอุปกรณ์ แม้ว่า VPN จะไม่ดีเท่ากับ VPN อื่น ๆ แต่ก็เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการใช้เมื่อเชื่อมต่อ Wi-Fi สาธารณะบนอุปกรณ์ Android เป็นครั้งคราว
อ่านรีวิวตัวเต็มของ Avira ได้ที่นี่
แอตี้ไวรัสฟรีที่ดีที่สุดสำหรับ iOS — Avira Mobile Security
Avira Free Mobile Security ไม่ใช่แอปแอนตี้ไวรัส มันไม่สามารถสแกนอุปกรณ์ iOS เพื่อหามัลแวร์ได้ (เพราะ Apple ไม่อนุญาต) อย่างไรก็ตามบริการมีฟีเจอร์ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้แก่อุปกรณ์ iOS จำนวนมากและมีเลย์เอาท์ที่ดี ใช้งานง่ายเหมือนกับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของ Avira
แอป iOS ฟรีของ Avira มี:
- การป้องกันการโจรกรรม
- เครื่องมือจัดการความเป็นส่วนตัว
- การสแกนเครือข่าย
- เครื่องมือบล็อกเบอร์
- VPN (100 MB/ต่อวัน)
ฟีเจอร์ที่ฉันชอบคือเครื่องมือจัดการความเป็นส่วนตัว ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ฉันสามารถดาวน์โหลด “โปรไฟล์” ที่บล็อกข้อมูลคำสั่งเสียง Siri และข้อมูลตำแหน่งไม่ให้ส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ Apple เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้งาน ความเป็นส่วนตัวเป็นสิ่งที่ฉันให้ความสำคัญอย่างมาก ดังนั้นฟีเจอร์นี้ทำให้ฉันรู้สึกปลอดภัยเมื่อใช้ Siri ซึ่งก่อนหน้านี้ฉันหลีกเลี่ยงใช้งานฟีเจอร์นี้เนื่องจากกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว
ฟีเจอร์การป้องกันการโจรกรรมนั้นตั้งค่าได้ง่ายสุด ๆ และฉันชอบที่ฉันสามารถดูตำแหน่งของอุปกรณ์ต่าง ๆ ได้จากแดชบอร์ดออนไลน์ของ Avira Connect เครื่องสแกนเครือข่ายบอกฉันอย่างชัดเจนว่าใครใช้เครือข่าย Wi-Fi ของฉันบ้าง และฉันก็มั่นใจว่าไม่มีใครใช้เครือข่ายอินเตอร์เน็ตของฉันได้โดยไม่ได้รับอนุญาต
Avira Mobile Security ยังมี VPN ที่จำกัดข้อมูล 100 MB ต่อวันนำเสนออีกด้วย ข้อมูลจำนวนนี้ไม่ได้มากเท่าไหร่ (ไม่เพียงพอสำหรับการสตรีมรายการหรือภาพยนตร์) แต่เป็นตัวเลือกที่ดีดีสำหรับการใช้งานเมื่อเชื่อมต่อกับ Wi-Fi สาธารณะ
แต่น่าเสียดายที่การป้องกันเว็บของ Avira สำหรับ iOS นั้นมีให้ใช้งานในเวอร์ชั่นพรีเมี่ยมเท่านั้นฉันรู้สึกผิดหวังนิดหน่อยที่เห็นว่าแอปฟรีอื่น ๆ อย่าง TotalAV และ Kaspersky นำเสนอฟีเจอร์นี้ หรือไม่อย่างน้อยก็เป็นเวอร์ชั่นที่มีข้อจำกัด แต่ว่าบริการพรีเมี่ยมของ Avira นั้นมีราคาถูกมาก โดยเฉพาะถ้าคุณเลือกแผน Avira’s Prime ซึ่งมีราคา US$59.99 / ปี และให้การปกป้องในหลายอุปกรณ์ รวมถึง iOS, Mac, Windows และ Android
สรุป:
แอป iOS ของ Avira นำเสนอฟีเจอร์ฟรีมากมายและมีเลย์เอาท์ที่เรียบง่ายและใช้งานได้ง่าย เครื่องมือจัดการความเป็นส่วนตัวเป็นฟีเจอร์โดดเด่นช่วยปกป้องข้อมูลของคุณไม่ให้ส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ Apple ทำให้คุณสบายใจขึ้นได้เมื่อใช้ Siri ฉันรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่ต้องให้บริการพรีเมี่ยมเพื่อเข้าถึงฟีเจอร์การป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลและเครื่องมือป้องกันเว็บ แต่ค่าบริการนั้นก็ถูกมาก
อ่านรีวิวตัวเต็มของ Avira ได้ที่นี่
แอนตี้ไวรัสฟรีที่ดีที่สุดสำหรับ Chromebook — Bitdefender
แอป Bitdefender Mobile Security (แอปเดียวกับ Android) เป็นแอนตี้ไวรัสฟรีที่ดีที่สุดสำหรับ Chromebooks บริการมีการป้องกันมัลแวร์ที่แข็งแกร่ง เครื่องมือสแกนสามารถตรวจจับมัลแวร์ตัวอย่างทั้งหมดใน Chromebook ของฉันและการสแกนไวรัสแบบเรียลไทม์ยังแทบไม่ส่งผลกระทบต่ออุปกรณ์อีกด้วย แอปนี้ไม่เพียงแต่ติดตั้งและใช้งานง่ายมากเท่านั้น แต่ยังมีขนาดเล็กอีกด้วย ฉันแทบไม่สังเกตเห็นผลกระทบต่อประสิทธิภาพของ Chromebook เลย เมื่อทำการสแกนระบบ
อย่างไรก็ตามนอกเหนือจากการป้องกันมัลแวร์แล้ว Bitdefender เวอร์ชันฟรีสำหรับ Chromebook ยังไม่มีฟีเจอร์พิเศษอื่นๆ หากต้องการใช้งาน VPN, การป้องกันเว็บไซต์ และเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพอุปกรณ์ คุณจะต้องอัปเกรดเป็นเวอร์ชันพรีเมียมของ Bitdefender (โชคดีที่บริการเป็นหนึ่งในแอนตี้ไวรัสที่มีราคาถูกที่สุดในตลาด)
ถึงแม้ว่า Bitdefender เป็นแอนตี้ไวรัสคุณภาพยอดเยี่ยม แต่ Norton เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับ Chromebooks สำหรับฉัน เนื่องจากมีการป้องกันมัลแวร์ที่ดี, การตรวจสอบดาร์กเว็บขั้นสูง, VPN (พร้อมข้อมูลไม่จำกัด) และฟีเจอร์อื่น ๆ อีกมากมาย แต่คะแนนการตรวจจับมัลแวร์ของ Bitdefender นั้นเทียบเท่ากับ Norton ดังนั้นจึงเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมทั้งคู่
คุณสามารถเข้าถึงฟีเจอร์พรีเมี่ยมของ Bitdefender ได้เมื่อซื้อบริการแบบสแตนอโลนด์หรือสมัครแผนยอดนิยมอย่าง Total Security และ Premium Security ซึ่งมีราคาเริ่มต้นที่ US$40.99 / ปี แผนบริการทั้งหมดของ Bitdefender มาพร้อมกับการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
สรุป:
Bitdefender นำเสนอการป้องกันมัลแวร์ฟรีที่ยอดเยี่ยมสำหรับ Chromebook แอป Chromebook (แอปเดียวกับ Android) ใช้งานได้ง่ายมากและไม่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของระบบ อย่างไรก็ตามมันขาดฟีเจอร์พิเศษไปหลายอย่าง เช่น การป้องกันเว็บและ VPN ซึ่งคุณจะใช้งานฟีเจอร์นี้ได้เมื่อสมัครบริการพรีเมียม แผนบริการพรีเมียมของ Bitdefender นั้นมีราคาไม่แพงและทั้งหมดมาพร้อมกับการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
อ่านรีวิวตัวเต็มของ Bitdefender
แอนตี้ไวรัสฟรีที่ดีที่สุดสำหรับ Linux — ClamAV
ClamAV เป็นแอนตี้ไวรัสฟรีที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้ Linux มันเป็นโอเพ่นซอร์สเช่นเดียวกับ Linux และไดเร็กทอรีไวรัสขนาดใหญ่ได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องโดยผู้ใช้ทั่วโลก เมื่อฉันทดสอบ ClamAV บริการก็ตรวจพบไฟล์มัลแวร์ทดสอบของฉันได้อย่างสมบูรณ์แบบ 100%
แม้ว่า ClamAV จะใช้งานได้ค่อนข้างยาก แต่ก็คุ้มค่ามากพอ หากคุณเป็นมือใหม่ คุณสามารถใช้ ClamTk ที่เป็นเวอร์ชันที่ใช้งานง่ายของ ClamAV ที่มีอินเตอร์เฟสกราฟิก (GUI) และการสแกนตามความต้องการ
อย่างไรก็ตามหากคุณเป็นผู้ใช้ Linux ขั้นสูง ฉันขอแนะนำให้ลองใช้โปรแกรมสแกน command-line ของ ClamAV คำแนะนำการใช้งานนั้นมีข้อมูลที่ครบถ้วนและหลังจากที่ฉันได้อ่านไปสักเล็กน้อย ฉันก็สามารถกำหนดเวลาสแกนโฟลเดอร์, ตั้งค่าไฟล์ที่ฉันรู้ว่าปลอดภัยและกำหนดค่า ClamAV ให้ลบไฟล์ที่น่าสงสัย
คุณยังสามารถกำหนดค่า ClamAV ให้สแกนเซิร์ฟเวอร์อีเมลของคุณได้อีกด้วย ซึ่งมีประโยชน์มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณอยู่ในเครือข่ายที่มีผู้ใช้ Windows และ Mac ฉันทดสอบ ClamAV โดยการสแกนหามัลแวร์เฉพาะสำหรับ PC และ Mac ในอีเมลของฉัน ฉันก็สามารถลบอีเมล์ที่มีความเสี่ยงได้ก่อนที่มันจะแพร่กระจายไปยังผู้อื่นในเครือข่ายของฉัน
โดยรวมแล้วฉันชอบ ClamAV มากและเป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมมาก หากคุณไม่มีปัญหากับการป้อนคำสั่งเอง อย่างไรก็ตาม หากคุณยินดีที่จะจ่ายเงินเล็กน้อยแลกกับการป้องกัน Linux ที่ใช้งานง่ายและมีฟีเจอร์ครบถ้วน ฉันคิดว่า แผน GravityZone ของ Bitdefender ก็เป็นตัวเลือกที่ดี เพราะบริการได้รับการออกแบบมาสำหรับธุรกิจ แต่ราคาที่ยืดหยุ่นหมายความว่ามันเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการการปกป้องสำหรับอุปกรณ์ Linux หลายเครื่องเช่นกัน
สรุป:
ClamAV เป็นแอนตี้ไวรัสฟรีที่ดีที่สุดสำหรับ Linux บริการเป็นโอเพ่นซอร์สและไดเร็กทอรีมัลแวร์ขนาดใหญ่ได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องโดยผู้ใช้ทั่วโลก ฉันต้องเรียนรู้ command-line เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจาก ClamAV มันไม่ใช่ตัวเลือกที่เหมาะสำหรับมือใหม่ แต่สำหรับผู้ใช้ขั้นสูง ClamAV ให้การควบคุมมากมาย หากคุณเป็นมือใหม่หรือแค่ต้องการเครื่องมือ Linux ที่ง่ายและรวดเร็ว ClamTk เป็นเวอร์ชันที่ใช้งานง่ายของ ClamAV ที่มีฟังก์ชันส่วนใหญ่เหมือนกัน
แอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดโดยรวม (พรีเมี่ยม) — Norton 360
Norton 360 เป็นแอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดในปี 2024 แบบไม่มีข้อกังขาใด ๆ บริการไม่มีแผนฟรี แต่การป้องกันมัลแวร์ที่ยอดเยี่ยมและฟีเจอร์เพิ่มเติมต่าง ๆ นั้นทำให้มันคุ้มค่าอย่างมาก แถมค่าบริการยังไม่แพงอีกด้วย นอกจากนี้แอป Android ของ Norton ยังสามารถใช้งานในภาษาไทยได้อีกด้วย
นี่คือเหตุผลที่ฉันใช้แอนตี้ไวรัสพรีเมี่ยมของ Norton:
- การสแกนมัลแวร์และไวรัสขั้นสูงด้วย AI
- การตรวจสอบดาร์กเว็บ
- เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน
- สแกนอุปกรณ์ภายนอกและฮาร์ดไดรฟ์ USB
- VPN ที่มีข้อมูลจำกัด
- การควบคุมของผู้ปกครอง
- การสำรองข้อมูลบนคลาวด์
- สามารถใช้งานข้ามแพลตฟอร์มได้
ฟีเจอร์เพิ่มเติมที่หลากหลายของ Norton นั้นน่าประทับใจมาก VPN ของบริการใช้งานได้ดีมาก มีความเร็วที่รวดเร็ว, เซิร์ฟเวอร์ในตำแหน่งจำนวนมาก, ข้อมูลไม่จำกัดและไม่มีนโยบายบันทึกข้อมูลการใช้งาน (ไม่ติดตามข้อมูลการใช้งานของคุณ) เครื่องมือตรวจสอบดาร์กเว็บมืดของบริการเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ดีที่สุด ซึ่งสามารถติดตามข้อมูลส่วนบุคคลหลากหลายรูปแบบ รวมถึงที่อยู่, หมายเลขบัตรเครดิต, อีเมล, เอกสารประจำตัวและอื่น ๆ
Norton เป็นตัวเลือกแอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับหลาย ๆ คน โดยเฉพาะผู้ใช้ PC แต่หากคุณใช้ Mac บริการของ Norton ก็ยังถือว่าใช้งานได้ดี แต่ฉันแนะนำให้ดู แอนตี้ไวรัสของ Intego สำหรับ Mac ดีกว่า
Norton ไม่มีบริการฟรี แต่บริการนำเสนอการรับประกันคืนเงิน 60 วัน สำหรับแพ็คเกต 360 ทั้งหมด ให้คุณสามารถทดลองใช้งานได้โดยไม่มีความเสี่ยงตลอด 2 เดือน เพื่อดูว่าบริการเหมาะสำหรับคุณหรือไม่
สรุป:
Norton นำเสนอการป้องกันไวรัสที่ดีที่สุดในปี 2024 ฟีเจอร์ความปลอดภัยที่ทรงพลังและฟีเจอร์เพิ่มเติมเช่น VPN ไม่จำกัดข้อมูล, การควบคุมโดยผู้ปกครองและพื้นที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์นั้นไม่มีนำเสนอแอนตี้ไวรัสฟรีอื่น ๆ แม้ว่า Norton จะไม่ฟรี แต่ค่าบริการก็ไม่แพงและมีการรับประกันคืนเงินภายใน 60 วัน ดังนั้นคุณจึงมีเวลามากมายในการทดลองใช้โดยปราศจากความเสี่ยง
อ่านรีวิวตัวเต็มของ Norton ได้ที่นี่
เทียบแอนตี้ไวรัสฟรีที่ดีที่สุด
วิธีเลือกแอนตี้ไวรัสฟรีที่ดีที่สุดในปี 2024
- เลือกแอนตี้ไวรัสฟรี 100% แอนตี้ไวรัสฟรีควรให้การป้องกันมัลแวร์เต็มรูปแบบฟรีจริง ๆ ไม่ควรมีค่าใช้จ่ายแอบแฝง เช่น ค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมในการลบมัลแวร์ แอนตี้ไวรัสทั้งหมดในรายการนี้มีเครื่องมือสแกนไวรัสฟรีโดยไม่มีข้อจำกัดใด ๆ
- มองหาเครื่องมือสแกนมัลแวร์เต็มรูปแบบ เพื่อให้คุ้มค่ากับการดาวน์โหลดแอนตี้ไวรัสฟรี อย่างน้อยที่สุดบริการจะต้องมีการตรวจจับไวรัสและมัลแวร์ที่แข็งแกร่ง ฉันได้ทดสอบเอนจิ้นการสแกนไวรัสและมัลแวร์ของแอนตี้ไวรัสเหล่านี้เป็นการส่วนตัว และทุกผลิตภัณฑ์ในรายการของฉันผ่านการตรวจสอบอย่างไร้ที่ติ 100%
- เลือกแอนตี้ไวรัสที่ใช้งานได้ง่าย จะดาวน์โหลดแอนตี้ไวรัสฟรีไปทำไม ถ้าหากไม่สามารถใช้มันได้ ความง่ายในการใช้งานนั้นเป็นสิ่งสำคัญสำหรับซอฟต์แวร์ต่าง ๆ (เช่น โปรแกรมป้องกันไวรัส) มันควรต้องใช้งานง่ายสำหรับผู้ใช้ที่ไม่มีความรู้ด้านเทคนิคเช่นกัน บริการที่ฉันชอบ Avira Free Antivirus และ Bitdefender Antivirus Free ที่มีอินเตอร์เฟสที่สวยงามและใช้งานได้ง่าย พร้อมฟีเจอร์ต่าง ๆ แสดงอยู่ในจุดที่เห็นได้ง่าย ClamAV เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานได้ยากกว่า แต่เป็นตัวเลือกฟรีที่ดีที่สุดสำหรับ Linux และหากคุณเป็นผู้ใช้ Linux ที่มีประสบการณ์ มันก็ไม่ได้ใช้งานยากเกินไปนัก
- ประเมินผลกระทบที่มีต่อประสิทธิภาพระบบ เพื่อให้คุ้มค่ากับการใช้งาน แอนตี้ไวรัสฟรีต้องทำงานได้ดีทั้งกับอุปกรณ์และระบบปฏิบัติการของคุณ ฉันทดสอบทุกบริการในรายการเพื่อดูความเร็วและการใช้ CPU และยืนยันได้ว่าบริการทั้งหมดทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและไม่ได้ทำให้อุปกรณ์ของฉันช้าลงมากเกินไปในระหว่างการสแกน
ข้อเสียและความเสี่ยงของการใช้แอนตี้ไวรัสฟรี
คุณจะไม่ได้รับการปกป้องจากแอนตี้ไวรัสฟรีในระดับเดียวกับที่คุณได้รับจากบริการพรีเมียม อย่าง Norton ตัวอย่างเช่น ไม่มีบริการฟรีใด ๆ ในรายการนี้ที่มีการควบคุมโดยผู้ปกครองหรือการตรวจสอบดาร์กเว็บและบริการที่มี VPN ให้บริการนั้นก็จำกัดข้อมูลที่เข้มงวดมาก
มีแอนตี้ไวรัส “ฟรี” อื่นๆ อีกมากมายที่ค่อนข้างไร้ประโยชน์ หรือที่แย่ไปกว่านั้นคือบริการที่ขายข้อมูลของคุณและทำให้ความเป็นส่วนตัวของคุณตกอยู่ในความเสี่ยง นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันแนะนำให้คุณเลือกใช้บริการแอนตี้ไวรัสพรีเมี่ยมหากทำได้
แต่แอนตี้ไวรัสฟรีในรายการของฉันเป็นหนึ่งในตัวเลือกฟรีที่ดีที่สุด บริการในรายการนี้ให้การป้องกันมัลแวร์ขั้นพื้นฐานที่ดี นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์เสริมที่มีประโยชน์ เช่น เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพระบบและการป้องกันเว็บที่มีประสิทธิภาพ
แอนตี้ไวรัสราคาถูก
บริการฟรีของ Bitdefender ใช้งานได้ดีเหมือนกัน (บริการนี้ถึงได้เป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งสำหรับ Windows)
อย่างไรก็ตาม Bitdefender ก็มีบริการพรีเมี่ยมที่มีราคาไม่แพงเช่นกัน บริการมีฟีเจอร์ที่ดีจำนวนมากในราคาที่ไม่แพง ฉันชอบแผน Bitdefender Total Security ที่ให้การปกป้องมากถึง 5 อุปกรณ์ ทั้ง Windows, Mac, iOS หรือ Android นอกจากนี้ยังมีการควบคุมของผู้ปกครอง เครื่องมือจัดการรหัสผ่านและอื่น ๆ อีกมากมายในราคาเพียง US$40.99 / ปี
แผนบริการของ Norton ก็มีราคาไม่แพงเช่นกันและแผนทั้งหมดยังมีฟีเจอร์เพิ่มเติมอย่าง VPN ที่ไม่จำกัดข้อมูลและการตรวจสอบดาร์กเว็บที่ดีที่สุด แผนที่ฉันชอบที่สุดคือ แพ็คเกจ Norton 360 Deluxe[ ที่ให้การปกป้อง 5 อุปกรณ์และมีพื้นที่จัดเก็บข้อมูล 50 ในราคาเพียงUS$49.99 / ปี*
บริการจากบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ไม่ติดโผ
หลายบริการนำเสนอแผนฟรีหรือการทดลองใช้ฟรี แต่บ่อยครั้งตัวเลือกเหล่านี้มีข้อจำกัดหรือให้บริการได้ไม่ดีไปกว่าเครื่องมือรักษาความปลอดภัยในตัวอุปกรณ์ของคุณ (เช่น Windows Defender และระบบความปลอดภัยดั้งเดิมของ Apple) รายการต่อไปนี้เป็นแอนตี้ไวรัสจากบริการที่มีชื่อเสียงแต่ไม่ได้อยู่ในรายการของฉัน
- Webroot Webroot นำเสนอการปกป้องมัลแวร์ที่ยอดเยี่ยมและฟีเจอร์ความปลอดภัยเพิ่มเติมที่ดี แต่บริการฟรีนั้นมีข้อจำกัดและไม่มีฟีเจอร์เพิ่มเติมใด ๆ
- TotalAV แอนตี้ไวรัสฟรีของ TotalAV ใช้งานได้ค่อนข้างดี แต่ฉันต้องจ่ายเงินเพื่อใช้งานฟีเจอร์เพิ่มเติม เช่น การป้องกันแบบเรียลไทม์และเครื่องมือปิดกั้นโฆษณา ซึ่งแอนตี้ไวรัสฟรีอื่น ๆ ให้ฉันสามารถใช้ฟีเจอร์เหล่านี้ได้ฟรี
- ScanGuard ScanGuard นำเสนอแอนตี้ไวรัสที่มีฟีเจอร์มากมาย แต่บริการฟรีมีข้อจำกัดอย่างมากและใช้งานได้ไม่ดีเท่ากับบริการที่ฉันได้รวมไว้ในรายการของฉัน
คำถามที่พบบ่อย
แอนตี้ไวรัสฟรีสามารถปกป้องฉันจากมัลแวร์ได้หรือไม่
ทั้งได้และไม่ได้แอนตี้ไวรัสฟรีทั้งหมดในรายการนี้จะให้ระดับความปลอดภัยพื้นฐานที่ดีแก่คุณ รวมถึงการป้องกันมัลแวร์ แต่หากคุณกำลังมองหาสิ่งอื่นนอกเหนือจากการสแกนมัลแวร์และการป้องกันภัยคุกคามแบบเรียลไทม์ คุณต้องการบริการที่ล้ำหน้ากว่านั้น เช่น แอนตี้ไวรัสระดับพรีเมียมราคาประหยัดที่มีเครื่องมือรักษาความปลอดภัยที่หลากหลายเพื่อปกป้องอุปกรณ์ของคุณ
มีแอนตี้ไวรัสฟรีที่ไม่มีโฆษณาไหม
มี แต่จำไว้ว่าบริษัทนั้นจำเป็นต้องหาเงินไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หากไม่แสดงโฆษณา พวกเขาอาจจำกัดฟีเจอร์ต่าง ๆ โดยหวังว่าคุณจะซื้อบริการพรีเมี่ยม แต่ไม่ใช่ทุกบริการจะใช้ทางเลือกนี้!
แอนตี้ไวรัสฟรีที่ไม่มีโฆษณาที่ดีที่สุดคือ Bitdefender บริการของ Avira ก็ไม่มีโฆษณาและบริการใช้ความพยายามอย่างไม่หยุดหย่อนในการทำให้คุณเปลี่ยนไปใช้แผนพรีเมี่ยม แต่บริการทั้งสองนี้ก็ยังคงเป็นแอนตี้ไวรัสฟรีที่ดีที่สุดอยู่ดี
แอนตี้ไวรัสฟรีจากบริการไหนที่เหมาะสำหรับฉันมากที่สุด
ถึงจะมีแอนตี้ไวรัสฟรีมากมายให้เลือกใช้งาน แต่บริการส่วนใหญ่นั้นใช้ไม่ได้ผลและบางบริการอาจเป็นมัลแวร์ปลอมตัวมาก็ได้!
สิ่งแรกที่คุณต้องทำคือเลือกแอนตี้ไวรัสให้เหมาะกับระบบปฏิบัติการของคุณ เช่น Windows, Mac, Android, iOS, Linux ต่อมา คุณต้องดูว่าแอนตี้ไวรัสฟรีมีฟีเจอร์ทั้งหมดที่คุณต้องการเพื่อป้องกันอุปกรณ์หรือไม่ บางบริการมี VPN ในขณะที่บางบริการมีการป้องกันเว็บฟิชชิง การป้องกันแรนซัมแวร์หรือเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพ แต่ฉันขอย้ำสิ่งสำคัญอีกครั้ง นั่นคือคุณต้องดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ที่ถูกกฎหมายและเชื่อถือได้เท่านั้น
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแอนตี้ไวรัสฟรีที่ดีที่สุดในปี 2024 ดูคำแนะนำบริการที่ดีทีสุดสำหรับ Windows, Mac, Android, iOS และ Linux