มีเวลาไม่พอใช่ไหม นี่คือแอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดที่มาพร้อมกับ VPN สำหรับประเทศไทย ใน 2024:
- 🥇 TotalAV: เครื่องมือป้องกันภัยอันตรายทางอินเทอร์เน็ตที่ดีเลิศ ซึ่งมีโปรแกรมแอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดตัวหนึ่ง รวมถึง VPN ที่มีความปลอดภัยซึ่งมีนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลอย่างเข้มงวด และมันก็ยังสามารถรักษาความเร็วได้ดี, ใช้งานง่ายและใช้งานกับ Netflix และ Amazon Prime ได้ด้วย
- รับแอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดที่มาพร้อมกับ VPN ได้ที่นี่ (ใช้งานได้โดยไม่มีความเสี่ยงเป็นเวลา 30 วัน)
แอนตี้ไวรัสที่ดีจากหลาย ๆ บริการมี VPN รวมอยู่ในแผนบริการด้วย แต่ VPN ที่แถมมาส่วนใหญ่มักจะใช้งานได้ไม่ดีเท่าไหร่ บางบริการไม่ปลอดภัยเพียงพอ บางบริการไม่เร็วพอและบางบริการเหมาะสำหรับกิจกรรมพื้นฐานอย่างการใช้งานทั่วไปเท่านั้น
แต่ก็มีแอนตี้ไวรัสจำนวนหนึ่งที่นำเสนอทั้งการป้องกันมัลแวร์ที่ยอดเยี่ยมและยังมาพร้อมกับ VPN คุณภาพสูงที่มีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวที่ยอดเยี่ยม และสามารถรักษาความเร็วที่รวดเร็วสำหรับการใช้งานทั่วไป สตรีมมิง ทอร์เรนต์และเล่นเกมได้อีกด้วย
เมื่อคุณซื้อแอนตี้ไวรัสที่มี VPN คุณจะได้รับเครื่องมือความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ตที่มีคุณภาพสองตัวในราคาเดียว ด้วยวิธีนี้คุณไม่ต้องกังวลกับการจัดการบัญชีระหว่างสองบริการหรือติดต่อทีมช่วยเหลือลูกค้าคนละทีมเพื่อหาคำตอบในการแก้ปัญหา
สรุปโดยย่อของแอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดที่มาพร้อมกับ VPN:
- 1. 🥇 TotalAV — แอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดโดยรวมของปี 2024 ที่มาพร้อมกับ VPN
- 2. 🥈 Avira — แอนตี้ไวรัสขนาดเล็กและ VPN ที่ดีสำหรับทอร์เรนต์
- 3. 🥉 Bitdefender — แอนตี้ไวรัสบนคลาวด์ที่มาพร้อมกับ VPN ความเร็วสูง
- 4. Norton — แอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดที่มาพร้อมกับ VPN ที่มีฟีเจอร์ครบครัน
- 5. McAfee — แอนตี้ไวรัสที่มาพร้อมกับการป้องกันเว็บอันตรายที่ยอดเยี่ยมและ VPN ที่ใช้งานได้ง่าย
- โบนัส MacKeeper — แอนตี้ไวรัสที่ดีสำหรับ Mac มาพร้อมกับ VPN ที่ดีสำหรับการใช้งานทั่วไป
- โบนัส Malwarebytes — แอนตี้ไวรัสที่เรียบง่ายที่มาพร้อมกับ VPN ที่รวดเร็ว
- ตารางเปรียบเทียบแอนตี้ไวรัสที่ดีสุดที่มาพร้อมกับ VPN
🥇1. TotalAV — แอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดโดยรวมของปี 2024 ที่มาพร้อมกับ VPN
TotalAV เป็นแอนตี้ไวรัสที่มาพร้อมกับ VPN ที่ฉันชอบมากที่สุด ซอฟท์แวร์มีการป้องกันมัลแวร์ที่ยอดเยี่ยมและ Safe Browsing VPN ที่ปลอดภัย รวดเร็ว ใช้งานง่าย และยังสามารถเข้าถึงบริการสตรีมมิ่งได้อีกด้วย
ระบบป้องกันมัลแวร์ของ TotalAV ใช้เครื่องสแกนเวอร์ชันไวท์เลเบลของ Avira ซึ่งเป็นหนึ่งในเอ็นจิ้นมัลแวร์ที่ล้ำหน้าที่สุดในอุตสาหกรรม ระหว่างการทดสอบ เครื่องสแกนไวรัสของ TotalAV ตรวจพบมัลแวร์ตัวอย่างทั้งหมดของฉัน ซึ่งน่าประทับใจอย่างมาก
Safe Browsing VPN ของ TotalAV ยังมี:
- การเข้ารหัส AES 256-bit ทำให้ข้อมูลของคุณไม่สามารถอ่านหากมีผู้สอดแนมและเป็นการเข้ารหัสแบบเดียวกับที่ธนาคารและรัฐบาลใช้
- Kill switch — ตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของคุณโดยอัตโนมัติ หากการเชื่อมต่อกับ TotalAV VPN ของคุณยุติลง ป้องกันไม่ให้ข้อมูลของคุณรั่วไหล
- นโยบายไม่บันทึกข้อมูลการใช้งาน — ป้องกัน TotalAV จากการจัดเก็บข้อมูลผู้ใช้ รวมถึงเว็บไซต์ที่คุณเยี่ยมชมและไฟล์ที่คุณดาวน์โหลด
- โปรโตคอล IKEv2 และ OpenVPN — โปรโตคอล คือชุดของกฎที่กำหนดวิธีส่งข้อมูลจากอุปกรณ์ของคุณไปยังเซิร์ฟเวอร์ VPN IKEv2 และ OpenVPN เป็นโปรโตคอลที่ปลอดภัยและรวดเร็ว
- การป้องกันการรั่วไหล — TotalAV นำเสนอการป้องกันการรั่วไหลของ WebRTC และ DNS การป้องกันการรั่วไหลของ WebRTC ช่วยให้มั่นใจได้ว่าหมายเลข IP ส่วนตัวและสาธารณะของคุณจะไม่มีรั่วไหล การป้องกันการรั่วไหลของ DNS ทำให้แน่ใจว่าคำขอ DNS ทั้งหมดของคุณ (เว็บไซต์ที่คุณเยี่ยมชม) ถูกกำหนดเส้นทางผ่าน VPN ไม่ใช่ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตของคุณ
- แบนด์วิดท์ไม่จำกัด — TotalAV ไม่ได้จำกัดปริมาณข้อมูลที่คุณสามารถใช้ได้ในแต่ละเดือน สิ่งนี้จะช่วยให้คุณสามารถใช้อินเตอร์เน็ต (การท่องเว็บ สตรีมมิงและทอร์เรนต์) ได้มากเท่าที่คุณต้องการขณะที่เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ VPN
- เครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ที่ดี — ตัวเลือกเซิร์ฟเวอร์มากกว่า 70 เซิร์ฟเวอร์ใน 30+ ประเทศ ใน 5 ทวีป ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ใกล้เคียงเพื่อความเร็วสูงสุดได้
ฉันประทับใจกับความเร็ว Safe Browsing VPN ของ TotalAV มาก นี่เป็นหนึ่งใน VPN ที่เร็วที่สุดในรายการนี้เลย เว็บไซต์โหลดได้ทันทีบนทั้งเซิร์ฟเวอร์ในพื้นที่และเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ไกลที่สุด ภาพยนตร์และรายการทีวีก็เริ่มต้นทันทีและไม่มีสะดุด นอกจากนี้ ฉันยังดาวน์โหลดไฟล์ขนาด 20 GB ได้ในเวลาประมาณ 30 นาที ซึ่งเทียบได้กับ VPN แบบสแตนด์อโลนบางบริการ เช่น ExpressVPN และ Private Internet Access
ในขณะที่ทดสอบ VPN ของ TotalAV เราก็สามารถดูเนื้อหาบนเว็บไซต์สตรีมมิ่งได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น Netflix, Amazon Prime และ Disney+ และเพื่อนร่วมงานของเราที่สหราชอาณาจักรก็สามารถดู BBC iPlayer ได้ด้วย Safe Browsing VPN อนุญาตให้ทอร์เรนต์บนเซิร์ฟเวอร์ที่ไม่ใช่ของอเมริกาได้ทั้งหมดและใช้งานได้กับไคลเอนต์ทอร์เรนต์ยอดนิยมได้ทั้งหมด เช่น Utorrent และ Vuze นอกจากนี้ Safe Browsing VPN ยังผ่านการทดสอบการรั่วไหลทั้งหมดของฉัน ซึ่งหมายความว่าหมายเลข IP ของฉันไม่มีการรั่วไหลในระหว่างการใช้งาน
Safe Browsing VPN ของ TotalAV นั้นมีบริการในแผน Internet Security และ Total Security แผนทั้งสองมาพร้อมกับเครื่องสแกนมัลแวร์, การป้องกันมัลแวร์แบบเรียลไทม์, การป้องกันฟิชชิ่ง, เครื่องมือปรับแต่งระบบ, เครื่องมือจัดการและล้างเบราว์เซอร์และเครื่องมือล้างดิสก์ แผน Internet Security นั้นเป็นแผนที่ดีที่สุดโดยรวม มันมีราคาที่เหมาะสม US$39.00 / ปี และสามารถใช้งานได้บน 5 อุปกรณ์ แผน Total Security มีราคาอยู่ที่ US$49.00 / ปี สามารถใช้งานได้บน 6 อุปกรณ์และมีเครื่องมือบล็อกโฆษณาและเครื่องมือจัดการรหัสผ่าน แต่แผนนี้มีราคาค่อนข้างแพงเมื่อเทียบกับแอนตี้ไวรัสอื่น ๆ อย่าง Norton แผนบริการทั้งหมดของ TotalAV มาพร้อมกับการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
สรุป:
โดยรวมแล้ว TotalAV เป็นหนึ่งในโปรแกรมแอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรมและมี VPN ที่ยอดเยี่ยม เครื่องสแกนไวรัสของ TotalAV มีอัตราการตรวจจับมัลแวร์ที่สมบูรณ์แบบและ Safe Browsing VPN ก็มีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยม ความเร็วที่รวดเร็วมาก ให้ข้อมูลไม่จำกัด สามารถเข้าถึงบริการสตรีมมิ่งชั้นนำอย่าง Netflix และ Amazon Prime ได้และรองรับการทอร์เรนต์บนเซิร์ฟเวอร์นอกอเมริกาทั้งหมด TotalAV ยังมาพร้อมกับการป้องกันฟิชชิ่ง เครื่องมือปรับแต่งระบบ เครื่องมือจัดการรหัสผ่านและเครื่องมือรักษาความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ตอื่น ๆ อีกด้วย ทุกแผนยังมาพร้อมกับการรับประกันคืนเงิน 30 วัน
🥈2. Avira — แอนตี้ไวรัสขนาดเล็กและ VPN ที่ดีสำหรับทอร์เรนต์
Avira มีเครื่องสแกนที่ทรงพลังและมีแอนตี้ไวรัสที่มีฟีเจอร์ความปลอดภัยบนอินเตอร์เน็ตที่ยอดเยี่ยม รวมถึง VPN (Phantom VPN) ที่ใช้งานได้ง่ายและเหมาะสำหรับการ P2P
Avira ใช้เครื่องสแกนไวรัสบนคลาวด์ควบคู่ไปกับไดเรกทอรีมัลแวร์ขนาดใหญ่และการวิเคราะห์แบบฮิวริสติค และยังมีอัตราการตรวจจับไฟล์มัลแวร์ตัวอย่างทั้งหมดที่สมบูรณ์แบบอีกด้วย
นอกเหนือจากฟีเจอร์ความปลอดภัยมาตรฐาน เช่น Kill switch, การเข้ารหัส AES 256-bit และนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานที่ชัดเจน Avira Phantom VPN ยังมี:
- โปรโตคอล IPsec และ OpenVPN
- เซิร์ฟเวอร์มากกว่า 1,400 เซิร์ฟเวอร์ที่ตั้งอยู่ใน 35 ประเทศ
- ไม่จำกัดการใช้ข้อมูล
Phantom VPN นั้นยอดเยี่ยมสำหรับการทอร์เรนต์ — รองรับการ P2P บนเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมด รวมถึงในอเมริกา (ต่างจาก Safe Browsing VPN ของ TotalAV) และใช้งานได้กับไคลเอนต์ทอร์เรนต์ชั้นนำทั้งหมด และมีเซิร์ฟเวอร์กระจายอยู่ทั่วโลก ทำให้ผู้ใช้ส่วนใหญ่สามารถค้นหาเซิร์ฟเวอร์ใกล้เคียงเพื่อเชื่อมต่อด้วยความเร็วที่ดีที่สุด ตัวอย่างเช่น ฉันเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ในพื้นที่และฉันใช้เวลาในการดาวน์โหลดไฟล์ขนาด 20 GB เท่ากันกับเวลาที่ดาวน์โหลดด้วย Safe Browsing VPN ของ TotalAV ก่อนที่ฉันจะเริ่มทอร์เรนต์ ฉันได้ทำการทดสอบการรั่วไหลในขณะที่เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ในกว่า 10 ประเทศและไม่พบการรั่วไหลใด ๆ เลย
เมื่อพูดถึงความเร็ว Avira Phantom VPN นั้นไม่เร็วเท่ากับ Safe Browsing VPN ของ TotalAV หรือ Bitdefender แต่เร็วกว่า VPN ของ Norton — เว็บไซต์สามารถโหลดได้ทันทีบนเซิร์ฟเวอร์ในพื้นที่และฉันพบว่ามีการสะดุดเพียงเล็กน้อยเมื่อดูวิดีโอแบบ HD บน YouTube บนเซิร์ฟเวอร์ส่วนใหญ่
ข้อเสียที่ใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งของ Avira Phantom VPN คือ มันไม่สามารถเข้าถึงเว็บสตรีมมิ่งที่เป็นที่นิยมอย่าง Netflix, Amazon Prime และ Disney+ ได้ (ไม่เหมือนกับบริการอื่น ๆอย่าง Safe Browsing VPN ของ Total AV หรือผู้ให้บริการแบบสแตนด์อโลน อย่าง ExpressVPN).
Avira Free Security เป็นแพ็คเกจแอนตี้ไวรัสฟรีของ Avira ที่มี Avira Phantom VPN รวมอยู่ด้วย แต่จำกัดข้อมูลเพียง 500 MB ต่อเดือน ซึ่งแทบจะไม่เพียงพอที่จะดูรายการความยาว 30 นาที อย่างที่กล่าวไปแล้วว่า Avira Free Security เป็นแอนตี้ไวรัสฟรีที่ดีที่สุดและเหมาะสำหรับผู้ที่กำลังมองหาเครื่องสแกนไวรัสขนาดเล็ก การป้องกันแบบเรียลไทม์และการป้องกันการช็อปปิ้งออนไลน์ที่ปลอดภัย (แต่ครอบคลุมเพียง PC 1 เครื่องเท่านั้นและไม่รวมมือถือ)
Avira Prime เป็นแผนพรีเมี่ยมเพียงแผนเดียวที่มี Phantom VPN ซึ่งมีข้อมูลไม่จำกัดและแผนนี้คุ้มค่ามากสำหรับ ผู้ใช้ที่ต้องการปกป้องอุปกรณ์สูงสุด 5 เครื่อง (รวมอุปกรณ์พกพา) Avira Prime มีราคาอยู่ที่ US$59.99 / ปี และยังมีเครื่องมือจัดการรหัสผ่านที่ยอดเยี่ยมและเครื่องมือเพิ่มความเร็วและล้างข้อมูลที่ดีที่สุดในตลาด แผนทั้งหมดของ Avira มีการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
สรุป:
Avira เป็นโปรแกรมแอนตี้ไวรัสที่ยอดเยี่ยม มีเครื่องสแกนมัลแวร์บนคลาวด์ที่ทรงพลังและยังมาพร้อมกับ VPN ที่ค่อนข้างดีอีกด้วย ในการทดสอบของฉัน เครื่องสแกนมัลแวร์ของ Avira สามารถตรวจจับมัลแวร์ทั้งหมดของฉันได้ ในขณะที่ Avira Phantom VPN ก็มีความเร็วที่รวดเร็วและสามารถมอบประสบการณ์การทอร์เรนต์ที่ยอดเยี่ยมให้ฉันได้ น่าเสียดายที่ VPN ของ Avira นั้นไม่สามารถเข้าถึงบริการสตรีมมิ่งยอดนิยมได้ Avira ยังมีเครื่องมือความปลอดภัยทางไซเบอร์อื่น ๆ เช่น เครื่องมือจัดการรหัสผ่านและเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพระบบ แผนบริการฟรีที่ดีที่สุด (แต่ VPN ของบริการฟรีจำกัดข้อมูลอยู่ที่ 500 MB ต่อเดือน) และแผนบริการการซื้อทั้งหมดมีการรับประกันคืนเงินโดยไม่มีความเสี่ยง 30 วัน
🥉3. Bitdefender — เครื่องสแกนไวรัสขั้นสูงที่มาพร้อมกับ VPN ความเร็วสูง
Bitdefender มีเครื่องสแกนมัลแวร์ที่ยอดเยี่ยมและมี VPN ที่มีความเร็วที่มากที่สุดในรายการนี้
Bitdefender มีแอปอินเตอร์เฟสในภาษาไทยบน Windoes และ iOS
เครื่องสแกนไวรัสบนคลาวด์ใช้การเรียนรู้ของเครื่องควบคู่ไปกับการสแกนตามพฤติกรรม ซึ่งช่วยให้การตรวจจับมัลแวร์ทำได้ 100%
VPN ของ Bitdefender นั้นให้บริการโดยผู้ให้บริการ VPN แบบสแตนด์อโลน Hotspot Shield และรวมมาให้ฟรีกับแอนตี้ไวรัสบางแผนของ Bitdefender แต่ฉันไม่ค่อยชอบแผนบริการฟรีซักเท่าไหร่ คุณจะได้รับข้อมูลเพียง 200 MB ต่อวันเท่านั้นและไม่มีตัวเลือกเซิร์ฟเวอร์ให้เชื่อมต่อเอง (Bitdefender จะเชื่อมต่อคุณกับเซิร์ฟเวอร์ที่เร็วที่สุดโดยอัตโนมัติตามตำแหน่งของคุณ) เมื่ออัพเกรดเป็นแผนพรีเมี่ยม Bitdefender Premium VPN คุณจะได้รับ แบบไม่จำกัดข้อมูล เชื่อมต่อได้พร้อมกัน 10 อุปกรณ์และเข้าถึงตัวเลือกเซิร์ฟเวอร์มากกว่า 1,300 เซิร์ฟเวอร์ใน 45 ประเทศ
สิ่งที่ดีที่สุดเกี่ยวกับ Bitdefender Premium VPN คือ โปรโตคอล Catapult Hydra ซึ่งเป็นโปรโตคอลที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ Hotspot Shield ที่เร็วมาก ฉันมีการเชื่อมต่อที่รวดเร็วมากในทุกเซิร์ฟเวอร์ไม่ว่าจะใช้งานทั่วไป ทอร์เรนต์หรือเล่นเกม แม้แต่บนเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ห่างออกไป ก็สามารถโหลดเว็บไซต์ได้เกือบจะในทันที วิดีโอ YouTube เริ่มเล่นได้ทันทีและฉันสามารถดาวน์โหลดไฟล์ได้อย่างรวดเร็ว
VPN ของ Bitdefender นั้นก็ใช้สตรีมมิ่งได้ดีด้วย เราสามารถดูเนื้อหาของ Netflix, Amazon Prime, Max และ Disney+ ได้อย่างไม่มีปัญหา หากคุณกำลังมองหาแอนตี้ไวรัสที่มี VPN ที่ใช้งานได้กับเว็บสตรีมมิ่งยอดนิยม ฉันขอแนะนำ TotalAV หากคุณต้องการ VPN แบบสแตนด์อโลนที่ดีที่สุดสำหรับ Netflix และแอปสตรีมมิ่งอื่นๆ ฉันแนะนำ ExpressVPN
อย่างไรก็ตาม Bitdefender Premium VPN รองรับการทอร์เรนต์บนเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดและทำงานร่วมกับไคลเอนต์ทอร์เรนต์ชั้นนำได้ นอกจากนี้ฉันยังชอบที่ Bitdefender Premium VPN มีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่จำเป็น อย่าง การเข้ารหัส AES 256-bit, Kill switch, นโยบายไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานที่เข้มงวดและฟีเจอร์พิเศษ เช่น Split-tunneling (ให้คุณเลือกได้ว่าจะใช้งานแอปผ่าน VPN)
Bitdefender มีแผนบริการที่มีราคาไม่แพงให้เลือกหลากหลายและบางแผนยังมาพร้อมกับ VPN เวอร์ชั่นฟรีของ Bitdefender อีกด้วย Bitdefender Antivirus Plus มีราคาอยู่ที่ US$24.99 / ปี นี่เป็นแผนบริการที่มีราคาถูกที่สุดและเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ใช้ Windows ที่ต้องการการป้องกันมัลแวร์ แผนนี้ครอบคลุม PC Windows 3 เครื่องและมีเครื่องสแกนมัลแวร์และการป้องกันการฟิชชิ่ง Bitdefender Internet Security (US$37.99 / ปี) จะเพิ่มไฟร์วอลล์ การป้องกันเว็บแคมและไมโครโฟนและการควบคุมโดยผู้ปกครองและแผน Total Security (US$40.99 / ปี) เพิ่มการป้องกันใน 5 อุปกรณ์ (Windows, macOS, Android และ iOS)
ผู้ใช้ที่ต้องการตัวเลือกการใช้งานข้อมูลแบบไม่จำกัดควรอัพเกรดเป็นแผน Premium Security ซึ่งมีราคาอยู่ที่ (US$69.99 / ปี) และให้ความคุ้มค่าโดยรวมมากที่สุด (และเป็นหนึ่งในแอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดใน2024) คุณสามารถซื้อ VPN เวอร์ชั่นพรีเมี่ยมแบบสแตนอโลนได้ Bitdefender รับประกันการคืนเงินสำหรับทุกแผนเป็นเวลา 30 วัน
สรุป:
Bitdefender มาพร้อมกับการสแกนมัลแวร์ขั้นสูงมีขนาดเล็กและมี VPN ที่เร็วที่สุดในรายการนี้ Bitdefender ยังมาพร้อมกับการป้องกันฟิชชิ่งและการป้องกันแรนซัมแวร์, ไฟร์วอลล์, การป้องกันเว็บแคมและไมโครโฟนและการควบคุมโดยผู้ปกครอง VPN ฟรีของ Bitdefender จำกัดจำนวนข้อมูลที่ 200 MB ต่อวันเท่านั้น แต่ Bitdefender Premium VPN ให้ข้อมูลไม่จำกัด (มีทั้งแบบสแตนด์อโลนหรือพร้อมกับแผน Premium Security) แม้ว่า Bitdefender Premium VPN จะไม่เหมาะสำหรับการสตรีม แต่ก็รองรับการทอร์เรนต์บนเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดและยังมีฟีเจอร์ Split-tunneling อีกด้วย แผนบริการทั้งหมดของ Bitdefender มีการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
อ่านรีวิวตัวเต็มของ Bitdefender
อ่านรีวิวตัวเต็มของ Bitdefender Premium VPN
4. Norton — แอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดที่มาพร้อมกับ VPN ที่มีฟีเจอร์ครบครัน
Norton เป็นแอนตี้ไวรัสที่ฉันชอบมากที่สุดในปี 2024แอปพลิเคชั่น Andriod มีอินเตอร์เฟสในภาษาไทยและ VPN ยังมีฟีเจอร์ที่ยอดเยี่ยมมากมายอีกด้วย
Norton ใช้ไดเรกทอรีมัลแวร์ขนาดใหญ่และมีการประเมินฮิวริสติกและการเรียนรู้ของเครื่องเพื่อตรวจจับมัลแวร์ ในระหว่างการทดสอบ Norton ตรวจพบและลบตัวอย่างมัลแวร์ได้ 100%
ฉันชอบฟีเจอร์พิเศษที่ Norton Secure VPN นำเสนอ มันมาพร้อมกับ Split-tunneling, เครื่องมือบล็อกโฆษณาที่ดี, รับรองเครือข่าย Tor และฟีเจอร์ Wi-Fi Secure สามารถระบุเครือข่ายที่เป็นอันตรายและแจ้งให้คุณทราบเมื่อคุณเชื่อมต่อกับเครือข่ายนั้น
ในการทดสอบของฉัน Norton Secure VPN สามารถรักษาความเร็วบนเซิร์ฟเวอร์ในพื้นที่ได้ แต่ความเร็วของฉันบนเซิร์ฟเวอร์ระยะไกลนั้นช้ากว่า TotalAV และ Bitdefender ฉันไม่พบการชะลอตัวใด ๆ กับ Norton Secure VPN ในขณะที่ฉันเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ในพื้นที่ แต่ความเร็วของฉันลดลงพอสมควรบนเซิร์ฟเวอร์ในเอเชียและยุโรป ฉันใช้เวลาในการโหลดเว็บไซต์ถึงมาก 5 วินาทีและฉันพบกับการสะดุดขณะสตรีมเนื้อหา
เมื่อพูดถึงเรื่องของการสตรีมมิ่ง Norton Secure VPN ก็สามารถใช้งานได้กับแพลตฟอร์มอย่าง Netflix, Disney+ และ Max แต่ใช้งานกับ BBC iPlayer ไม่ได้ ได้เลย ข้อเสียที่ใหญ่ที่สุดของ Norton Secure VPN คือ มันไม่รองรับการทอร์เรนต์ Norton ได้ตัดการเชื่อมต่อฉันจาก VPN เมื่อฉันใช้ไคลเอนต์ทอร์เรนต์ ฉันชอบที่ VPN ของ TotalAV, Avira และ Bitdefender อนุญาตให้ทำการ P2P
นอกจากนี้ Norton Secure VPN ยังบันทึกหมายเลข IP ของคุณ ฉันไม่สามารถเชื่อถือ VPN ที่บันทึกหมายเลข IP ของผู้ใช้ได้อย่างเต็มที่ เพราะมันทำให้ความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ตกอยู่ในความเสี่ยง นอกจากนี้ฉันยังไม่ชอบที่ไม่มีการป้องกันการรั่วไหลของ DNS และ WebRTC
Norton นำเสนอ แผนบริการที่หลากหลาย แต่แพ็คเกจแอนตี้ไวรัสที่คุ้มค่าที่สุดคือ Norton 360 Deluxe มันมีราคาไม่แพง ซึ่งอยู่ที่ US$29.99 / ปี*และครอบคลุมมากถึง 5 อุปกรณ์ (รวมถึงแพลตฟอร์มหลักทั้งหมด), เครื่องสแกนมัลแวร์ที่ยอดเยี่ยม, การป้องกันเว็บ, พื้นที่สำรองข้อมูลบนคลาวด์ 50 GB, ไฟร์วอลล์, เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน, การควบคุมโดยผู้ปกครอง, การตรวจสอบความเป็นส่วนตัว, การป้องกันกล้องเว็บและการตรวจสอบดาร์กเว็บ
ผู้ใช้ในอเมริกาสามารถดูตัวเลือก Norton 360 with LifeLock Select (มีราคาที่ US$69.99 / ปี*) และ Norton 360 with LifeLock Ultimate Plus (มีราคาที่ US$299.88 / ปี*) ซึ่งจะเพิ่มการป้องกันการขโมยข้อมูลส่วนบุคคล เช่น การป้องกันกระเป๋าเงินออนไลน์, การตรวจสอบเครดิต, การแจ้งเตือนการใช้หมายเลขประกันสังคมและบัตรเครดิต, คุ้มครองการสูญเสียทางการเงินสูงสุด30 ล้านบาทและอื่น ๆ อีกมากมาย
ทุกแผนบริการของ Norton ยังมาพร้อมกับการรับประกันคืนเงินเป็นเวลา 60 วันอีกด้วย
สรุป:
Norton ให้การปกป้องที่ยอดเยี่ยมจากภัยคุกคามมัลแวร์ขั้นสูงและยังสามารถตรวจจับไฟล์มัลแวร์ทั้งหมดในการทดสอบของเราได้อีกด้วยและ Norton Secure VPN ยังเป็น VPN ที่ดีที่มาพร้อมกับฟีเจอร์พิเศษมากมาย Norton มีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยมากมาย เช่น การป้องกันเว็บ, พื้นที่สำรองข้อมูลบนคลาวด์ 50 GB, ไฟร์วอลล์, เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน, การควบคุมโดยผู้ปกครองและอื่น ๆ อีกมากมาย Norton Secure VPN ปลอดภัย ใช้งานง่าย รวดเร็วและมาพร้อมกับฟีเจอร์พิเศษที่ยอดเยี่ยม เช่น Split-tunneling, เครื่องมือบล็อกโฆษณา, การป้องกัน Wi-Fi และรับรองเครือข่าย Tor Norton ยังมาพร้อมกับการรับประกันคืนเงินเป็นเวลา 60 วันอีกด้วย
อ่านรีวิวตัวเต็มของ Norton Secure VPN review
5. McAfee — แอนตี้ไวรัสที่มาพร้อมกับการป้องกันเว็บที่ยอดเยี่ยมและ VPN ที่ใช้งานได้ง่าย
McAfee มีเครื่องมือสแกนมัลแวร์ที่ยอดเยี่ยม การป้องกันเว็บอันตรายที่ดีและ VPN ที่ใช้งานง่าย
เครื่องสแกนไวรัสของ McAfee มีการป้องกันมัลแวร์ที่ยอดเยี่ยม สามารถตรวจจับมัลแวร์ตัวอย่างที่ฉันซ่อนไว้ในอุปกรณ์ของฉันได้ทั้งหมดและยังมีฟีเจอร์ต่าง ๆ เช่น การป้องกันฟิชชิ่งและการป้องกันการโจรกรรมข้อมูลประจำตัวเพื่อให้คุณใช้งานได้ปลอดภัย แถมอินเตอร์เฟส Android ยังมีให้บริการในภาษาไทยอีกด้วย
McAfee Safe Connect VPN ใช้งานได้ง่ายมาก แม้แต่ผู้ที่ไม่เคยใช้ VPN ก็สามารถใช้งานได้ มีตัวเลือก Fastest Server ที่จะเชื่อมต่อคุณกับเซิร์ฟเวอร์ที่เร็วที่สุดตามตำแหน่งของคุณ เมื่อฉันเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ผ่าน Fastest Server มันสามารถเชื่อมต่อฉันกับเซิร์ฟเวอร์ในประเทศของฉันได้อย่างแม่นยำ การเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ด้วยตนเองกับเซิร์ฟเวอร์ในกว่า 25 ประเทศของ McAfee Safe Connect นั้นก็ทำได้ง่ายไม่แพ้กัน แม้ว่า McAfee Safe Connect VPN จะไม่ได้มาพร้อมกับฟีเจอร์มากมาย แต่ก็มีอินเตอร์เฟสที่ใช้งานได้ง่าย ซึ่งสามารถเข้าใช้งานส่วนต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย เมื่อพูดถึงความปลอดภัย McAfee Safe Connect VPN มีการเข้ารหัส AES 256-bit และ Kill switch
McAfee Safe Connect VPN นั้นดีมากสำหรับการสตรีมมิ่ง เราสามารถดู Netflix, Amazon Prime และ Max ได้อย่างเสถียร (แต่เราไม่สามารถใช้งานมันกับ Disney+, Hulu หรือ ESPN+ ได้) McAfee Secure VPN มีความเร็วที่ดี ทำให้ฉันสามารถ สตรีมแบบ HD ได้โดยไม่มีสะดุด
อย่างไรก็ตาม มีบางอย่างที่ฉันไม่ชอบเกี่ยวกับ McAfee Safe Connect VPN สักเท่าไหร่อย่างเช่น บริการไม่รองรับการทอร์เรนต์ (ต่างจาก TotalAV, Avira และ Bitdefender) และมีนโยบายความเป็นส่วนตัวที่แย่มาก McAfee ระบุว่าจะบันทึกหมายเลข IP, ประวัติการใช้งานและแม้แต่การซื้อที่คุณทำบนอินเทอร์เน็ต มันยังขาดฟีเจอร์พิเศษอย่าง Split-tunneling และเครื่องมือบล็อคโฆษณา
แผนทั้งหมดของ of McAfee Total Protection มี McAfee Safe Connect แผน Single Device ครอบคลุมอุปกรณ์เพียง 1 เครื่องและมีเครื่องสแกนมัลแวร์, ไฟร์วอลล์, เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน True Key, เครื่องทำลายไฟล์, การป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลและเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพ PC ในราคา US$84.99 / ปี แผน Multiple Devices ของ McAfee ครอบคลุม 5 อุปกรณ์และมีราคา US$49.99 / ปี มันยอดเยี่ยมสำหรับครอบครัวหรือผู้ใช้ที่มีอุปกรณ์จำนวนมาก ฉันยังชอบแผน Family Coverage ที่มีราคา US$69.99 / ปี ที่จะเพิ่มการควบคุมโดยผู้ปกครอง มันเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับครอบครัวขนาดใหญ่หรือครอบครัวที่มีอุปกรณ์จำนวนมาก ทุกแผนบริการของ McAfee ยังมาพร้อมกับการรับประกันคืนเงิน 30 วัน
สรุป:
แอนตี้ไวรัสของ McAfee มีประสิทธิภาพในการปกป้องอุปกรณ์ของคุณจากมัลแวร์อย่างมากและ Safe Connect VPN นั้นก็ใช้งานได้ง่ายมากเช่นกัน เครื่องสแกนของ McAfee ตรวจพบไฟล์มัลแวร์ได้ทุกไฟล์ในการทดสอบของฉัน แอนตี้ไวรัสยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ที่ยอดเยี่ยม เช่น ไฟร์วอลล์ เครื่องมือทำลายไฟล์ การป้องกันข้อมูลประจำตัว เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพและเครื่องมือจัดการรหัสผ่าน VPN นี้มีความปลอดภัย เร็ว และใช้งานได้กับบริการสตรีมมิ่งส่วนใหญ่อย่างเช่น Netflix และ Amazon Prime ได้ แต่มันขาดฟีเจอร์เสริมอย่าง split-tunneling McAfee มีการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วันสำหรับทุกแพลน
โบนัส MacKeeper — แอนตี้ไวรัสที่ดีสำหรับ Antivirus ที่มาพร้อมกับ VPN พื้นฐาน
MacKeeper แอนตี้ไวรัสขนาดเล็กสำหรับ Macที่มาพร้อมกับ VPN ที่ปลอดภัยและรวดเร็ว
เครื่องสแกนไวรัสของ MacKeeper ตรวจพบมัลแวร์ตัวอย่างส่วนใหญ่ของฉัน อย่างไรก็ตาม MacKeeper ไม่สามารถตรวจหารูทคิทได้
VPN ของ MacKeeper มีชื่อว่า Private Connect มีเซิร์ฟเวอร์เกือบ 300 เซิร์ฟเวอร์ในกว่า 50 ประเทศ ทำให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ในตำแหน่งที่ตั้งใกล้เคียงเพื่อรับความเร็วที่เร็วที่สุด ฉันชอบ Private Connect สำหรับการใช้งานทั่วไปอย่าง มันมีข้อมูลไม่จำกัด มีแดชบอร์ดที่เรียบง่ายและใช้งานง่าย ใช้โปรโตคอลที่ปลอดภัย (OpenVPN) และมาพร้อมกับการป้องกันการรั่วไหลของ DNS และ WebRTC
นอกจากนี้เมื่อรวมฟีเจอร์แอนตี้ไวรัสของ MacKeeper เข้าด้วยกัน คุณจะได้รับเครื่องมือบล็อกโฆษณา ซึ่งช่วยให้เว็บไซต์โหลดเร็วขึ้นและมอบประสบการณ์การใช้งานที่ราบรื่นยิ่งขึ้นแก่ผู้ใช้ ฉันชอบที่ Private Connect มีเซิร์ฟเวอร์สำหรับ P2P โดยเฉพาะ แต่ Private Connect ไม่เร็วเท่ากับ Bitdefender หรือ TotalAV ดังนั้นเมื่อฉันดาวน์โหลดไฟล์ (ไฟล์ 20 GB ใช้เวลาเกือบ 40 นาที) จึงใช้เวลานานกว่าที่ฉันคาดไว้
ระหว่างการทดสอบของเรา เราไม่สามารถดู Netflix, Amazon Prime หรือแอปสตรีมมิ่งชั้นนำอื่น ๆ ได้ (TotalAV นั้นเป็น VPN ที่ดีที่สุดในรายการนี้ที่สามารถใช้งานกับบริการสตรีมมิ่งได้) ฉันผิดหวังมากที่สุดกับนโยบายความเป็นส่วนตัวของ Mackeeper ด้วย มันมีความคลุมเครือมากและระบุว่ารวบรวมข้อมูลและกิจกรรมของผู้ใช้ แต่ไม่ได้อธิบายความหมายอย่างละเอียด MacKeeper ยังบอกด้วยว่าอาจแบ่งปันข้อมูลของคุณกับบริษัท ที่ปรึกษาและผู้รับเหมาอื่น ๆ
MacKeeper มีฟีเจอร์ที่เหมือนกันทั้งหมดในแต่ทุกแผน ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือ จำนวนอุปกรณ์ macOS ที่ครอบคลุม ไม่เหมือนกับแอนติไวรัสอื่น ๆ ในรายการนี้ บริการมีแผน 1 เดือนและ 12 เดือนสำหรับ Mac 1 เครื่องและแผน 12 เดือนที่ครอบคลุม Mac สูงสุด 3 เครื่อง แผนบริการของ MacKeeper มีราคาเริ่มต้นที่ US$10.95 / เดือน และมีเครื่องสแกนไวรัส, เครื่องมือล้างแอดแวร์, StopAd (เครื่องมือบล็อกโฆษณา), เครื่องมือป้องกันการโจรกรรม ID (การตรวจสอบอีเมล), เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพและล้างระบบ แม้ว่าแผนบริการจะมีราคาแพง แต่ MacKeeper ยังคงเป็นแอนตี้ไวรัสที่ดีสำหรับผู้ใช้ที่กำลังมองหาแอนตี้ไวรัสสำหรับ Mac แต่ละแผนมีการรับประกันคืนเงินภายใน 14 วัน ซึ่งเป็นระยะเวลาการคืนเงินที่สั้นที่สุดในรายการนี้
สรุป:
MacKeeper เป็นแอนตี้ไวรัสที่ดีสำหรับ Mac ที่มี VPN ในตัว ที่เหมาะสำหรับการใช้งานอย่างปลอดภัย เครื่องสแกนมัลแวร์ของ MacKeeper สามารถตรวจจับมัลแวร์เกือบทั้งหมดในการทดสอบของฉันได้และยังมีฟีเจอร์ที่ดีอย่างเครื่องมือล้างแอดแวร์, เครื่องมือบล็อกโฆษณา, การตรวจสอบการละเมิดอีเมล, เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพและล้างระบบ VPN นั้นใช้งานง่าย มีความเร็วที่ใช้ได้ และก็รองรับการโหลดบิทบนเซิร์ฟเวอร์เฉพาะสำหรับ P2P แต่มันไม่ค่อยดีนักสำหรับใช้สตรีมมิ่งและก็มีนโยบายความเป็นส่วนตัวที่ดูค่อนข้างน่าสงสัย แพลนทั้งหมดของ MacKeeper มาพร้อมกับการรับประกันคืนเงินภายใน 14 วัน
โบนัส Malwarebytes — แอนตี้ไวรัสมินิมอลที่มาพร้อมกับ VPN ความเร็วสูง
Malwarebytes เป็นแอนตี้ไวรัสที่ดีและใช้งานได้ง่าย มาพร้อมกับ VPN ความเร็วสูง แต่ขาดฟีเจอร์หลายอย่างที่มีในบริการชั้นนำอย่าง Norton, Bitdefender และ TotalAV
เครื่องสแกนแอนตี้ไวรัสของ Malwarebytes ใช้ฐานข้อมูลมัลแวร์ขนาดใหญ่และมีการประเมินฮิวริสติกเพื่อตรวจจับมัลแวร์ บริการสามารถตรวจจับมัลแวร์ได้ 95% ในการทดสอบของฉัน
VPN ของ Malwarebytes (มีชื่อว่า Malwarebytes Privacy) มีเซิร์ฟเวอร์มากกว่า 400 เซิร์ฟเวอร์ในกว่า 30 ประเทศมีข้อมูลไม่จำกัดและใช้โปรโตคอล WireGuard ซึ่งเป็นหนึ่งในโปรโตคอลที่มีความเร็วมากที่สุด ถึงจะไม่เร็วเท่ากับ Bitdefender แต่ก็มีความเร็วมากพอสำหรับการใช้งานทั่วไป เล่นเกมและดูวิดีโอ YouTube ในความคมชัดแบบ HD บนเซิร์ฟเวอร์ในประเทศ อย่างไรก็ตามบนเซิร์ฟเวอร์ระยะไกล เว็บไซต์ใช้เวลาในการโหลด 2-4 วินาทีและฉันประสบการแลคเมื่อเล่นวิดีโอเกม ในขณะที่ฉันชอบ Malwarebytes Privacy ที่มีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่จำเป็น (การเข้ารหัส AES 256-bit และนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลที่เข้มงวด) แต่ฉันรู้สึกผิดหวังที่บริการไม่มี Kill switch
น่าเสียดายที่ VPN นั้นไม่ค่อยดีนักสำหรับใช้สตรีมมิ่ง มันไม่สามารถใช้งานกับ Netflix, Disney+, Amazon Prime หรือบริการสตรีมมิ่งอื่น ๆ ได้ เพื่อนร่วมงานของเราที่สหราชอาณาจักรสามารถใช้มันดู BBC iPlayer ได้ แต่ก็ได้เท่านั้น ได้และ Malwarebytes Privacy ไม่อนุญาตให้ทอร์เรนต์ (เหมือนกับ Norton และ McAfee)
Malwarebytes Privacy มีให้บริการในแผน Premium + Privacy ซึ่งมีราคาที่ US$59.99 / ปี ทุกแผนบริการของ Malwarebytes ยังมาพร้อมกับการรับประกันคืนเงินเป็นเวลา 60 วันอีกด้วย
สรุป:
Malwarebytes เป็นแอนตี้ไวรัสที่ใช้งานง่าย ซึ่งเหมาะสำหรับการตรวจหามัลแวร์ บริการยังมาพร้อมกับ VPN ที่รวดเร็ว Malwarebytes พบตัวอย่างมัลแวร์ได้ถึง 95% ในการทดสอบของฉัน นอกจากนี้ยังมีการป้องกันเว็บอันตราย (การป้องกันเว็บฟิชชิ่ง) และการป้องกันแบบเรียลไทม์ที่ดีมากอีกด้วย อย่างไรก็ตาม Malwarebytes ขาดหลาย ๆ ฟีเจอร์ที่นำเสนอในแอนตี้ไวรัสชั้นนำอื่น ๆ เช่น ไฟร์วอลล์และการควบคุมโดยผู้ปกครอง แม้ว่า VPN จะไม่เหมาะสำหรับการสตรีม ไม่อนุญาตให้ทอร์เรนต์ และไม่มี Kill switch แต่ Malwarebytes Privacy เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป
อ่านรีวิวตัวเต็มของ Malwarebytes
ตารางเปรียบเทียบแอนตี้ไวรัสที่ที่ดีสุดที่มาพร้อมกับ VPN
วิธีเลือกแอนตี้ไวรัสที่ดีสุดที่มาพร้อมกับ VPN ใน 2024
- การป้องกันมัลแวร์ แอนตี้ไวรัสแต่ละบริการในรายการนี้มีการป้องกันภัยคุกคามขั้นสูงที่ทันสมัย รวมถึงโทรจัน สปายแวร์และแรนซัมแวร์
- ฟีเจอร์ VPN VPN ที่ดีต้องมีฟีเจอร์ความปลอดภัย VPN ที่เป็นมาตรฐานอุตสาหกรรม เช่น การเข้ารหัส AES 256-bit (ใช้โดยธนาคารและกองทัพ) Kill switch (ปิดการเชื่อมต่อของคุณหากการเชื่อมต่อ VPN ของคุณยุติลง) และนโยบายไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานที่เข้มงวด (เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ให้บริการเก็บบันทึกการรับส่งข้อมูลของคุณ) นอกจากนี้ฉันแนะนำเฉพาะ VPN ที่สามารถรักษาความเร็วที่สม่ำเสมอสำหรับการใช้งาน สตรีมมิ่งและทอร์เรนต์
- ความง่ายในการใช้งาน แอนตี้ไวรัสและ VPN ทั้งหมดในรายการนี้สามารถดาวน์โหลดและติดตั้งได้ง่ายและแต่ละบริการมาพร้อมกับอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย ซึ่งทำให้ง่ายต่อการสำรวจและค้นหาฟีเจอร์ต่าง ๆ แอนตี้ไวรัสทั้งหมดในรายการนี้ได้รับการออกแบบมาอย่างดีและมีแดชบอร์ดที่ใช้งานง่าย ซึ่งช่วยให้คุณสามารถค้นหาและเปิด/ปิดใช้งานฟีเจอร์ต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย
- ฟีเจอร์เพิ่มเติม ฉันแนะนำเฉพาะแอนตี้ไวรัสที่มีฟีเจอร์พิเศษ (นอกเหนือจากเครื่องสแกนมัลแวร์ที่ยอดเยี่ยมและ VPN) แอนตี้ไวรัสในรายการของฉันมีฟีเจอร์ความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยม เช่น ไฟร์วอลล์ขั้นสูง, การป้องกันฟิชชิ่ง, การตรวจสอบการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล, การตรวจสอบการขโมยข้อมูลประจำตัว, การควบคุมโดยผู้ปกครองและเครื่องมือจัดการรหัสผ่าน VPN ในรายการของฉันมีฟีเจอร์พิเศษเช่น Split-tunneling, เครื่องมือบล็อคโฆษณาและฟีเจอร์อื่น ๆ อีกมากมาย
- ความคุ้มค่า แอนตี้ไวรัสทั้งหมดในรายการนี้นำเสนอแผนราคาที่ไม่แพง ที่รวม VPN และฟีเจอร์อื่น ๆ อีกมากมาย เช่น การป้องกันเว็บฟิชชิ่ง, เครื่องมือจัดการรหัสผ่านและการควบคุมโดยผู้ปกครองเอาไว้ด้วยและยังยอมรับการชำระเงินหลายรูปแบบและรับประกันคืนเงินในทุกแผนบริการ
บริการจากบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ไม่ติดโผของฉัน
- Kaspersky. Kaspersky มีเครื่องสแกนมัลแวร์ การป้องกันเว็บฟิชชิ่งและการควบคุมโดยผู้ปกครองที่ดี แต่ VPN ที่มาพร้อมกับแพ็คเกจจำกัดข้มูลที่ 200 MB ต่อวันเท่านั้น (ซึ่งเพียงพอสำหรับการใช้งานประมาณ 30-60 นาทีเท่านั้น) และคุณสามารถ เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ 1 ตำแหน่งได้เท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม Kaspersky นำเสนอ VPN พรีเมี่ยมราคาถูกให้คุณสามารถซื้อแยกได้
- Panda ในขณะที่เครื่องสแกนมัลแวร์ของ Panda นั้นยอดเยี่ยมและแอนตี้ไวรัสมีฟีเจอร์พิเศษที่ยอดเยี่ยม แต่ VPN นั้นมาพร้อมกับ แผนพรีเมี่ยม เท่านั้น ซึ่งเป็นแผนที่แพงที่สุด (แผนอื่น ๆ นำเสนอ VPN ที่จำกัดข้อมูล 150 MB/วัน) Pandas VPN นั้นยังขาดฟีเจอร์ความปลอดภัยสำคัญที่ VPN ควรมีอย่าง kill switch นอกจากนี้ยังมีความเร็วที่ต่ำมาก และก็ยังใช้งานได้ไม่เสถียรอีกด้วยเมื่อนำมาใช้กับบริการสตรีมมิ่ง
- ESET ESET เป็นโปรแกรมแอนตี้ไวรัสที่ใช้งานง่าย ที่มีเครื่องสแกนมัลแวร์ที่ดีมากและฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยเพิ่มเติมก็มีไฟร์วอลล์ การควบคุมโดยผู้ปกครองและการป้องกันฟิชชิ่ง แต่ไม่มี VPN
คำถามที่พบบ่อย
แอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดมาพร้อมกับ VPN คืออะไร
TotalAV เป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งสำหรับโปรแกรมแอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดที่มี VPN ในปี 2024 — มันมีเอนจิ้นตรวจมัลแวร์ที่ทรงพลัง และก็มี VPN ที่ปลอดภัยและเร็ว แถมยังมีข้อมูลให้ใช้งานได้ไม่จำกัด และก็ใช้งานกับเว็บไซต์สตรีมมิ่งชั้นนำอย่าง Netflix and BBC iPlayer ได้ VPN ของ TotalAV มีฟีเจอร์การรักษาความปลอดภัย VPN ตามมาตรฐานอุตสาหกรรม (การเข้ารหัส AES 256-bit, Kill switch และนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลการใช้งานที่ชัดเจน) และมาพร้อมกับการป้องกันการรั่วไหลของ DNS และ WebRTC แผนบริการของ TotalAV ทั้งหมดมีการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
แต่บริการทั้งหมดในรายการนี้มาพร้อมกับ VPN ที่ดีทั้งหมด Avira เหมาะสำหรับการทอร์เรนต์, Bitdefender มีความเร็วมากที่สุดและ Norton มีฟีเจอร์พิเศษมากมาย อย่างเช่น Split-tunneling และเครื่องมือบล็อคโฆษณา McAfee ก็ใช้งานได้ง่ายมาก MacKeeper มีความปลอดภัยสูงสำหรับการใช้งานทั่วไปบนคอมพิวเตอร์ Mac และ Malwarebytes ก็มีความเร็วที่ดี
VPN ผิดกฎหมายในประเทศไทยหรือเปล่า
ในกรณีส่วนใหญ่ VPN นั้นถูกกฎหมายอย่างสมบูรณ์ อย่างไรก็ตามมีบางประเทศที่ควบคุมหรือแบน VPN อย่างเช่น เบลารุส, จีน, อิหร่าน, อิรัก, เกาหลีเหนือ, รัสเซีย, ตุรกีและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หากคุณถูกจับได้ว่าใช้ VPN ในประเทศที่แบน VPN คุณอาจถูกปรับหรือถูกดำเนินคดี หากคุณกำลังจะไปต่างประเทศ คุณควรตรวจสอบว่าปลายทางของคุณอนุญาตให้ใช้ VPN หรือไม่
อย่างไรก็ตาม VPN ที่อยู่ในรายการนี้ นั้นต่างก็ใช้งานได้ไม่ดีในประเทศที่ถูกจำกัดการเข้าถึง หากคุณกำลังมองหา VPN ที่สามารถใช้งานได้อย่างเสถียรในประเทศที่มีการเซ็นเซอร์อย่างเข้มงวด เราแนะนำให้คุณเลือกใช้ VPN แบบสแตนด์อโลนอย่าง ExpressVPN จะดีกว่า
โปรดทราบว่าแม้ว่า VPN จะถูกกฎหมายในประเทศส่วนใหญ่ทั่วโลก แต่การก่ออาชญากรรมโดยใช้ VPN ยังถือว่าผิดกฎหมาย
ฉันต้องใช้ทั้งแอนตี้ไวรัสและ VPN เลยหรอ
คุณไม่จำเป็นต้องใช้แอนตี้ไวรัสและ VPN แต่ฉันขอแนะนำอย่างยิ่งให้ใช้ทั้งสองอย่าง การรวมแอนตี้ไวรัสและ VPN ช่วยให้อุปกรณ์ของคุณได้รับการปกป้องสูงสุดจากทั้งมัลแวร์และช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกขโมยข้อมูลส่วนตัวของคุณ
แอนตี้ไวรัสปกป้องคุณจากภัยคุกคามออนไลน์ เช่น โทรจัน, แรนซัมแวร์, สปายแวร์, รูทคิตและซอฟต์แวร์ที่เป็นอันตรายอื่น ๆ นอกจากนี้แอนตี้ไวรัสยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยมอื่น ๆ เช่น ไฟร์วอลล์, การป้องกันการโจรกรรมข้อมูลส่วนบุคคล, การป้องกันฟิชชิ่ง, การควบคุมโดยผู้ปกครอง, เครื่องมือจัดการรหัสผ่านและอื่น ๆ
เมื่อคุณเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ VPN การรับส่งข้อมูลออนไลน์ทั้งหมดของคุณจะถูกส่งผ่านการเชื่อมต่อที่เข้ารหัส (ทำให้ข้อมูลของคุณไม่สามารถอ่านได้) และหมายเลข IP จริงของคุณจะถูกแทนที่ด้วยหมายเลข IP เสมือนจากตำแหน่งที่คุณเชื่อมต่อ เพื่อให้คุณมีความเป็นส่วนตัวเป็นพิเศษในขณะที่คุณใช้งาน
ตัวเลือกแอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดที่มาพร้อมกับ VPN คือ TotalAV, Avira และ Bitdefender ผู้ให้บริการทั้งหมดในรายการนี้มี VPN ที่ปลอดภัย ใช้งานง่ายและมีความเร็วสูง
VPN แบบสแตนอโลนจะดีกว่าแบบที่มากับแอนตี้ไวรัสหรือเปล่า
ใช่ VPN แบบสแตนอโลนระดับชั้นนำอย่าง ExpressVPN และ Private Internet Access นั้นดีกว่า VPN ส่วนใหญ่ที่มาพร้อมกับบริการแอนตี้ไวรัส แต่เมื่อคุณซื้อแอนตี้ไวรัสที่มีคุณภาพที่มาพร้อมกับ VPN ที่ดีคุณจะได้รับเครื่องมือรักษาความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ตที่ยอดเยี่ยม 2 บริการในราคาเดียว VPN ทั้งหมดในรายการนี้มอบความคุ้มค่าให้กับผู้ที่กำลังมองหาแอนตี้ไวรัสที่ดีและ VPN ที่ปลอดภัย
หากคุณกำลังมองหาการรวมแอนตี้ไวรัสที่มีคุณภาพเข้ากับ VPN ที่ปลอดภัยและรวดเร็ว มันมีตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมอยู่มากมาย TotalAV และ Avira เป็นโปรแกรมป้องกันไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับปกป้องอุปกรณ์ของคุณจากมัลแวร์และทั้งคู่มี VPN ที่มีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่ยอดเยี่ยม ความเร็วสูงและอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย