ไม่ค่อยมีเวลาใช่ไหม? นี่คือแอนตี้ไวรัสฟรีที่ดีที่สุดสำหรับ iOS ในปี 2024:
- 🥇 Norton Mobile Security: มันจะประกอบไปด้วยการป้องกันเว็บไซต์, การป้องกันการฟิชชิง, VPN ที่มีความเร็วสูง, การเฝ้าระวังการโจรกรรมเอกลักษณ์บุคคลขั้นสูง, การกรองข้อความ SMS และการสแกนเครือข่าย Wi-Fi ที่ไม่ปลอดภัย มันไม่ฟรีซะทีเดียว แต่ว่ามันมีการรับประกันคืนเงินยาวนานถึง 60 วัน ดังนั้นคุณจึงสามารถทดลองใช้งานมันได้อย่างไม่มีความเสี่ยงถึง 2 เดือน
- รับแอปแอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับ iOS ได้ที่นี่
แอป “แอนตี้ไวรัส” สำหรับ iOS นั้นจะไม่มีการสแกนไวรัสเหมือนอย่างทั่วไป เนื่องจาก iPhone กับ iPad นั้นจะใช้มาตรการด้านความปลอดภัยขั้นสูงที่ชื่อว่า “sandboxing” นี่จะเป็นการป้องกันแอปไม่ให้ทำการเปลี่ยนแปลงแอป ไฟล์ หรือกระบวนการอื่น ๆ ในระบบของคุณ
ดังนั้นเวลาที่มีคนพูดว่า “แอนตี้ไวรัส iOS” จริง ๆ แล้วมันควรจะเป็น “ความปลอดภัยทางอินเทอร์เน็ตสำหรับ iOS” มากกว่า — มันจะรวบรวมฟีเจอร์ทั้งหลายที่ช่วยทำให้คุณใช้งาน iPhone และ iPad ได้อย่างปลอดภัย เช่นการป้องกันฟิชชิง การป้องกันข้อความสแกมทาง SMS และการสแกนเครือข่าย Wifi
เราค้นหาแอปความปลอดภัยสำหรับ iOS เจอ 10 ตัวที่มีฟีเจอร์ฟรีหรือไม่ก็มีให้ทดลองใช้ฟีเจอร์พรีเมียมได้ฟรี อย่างไรก็ตาม มันไม่มีแอปความปลอดภัยฟรีสำหรับ iOS ตัวเดียวที่รวบรวมฟีเจอร์สำหรับปกป้อง iOS อย่างครบวงจรเอาไว้ — ดังนั้นถ้าคุณเข้าใจว่าข้อมูลและความเป็นส่วนตัวของคุณนั้นมีค่ากว่าเงินไม่กี่บาทต่อเดือน คุณก็ควรที่จะเลือกใช้ แอป iOS ของ Norton ของดีราคาไม่แพง
ทดลองใช้ NORTON เลย (60 วันไม่มีความเสี่ยง)
สรุปโดยย่อเกี่ยวกับแอปแอนตี้ไวรัสฟรีที่ดีที่สุดสำหรับ iOS ในปี2024:
- 1.🥇 Norton Mobile Security — แอปความปลอดภัยที่ดีที่สุดสำหรับ iOS โดยรวมในปี 2024 ปลอดภัย ใช้งานง่าย และราคาถูก
- 2.🥈 TotalAV Mobile Security — แอปเป็นมิตรต่อผู้ใช้งานมีตัวสแกนการรั่วไหลของข้อมูลที่ดี
- 3.🥉 McAfee Mobile Security — ความปลอดภัยขั้นสูงและฟีเจอร์เสริมขั้นสูง
- 4. Bitdefender Mobile Security — การป้องกันเว็บไซต์และ VPN ฟรีที่ใช้งานได้ดี
- 5. Panda Dome สำหรับ iOS — การติดตาม GPS ที่มีความแม่นยำ และเครื่องมือป้องกันการโจรกรรมที่ใช้งานได้ดี
- อันดับ 6-10 ของแอนตี้ไวรัสฟรีที่ดีที่สุดสำหรับ iOS ในปี 2024
- การเปรียบเทียบแอปแอนตี้ไวรัสฟรีที่ดีที่สุดสำหรับ iOS
1.🥇 Norton Mobile Security — แอปแอนตี้ไวรัสพรีเมียมที่ดีที่สุดสำหรับ iOS
Norton Mobile Security นั้นเป็นแอปความปลอดภัยสำหรับ iOS ที่เราชื่นชอบที่สุดในปี 2024 มันไม่ฟรีซะทีเดียว แต่ว่ามันมีการรับประกันคืนเงินเป็นเวลานานถึง 60 วัน สำหรับการสมัครสมาชิกแบบรายปี ดังนั้นคุณก็จะสามารถติดตั้งและทดลองใช้งาน Norton บน iPhone หรือ iPad ได้อย่างไม่มีความเสี่ยงเป็นเวลาถึง 2 เดือนเต็มก่อนที่จะต้องผูกมัด
พูดกันตรง ๆ Norton นั้นมีฟีเจอร์ความปลอดภัยที่ดีที่สุดสำหรับ iOS ซึ่งประกอบไปด้วย:
- การป้องกันการฟิชชิง
- การป้องกันข้อความ SMS ที่มุ่งร้าย
- ปฏิทินที่มีความปลอดภัย
- VPN ที่มีข้อมูลให้ใช้งานได้ไม่จำกัด (แพลน 360 เท่านั้น)
- การสแกนความปลอดภัย Wi-Fi
- การเฝ้าระวังการโจรกรรมเอกลักษณ์บุคคลขั้นสูง (แพลน LifeLock เท่านั้น)
- และอื่น ๆ…
Norton นั้นมีการป้องกันการฟิชชิงที่ดีที่สุด มันสามารถตรวจจับเว็บไซต์ที่มีความอันตรายและเว็บไซต์ปลอม ได้มากกว่าแอป iOS แอปอื่น ๆ การป้องกันเว็บไซต์ของมันนั้นไม่ได้เพียงช่วยให้คุณปลอดภัยขณะท่องเว็บเท่านั้น แต่มันยังช่วยสแกนอีเมล ข้อความ แอปโซเชียลมีเดีย รวมถึงคำเชิญในปฏิทินอีกด้วย ทั้งหมดนี้เพื่อป้องกันไม่ให้คุณไปเข้าเว็บไซต์และคลิกลิงก์ที่อาจจะทำให้ข้อมูลและเครื่องของคุณตกอยู่ในอันตรายได้นอกจากนี้เรายังชอบการเฝ้าระวังการโจรกรรมเอกลักษณ์บุคคลของ Norton มาก ๆ — มันใช้งานได้ดีกว่าฟีเจอร์คล้าย ๆ กันของแอปอื่นในรายการนี้เป็นอย่างมาก แอปส่วนใหญ่นั้นจะสแกนแค่อีเมลว่ามีการรั่วไหลของข้อมูลหรือไม่ แต่ Norton จะสแกนข้อมูลบัตรเครดิต, ข้อมูลประกัน, ข้อมูลธนาคาร, ใบขับขี่, ที่อยู่, เบอร์โทร และอีกมากมาย มันสามารถสแกนนามสกุลเก่าของแม่คุณก่อนแต่งงานได้ด้วย ซึ่งบางคนก็ใช้ข้อมูลนี้เป็นการยืนยันตรวจสอบ ฟีเจอร์นี้จะมีเฉพาะสำหรับลูกค้าในสหรัฐอเมริกา — และจะมีเฉพาะในแพลน 360 with LifeLock ขั้นสูงเท่านั้น
เราชอบ VPN ของ Norton มาก เพราะว่ามันมาพร้อมกับฟีเจอร์ความปลอดภัยชั้นหนึ่ง มีความเร็วที่สูงมาก และก็มีฟีเจอร์อื่น ๆ อีกมากมาย — มันสามารถรองรับ Tor และก็มีตัวบล็อกโฆษณา พร้อมทั้งยังมี split-tunneling ซึ่งจะทำให้คุณสามารถเลือกได้ว่าต้องการให้แอปไหนใช้งานผ่านอุโมงค์ VPN และแอปไหนที่ต้องการใช้งานช่องทางปกติ นอกจากนี้มันยังสามารถใช้งานได้กับแอปสตรีมมิ่งยอดนิยมอย่าง Netflix อีกด้วย คุณจะสามารถสตรีมวิดีโอดูได้อย่างไม่มีอาการแลคเลยเนื่องจากมันมีความเร็วสูงNorton 360 Deluxe (US$49.99 / ปี*) เป็นแพลนที่คุ้มค่ามากที่สุดสามารถรองรับอุปกรณ์ได้ถึง 5 เครื่อง ทั้ง iOS (หรือ Android, Windows และ macOS) มันมาพร้อมกับ VPN ที่มีข้อมูลไม่จำกัด และก็มีฟีเจอร์อื่น ๆ อย่างเช่นเครื่องมือจัดการรหัสผ่าน เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพ และระบบควบคุมสำหรับผู้ปกครอง ผู้ใช้งานในสหรัฐอเมริกายังสามารถเลือกใช้แพลน Norton’s LifeLock, ในราคาเริ่มต้นที่ US$99.99 / ปี* และมันก็จะมีการป้องกันการโจรกรรมเอกลักษณ์บุคคลที่ดีที่สุด (พร้อมรับประกันถึง 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) หากคุณแค่ต้องการการปกป้องอุปกรณ์ iOS เพียงเครื่องเดียว คุณก็สามารถเลือกใช้ Norton Mobile Security แพลนทั้งหมดของ Norton นั้นมาพร้อมกับการรับประกันคืนเงินยาวถึง 60 วัน
สรุป:
แอปความปลอดภัยสำหรับ iOS ของ Norton นั้นเป็นตัวเลือกที่เราชื่นชอบที่สุดสำหรับ iPhone และ iPad ในปี 2024 มันมีฟีเจอร์ความปลอดภัยขั้นสูง ซึ่งประกอบไปด้วยการป้องกันเว็บไซต์, VPN และเครื่องมือสแกนการโจรกรรมเอกลักษณ์บุคคลขั้นสูง — ขึ้นกับแพลนที่คุณเลือกใช้ Norton นั้นไม่มีแพลนระดับฟรี แต่ว่ามันมีการรับประกันคืนเงินยาวนานถึง 60 วัน ทำให้คุณสามารถทดลองใช้ได้อย่างไม่มีความเสี่ยงถึง 2 เดือนเต็ม
อ่านรีวิวฉบับเต็มเกี่ยวกับ Norton ของพวกเรา >
2.🥈 TotalAV Mobile Security — แอป iOS ที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้งานพร้อมการสแกนการรั่วไหลของข้อมูล
TotalAV Mobile Security นั้นเป็นแอปความปลอดภัยที่แข็งแกร่งซึ่งมีฟีเจอร์ฟรีอย่างเต็มรูปแบบสำหรับ iOS บางส่วน ประกอบไปด้วยตัวสแกนการรั่วไหลของข้อมูลแบบตามสั่งและตัวสแกนความปลอดภัยของระบบ นอกจากนี้มันยังมีฟีเจอร์พรีเมียมที่ดีเยี่ยมอย่างเช่น VPN ที่มีข้อมูลไม่จำกัด และโล่ป้องกันเว็บไซต์อันตราย ซึ่งคุณจะสามารถทดลองใช้งานฟรีได้เป็นเวลา 7 วัน
TotalAV นั้นใช้งานง่ายมาก ๆ — มันมีหน้าตาอินเทอร์เฟซที่ดูสะอาดและเข้าใจได้ง่ายที่สุดจากแอปทั้งหมดในรายการนี้ ดังนั้นมันจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคุณถ้าคุณกำลังมองหาอะไรที่มีความตรงไปตรงมา ทุกอย่างที่คุณต้องใช้นั้นสามารถเข้าดูได้จากแดชบอร์ด และการจะใช้งานฟีเจอร์ต่าง ๆ ก็สามารถทำได้ด้วยการแตะเพียงแค่หนึ่งถึงสองครั้ง
เราชอบ Breach Scan (การสแกนการรั่วไหล) ของ TotalAV มาก ๆ โดยที่มันจะช่วยสแกนฐานข้อมูลการรั่วไหลว่ามีอีเมลของเราไปเกี่ยวหรือไม่ เรารู้สึกโล่งอกตอนที่เห็นว่าบัญชี Gmail ที่เราทดสอบนั้นยังปลอดภัยดีอยู่ แต่เราก็ไม่แปลกใจเลยตอนที่เราพบว่า Hotmail ที่เราเคยใช้มาตั้งแต่ปี 2005 นั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับการรั่วไหลของข้อมูลอยู่หลายครั้งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ถึงจะเป็นเช่นนั้นแต่เราก็ชอบ ฟีเจอร์การเฝ้าระวังการรั่วไหลของข้อมูลของ Norton มากกว่า เพราะว่ามันจะตรวจสอบข้อมูลได้อย่างกว้างขวางไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดบัตรเครดิต ใบขับขี่ และอีกมากมายTotalAV ยังมีฟีเจอร์ Smart Scan (สแกนอัจฉริยะ) ซึ่งใช้งานได้เป็นอย่างดีอีกด้วย — มันจะทำการตรวจสอบ iPhone หรือ iPad ของคุณว่าจำเป็นต้องอัปเดต iOS หรือไม่ และก็จะช่วยยืนยันว่าคุณตั้งค่าความปลอดภัยพื้นฐานอย่างเช่นรหัสผ่านจอและ Face ID หรือยัง และมันก็จะช่วยตรวจสอบว่าคุณมีการเปิดใช้งานการป้องกันเว็บไซต์หรือไม่ (ฟีเจอร์พรีเมียม) มันค่อนข้างจะดูพื้น ๆ แต่มันก็ไม่ได้ต้องทำอะไรมากมายอยู่แล้ว เนื่องจากอุปกรณ์ iOS นั้นก็ไม่ได้จำเป็นต้องทำการสแกนไวรัสใด ๆ
การอัปเกรดไปใช้ TotalAV Mobile Security Premium จะทำให้คุณสามารถเข้าถึงฟีเจอร์เพิ่มเติมได้มากมาย ประกอบไปด้วย:
- การป้องกันการฟิชชิง
- VPN (พร้อมข้อมูลไม่จำกัด)
- เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพอุปกรณ์
- การสแกน QR อย่างปลอดภัย
VPN ของ TotalAV นั้นใช้งานได้ดีเยี่ยม — ระหว่างการทดสอบของเรา มันมีการเชื่อมต่อที่รวดเร็วและเสถียรไปยังเซิร์ฟเวอร์หลายแห่งทั่วโลก และมันก็สามารถใช้งานร่วมกับบริการสตรีมมิ่งยอดนิยมต่าง ๆ ที่มีในประเทศของเราได้ อาทิเช่น Netflix, Disney+ และ Amazon Prime (VPN ของ TotalAV นั้นเป็น VPN ที่บันเดิลมากับแอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุด)
นอกจากนี้เรายังชอบเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพของ TotalAV มาก ๆ ด้วย มันมีตัวช่วยทำความสะอาดไฟล์รูป วิดีโอ และรายชื่อติดต่อที่มีซ้ำกันอยู่ในเครื่องและก็จะช่วยทำการลบไฟล์เหล่านั้นเพื่อช่วยประหยัดพื้นที่ได้อย่างรวดเร็ว ในการทดสอบของเรา เราสามารถลบรูปและวิดีโอไม่จำเป็นได้กว่า 500 รายการ และก็สามารถรวมรายชื่อติดต่อที่ซ้ำกันได้ภายในไม่กี่วินาที
TotalAV Mobile Security Premium นั้นจะถูกรวมอยู่ในแพ็กเกจแอนตี้ไวรัสของ TotalAV ด้วย ซึ่งมีราคาเริ่มต้นที่ US$19.00 / ปี และก็จะรองรับได้ถึง 6 อุปกรณ์บนทุกระบบปฏิบัติการ แพ็กเกจเครื่องมือป้องกันภัยอันตรายทางอินเทอร์เน็ตของ TotalAV นั้นมีการรับประกันคืนเงินถึง 30 วัน
สรุป:
TotalAV นั้นมีฟีเจอร์ฟรีให้ใช้เยอะพอตัวสำหรับ iOS ไม่ว่าจะเป็นตัวสแกนความปลอดภัยของระบบหรือตัวสแกนการรั่วไหลของข้อมูล ถ้าอัปเกรดไปใช้ TotalAV Mobile Security Premium คุณก็จะได้รับการป้องกันการฟิชชิง เครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพอุปกรณ์ และ VPN ที่ใช้งานข้อมูลได้ไม่จำกัด คุณสามารถทดลองใช้งานฟีเจอร์พรีเมียมสำหรับ iOS ได้ผ่านการทดลองใช้ฟรี 7 วัน และมันก็ยังมีการรับประกันคืนเงินเป็นเวลาถึง 30 วัน สำหรับทุกแพ็กเกจแอนตี้ไวรัสพรีเมียมของ TotalAV ด้วย
อ่านรีวิวฉบับเต็มเกี่ยวกับ TotalAV ได้ที่นี่ >
3.🥉 McAfee Mobile Security สำหรับ iOS — ฟีเจอร์ความปลอดภัยขั้นสูง พร้อมการป้องกันเว็บไซต์ที่ใช้งานได้ดี
McAfee Mobile Security นั้นเป็นแอปที่ใช้งานง่ายสุด ๆ ซึ่งมีฟีเจอร์ความปลอดภัยสำหรับ iOS มากมาย มันไม่ฟรี 100% แต่แพลนที่รองรับหลายอุปกรณ์ของมันนั้นมีการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน ซึ่งจะทำให้คุณมีเวลาทดลองใช้งานถึงหนึ่งเดือนเพื่อดูว่ามันเหมาะกับคุณหรือไม่
เราประทับใจการป้องกันเว็บไซต์ของ McAfee มาก ๆ — มันจะช่วยป้องกันไม่ให้เราเข้าไปในเว็บไซต์ฟิชชิง รวมถึงเว็บธนาคารปลอมด้วย การป้องกันเว็บไซต์ของมันยังไม่ล้ำเท่ากับของ Norton แต่มันก็ดีกว่าแอปความปลอดภัยสำหรับ iOS อื่น ๆ
แอป iOS ของ McAfee ประกอบไปด้วย:
- ตัวสแกน Wi-Fi
- VPN (พร้อมข้อมูลไม่จำกัด)
- การเฝ้าระวังตัวตน (การแจ้งเตือนการรั่วไหลของข้อมูล)
- การสแกนระบบ (การตรวจสอบอัปเดตล่าสุดอย่างอัปเดต)
ตัวสแกน Wi-Fi ของ McAfee นั้นใช้งานได้ดีมาก ๆ — มันเป็นตัวสแกนแบบตามสั่ง ซึ่งจะแจ้งเตือนคุณถ้าคุณกำลังใช้งานเครือข่าย Wi-Fi ที่ไม่ปลอดภัย มันแจ้งเตือนเราตอนที่เราใช้งาน Wi-Fi สาธารณะในร้านกาแฟ ซึ่งก็เป็นเครือข่ายที่ไม่ปลอดภัย
นอกจากนี้เรายังชอบ VPN ที่ติดตั้งใช้งานง่ายของมันด้วย VPN นี้มีความเร็วดีระหว่างการทดสอบทั้งหมดของเรา แต่เรารู้สึกผิดหวังที่มันไม่สามารถใช้งานกับ Disney+ ได้ และเพื่อนร่วมงานที่สหรัฐอเมริกาของเราก็บอกด้วยว่ามันใช้กับ ESPN+ ไม่ได้เช่นกัน หากคุณต้องการ VPN สำหรับสตรีมมิ่งที่ดีกว่านี้ เราแนะนำให้เลือก TotalAV (ซึ่งเป็น VPN ที่บันเดิลมากับแอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุด) หรือ ExpressVPN (ซึ่งเป็น VPN แบบสแตนด์อโลนที่ดีที่สุดในปี 2024)
คุณสามารถรับบริการแพลน mobile ของ McAfee ได้พร้อมกับ McAfee Total Protection (ราคาเริ่มต้นที่ US$35.99 / ปี) ซึ่งมันจะรองรับได้ 5 ถึงไม่จำกัดจำนวนอุปกรณ์ ทั้ง iOS, Mac, Android และ Windows — มันเป็นแพลนที่มีความคุ้มค่ามากที่สุด
สรุป:
แอปความปลอดภัยสำหรับ iOS นั้นติดตั้งและใช้งานง่าย และมันยังมีการป้องกันมัลแวร์กับภัยอันตรายจากเว็บไซต์อื่น ๆ ที่มีประสิทธิภาพอีกด้วย นอกจากนี้มันยังมีฟีเจอร์เสริมดี ๆ มากมาย เช่น VPN, การเฝ้าระวังตัวตน และการอัปเดตระบบอัตโนมัติ และคุณยังสามารถรับบริการมันได้ผ่านแพลน Total Protection ที่มีราคาประหยัดของ McAfee อีกด้วย McAfee นั้นไม่ฟรี 100% แต่ว่ามันมีการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
อ่านรีวิวฉบับเต็มเกี่ยวกับ McAfee ได้ที่นี่ >
4. Bitdefender Mobile Security — ป้องกันเว็บไซต์ได้ดี และมี VPN ฟรีให้ใช้งาน
แอป iOS ของ Bitdefender นั้นมี UI ภาษาไทยและก็มีฟีเจอร์ดี ๆ ให้ใช้งานมากมาย มันมาพร้อมกับ VPN, การเฝ้าระวังการรั่วไหลของข้อมูลสำหรับ 1 อีเมล, ฟีเจอร์แจ้งเตือนการสแกม และตัวสแกนความปลอดภัยของอุปกรณ์ซึ่งรวมการตรวจสอบความปลอดภัยของ Wi-Fi ด้วย
เราชอบ VPN ของ Bitdefender มันมีให้ใช้งานได้แค่ 200MB/วัน และคุณก็จะไม่สามารถเลือกเซิร์ฟเวอร์ในแพลนระดับฟรีได้ แต่มันมีเซิร์ฟเวอร์อยู่ในไทยและมันก็มีความเสถียรและความเร็วดี — และก็ยังใช้ข้อมูลได้มากกว่าของ Avira ที่ให้แค่ 100 MB/วัน ถึงสองเท่าการแจ้งเตือนการรั่วไหลของข้อมูลนั้นก็จะทำงานแบบเดียวกันกับของ TotalAV และโปรแกรมอื่น ๆ ในรายการนี้ และการสแกนความปลอดภัยของอุปกรณ์นั้นก็มีประโยชน์ในด้านการตรวจสอบว่าคุณดาวน์โหลด iOS ล่าสุดและมีการป้องกันขั้นพื้นฐานแล้วหรือยังนอกจากนี้เรายังชอบฟีเจอร์การแจ้งเตือนสแกม ซึ่งมันจะทำการสแกนกล่องข้อความขาเข้าในมือถือและอีเมลของคุณเพื่อตรวจสอบลิงก์ที่น่าสงสัย — มันจะทำการย้ายลิงก์ที่ตรวจพบไปไว้ในโฟลเดอร์ขยะโดยอัตโนมัติเพื่อไม่ให้คุณเปิดมันโดยไม่ได้ตั้งใจ มันมีประโยชน์ในการช่วยให้คุณใช้งานโลกออนไลน์ได้อย่างปลอดภัย ถึงแม้ว่าคุณจะไม่เชี่ยวชาญเรื่องเทคโนโลยีมากก็ตาม
แพลนแบบจ่ายเงินของ Bitdefender นั้นก็มีความคุ้มค่ามากด้วย — แพลน Mobile Security สำหรับ iOS นั้นจะมาพร้อมกับการป้องกันเว็บไซต์ รวมถึง VPN ขั้นสูงขึ้น หรือไม่คุณก็สามารถเลือกอัปเกรดไปใช้เป็น Total Security (US$40.99 / ปี) ที่จะรองรับได้ถึง 5 อุปกรณ์สำหรับทุกระบบปฏิบัติการซึ่งรวมถึง iOS และคุณก็จะได้รับฟีเจอร์เสริมอีกมากมาย หรืออาจจะเลือกเป็น Premium Security (US$69.99 / ปี) เพื่อรองรับถึง 10 อุปกรณ์และก็ยังสามารถใช้งาน VPN แบบไม่จำกัดข้อมูลได้อีกด้วย
สรุป:
Bitdefender Mobile Security นั้นมาพร้อมกับ VPN ฟรีที่ใช้งานได้ดี มีการเฝ้าระวังการรั่วไหลของข้อมูล การแจ้งเตือนสแกม และตัวตรวจสอบความปลอดภัยของอุปกรณ์ แพลนที่รองรับหลายอุปกรณ์ของมันนั้นเป็นแพลนที่ดีที่สุด (และราคาย่อมเยาที่สุด) ที่คุณจะหาได้ และทุกแพลนก็มาพร้อมกับการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน ทำให้คุณทดลองใช้งานได้อย่างไม่มีความเสี่ยง
อ่านรีวิวฉบับเต็มเกี่ยวกับ Bitdefender ได้ที่นี่ >
5. Panda Dome สำหรับ iOS — การติดตาม GPS ที่มีความแม่นยำ และเครื่องมือป้องกันการโจรกรรมที่ใช้งานได้ดี
Panda Dome สำหรับ iOS นั้นมีการป้องกันการโจรกรรมที่ใช้งานได้ดี — ตัวติดตาม GPS นั้นมีความแม่นยำมาก ๆ ทำให้มันสามารถติดตามตำแหน่งของอุปกรณ์ที่สูญหายหรือถูกขโมยไปได้ นี่ยังสามารถนไปไปใช้เป็นเครื่องมือติดตามลูกสำหรับผู้ปกครองได้อีกด้วยPanda นั้นยังมี VPN แบบเซิร์ฟเวอร์เดียวให้ใช้งานได้ 150 MB ต่อวันอีกด้วย ซึ่งก็ดีกว่าของ Avira ที่ให้ใช้ได้ 100 MB ต่อวัน แต่นี่ก็ยังไม่ดีพอสำหรับผู้ใช้งานส่วนใหญ่อยู่ดี
ฟีเจอร์ฟรีของ Panda ก็จะมีแค่ราว ๆ นี้ ซึ่งทำให้มันดูขาดความโดดเด่นเมื่อเทียบกับแอนตี้ไวรัสตัวอื่น ๆ ในรายการนี้ ดังนั้นเราจึงแนะนำให้คุณเลือกใช้ Panda Dome เฉพาะถ้าคุณกำลังมองหาแอปความปลอดภัยที่เรียบง่ายและใช้ทรัพยากรน้อยสำหรับ iPad หรือ iPhone ของคุณถ้าอัปเกรดไปใช้งานแพลนพรีเมียมของ Panda มันก็จะรองรับได้ถึง 5 อุปกรณ์ สำหรับทุกระบบปฏิบัติการและก็จะมีฟีเจอร์เสริมให้ใช้งานอีกมากมายสำหรับอุปกรณ์ที่ไม่ใช่ iOS ราคาเริ่มต้นที่ US$20.00 / ปี แพลนแบบจ่ายเงินสำหรับ iOS นั้นจะมีเซิร์ฟเวอร์เพิ่มให้เลือก และคุณก็จะสามารถใช้งานทราฟฟิค VPN ได้ไม่จำกัด และนอกจากนี้ก็จะยังมีระบบควบคุมสำหรับผู้ปกครองขั้นสูงที่จะช่วยตรวจสอบและจำกัดการใช้งานอุปกรณ์ของลูก แพลนแบบจ่ายเงินทั้งหมดนั้นมีการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
สรุป:
Panda Dome สำหรับ iOS นั้นมี VPN ฟรีที่ใช้งานได้ดีพร้อมกับตัวติดตามตำแหน่งที่แม่นยำซึ่งสามารถใช้ป้องกันการโจรกรรมหรือติดตามดูได้ว่าลูกของคุณอยู่ที่ไหน แต่ถ้าคุณไม่ได้อัปเกรดไปใช้งานแพลนระดับพรีเมียม Panda นั้นก็จะดูมีฟีเจอร์น้อยเมื่อเทียบกับแอนตี้ไวรัสฟรีสำหรับ iOS ตัวอื่น ๆ โชคยังดีที่แพลนแบบจ่ายเงินของ Panda นั้นมาพร้อมกับการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วันสำหรับทุกแพลน ซึ่งจะทำให้คุณสามารถทดลองใช้ฟีเจอร์แบบจ่ายเงินได้อย่างไม่มีความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นระบบควบคุมสำหรับผู้ปกครองขั้นสูง หรือ VPN ที่มีข้อมูลไม่จำกัด
อ่านรีวิวฉบับเต็มเกี่ยวกับ Panda ได้ที่นี่ >
6. Avast Security & Privacy สำหรับ iOS — ตัวสแกนเครือข่ายขั้นพื้นฐาน และคลังภาพถ่ายแบบเข้ารหัส
Avast Security & Privacy สำหรับ iOS นั้นเป็นเครื่องมือความปลอดภัยขั้นพื้นฐานสำหรับ iPhone และ iPad ซึ่งมีฟีเจอร์ที่มีประโยชน์มากมาย: มี UI ภาษาไทย, ตัวสแกน Wi-Fi, การแจ้งเตือนการรั่วไหลของข้อมูล และคลังภาพถ่ายที่มีความปลอดภัย ถึงแม้ว่าฟีเจอร์ทั้งหมดจะใช้งานได้ดี แต่โดยรวมแล้วมันก็ยังไม่ครบครันเมื่อเทียบกับโซลูชันความปลอดภัยสำหรับ iOS ที่เต็มรูปแบบอย่าง Norton หรือ TotalAV
ตัวสแกนเครือข่ายที่ชื่อว่า Network Inspector จะทำการสแกนเครือข่าย Wi-Fi เพื่อดูว่ามีผู้บุกรุก รหัสผ่านอ่อนแอ และช่องโหว่อื่น ๆ หรือไม่ มันใช้งานทรัพยากรของระบบน้อย ทำงานได้ราบรื่น และก็จะแจ้งเตือนคุณว่าเครือข่าย Wi-Fi สามารถเชื่อมต่อได้อย่างปลอดภัยหรือไม่Identity Protection (การปกป้องตัวตน) จะทำการแจ้งเตือนการรั่วไหลของข้อมูลขั้นพื้นฐานสำหรับบัญชีอีเมลของคุณ มันจะทำการตรวจสอบฐานข้อมูลสาธารณะ และจะแจ้งเตือนคุณถ้าหากมันตรวจพบรหัสผ่านของคุณท่ามกลางข้อมูลที่รั่วไหล หากต้องการใช้งานการแจ้งเตือนการรั่วไหลของข้อมูลอย่างไม่จำกัด (ใช้กับหลายที่อยู่อีเมล) คุณจะต้องอัปเกรดไปใช้แพลนแบบจ่ายเงิน
Photo Vault (คลังภาพถ่าย) นั้นเป็นพื้นที่ให้คุณใช้เก็บภาพถ่ายได้ 40 ภาพอย่างมีความเป็นส่วนตัว คลังที่เข้ารหัสนี้จะถูกปกป้องโดย PIN หรือการตรวจพิสูจน์บุคคล ดังนั้นจะไม่มีใครสามารถเข้าถึงมันได้ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากคุณ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะได้ iPhone/iPad ของคุณไปก็ตาม เช่นเดียวกันกับการแจ้งเตือนการรั่วไหลของข้อมูล หากคุณต้องการพื้นที่ไม่จำกัด คุณจะต้องอัปเกรดไปใช้งานระดับ พรีเมียม
นอกจากการเฝ้าระวังอีเมลที่ไม่จำกัดแล้ว Avast Premium Security จะยังเพิ่ม VPN, การป้องกันแรนซัมแวร์ และครอบคลุมสำหรับ Mac, Android และ Windows รวมถึง iOS ทั้งหมดนี้ในราคา US$35.88 / ปี ผู้ใช้งาน iOS สามารถทดลองใช้ฟรีได้เป็นเวลา 7 วัน และแพลนทั้งหมดก็จะมีการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
สรุป:
Avast Security & Privacy นั้นเป็นแอปความปลอดภัยที่ใช้งานได้ดี มันมีตัวสแกน Wi-Fi, การแจ้งเตือนการรั่วไหลของข้อมูล และ Photo Vault (คลังภาพถ่าย) ที่มีความปลอดภัยสำหรับอุปกรณ์ iOS Network Inspector จะทำการสแกนเครือข่าย Wi-Fi สาธารณะเพื่อค้นหาช่องโหว่ ในขณะที่เครื่องมือ Identity Protection (การปกป้องตัวตน) จะมีการแจ้งเตือนการรั่วไหลสำหรับบัญชีอีเมลขั้นพื้นฐาน ผู้ใช้งานนั้นยังสามารถเก็บภาพถ่ายไว้อย่างปลอดภัยได้ถึง 40 ภาพใน Photo Vault (คลังภาพถ่าย) แพลนระดับพรีเมียม จะมาพร้อมกับการเฝ้าระวังอีเมล, พื้นที่จัดเก็บภาพถ่าย, VPN และการป้องกันแรนซัมแวร์อย่างไม่จำกัด รวมถึงมันจะครอบคลุมหลายอุปกรณ์สำหรับหลายแพลตฟอร์มอีกด้วย
อ่านรีวิวฉบับเต็มเกี่ยวกับ Avast ได้ที่นี่ >
7. Avira Free Mobile Security สำหรับ iOS — มีฟีเจอร์ความเป็นส่วนตัวสำหรับ iOS ที่ดี + มี VPN
Avira Free Mobile Security สำหรับ iOS มีฟีเจอร์ฟรีให้ใช้งานมากมาย ยิ่งไปกว่านั้น ฟีเจอร์ทั้งหมดของมันยังมีประโยชน์ ใช้งานง่าย และจะช่วยปกป้อง iPhone กับ iPad ขึ้นไปอีกชั้นหนึ่ง
หนึ่งในสิ่งที่เราชอบมากที่สุดเกี่ยวกับแอป iOS ของ Avira ก็คือ Privacy Manager (ตัวจัดการความเป็นส่วนตัว) ซึ่งเป็นโปรไฟล์ iOS ที่สามารถดาวน์โหลดได้และมันจะช่วยป้องกันไม่ให้ Siri นำข้อมูลของคุณไปแชร์ให้กับ Apple — หลังจากที่ติดตั้งแล้ว โปรไฟล์นี้จะป้องกันไม่ให้ Siri บันทึกคำสั่งบนเซิร์ฟเวอร์ของ Apple ซึ่งก็จะมีประโยชน์ถ้าคุณต้องการจะป้องกันไม่ให้ธุรกิจขนาดใหญ่เก็บข้อมูลส่วนตัวของคุณAvira นั้นยังมีฟีเจอร์ความปลอดภัยอื่น ๆ อีกมากมาย ประกอบไปด้วย:
- VPN (100 MB ต่อวัน)
- การป้องกันการโจรกรรม
- ตัววิเคราะห์อุปกรณ์
- ตัวทำความสะอาดภาพถ่าย
- การสำรองข้อมูลรายชื่อติดต่อ
- ตัวอัปเดต iOS
- ตัวบล็อกการโทร
เราชอบ Avira VPN ตรงที่มันสามารถทำการเข้ารหัสอย่างรวดเร็วและไม่มีการบันทึกข้อมูล — ดังนั้นข้อมูลการท่องเว็บของคุณจะถูกเก็บไว้อย่างเป็นส่วนตัว อย่างไรก็ตาม VPN นี้จำกัดให้ใช้งานได้แค่ 100 MB สำหรับแพลนฟรีของ Avira และมันจะเปิดให้คุณเชื่อมต่อไปได้แค่เซิร์ฟเวอร์เดียวเท่านั้น VPN ฟรีของ Kaspersky นั้นจะดีกว่าเพราะว่ามันใช้ได้ถึง 300 MB ต่อวัน แต่ถ้าคุณอัปเกรดไปใช้งาน Phantom VPN Pro (US$5.99 / ปี) คุณก็จะสามารถใช้งานข้อมูลได้ไม่จำกัด และมันก็มีเซิร์ฟเวอร์ให้เลือกมากมายทั่วโลกAvira Free Mobile Security สำหรับ iOS นั้นเป็นแอปฟรีที่ดี แต่แพลนแบบจ่ายเงินของ Avira นั้นจะมีฟีเจอร์ให้ใช้มากกว่าเยอะ Avira Security Pro สำหรับ iOS จะเพิ่มการป้องกันการฟิชชิงและการเฝ้าระวังการรั่วไหลของข้อมูลมาให้ หากคุณต้องการใช้งาน VPN แบบไม่จำกัดข้อมูล รวมถึงเครื่องมือจัดการรหัสผ่านระดับพรีเมียมของ Avira คุณก็สามารถเลือกใช้ Prime Mobile ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของแพ็กเกจ Avira Prime (US$59.99 / ปี) — มันจะมีฟีเจอร์ทั้งหมดของ Avira และก็จะรองรับได้สูงถึง 25 อุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็น iOS, macOS, Windows หรือ Android Avira Prime นั้นมีการรับประกันคืนเงินนานถึง 60 วัน ซึ่งทำให้คุณมีเวลาทดลองใช้แอปได้นานมากเพื่อดูว่ามันเหมาะกับคุณหรือไม่
สรุป:
ฟีเจอร์ของ Avira นั้นทำให้มันเป็นแอปแอนตี้ไวรัสสำหรับ iPhone และ iPad ที่ดีมาก ฟีเจอร์ Privacy Manager (ตัวจัดการความเป็นส่วนตัว) ที่จะทำให้คุณสามารถใช้งาน Siri โดยที่ไม่ถูก Apple บันทึกข้อมูล, ตัวบล็อกการโทร และ VPN (จำกัดการใช้งาน 100 MB/วัน) นั้นต่างก็ใช้งานได้ดีทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณกำลังมองหาการป้องกันเว็บไซต์, VPN ที่ใช้งานได้ไม่จำกัด และเครื่องมือจัดการรหัสผ่านที่มีความปลอดภัย คุณจะต้องอัปเกรดไปใช้ Avira Prime Mobile ซึ่งมีให้สมัครสมาชิกรายเดือนหรือคุณสามารถรับบริการจากแพ็กเกจแอนตี้ไวรัส Avira Prime ก็ได้
อ่านรีวิวฉบับเต็มเกี่ยวกับ Avira ได้ที่นี่ >
8. Kaspersky Antivirus & VPN — VPN, เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน และการสแกนการรั่วไหล
Kaspersky Antivirus & VPN นั้นเป็นแอปความปลอดภัยสำหรับ iOS ที่มี UI ภาษาไทยซึ่งมาพร้อมกับการสแกนการรั่วไหล การป้องกัน Wi-Fi และตัวสแกน QR อย่างปลอดภัย การสแกนการรั่วไหลของมันนั้นก็จะเหมือน ๆ กับ ตัวสแกนการรั่วไหลของ TotalAV — เพียงแค่กรอกข้อมูลที่อยู่อีเมลของคุณ และ Kaspersky ก็จะทำการตรวจสอบมันกับฐานข้อมูลเว็บไซต์ที่เกิดการรั่วไหลขนาดใหญ่ และก็จะแจ้งเตือนคุณหากมีข้อมูลล็อกอินของคุณรั่วไหลออกไป การป้องกัน Wi-Fi และตัวสแกน QR นั้นเป็นเครื่องมือที่ใช้งานง่ายและมีประโยชน์สำหรับการปกป้องคุณจากเว็บไซต์ที่อันตรายหรือไม่ปลอดภัยKaspersky นั้นยังมีแอปเครื่องมือจัดการรหัสผ่าน และ VPN แบบจำกัดฟรีอีกด้วย (ให้บริการแยก) เครื่องมือจัดการรหัสผ่านนั้นจะมีระบบอำนวยความสะดวกอย่าง การกรอกอัตโนมัติ การสร้างรหัสผ่าน และการเข้ารหัส 256-bit AES สำหรับข้อมูลล็อกอินด้วย แต่เวอร์ชันฟรีนั้นจะเก็บรหัสได้แค่ 5 รายการ ซึ่งก็แย่มากเมื่อเทียบกับ เครื่องมือจัดการรหัสผ่านฟรีรายอื่น ๆ และ VPN ก็จำกัดให้ใช้ข้อมูลได้แค่ 200 MB ต่อวัน (300 MB ถ้าคุณเชื่อมต่อเข้ากับ My Kaspersky) ซึ่งก็มากกว่าที่ Avira มีให้ในแพลนระดับฟรี แต่มันก็ยังไม่เพียงพอสำหรับการใช้อะไรอื่น ๆ นอกจากการท่องเว็บทั่วไปอยู่ดี
แพลนหลายอุปกรณ์ของ Kaspersky มีราคาเริ่มต้นที่ US$27.99 / ปี และมันก็จะมาพร้อมกับแอนตี้ไวรัสกับเครื่องมือป้องกันภัยอันตรายทางอินเทอร์เน็ตอย่างเต็มรูปแบบของ Kaspersky สำหรับหลากหลายอุปกรณ์ ประกอบไปด้วย iOS, Mac, PC และ Android คุณยังสามารถซื้อแอป iOS แบบสแตนด์อโลนได้ด้วย โดยที่แพลนแบบจ่ายเงินสำหรับ iOS ของ Kaspersky นั้นจะมีการป้องกันการฟิชชิง พื้นที่จัดเก็บรหัสผ่านไม่จำกัด สำหรับทั้งเดสก์ท็อปและอุปกรณ์เคลื่อนที่ มี VPN ที่ใช้ข้อมูลได้ไม่จำกัด และการสแกนการรั่วไหลซึ่งสามารถใช้งานได้กับอีเมลไม่จำกัดจำนวน คุณยังสามารถสแกนเบอร์มือถือที่อยู่บน dark web ได้ด้วย — ซึ่งก็เจ๋งมาก ๆ Kaspersky นั้นมีการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
สรุป:
แอปฟรีสำหรับ iOS ของ Kaspersky นั้นมีฟีเจอร์ดี ๆ มากมาย อย่างเช่นเครื่องมือจัดการรหัสผ่าน (ใช้งานได้จำกัด), VPN (จำกัดข้อมูล 300 MB ต่อวัน), ตัวสแกนการรั่วไหลของข้อมูล และการป้องกัน Wi-Fi ถ้าอัปเกรดไปใช้แพลนระดับพรีเมียม คุณจะได้พื้นที่จัดเก็บรหัสผ่านแบบไม่จำกัด มีการป้องกันการฟิชชิง และ VPN ที่ไม่จำกัดข้อมูล รวมถึงระบบควบคุมสำหรับผู้ปกครอง และอีกมากมาย แพลนทั้งหมดนั้นมาพร้อมกับการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
อ่านรีวิวฉบับเต็มเกี่ยวกับ Kaspersky ได้ที่นี่ >
9. AVG Mobile Security สำหรับ iPhone และ iPad — แอปเรียบง่ายที่มีการแจ้งเตือนการรั่วไหลของข้อมูลและการป้องกัน Wi-Fi
AVG Mobile Security สำหรับ iPhone และ iPad เป็นผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาขึ้นโดย Avast Software ซึ่งเป็นบริษัทเดียวกันกับที่เป็นเจ้าของแบรนด์ Avast — นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้ซอฟต์แวร์ทั้งสองนี้ดูคล้ายคลึงกันมากเช่นเดียวกันกับ Avast Security & Privacy, AVG เองก็จะมีตัวสแกนเครือข่าย, การแจ้งเตือนการรั่วไหลของข้อมูล, และคลังเข้ารหัสสำหรับภาพถ่าย ซึ่งก็ถือว่ามีฟีเจอร์ไม่มากเมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง Norton และ McAfee
ข้อจำกัดของเวอร์ชันฟรีก็จะเหมือน ๆ กันด้วย: ตัวสแกนการรั่วไหลของข้อมูลที่ชื่อว่า Identity Guard (การป้องกันตัวตน) จะทำให้คุณสามารถเฝ้าระวังที่อยู่อีเมลได้ 1 อีเมล ในขณะที่ Photo Vault (คลังภาพถ่าย) จะเปิดให้คุณเก็บภาพถ่ายได้สูงสุด 40 ภาพเครื่องมือทั้ง 3 (ตัวสแกน คลังภาพ และการป้องกันตัวตน) นั้นสามารถทำงานได้ดี และตัวแอปเองก็ใช้งานง่าย อินเทอร์เฟซผู้ใช้งานนั้นถูกออกแบบมาให้ดูเนี้ยบและโมเดิร์น และมันก็มีภาษาไทยด้วย — นอกจากนี้มันยังดูเหมือน Avast มาก ๆ ต่างกันแค่โทนสีเท่านั้น
ถ้าอัปเกรดไปใช้แพลนระดับ Pro คุณจะต้องจ่ายเงิน US$39.99 / ปี ในราคานี้ คุณจะได้รับพื้นที่จัดเก็บภาพและการเฝ้าระวังอีเมลที่ไม่จำกัด แถมคุณยังจะได้รับ VPN ที่ไม่จำกัดข้อมูลไว้ใช้ท่องเว็บอย่างเป็นส่วนตัวอีกด้วย มีให้ทดลองใช้ฟรีได้ 14 วันสำหรับการสมัครสมาชิกรายปี และ 7 วันสำหรับการสมัครสมาชิกรายเดือน
สรุป:
AVG Mobile Security สำหรับ iOS นั้นมีฟีเจอร์ในระดับพื้นฐาน ประกอบไปด้วยตัวสแกนเครือข่าย การแจ้งเตือนการรั่วไหลของข้อมูล และ Photo Vault (คลังภาพถ่าย) แอปนั้นใช้งานได้ดีและใช้งานง่าย มีดีไซน์ที่ดูเนี้ยบและโมเดิร์น การอัปเกรดไปใช้แพลน Pro จะทำให้คุณใช้งานคลังภาพ การเฝ้าระวังอีเมล และ VPN ได้ไม่จำกัด แอปนี้มีให้ทดลองใช้งานฟรีสำหรับการสมัครสมาชิกทั้งแบบรายเดือนและรายปี
อ่านรีวิวฉบับเต็มเกี่ยวกับ AVG ได้ที่นี่ >
10. Lookout Mobile Security สำหรับ iOS — การเฝ้าระวังการรั่วไหลของข้อมูลและเครื่องมือป้องกันการโจรกรรมที่ดี
Lookout Mobile Security สำหรับ iOS นั้นมี ฟีเจอร์ที่มีประโยชน์มากมายสำหรับแพลนระดับฟรี: ตัวสแกนอัปเดตแอป การเฝ้าระวังการรั่วไหลของข้อมูลขั้นพื้นฐาน และเครื่องมือตามหาอุปกรณ์ที่หาย เครื่องมือ System Advisor (ตัวแนะนำระบบ) ของ Lookout นั้นจะทำการแจ้งเตือนคุณถ้าระบบของคุณนั้นต้องอัปเดต ซึ่งก็จะมีประโยชน์เฉพาะถ้าคุณเมินการแจ้งเตือนอัปเดตที่ขึ้นแสดงบ่อยครั้งของ iOS
อย่างไรก็ตาม Lookout มีเครื่องมือชื่อว่า Locate (ค้นหาตำแหน่ง) ซึ่งใช้งานได้ดีมาก ๆ — ถ้าคุณทำอุปกรณ์หาย คุณก็สามารถเข้าไปที่เว็บไซต์และติดตามอุปกรณ์ของคุณบนแผนที่ ส่งการแจ้งเตือนระยะไกล หรือแม้แต่ส่งข้อความไปยังหน้าจอเพื่อให้คนที่พบเจอสามารถช่วยส่งเครื่องคืนคุณได้ด้วย Lookout นั้นยังสามารถช่วยบันทึกตำแหน่งสุดท้ายของมือถือคุณก่อนที่แบตจะหมดได้อีกด้วย — ซึ่งก็เป็นฟีเจอร์ที่มีประโยชน์มาก!ตัวสแกนการรั่วไหลของข้อมูลของ Lookout นั้นแทบจะเหมือนกับของ TotalAV เลย เพียงแค่กรอกอีเมลของคุณ จากนั้น Lookout ก็จะแจ้งเตือนคุณในกรณีที่ข้อมูลล็อกอินของคุณเกิดการรั่วไหลออกไปLookout มีการป้องกัน iOS ฟรีซึ่งใช้งานได้ดี แต่แอปแบบจ่ายเงินจะดียิ่งขึ้นไปอีก Lookout Premium จะมีการป้องกันการฟิชชิง มีตัวสแกนเครือข่าย Wi-Fi และก็มีการอัปเดตการรั่วไหลของข้อมูลแบบเรียลไทม์ในราคา US$29.99 / ปี Lookout นั้นยังมีการป้องกันการโจรกรรมเอกลักษณ์บุคคลสำหรับผู้ใช้งาน Premium Plus อีกด้วย (เฉพาะลูกค้าในสหรัฐอเมริกา)
สรุป:
Lookout Mobile Security สำหรับ iOS จะช่วยป้องกันการสูญหายของมือถือได้เป็นอย่างดี และก็ยังมีการสแกนการรั่วไหลของข้อมูลและแจ้งเตือนการอัปเดต iOS ด้วย เราชอบฟีเจอร์การแจ้งเตือนระยะไกลเป็นพิเศษ มันจะช่วยยับยั้งหัวขโมยและช่วยตรวจจับอุปกรณ์ iOS ที่สูญหายได้ อย่างไรก็ตาม เครื่องมือฟรีของ Lookout จะไม่ช่วยปกป้องคุณจากภัยอันตรายที่ร้ายแรงที่สุดบนโลกออนไลน์ ดังนั้นถ้าคุณชอบเครื่องมือความปลอดภัยของ Lookout สำหรับ iOS เราก็อยากจะแนะนำให้คุณอัปเกรดไปใช้แพลนระดับพรีเมียมซึ่งจะมีการป้องกันการฟิชชิง, การสแกน Wi-Fi, การรายงานการรั่วไหลของข้อมูล และเครื่องมือด้านการโจรกรรมเอกลักษณ์บุคคล
อ่านรีวิวฉบับเต็มเกี่ยวกับ Lookout ได้ที่นี่ >
เปรียบเทียบแอปแอนตี้ไวรัสฟรีสำหรับ iOS ที่ดีที่สุดในปี 2024
วิธีการเลือกแอปแอนตี้ไวรัสฟรีที่ดีที่สุดสำหรับ iOS ให้ตรงความต้องการของคุณ
- ตรวจดูว่าคุณสามารถเข้าถึงได้ฟรี ให้มองหาแอปที่มีแพลนระดับฟรีหรือเปิดให้ทดลองใช้ฟรี (หรือมีการรับประกันคืนเงิน) ซึ่งจะทำให้คุณสามารถทดลองใช้ฟีเจอร์ทั้งหมดได้ก่อนที่คุณจะผูกมัดในระยะยาว ถึงแม้ว่าจะมีแอปแอนตี้ไวรัสฟรีดี ๆ สำหรับ iOS ให้เลือกมากมายพอตัว แต่ไม่ว่าจะยังไ งคุณก็จะได้รับการปกป้องที่ดีกว่าถ้าคุณจ่ายเงินใช้บริการ เพราะแบบนั้นเราถึงได้รวม Norton และ McAfee มาไว้ในรายการนี้ด้วย — ถึงแม้ว่ามันจะไม่มีเวอร์ชันฟรี แต่มันก็เป็นแอป iOS ที่ดีที่สุด และมันก็มีการรับประกันคืนเงินในระยะยาวด้วย (ทำให้คุณสามารถทดลองใช้งานได้อย่างไม่มีความเสี่ยง)
- มองหาฟีเจอร์ที่มีประโยชน์ ชุดเครื่องมือป้องกันภัยอันตรายทางอินเทอร์เน็ตนั้นมักจะมีฟีเจอร์ต่าง ๆ มากมาย และผลิตภัณฑ์แต่ละตัวนั้นก็จะแตกต่างกันเป็นอย่างมาก ดังนั้นคุณควรจะมองดูฟีเจอร์ที่มันมีให้ใช้งานเป็นหลัก และก็ให้เลือกใช้ตัวที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณมากที่สุด และเราก็อยากให้คุณดูเรื่องความคุ้มค่าเป็นหลัก อย่ามองเรื่องราคาที่ต้องจ่ายอย่างเดียว — ในขณะที่แอปฟรีนั้นมักจะครอบคลุมเรื่องพื้นฐาน แต่แพลนระดับพรีเมียมนั้นจะมีฟีเจอร์ที่มีประโยชน์และก็มีความคุ้มค่าดีกว่ามาก
- ปกป้องความเป็นส่วนตัวให้ข้อมูลของคุณ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณไม่ได้กำลังเลือกใช้งานแอปฟรีที่มีการบันทึกข้อมูลของคุณเพื่อนำไปขายอยู่ — ผลิตภัณฑ์ที่เปิดให้ใช้ฟรีนั้นมีวิธีสร้างรายได้อยู่แค่ไม่กี่ทาง! แอปฟรีทั้งหมดในรายการนี้จะช่วยปกป้องข้อมูลของผู้ใช้งาน และบางตัวจะมีเครื่องมือที่จะช่วยให้แน่ใจได้ว่าข้อมูลที่ละเอียดอ่อนจะไม่รั่วไหลออก
- เลือกตัวที่ใช้งานสะดวก เลือกแอปที่ง่ายต่อการติดตั้งและใช้งาน มันจะช่วยให้คุณไม่ต้องเสียเวลาเรียนรู้เกี่ยวกับฟีเจอร์ต่าง ๆ จนเกินไป เครื่องมือและแอปที่ระบุในรายการนี้นั้นมีอินเทอร์เฟซผู้ใช้งานที่ออกแบบมาเป็นอย่างดีและใช้งานได้สะดวก ซึ่งจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับคุณ Norton และ TotalAV เป็นตัวเลือกที่เรายกให้เป็นที่หนึ่งด้านความสะดวกในการใช้งาน และทั้งสองตัวเลือกนี้ก็เหมาะกับผู้ใช้งานทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หัดใช้แอปด้านความปลอดภัย หรือจะเป็นผู้ใช้งานขั้นสูงที่กำลังมองหาความสามารถในการปรับแต่งขั้นสูงก็ตาม
- เลือกตัวที่มีประสิทธิภาพดี ตรวจสอบให้แน่ใจว่าแอปแอนตี้ไวรัสของคุณนั้นไม่มีบัคและก็จะไม่ทำให้อุปกรณ์ iOS ของคุณช้าลง เราได้ทำการวิเคราะห์ประสิทธิภาพ iPhone และ iPad ของเรา รวมถึงได้ตรวจสอบเรื่องแบตแล้วระหว่างก่อนและหลังการติดตั้งแต่ละแอป เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีแอปตัวไหนในรายการนี้ที่ทำให้เครื่องของเราช้าลงหรือจะกินแบตจนเกินเหตุ
ความเสี่ยงและข้อเสียของการใช้แอนตี้ไวรัสฟรีสำหรับ iOS
ถ้าถามความเห็นของเราจริง ๆ เราอยากให้คุณหลีกเลี่ยงการใช้งานซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสฟรี ถึงแม้ว่ามันจะสามารถปกป้องคุณในขั้นพื้นฐานได้ แต่ฟีเจอร์ขั้นสูงต่าง ๆ ก็มักจะถูกล็อกเอาไว้ให้ใช้งานได้เฉพาะในเวอร์ชันจ่ายเงิน ถึงแม้ว่าการมี แอนตี้ไวรัสฟรี จะดีกว่าการที่ไม่มีแอนตี้ไวรัสเลย แต่การลงทุนเลือกใช้โซลูชันแอนตี้ไวรัสแบบจ่ายเงินนั้นก็ย่อมดีกว่าเพราะมันมีการป้องกันที่ครอบคลุมมากกว่า
อุปกรณ์ iOS นั้นจะแตกต่างจากอุปกรณ์อื่น ๆ เล็กน้อย โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับ Windows และ Android เพราะ Apple ได้ทำการออกแบบ iOS มาให้มีความปลอดภัยเป็นอย่างมาก แอป iOS ทั้งหมดจะทำงานอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีความปลอดภัยของมันเอง — ซึ่งจะถูกเรียกว่า “Sandboxing” — มันเป็นการป้องกันไม่ให้แต่ละแอปเข้าไปแทรกแซงหรือทำการเปลี่ยนแปลงกับแอป ไฟล์ หรือกระบวนการอื่น ๆ ในเครื่องของคุณ นี่หมายความว่ามัลแวร์แบบทั่วไปจะไม่มีความเสี่ยงมากสำหรับอุปกรณ์ iOS นี่เป็นเหตุผลว่าทำไม “แอนตี้ไวรัส” ของ iOS ถึงได้ไม่มีเอนจินแอนตี้ไวรัสมาด้วย
ภัยอันตรายบนอินเทอร์เน็ตนั้นไม่ได้มีแค่แอปที่มุ่งร้าย แต่มันยังมีการฟิชชิง, เครือข่าย Wi-Fi ที่ไม่ปลอดภัย และการบุกรุกทางเว็บแบบอื่น ๆ ซึ่งสามารถส่งผลถึงอุปกรณ์ iOS ของคุณได้ การปกป้องตัวเองจากภัยอันตรายเหล่านี้นั้นเป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากคนส่วนใหญ่อย่างเรา ๆ นั้นจะใช้งานอุปกรณ์หลายเครื่อง มันจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องป้องกันอุปกรณ์ทั้งหมดให้ครอบคลุมเพื่อเป็นการปกป้องตัวตนออนไลน์ของคุณเอง นี่รวมถึงการเฝ้าระวังการรั่วไหลของข้อมูลที่อาจจะเกี่ยวกับข้อมูลส่วนตัวของคุณด้วย
แอนตี้ไวรัสฟรีสำหรับ iOS ที่ดีนั้นจะต้องมี VPN, เบราว์เซอร์อย่างปลอดภัย, เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน, การป้องกันการฟิิชชิง, ตัวสแกนการรั่วไหลของข้อมูล และเครื่องมืออื่น ๆ เพื่อช่วยปกป้องอุปกรณ์และตัวตนของคุณให้ปลอดภัย อย่างไรก็ตาม แพลนระดับฟรีนั้นมักจะมีข้อจำกัดในการใช้งานฟีเจอร์เหล่านี้ หรือไม่ก็จะไม่มีฟีเจอร์ที่สำคัญที่สุดให้มาเลย — อย่างเช่น Avira จำกัด VPN ให้ใช้ได้แค่ 100 MB/วัน, Kaspersky จำกัดเครื่องมือจัดการรหัสผ่านให้บันทึกได้แค่ 15 รายการ และ Lookout ก็ไม่มีการป้องกันเครือข่าย Wi-Fi ให้ใช้งานเลย
หากคุณต้องการการปกป้องที่ดีที่สุด เราแนะนำให้คุณจ่ายเงินใช้แพลนระดับพรีเมียม — และคุณจะได้รับการปกป้องที่ดีที่สุดพร้อมกับความคุ้มค่าที่มากที่สุดหากคุณเลือกใช้แอนตี้ไวรัสที่ไม่ได้ครอบคลุมเฉพาะ iOS เพียงอย่างเดียว แต่สามารถปกป้องอุปกรณ์อื่น ๆ ทั้งหมดได้ด้วย แอนตี้ไวรัสชั้นนำส่วนใหญ่นั้นมีราคาไม่แพง และก็มักจะมีการรับประกันคืนเงิน ดังนั้นคุณจะสามารถทดลองใช้งานก่อนที่จะผูกมัดระยะยาวได้ ยกตัวอย่างเช่น Norton 360 Deluxe จะมีฟีเจอร์ป้องกันภัยอันตรายทางอินเทอร์เน็ตให้ใช้งานมากมาย มันจะสามารถป้องกันอุปกรณ์ได้ถึง 5 เครื่องสำหรับทุกระบบปฏิบัติการซึ่งรวมถึง iOS ด้วย — ทั้งหมดนี้ในราคาเพียง US$49.99 / ปี* พร้อมทั้งยังมีการรับประกันคืนเงินภายใน 60 วันอีกด้วย
แอนตี้ไวรัสฟรี vs แอนตี้ไวรัสจ่ายเงินสำหรับ iOS
แอปแอนตี้ไวรัสฟรีนั้นจะสามารถปกป้องคุณจากภัยอันตรายทางออนไลน์ที่พบเห็นได้ทั่วไป — อย่างเช่นการโจมตีจากเครือข่าย Wi-Fi ที่ไม่ปลอดภัย หรือข้อมูลที่เกิดการรั่วไหลไปของคุณ
อย่างไรก็ตาม แอปฟรีนั้นจะมีฟีเจอร์ที่ถูกล็อกเอาไว้ให้ใช้งานสำหรับผู้ใช้งานที่จ่ายตังอยู่เสมอ และฟีเจอร์เหล่านี้ก็มักจะเป็นฟีเจอร์ที่มีประโยชน์ที่สุดด้วย — ยกตัวอย่างเช่น TotalAV จะมีการป้องกันการฟิชชิงและ VPN ที่ใช้ข้อมูลได้ไม่จำกัดเฉพาะสำหรับแพลนแบบจ่ายเงินเท่านั้น
แอปฟรีนั้นมักจะครอบคลุมได้แค่ 1 อุปกรณ์และ 1 ผู้ใช้งาน แต่แพลนแบบจ่ายเงินนั้นจะสามารถครอบคลุมได้หลายอุปกรณ์ ซึ่งก็หมายความว่ามันสามารถป้องกันภัยอันตรายทางไซเบอร์ได้บนทุกอุปกรณ์และก็มีความคุ้มค่ามากกว่า
แอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดอย่าง Norton มีเครื่องมือป้องกันภัยอันตรายทางอินเทอร์เน็ตที่ใช้งานได้อย่างครบครัน ซึ่งประกอบไปด้วยเครื่องมือขั้นสูงอย่างเครื่องมือจัดการรหัสผ่าน, VPN, และเครื่องมือเพิ่มประสิทธิภาพอุปกรณ์ ซึ่งปกติแล้วคุณจะต้องสมัครสมาชิกหลายบริการถึงจะได้ใช้งานครบ
โดยรวมแล้ว เราแนะนำให้คุณเลือกใช้งานแพลนแบบจ่ายเงินอยู่เสมอ — ในขณะที่แอนตี้ไวรัสฟรีสำหรับ iOS นั้นก็สามารถพอใช้งานได้ แต่ถ้าคุณสนใจที่จะปกป้องตัวเองจากภัยอันตรายออนไลน์จริง ๆ มันก็มีตัวเลือกระดับพรีเมียมที่คุ้มค่ากว่าเยอะให้คุณใช้งาน
แบรนด์ชั้นนำอื่น ๆ ที่ไม่ติดอันดับ:
- Trustd Trustd เป็นแอปความปลอดภัยสำหรับ iOS ที่ใช้งานง่ายมาก ๆ และก็มีฟีเจอร์ที่ดีใช้ได้ อย่างไรก็ตาม มันมีฟีเจอร์ไม่เยอะเท่ากับแอปอื่น ๆ ในรายการนี้
- Webroot Webroot Mobile Security เป็นแอปฟรีสำหรับ iOS แต่มันใช้งานได้แย่มาก ๆ มันจำกัดให้คุณใช้งานได้แค่ฟีเจอร์เดียว (เว็บเบราว์เซอร์อย่างปลอดภัย) ดังนั้นมันจึงไม่สามารถแข่งกับแอปที่เต็มไปด้วยฟีเจอร์ตัวอื่น ๆ ในรายการนี้ได้
- ESET ESET นั้นเป็นแอนตี้ไวรัสที่ดี มันมีอัตราการตรวจจับมัลแวร์ถึง 100% ในแอป Android และมันก็มีเครื่องมือป้องกันภัยอันตรายทางอินเทอร์เน็ตที่ใช้งานได้ดีด้วย แต่มันไม่มีแอปสำหรับ iOS
คำถามพบบ่อย
ฉันจำเป็นต้องใช้แอนตี้ไวรัสสำหรับ iPhone ด้วยหรอ?
ทั้งใช่และทั้งไม่ Apple พูดถูกตอนที่พวกเขาบอกว่าคุณไม่จำเป็นต้องใช้แอนตี้ไวรัสสำหรับอุปกรณ์ iOS และนั่นก็เป็นคำพูดที่ผิดในเวลาเดียวกัน “แอนตี้ไวรัส” เป็นคำเรียกที่ไม่ถูกต้องเพราะว่าแอปเหล่านี้นั้นไม่ได้ตรวจจับไวรัสจริง ๆ แต่มาตรการความปลอดภัยที่บิ้วท์อินมาของ Apple นั้นก็ไม่สามารถปกป้องเราจากนิสัยการท่องเว็บของเราเองได้ การฟิชชิงนั้นเป็นปัญหาใหญ่ การโจรกรรมนั้นเป็นปัญหาใหญ่ และการท่องเว็บบนเครือข่ายที่ไม่ปลอดภัยนั้นก็เป็นปัญหาใหญ่
และใครก็ตามที่เคยใช้ “Find My iPhone” ที่ทำงานช้าของ Apple มาแล้ว ก็จะรู้เป็นอย่างดีว่าคุณควรจะเลือกตัวเลือกที่ครอบคลุมกว่า ทำงานได้เร็วกว่า เสียงดังกว่า สำหรับใช้ค้นหาอุปกรณ์ที่สูญหายและยับยั้งโจร
มันไม่มีเหตุผลจริง ๆ ว่าทำไมคุณถึงไม่ควรติดตั้งแอปแอนตี้ไวรัสอย่าง Norton ไว้บน iPhone ของคุณ นอกจาก iPhone ของคุณจะเป็นของมีค่าแล้ว ข้อมูลส่วนตัวอันละเอียดอ่อนที่อยู่ในเครื่องก็มีค่าไม่แพ้กัน
แอปแอนตี้ไวรัสฟรีแอปไหนที่ดีที่สุดสำหรับ iPhone และ iPad?
แอปแอนตี้ไวรัสฟรีที่ดีที่สุดสำหรับ iPhone และ iPad คือ TotalAV Mobile Security มันเป็นแอปที่ใช้งานง่ายมาก ๆ และก็มีฟีเจอร์ความปลอดภัยที่จำเป็นสำหรับ iOS ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นตัวสแกนระบบหรือตัวสแกนการรั่วไหลของข้อมูล
แต่ถึงยังไงแอนตี้ไวรัสฟรีก็ไม่มีทางใช้งานได้ดีเท่ากับแอนตี้ไวรัสแบบจ่ายเงิน และแพลนระดับฟรีของ TotalAV ก็ไม่ต่างกัน เพราะมันจะขาดฟีเจอร์ความปลอดภัยที่สำคัญอย่างการป้องกันการฟิชชิง ด้วยเหตุผลนี้เองทำให้คุณควรจะหันไปเลือกใช้แอนตี้ไวรัสพรีเมียมอย่าง Norton Mobile Security แทน เพราะว่ามันจะมีการป้องกันขั้นสูงที่ครอบคลุมกว่าสำหรับภัยอันตรายทางออนไลน์ทั้งหมด
แอนตี้ไวรัสฟรีนั้นใช้งานกับ iPhone หรือ iPad ได้อย่างปลอดภัยหรือไม่?
ได้ ตราบใดก็ตามที่คุณใช้งานแอนตี้ไวรัสจากแบรนด์ที่เชื่อถือได้แอนตี้ไวรัสทั้งหมดที่เราแนะนำในรายการนี้นั้นต่างก็มีประวัติที่ดี และมันก็สามารถนำไปใช้ปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานได้
แต่การใช้แอนตี้ไวรัสฟรีนั้นก็จะทำให้คุณไม่สามารถเข้าถึงฟีเจอร์ความปลอดภัยขั้นสูงอย่างเช่นการป้องกันการฟิชชิง การใช้งาน VPN อย่างไม่จำกัด การเฝ้าระวังการรั่วไหลของข้อมูล และอื่น ๆ ซึ่งก็อาจจะทำให้อุปกรณ์หรือข้อมูลส่วนตัวของคุณตกอยู่ในอันตรายได้ ดังนั้นการอัปเกรดไปใช้งานแอนตี้ไวรัสระดับพรีเมียมอย่าง Norton จึงเป็นความคิดที่น่าสนใจไม่เลว
แอปแอนตี้ไวรัส iPhone จะสามารถใช้งานกับ iPad ได้หรือไม่?
ในกรณีส่วนใหญ่แล้วใช้ได้ แอปแอนตี้ไวรัสสำหรับ iOS อย่าง McAfee และ Avira นั้นจะสามารถใช้งานกับอุปกรณ์ iOS ได้ทั้งหมดซึ่งรวมถึง iPad ด้วย แต่ถึงงั้นก็ตาม คุณควรจะตรวจสอบดูให้แน่ใจก่อนว่าแอปที่คุณเลือกสามารถช่วยปกป้องคุณได้ตามที่คุณต้องการ มันอาจจะมีบางฟีเจอร์ที่จะสามารถใช้งานได้เฉพาะสำหรับ iPhone เท่านั้น
ฉันต้องใช้ฟีเจอร์แอนตี้ไวรัสใดบ้างในการปกป้องตัวเอง?
Norton 360 นั้นจะมีฟีเจอร์ความปลอดภัยที่หลากหลายและใช้งานได้ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันการฟิชชิง การแจ้งเตือนการรั่วไหลของข้อมูล เครื่องมือป้องกันการโจรกรรม การป้องกันสแปมทางข้อความและทางโทรศัพท์ และอีกมากมาย Norton 360 นั้นไม่ได้เปิดให้ใช้งานฟรี แต่ว่าการดาวน์โหลดใช้งานแอปความปลอดภัยสำหรับ iOS ระดับพรีเมียมนั้นเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้คุณสามารถเข้าถึงฟีเจอร์ความปลอดภัยทั้งหมดที่คุณต้องใช้สำหรับอุปกรณ์ iOS ได้