เพียง 3 ขั้นตอน (ง่าย + เร็ว) ในการรับบริการ VPN ปี 2024:
- ดาวน์โหลดและติดตั้ง VPN เราแนะนำ ExpressVPN เนื่องจากมันมีความเร็วสูง มีความปลอดภัยที่แน่นหนา และมีแอปที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้งาน
- เชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ VPN เลือกเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้กับคุณมากที่สุดเพื่อให้ได้ความเร็วสูงที่สุด จากนั้นกดเชื่อมต่อ
- เริ่มใช้งานอย่างปลอดภัยได้เลย เท่านี้ก็เรียบร้อยแล้ว! ทราฟฟิคออนไลน์ทั้งหมดของคุณได้รับการปกป้องจาก VPN เรียบร้อย
การใช้งานอินเทอร์เน็ตโดยไม่มีการป้องกันนั้นอาจทำให้ข้อมูลส่วนตัวของคุณต้องตกอยู่ในอันตราย ภัยอันตรายอย่างเช่นแฮ็กเกอร์ สามารถที่จะดักจับทราฟฟิคของคุณและเรียนรู้เกี่ยวกับพฤติกรรมการท่องเว็บ ประวัติการดาวน์โหลด ตำแหน่งที่อยู่ของคุณ หรือแม้แต่รหัสผ่านเข้าบัญชีของคุณได้
การใช้ VPN นั้นจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการปกป้องตัวคุณเองให้ปลอดภัยบนโลกออนไลน์ VPN จะทำให้ทราฟฟิคของคุณนั้นไม่สามารถถูกเปิดอ่านได้ และจะป้องกันไม่ให้คนอื่นมาเห็นว่าคุณทำอะไรบนโลกออนไลน์ มันยังช่วยปิดบังที่อยู่ IP ของคุณซึ่งจะสามารถเปิดเผยตำแหน่งที่อยู่ของคุณ ทำให้ไม่มีใครสามารถรู้ได้ว่าคุณอยู่ที่ไหน
VPN นั้นยังมีประโยชน์อีกมากมาย ยกตัวอย่างเช่น VPN จะช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงบริการที่ถูกจำกัดในพื้นที่อย่าง Netflix TH ในขณะที่คุณเดินทางไปต่างประเทศได้
การรับบริการจาก VPN นั้นง่ายมาก ถึงแม้ว่าคุณจะไม่เชี่ยวชาญเรื่องเทคโนโลยีก็ตาม คุณสามารถทำตามขั้นตอนง่าย ๆ ด้านล่างเสร็จภายใน 5 นาที
นอกจากนี้เรายังได้รวบรวมรายการ 3 VPN ชั้นนำในปี 2024 ไว้ช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกตัวที่เหมาะกับคุณที่สุดอีกด้วย ตัวที่เราชอบก็คือ ExpressVPN มันมีความเร็วสูงปานสายฟ้าแลบ มีฟีเจอร์ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวชั้นหนึ่ง และก็มีแอปที่เข้าใจง่ายมาก ๆ หมายเหตุจากบรรณาธิการ: ExpressVPN และเว็บไซต์นี้อยู่ในกลุ่มบริษัทที่มีเจ้าของเดียวกัน
วิธีการดาวน์โหลด ติดตั้ง และตั้งค่า VPN บนอุปกรณ์ของคุณ (คู่มือแบบทีละขั้นตอน)
การดาวน์โหลดและตั้งค่า VPN นั้นทำได้ง่ายและรวดเร็ว บนอุปกรณ์ Android, iOS, Windows และ macOS คุณใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีก็เสร็จ คุณยังสามารถกำหนดค่า VPN บนเราเตอร์และใช้มันกับอุปกรณ์ที่ไม่รองรับแอปเนทีฟ VPN อย่างเช่น PlayStation และ Xbox หรือสมาร์ททีวีได้อีกด้วย วิธีนี้จะใช้เวลานานกว่าเล็กน้อย แต่ก็ไม่เกิน 10–15 นาที
คอมพิวเตอร์ Windows หรือ macOS
- เข้าไปยังเว็บไซต์ของผู้ให้บริการ VPN
กรอกชื่อผู้ให้บริการลงใน Google และค้นหาเว็บไซต์ทางการ สำหรับคู่มือนี้เราจะสอนวิธีการรับบริการจาก ExpressVPN ทีละขั้นตอน แต่ VPN อื่น ๆ จะมีวิธีที่คล้าย ๆ กัน หลังจากที่คุณเข้ามาในหน้าหลักแล้ว คุณก็จะเห็นปุ่มในหน้าหลักสำหรับการรับ VPN คลิกเพื่อดำเนินการต่อ
- เลือกแพลน
เลือกแพลนที่ตรงกับความต้องการของคุณมากที่สุด แพลนระยะยาวกว่ามักจะมีความคุ้มค่ามากกว่า
- กรอกข้อมูลการชำระเงินของคุณ
VPN ชั้นนำส่วนใหญ่นั้นจะรับทั้งบัตรเครดิต, PayPal และเงินสกุลดิจิทัล คุณอาจจะถูกขอให้กรอกชื่อที่อยู่อีเมลและสร้างบัญชีพร้อมชื่อผู้ใช้กับรหัสผ่านด้วย
- ดาวน์โหลดและติดตั้งแอป VPN
ค้นหาแอปสำหรับอุปกรณ์ของคุณ และกดปุ่มดาวน์โหลด VPN ส่วนใหญ่ อย่างเช่น ExpressVPN นั้นจะเปลี่ยนเส้นทางคุณไปยังหน้าดาวน์โหลดในทันทีหลังจากที่คุณสมัครสมาชิกแล้ว
- เชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์
เปิดแอป VPN ลงชื่อเข้าใช้บัญชีของคุณและทำการเชื่อมต่อเซิร์ฟเวอร์ VPN VPN ส่วนใหญ่นั้นจะมีปุ่มเปิด/ปิดขนาดใหญ่อยู่ในหน้าหลัก ซึ่งมันจะทำการเชื่อมต่อคุณไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่เร็วที่สุดและใกล้ที่สุดหลังจากที่คุณคลิกมันแล้ว หากคุณกำลังมองหาตำแหน่งโดยเฉพาะ คุณก็สามารถเลือกจากรายการเซิร์ฟเวอร์ในแอป VPN เองได้
เท่านี้คุณก็พร้อมแล้ว! ทราฟฟิคอินเทอร์เน็ตทั้งหมดของคุณได้รับการปกป้องจาก VPN แล้ว
อุปกรณ์ Android หรือ iOS
- สมัครสมาชิกใช้งาน VPN
ทำตามขั้นตอนที่ 1–3 จาก การรับบริการ VPN บนคอมพิวเตอร์ Windows หรือ macOS
- ค้นหาแอป VPN จากใน App Store ของอุปกรณ์คุณ
พิมพ์ชื่อ VPN ลงในช่องค้นหาใน Google Play Store หรือ App Store บนมือถือของคุณ จากนั้นแตะที่ปุ่มดาวน์โหลด
- เปิดแอป VPN
ลงชื่อเข้าใช้ในบัญชีของคุณผ่านทางมือถือและทำการเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ VPN เท่านี้คุณก็พร้อมแล้ว! กิจกรรมออนไลน์ทั้งหมดของคุณจะมีความเป็นส่วนตัวและปลอดภัย
ถ้าหากคุณข้ามขั้นตอนที่ 1 และยังไม่ได้สมัครสมาชิก VPN คุณก็จะเจอตัวเลือกลงชื่อเข้าใช้ตอนที่คุณเปิดแอป VPN พอคุณคลิกมันแล้ว คุณก็จะถูกนำทางไปยังหน้าแพลนให้คุณเลือกแพลนที่เหมาะที่สุดสำหรับคุณ
เราเตอร์
-
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่า VPN ของคุณใช้งานเข้ากันได้กับเราเตอร์
ไม่ใช่ VPN ทั้งหมดที่จะใช้งานกับเราเตอร์ทุกรุ่นได้ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่คุณจะต้องตรวจดูว่าคุณสามารถกำหนดค่า VPN ให้ทำงานบนเราเตอร์ของคุณได้ คุณจะสามารถค้นหาข้อมูลเหล่านี้ได้บนเว็บไซต์ของผู้ให้บริการ
- ทำตามขั้นตอนการตั้งค่าบนเว็บไซต์ VPN
ขั้นตอนการตั้งค่านั้นจะแตกต่างกันออกไปขึ้นกับผู้ให้บริการ VPN และรุ่นของเราเตอร์ที่คุณใช้ ดังนั้นเราแนะนำให้คุณทำตามขั้นตอนเฉพาะสำหรับเราเตอร์รุ่นนั้น ๆ ซึ่งคุณจะสามารถเปิดดูได้บนเว็บของผู้ให้บริการ ถ้าคุณหาไม่เจอ คุณก็สามารถติดต่อฝ่ายให้บริการลูกค้าของ VPN ได้เสมอ
หนึ่งในเหตุผลที่เราชอบ ExpressVPN นั่นก็เพราะว่ามันมีแอปเฉพาะสำหรับเราเตอร์ ซึ่งสามารถนำไปติดตั้งใช้งานบนเราเตอร์ได้ง่ายกว่า VPN ดี ๆ ส่วนใหญ่นั้นก็สามารถใช้งานกับเราเตอร์ได้ แต่เกือบจะทั้งหมดเลยนั้นก็ต้องมาทำการกำหนดค่าเองเพื่อให้มันใช้งานบนเราเตอร์ได้
- ตรวจสอบการเชื่อมต่อ
หลังจากที่คุณกำหนดค่า VPN บนเราเตอร์ของคุณแล้ว ให้ตรวจสอบว่ามันทำงานได้หรือไม่ คุณจะทำแบบนี้ได้ด้วยการถาม Google ให้มันบอกตำแหน่งของคุณและลองดูว่ามันแสดงให้เห็นตำแหน่งของเซิร์ฟเวอร์ VPN ที่คุณเชื่อมต่อไปหรือเปล่า ถ้าใช่ อุปกรณ์ทั้งหมดของคุณในบ้านซึ่งเชื่อมต่อไปยังเราเตอร์ก็จะถูกเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ VPN แล้ว
เหตุผลที่คุณควรใช้ VPN
ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว
ถ้าไม่มี VPN ทราฟฟิคออนไลน์ของคุณก็จะไม่ปลอดภัย แฮ็กเกอร์และภัยอันตรายอื่น ๆ จะสามารถดักจับทราฟฟิคออนไลน์ของคุณเพื่อเข้าถึงข้อมูลละเอียดอ่อนได้ อย่างเช่นข้อมูลบัตรเครดิตหรือรหัสผ่านของคุณ
และคุณก็จะไม่มีความเป็นส่วนตัว บุคคลที่สามอย่างเช่น ISP (ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต) หรือรัฐบาลจะสามารถดูทุกอย่างที่คุณกำลังทำได้ ซึ่งรวมถึงเว็บไซต์ที่คุณเข้าชมและไฟล์ที่คุณดาวน์โหลด
VPN จะช่วยป้องกันเรื่องนี้ด้วยการเข้ารหัสทราฟฟิคอินเทอร์เน็ตของคุณทั้งหมด เพื่อให้คนอื่นไม่สามารถอ่านมันได้ นี่จะมีความสำคัญเป็นพิเศษถ้าคุณเชื่อมต่อไปยังเครือข่าย Wi-Fi สาธารณะที่ไม่มีความปลอดภัยอยู่บ่อย ๆ อย่างเช่นที่ร้านกาแฟ สนามบิน หรือโรงแรม
VPN นั้นจะยังทำให้คนอื่นคาดเดาตำแหน่งที่อยู่ของคุณได้ยากมาก ๆ อีกด้วย ที่อยู่ IP ของคุณซึ่งเป็นข้อมูลสาธารณะและทุกเว็บไซต์ที่คุณเข้าชมจะสามารถดูได้นั้น มันจะบ่งบอกถึงตำแหน่งจริง ๆ ที่คุณอยู่ VPN จะช่วยปิดบังที่อยู่ IP จริงโดยใช้ที่อยู่ของเซิร์ฟเวอร์มาแทนที่ตอนที่คุณเชื่อมต่อไปยัง VPN ดังนั้นตำแหน่งของคุณก็จะมีความเป็นส่วนตัว
VPN ชั้นนำส่วนใหญ่นั้นจะมาพร้อมกับตัวบล็อกโฆษณา ตัวติดตาม และมัลแวร์อีกด้วย นี่จะทำให้เว็บไซต์ที่มีโฆษณาเยอะ ๆ อย่างเช่นโซเชียลมีเดียนั้นน่ารำคาญน้อยลงและดาวน์โหลดเร็วขึ้น มันยังจะช่วยป้องกันไม่ให้ผู้โฆษณามาเก็บข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมการท่องเว็บของคุณ และนำโฆษณาแบบระบุเป้าหมายที่น่ารำคาญมาใช้กับคุณด้วย และสุดท้ายมันก็จะช่วยหยุดคุณไม่ให้เข้าถึงเว็บไซต์ที่มุ่งร้ายอย่างเช่นเว็บไซต์ฟิชชิงซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อขโมยข้อมูลส่วนตัวของคุณหรือทำให้เครื่องของคุณติดมัลแวร์โดยเฉพาะ
ความเร็ว
ISP อาจจะควบคุมความเร็วอินเทอร์เน็ตของคุณถ้าพวกเขาเห็นว่าคุณทำกิจกรรมที่ใช้แบนด์วิดท์เยอะ อย่างเช่นสตรีมมิ่งโดยแบบ HD หรือ 4K, โหลด torrent หรือเล่นเกม เนื่องจากมันต้องใช้ข้อมูลเยอะ ดังนั้น ISP ของคุณก็จะทำการลดความเร็วของคุณเพื่อให้พวกเขาบริหารเครือข่ายได้ดียิ่งขึ้น
แต่ ISP จะไม่สามารถดูกิจกรรมออนไลน์ของคุณได้ถ้าคุณเชื่อมต่อ VPN นี่ก็เพราะว่า VPN จะทำการ scramble ทราฟฟิคของคุณทำให้ไม่สามารถถูกเปิดอ่านได้ ดังนั้น ISP ของคุณก็จะไม่สามารถควบคุมความเร็วการเชื่อมต่อของคุณตามกิจกรรมที่คุณทำได้
โปรดทราบว่า VPN นั้นไม่ได้ช่วยเพิ่มความเร็วให้กับคุณ เพราะว่ามันต้องใช้เวลาในการเข้ารหัสและถอดรหัสข้อมูลของคุณ และข้อมูลของคุณก็จะต้องเดินทางไกลขึ้น ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ตาม คุณจะไม่ต้องห่วงเรื่องความเร็วต่ำเลยถ้าคุณเลือกใช้ VPN ชั้นนำ เนื่องจากมันสามารถลดค่าเวลาแฝงได้ต่ำมาก ๆ
สตรีมมิ่ง
เว็บไซต์สตรีมมิ่งส่วนใหญ่จะแสดงเนื้อหาตามตำแหน่งที่คุณอยู่ อย่างเช่น Netflix ซึ่งมีเนื้อหาหลายประเทศเนื่องจากข้อจำกัดด้านข้อตกลงลิขสิทธิ์
บางเว็บไซต์สตรีมมิ่งนั้นอาจจะไม่เปิดให้บริการในพื้นที่ของคุณเลยด้วยซ้ำ ยกตัวอย่างเช่น Hulu นั้นจะเปิดบริการในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น ดังนั้นถ้าคุณเดินทางบ่อยหรืออาศัยอยู่ในประเทศไทย คุณก็อาจจะไม่สามารถติดตามรายการโปรดจากแพลตฟอร์มที่คุณต้องการได้
VPN สามารถแก้ปัญหานี้ได้ด้วยการซ่อนที่อยู่ IP จริงของคุณ เวลาที่คุณเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ ทาง VPN จะจัดที่อยู่ IPของเซิร์ฟเวอร์นั้นและทำให้ดูเหมือนว่าคุณกำลังเข้าถึงอินเทอร์เน็ตจากตำแหน่งนั้นจริง ๆ หรือก็คือว่าถ้าคุณเชื่อมต่อไปยังประเทศบ้านเกิดของคุณ เว็บไซต์ที่คุณกำลังเข้านั้นก็จะคิดว่าคุณเชื่อมต่อมาจากที่นั่น และทำให้คุณเข้าถึงเนื้อหาที่ถูกจำกัดเฉพาะในพื้นที่ได้
การเล่นเกม
VPN จะช่วยปกป้องคุณจากการโจมตีแบบปฏิเสธการให้บริการ (DDoS) นี่เป็นความพยายามที่จะก่อกวนบริการอินเทอร์เน็ตของคุณด้วยการส่งคำร้องถึงที่อยู่ IP ของคุณรัว ๆ เนื่องจาก VPN จะทำการซ่อนที่อยู่ IP ของคุณ ทำให้ผู้ประสงค์ร้ายนั้นไม่สามารถมุ่งเป้าใส่คุณได้โดยตรง
ยิ่งไปกว่านั้น VPN ชั้นนำส่วนใหญ่จะมาพร้อมกับการป้องกัน DDoS ดังนั้นพวกขี้แพ้ชวนตีก็จะไม่สามารถโจมตีใส่ IP ของ VPN ได้เช่นกัน
สุดท้าย VPN นั้นจะสามารถช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงการแบนหรือการระงับได้ วิดีโอเกมส่วนใหญ่มักจะแบนที่อยู่ IP แทนการแบนบัญชี ดังนั้นการหลบหลีกการแบนจึงเป็นเรื่องง่ายด้วยการเปลี่ยนที่อยู่ IP ผ่าน VPN
การโหลด torrent
คนที่โหลด torrent ไฟล์เดียวกับคุณนั้นจะสามารถดูที่อยู่ IP ของคุณได้ รวมถึงไฟล์ที่คุณกำลังดาวน์โหลดและแบ่งปัน ISP ของคุณนั้นก็สามารถดูได้ว่าคุณกำลังโหลด torrent และถ้ามันไม่รองรับการแชร์ไฟล์แบบ P2P มันก็จะควบคุมความเร็วของคุณเพื่อพยายามทำให้คุณหยุดโหลด
VPN นั้นจะแก้ปัญหาทั้งหมดให้คุณ: มันจะปิดบังการดาวน์โหลดไม่ให้ ISP, รัฐบาล และบุคคลสอดแนมอื่น ๆ รู้
มันยังจะช่วยให้คุณเข้าถึงเว็บโหลดบิตทอร์เรนต์ในที่ ๆ ถูกจำกัดอีกด้วย บางประเทศนั้นจำกัดการเข้าถึงเว็บโหลด torrent เพื่อป้องกันไม่ให้คนดาวน์โหลดเนื้อหาลิขสิทธิ์อย่างผิดกฎหมาย แต่ VPN จะช่วยให้คุณหลบหลีกข้อจำกัดเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย
เราและทีมงานไม่สนับสนุนให้คุณใช้ VPN เพื่อดาวน์โหลดเนื้อหาอย่างผิดกฎหมายใด ๆ ทั้งสิ้น หลีกเลี่ยงการดาวน์โหลดเนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์และตรวจสอบกฎหมายในประเทศก่อนเพื่อให้คุณโหลด torrent ได้อย่างปลอดภัย
หลบหลีกการเซ็นเซอร์ของรัฐบาล
VPN จะช่วยให้คุณสามารถหลบหลีกการเซ็นเซอร์ในประเทศที่จำกัดการเข้าถึงอย่างจีน, รัสเซีย และอิหร่านได้ด้วยการใช้เครื่องมือ obfuscation เพื่อปิดบังทราฟฟิค VPN และทำให้มันดูเหมือนทราฟฟิคอินเทอร์เน็ตปกติ มันยังช่วยให้คุณสามารถหลบหลีกข้อจำกัดที่โรงเรียนและที่ทำงานได้ด้วย
VPN ที่ดีที่สุดสำหรับทุกอุปกรณ์ในปี 2024
- 🥇1. ExpressVPN: VPN ที่ดีที่สุดสำหรับทุกอุปกรณ์ในปี 2024
- 🥈2. Private Internet Access: VPN ที่เร็ว, ปลอดภัย และอเนกประสงค์
- 🥉3. CyberGhost VPN: VPN คุณภาพดีสำหรับมือใหม่
- การเปรียบเทียบระหว่าง VPN ที่ดีที่สุดในปี 2024
🥇1. ExpressVPN: VPN ที่ดีที่สุดโดยรวมในปี 2024
ExpressVPN นั้นเป็น VPN โปรดของเรา มันมีความเร็วสูงปานสายฟ้าแลบ มีฟีเจอร์ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวที่แข็งแกร่ง มีแอปที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้งานสำหรับทุกแพลตฟอร์มใหญ่ ๆ และอีกมากมาย
มันมีฟีเจอร์ความปลอดภัยอันน่าประทับใจ ประกอบไปด้วย:
- การป้องกันการรั่วไหลแบบเต็มรูปแบบ ป้องกันการรั่วไหล IPv6, DNS และ WebRTC เราทำการทดสอบการรั่วไหลบนเซิร์ฟเวอร์ของ ExpressVPN ถึง 10+ เซิร์ฟเวอร์ และก็ไม่พบการรั่วไหลเลย
- เซิร์ฟเวอร์แบบ RAM-only มันจะเก็บข้อมูลของคุณไว้บนหน่วยความจำชั่วคราวแทนที่จะเก็บไว้ในฮาร์ดไดรฟ์ ซึ่งหมายความว่ามันจะถูกลบทุกครั้งที่เซิร์ฟเวอร์มีการรีบูท
- Perfect forward secrecy เปลี่ยนคีย์การเข้ารหัสของคุณในทุกเซสชั่นการใช้ VPN เป็นการจำกัดข้อมูลที่แฮ็กเกอร์จะสามารถเข้าถึงได้ถ้าหากว่าพวกเขาได้คีย์ไป
- Threat Manager ตัวบล็อกโฆษณาและเว็บไซต์ที่มุ่งร้ายซึ่งมีให้ใช้งานได้บนแอป iOS, macOS และ Linux ของ ExpressVPN ตอนที่เราทดสอบดูนั้น มันก็หยุดไม่ให้เราเข้าถึงเว็บไซต์น่าสงสัย 100% เต็ม
ExpressVPN นั้นยังมีความยอดเยี่ยมมากด้านความเป็นส่วนตัวอีกด้วย มันมีนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลที่ผ่านการตรวจสอบอย่างอิสระมาแล้วหลายครั้ง และก็ยังเป็นเรื่องที่ช่วยทำให้สบายใจตรงที่สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่หมู่เกาะบริติชเวอร์จิน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อยู่นอกพันธมิตร 5/9/14 Eyes ซึ่งประเทศสมาชิกนั้นจะแชร์ข้อมูลกับกันและกัน
ExpressVPN นั้นเป็น VPN ที่เร็วที่สุด ซึ่งทำให้มันเป็นตัวเลือกที่ดีมากสำหรับทุกกิจกรรม ในระหว่างการทดสอบของเรา หน้าเว็บเพจและวิดีโอต่างก็โหลดเสร็จในทันทีไม่ว่าจะใช้เซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้หรือไกลก็ตาม
มันยังเป็นมิตรต่อผู้ใช้งานอีกด้วย มีแอปเป็นภาษาไทย และก็มีฟีเจอร์ที่ทำให้ใช้งานสะดวกมากมาย อย่างเช่นสถานที่อัจฉริยะ ซึ่งจะบ่งบอกถึงเซิร์ฟเวอร์ที่เร็วที่สุดสำหรับคุณและจะช่วยให้คุณเชื่อมต่อได้ด้วยการแตะแค่ครั้งเดียว และสถานที่ล่าสุด ซึ่งจะแสดงสองเซิร์ฟเวอร์ล่าสุดที่คุณเชื่อมต่อไปบนหน้าโฮมของแอปเพื่อให้คุณสามารถเชื่อมต่ออีกครั้งได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ นี่ยังเป็นหนึ่งใน VPN ที่ดีที่สุดสำหรับสตรีมมิ่งอีกด้วย มันสามารถใช้งานได้กับบริการสตรีมมิ่ง 100+ บริการ ซึ่งรวมถึง Netflix US และอีกหลายประเทศ, Hulu, Amazon Prime Video, Disney+ และ BBC iPlayer, ONE 31 และ Channel 7 HD และอีกมากมาย นอกจากนี้ยังใช้ได้กับโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook, Twitter และ Instagram มันมีเครื่องมือ Smart DNS ชื่อว่า MediaStreamer ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถสตรีมเนื้อหาบนอุปกรณ์ที่ไม่รองรับเนทีฟ VPN ได้
ผู้ให้บริการนี้ยังรองรับ P2P อีกด้วย มันเปิดให้คุณสามารถโหลด torrent ได้บนทุกเซิร์ฟเวอร์ และก็ใช้งานได้กับแอป P2P ยอดนิยมอย่าง Vuze, Deluge และ Transmission เราชอบมากที่มันรองรับ port forwarding ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเร็วการดาวน์โหลดให้กับคุณด้วยการเชื่อมต่อไปยัง peer ที่มากยิ่งขึ้น
แพลนของ ExpressVPN ราคาเริ่มต้นที่ US$4.99 / เดือนนี่ทำให้มันมีราคาแพงกว่า VPN รายอื่น ๆ เล็กน้อย อย่างไรก็ตาม มันคุ้มค่าต้นทุนอย่างแน่นอน ทุกการสมัครสมาชิกนั้นจะมีการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน ดังนั้นคุณจึงสามารถลองใช้เองได้อย่างไม่มีความเสี่ยง
อ่านรีวิวฉบับเต็มเกี่ยวกับ ExpressVPN ของพวกเรา
🥈2. Private Internet Access: VPN ที่เร็ว, ปลอดภัย และอเนกประสงค์
Private Internet Access (PIA) นั้นมีความโดดเด่นตรงที่แอปมีความยืดหยุ่นและรองรับภาษาไทย โดยที่มันจะมีตัวเลือกการปรับแต่งมากมาย เอาไว้ให้คุณปรับแต่งการใช้ VPN ได้ตามความต้องการ คุณสามารถเลือกได้ระหว่างการเข้ารหัส 256-bit และ 128 AES, เปลี่ยนโปรโตคอล VPN (OpenVPN หรือ WireGuard), ปรับการตั้งค่าพร็อกซี่, ตั้งค่าให้มันทำการเชื่อมต่ออัตโนมัติไปยัง VPN เวลาที่ตรวจเจอเครือข่าย Wi-Fi ที่ไม่น่าเชื่อถือ และเปลี่ยนเลย์เอาต์ของแอปเพื่อให้ฟีเจอร์ที่คุณใช้บ่อยที่สุดไปอยู่ข้างบน เรายังชอบมากที่มันเปิดให้ใช้งานพร้อมกันได้ไม่จำกัดจำนวนการเชื่อมต่อ ซึ่งก็เหมาะสำหรับครอบครัวใหญ่
มันยังปลอดภัยมากอีกด้วย เช่นเดียวกับ ExpressVPN มันจะมีการป้องกันการรั่วไหลเต็มรูปแบบและใช้ทั้ง perfect forward secrecy และเซิร์ฟเวอร์แบบ RAM-only นอกจากนี้ PIA นั้นยังมี ตัวบล็อกโฆษณาของ VPN ที่ดีที่สุดใน2024 ซึ่งสามารถบล็อกโฆษณา, ตัวติดตาม และเว็บไซต์ที่มุ่งร้ายได้ ตอนที่เราทดสอบมันดูนั้น มันก็สามารถบล็อกโฆษณาได้ทั้งหมดบนทุกเว็บไซต์ที่เราเข้าชมซึ่งก็เป็นเรื่องที่น่าประทับใจมาก
เราชอบความโปร่งใสของ PIA มาก ๆ VPN นี้จะมีการเผยแพร่รายงานความโปร่งใสอยู่เป็นประจำ มันจะมีรายละเอียดคำร้องขอข้อมูลผู้ใช้งานทางกฎหมายที่พวกเขาได้รับ และก็เรื่องที่ว่าพวกเขาไม่สามารถทำตามคำร้องนั้นได้เนื่องจากพวกเขาไม่ได้เก็บข้อมูลผู้ใช้งานเอาไว้ตามนโยบายการไม่บันทึกข้อมูล นอกจากนี้ PIA นั้นยังเป็น VPN รายเดียวที่มีแอปโอเพนซอร์ซอย่างเต็มรูปแบบ ดังนั้นใครก็สามารถเข้ามาตรวจดูโค้ดของมันได้ว่ามีช่องโหว่ด้านความปลอดภัยหรือไม่
เราประทับใจมาก ๆ ในเรื่องความเร็วของ PIA เราไม่เจอผลกระทบใด ๆ เลยเกี่ยวกับความเร็วในการโหลดเว็บไซต์หรือวิดีโอ ตอนที่เราเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้เคียง และเราก็รู้สึกว่ามีดีเลย์แค่ 1–2 วินาทีเท่านั้นตอนที่เชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ห่างไกล
การรองรับสตรีมมิ่งของ PIA นั้นก็ดีเยี่ยม มันสามารถใช้งานได้กับ 30+ บริการสตรีมมิ่ง ประกอบไปด้วย Netflix, Amazon Prime, Disney+, Hulu และ BBC iPlayer และมันก็มีเครื่องมือ Smart DNS อีกด้วย
นอกจากนี้มันก็ยังเป็นหนึ่งใน VPN ที่ดีที่สุดสำหรับโหลด torrent มันรองรับทราฟฟิคแบบ P2P บนทุกเซิร์ฟเวอร์ และเราก็สามารถโหลด torrent ไฟล์ต่าง ๆ ได้ผ่าน torrent client ยอดนิยมอย่าง qBittorrent, uTorrent และ Vuze ผ่าน PIA นอกจากจะมี port forwarding แล้วมันยังมีการรองรับพร็อกซี่ SOCKS5 ซึ่งจะเปลี่ยนที่อยู่ IP ของคุณแต่จะไม่มีการเข้ารหัส ซึ่งก็จะมีประโยชน์เวลาที่คุณต้องการความเร็วมากกว่าความปลอดภัย
Private Internet Access (PIA) ราคาเริ่มต้นที่ US$2.03 / เดือน และมันก็ยังเป็น VPN ที่มีราคาดีที่สุดอีกด้วย แพลนทั้งหมดของมันนั้นมีการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
อ่านรีวิวฉบับเต็มเกี่ยวกับ Private Internet Access ของพวกเรา
🥉3. CyberGhost VPN: VPN คุณภาพดีสำหรับมือใหม่
CyberGhost VPN นั้นมีแอปที่เข้าใจง่าย ทำให้มันเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่เคยใช้ VPN มาก่อน อินเทอร์เฟซแอปของมันนั้นดูสะอาดและใช้งานง่าย มาพร้อมกับฟีเจอร์ที่จะทำให้มันเป็นมิตรกับผู้ใช้งานเป็นอย่างสูง ยกตัวอย่างเช่น เราชอบที่ฟังก์ชั่นพื้นฐานของ VPN นั้นมาพร้อมกับคำอธิบายสั้น ๆ และก็เรื่องที่ว่าหน้าโฮมของมันนั้นจะแสดงที่อยู่ IP และความเร็วในการดาวน์โหลดและอัปโหลดของคุณ
CyberGhost นั้นมีฟีเจอร์ความปลอดภัยระดับชั้นนำที่ดีมาก มันมีการป้องกันการรั่วไหลของ DNS แบบบิ้วท์อิน และก็จะปิดทราฟฟิค IPv6 อัตโนมัติเพื่อป้องกันการรั่วไหลของ IPv6 มันยังมีการใช้ perfect forward secrecy และเซิร์ฟเวอร์แบบ RAM-only อีกด้วย เช่นเดียวกันกับ Private Internet Access มันจะมาพร้อมกับตัวบล็อก โฆษณา, ตัวติดตาม และมัลแวร์ ชื่อว่า Content Blocker แต่เราเห็นว่า PIA MACE นั้นใช้งานดีกว่า CyberGhost นั้นจะบล็อกโฆษณาเฉพาะใน search engine จากที่เราได้ทดสอบมา
เรื่องความเป็นส่วนตัวของ CyberGhost นั้นก็ดีมากด้วย นโยบายการไม่บันทึกข้อมูลของมันได้ผ่านการตรวจสอบอย่างอิสระมาแล้ว และก็ได้มีการเผยแพร่รายงานความโปร่งใสในทุกไตรมาสเพื่อแสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่ได้แบ่งปันข้อมูลผู้ใช้งานให้กับใคร
CyberGhost VPN นั้นรักษาความเร็วได้ดีสำหรับทั้งเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้และไกล เราสามารถสตรีม, เล่นเกม และโหลด torrent ได้โดยที่ความเร็วตกลงไปเพียงเล็กน้อยตอนที่เชื่อมต่อ VPN ถึงอย่างนั้นก็ตาม มันยังเร็วไม่เท่ากับ ExpressVPN
เมื่อพูดถึงเรื่องสตรีมมิ่งแล้ว CyberGhost ก็เป็นตัวเลือกที่ดีมาก มันมีเซิร์ฟเวอร์พิเศษสำหรับใช้สตรีมมิ่งถึง 100+ เซิร์ฟเวอร์ ซึ่งจะได้รับการตรวจสอบและอัปเดตอยู่เป็นประจำเพื่อให้แน่ใจว่ามันสามารถใช้งานได้อย่างมีความเสถียร โดยที่มันสามารถเข้าถึงแพลตฟอร์มยอดนิยมได้ถึง 50+ บริการ อย่างเช่น Netflix (US, UK และอื่น ๆ), Amazon Prime, Disney+, Hulu, and BBC iPlayer
CyberGhost นั้นมีเครือข่าย P2P ขนาดใหญ่ถึง 8,900+ เซิร์ฟเวอร์ใน 75+ ประเทศ (โดยมีเซิร์ฟเวอร์อยู่ใน กรุงเทพฯ) แต่มันไม่ได้เปิดให้โหลด torrent ได้บนทุกเซิร์ฟเวอร์เหมือนอย่าง ExpressVPN และ Private Internet Access ในการทดสอบของเรานั้น มันยังสามารถใช้งานกับ torrent client ชั้นนำอย่าง qBittorrent, Vuze และ uTorrent ได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม มันจะไม่มีฟังก์ชั่นเสริมอย่าง port forwarding หรือพร็อกซี่เซิร์ฟเวอร์ SOCKS5
แพลน CyberGhost VPN ราคาเริ่มต้นที่ US$2.03 / เดือน และแพลนทั้งหมดก็มาพร้อมกับการรับประกันคืนเงิน แพลนรายเดือนนั้นจะมีการรับประกันคืนเงินภายใน 14 วัน และแพลนรายปีจะมีการรับประกันคืนเงินนานถึง 45 วัน ซึ่งก็จะยาวนานกว่าผู้ให้บริการรายอื่น ๆ
อ่านรีวิวฉบับเต็มเกี่ยวกับ CyberGhost VPN ของพวกเรา
หมายเหตุจากบรรณาธิการ: Intego, Private Internet Access, CyberGhost และ ExpressVPN มีเจ้าของบรอการคือ Kape Technologies ซึ่งเป็นเจ้าของเดียวกับบริการของเรา
การเปรียบเทียบระหว่าง VPN ที่ดีที่สุดในปี 2024
หมายเหตุจากบรรณาธิการ: Intego, Private Internet Access, CyberGhost และ ExpressVPN มีเจ้าของบรอการคือ Kape Technologies ซึ่งเป็นเจ้าของเดียวกับบริการของเรา
วิธีการเลือก VPN ที่ตรงกับความต้องการของคุณ
- เน้น VPN ที่มีความเร็วสูง ถึงแม้ว่า VPN ทั้งหมดนั้นจะทำให้ความเร็วอินเทอร์เน็ตของคุณตกลงไปเล็กน้อย เนื่องจากกระบวนการเข้ารหัส แต่ VPN ชั้นนำก็จะรักษาความเร็วให้ตกน้อยที่สุด นี่จะทำให้มันสามารถรักษาการเชื่อมต่อที่เร็วและมีความเสถียรได้ถึงแม้ว่าจะใช้งานเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ห่างไกล ดังนั้นคุณจะสามารถท่องเว็บ, สตรีมมิ่ง, โหลด torrent และเล่นเกมได้อย่างไม่แลคและไม่ถูกรบกวน ExpressVPN นั้นเป็น VPN ที่เร็วที่สุดที่เราได้ทดสอบมา
- มองหาฟีเจอร์ความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวที่มีคุณภาพ VPN ทั้งหมดในรายการของเรานั้นมีฟีเจอร์ความปลอดภัยระดับมาตรฐานอุตสาหกรรม ซึ่งจะประกอบไปด้วยการเข้ารหัส 256-bit AES ซึ่งเป็นการเข้ารหัสที่แน่นหนามาก ทางธนาคารและการทหารต่างก็เลือกใช้แบบนี้, นโยบายการไม่บันทึกข้อมูลอย่างเข้มงวด แปลว่าข้อมูลที่อยู่ IP หรือกิจกรรมออนไลน์ของคุณจะไม่ถูกบันทึกไว้ และก็มี kill switch ซึ่งจะบล็อกการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของคุณถ้าหากการเชื่อมต่อ VPN ถูกตัดไปโดยไม่ได้ตั้งใจเพื่อป้องกันการรั่วไหลของข้อมูล
- ทดสอบว่ามันสามารถรองรับการสตรีมมิ่งและการโหลด torrent ได้เป็นอย่างดี มี VPN ไม่มากที่สามารถใช้งานกับเว็บไซต์สตรีมมิ่งได้ แต่ VPN ทั้งหมดในรายการของเรานั้นสามารถทำได้ เราและเพื่อนร่วมงานได้ทำการทดสอบมันมาทั้งหมดแล้ว และแต่ละ VPN ที่เราแนะนำก็สามารถใช้งานกับ Netflix, BBC iPlayer, Amazon Prime Video, HBO Max และ Hulu ได้
- มองหาเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่ VPN ที่ดีที่สุดนั้นจะต้องมีเซิร์ฟเวอร์อยู่หลาย ๆ แห่ง นี่จะช่วยลดการแออัดของเซิร์ฟเวอร์และจะช่วยให้คุณสามารถค้นหาเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้เคียงเพื่อใช้งานอย่างมีความเร็วสูงที่สุดได้ตลอด
- ค้นหาอันที่มีแอปซึ่งเป็นมิตรต่อผู้ใช้งาน เราเลือกมาเฉพาะ VPN ที่มีแอปใช้งานง่าย สำหรับรายการนี้ มันจะต้องเชื่อมต่อง่ายถึงแม้ว่าคุณจะยังไม่เคยใช้ VPN มาก่อนเลยก็ตาม
- เลือก VPN ที่สามารถเข้ากับอุปกรณ์ของคุณได้เป็นอย่างดี ทุก VPN ในรายการนี้นั้นจะมีแอปเฉพาะสำหรับทุกระบบปฏิบัติการใหญ่ ๆ ประกอบไปด้วย iOS, Android, Windows และ macOS มันยังมีการรองรับเราเตอร์ที่ดีอีกด้วย ดังนั้นคุณจะสามารถเชื่อมต่อ VPN บนอุปกรณ์ที่ไม่รองรับแอปเนทีฟ VPN อย่างเช่นเครื่องเล่นเกมและสมาร์ททีวีบางรุ่นได้
- ประเมินความคุ้มค่าโดยรวม VPN ในรายการของเราทั้งหมดนี้จะมีแพลนในราคาที่สมเหตุสมผล มันมีตัวเลือกการชำระเงินที่ยืดหยุ่น (ซึ่งรวมถึงเงินสกุลดิจิทัล), อนุญาตให้เชื่อมต่อได้พร้อมกันอย่างน้อย 5 อุปกรณ์ และก็มาพร้อมกับการรับประกันคืนเงิน พวกมันยังมาพร้อมกับฟีเจอร์เสริมอื่น ๆ อย่างเช่น split tunneling และตัวบล็อกมัลแวร์อีกด้วย
VPN ฟรี นั้นดีพอหรือไม่?
เราไม่อยากแนะนำให้ใช้ VPN ฟรี VPN ฟรี นั้นมักจะขาดฟีเจอร์ความปลอดภัยที่จำเป็น และบางรายก็ถึงขั้นเก็บข้อมูลผู้ใช้งานไปขายให้บุคคลที่สามเลยก็มี การรั่วไหลของข้อมูลของ SuperVPN ซึ่งเปิดเผยข้อมูลผู้ใช้งานนับล้านนั้นเป็นตัวอย่างที่ดีเกี่ยวกับความเสี่ยงในการใช้ VPN ฟรี
และเราก็ไม่ค่อยชอบแพลนระดับฟรีสักเท่าไร มันมักจะมีข้อจำกัดด้านตัวเลือกเซิร์ฟเวอร์, ความเร็วการเชื่อมต่อที่ต่ำ และก็มีการจำกัดข้อมูลที่ใช้ได้ในรายวันและรายสัปดาห์อีกด้วย นอกจากนี้ VPN ฟรี ส่วนใหญ่ยังรองรับการสตรีมมิ่งได้ไม่ดี และก็แทบจะไม่รองรับการโหลด torrent เลยอีกด้วย
เราแนะนำให้เลือกใช้ VPN แบบจ่ายเงินที่ไม่แพงแทนดีกว่า มันเป็นการลงทุนเล็กน้อยแต่ได้ผลตอบแทนเยอะด้านความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัว และความสบายใจ ตัวเลือกอันดับหนึ่งของเราคือ ExpressVPN เพราะว่ามันมีคุณภาพดีที่สุด: มันเร็วที่สุด, มีความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวขั้นสูง, มาพร้อมกับการรองรับการสตรีมมิ่งและการโหลด torrent ที่ดีเยี่ยม และก็ง่ายต่อการใช้งาน
ฟีเจอร์สำคัญสำหรับ VPN และ วิธีการกำหนดค่า
- เซิร์ฟเวอร์ เซิร์ฟเวอร์ VPN นั้นก็เป็นเหมือนคอมพิวเตอร์ มันเป็นของผู้ให้บริการ VPN และก็จะถูกตั้งไว้ทั่วโลก เวลาที่คุณเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ VPN ทาง VPN ก็จะทำการเชื่อมต่อคุณเข้ากับคอมพิวเตอร์ที่ว่านั้น จากนั้นก็เปลี่ยนเส้นทางทราฟฟิคอินเทอร์เน็ตของคุณไปทางนั้น เพื่อที่จะทำแบบนั้น คุณก็เพียงแค่ต้องเลือกเซิร์ฟเวอร์ที่คุณต้องการจะเชื่อมต่อจากเมนูเลือกเซิร์ฟเวอร์ของ VPN (มักจะอยู่ในหน้าโฮมของแอป) จากนั้นก็กดปุ่มเชื่อมต่อ
- Kill switch Kill switch นั้นจะช่วยทำการตัดการเชื่อมต่ออุปกรณ์ของคุณจากอินเทอร์เน็ตโดยอัตโนมัติ ถ้าการเชื่อมต่อ VPN ของคุณขาดไป เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ข้อมูลของคุณรั่วไหล คุณสามารถหาฟีเจอร์ได้ในการตั้งค่าแอปของ VPN ที่ซึ่งคุณจะสามารถเปิดปิดมันได้ โปรดทราบว่า VPN บางรายนั้นจะมีให้คุณเลือกระหว่าง “เบา” และ “แรง” สำหรับ kill switch โดยอันหลังนั้นจะหมายความว่า VPN จะไม่เปิดให้คุณเข้าถึงอินเทอร์เน็ตเลย เว้นแต่ว่าคุณจะทำการเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ VPN ก่อน
- โปรโตคอล VPN โปรโตคอล VPN นั้นจะกำหนดวิธีการสื่อสารระหว่างอุปกรณ์ของคุณกับเซิร์ฟเวอร์ VPN โปรโตคอลเหล่านี้จะเป็นเหมือนชุดคำสั่งที่ระบุวิธีการส่งข้อมูลผ่านการเชื่อมต่อ VPN ดังนั้นมันจึงมีความสมดุลระหว่างความเร็ว ความปลอดภัย และความเสถียรที่แตกต่างกันออกไป VPN ส่วนใหญ่นั้นจะมีตัวเลือกให้คุณอย่างน้อย 2 ตัวเลือก ระหว่าง: WireGuard ซึ่งเป็นโปรโตคอล VPN ที่เร็วที่สุด และ OpenVPN ซึ่งจะดีที่สุดด้านความเป็นส่วนตัว
- Split-tunneling ฟีเจอร์นี้จะทำให้คุณสามารถเลือกได้ว่าแอปไหนที่จะใช้การเชื่อมต่อของ VPN และแอปไหนที่จะใช้เครือข่ายปกติ มันจะมีประโยชน์มากเวลาที่คุณต้องการเข้ารหัสทราฟฟิคอินเทอร์เน็ตแค่บางส่วน และคุณไม่อยากให้แอปหรือเว็บไซต์อื่น ๆ ช้าลงไปอย่างไม่จำเป็นเพราะความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น คุณมักจะเข้าไปตั้งค่า split tunneling ได้ในการตั้งค่าแอปของ VPN
- การเชื่อมต่ออย่างรวดเร็ว ฟีเจอร์นี้จะทำให้คุณสามารถเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ VPN ที่ใกล้ที่สุดและเร็วที่สุดได้ภายในคลิกเดียว ผู้ให้บริการชั้นนำส่วนใหญ่นั้นจะมีปุ่มเชื่อมต่ออย่างเร็วในแอปทุกแอปของพวกเขา และอย่างเดียวที่คุณต้องทำก็แค่กดมันเท่านั้นเอง
- การเชื่อมต่ออัตโนมัติ คล้ายกับฟีเจอร์เชื่อมต่ออย่างเร็ว ในส่วนของการเชื่อมต่ออัตโนมัตินั้นจะทำให้คุณสามารถตั้งค่าแอป VPN ให้ทำการเชื่อมต่ออัตโนมัติตอนที่คุณเปิดเครื่อง นี่จะมีประโยชน์ตรงที่มันจะช่วยป้องกันไม่ให้คุณออนไลน์โดยที่ไม่ได้เชื่อมต่ออย่างปลอดภัยเสียก่อน
VPN จะช่วยให้กิจกรรมออนไลน์ของคุณมีความส่วนตัวได้อย่างไร?
VPN จะช่วยทำให้กิจกรรมออนไลน์ของคุณมีความส่วนตัวด้วยการเข้ารหัสข้อมูลของคุณ นี่จะทำให้ทราฟฟิคของคุณไม่สามารถถูกเปิดอ่านโดยบุคคลที่สาม ซึ่งประกอบไปด้วย ISP, รัฐบาล, ผู้โฆษณา และผู้ประสงค์ร้าย VPN ชั้นนำส่วนใหญ่นั้นจะใช้การเข้ารหัส 256-bit AES ซึ่งเป็นการเข้ารหัสที่แข็งแกร่งมาก ๆ โดยทางธนาคารและการทหารก็ใช้แบบเดียวกัน
VPN ชั้นนำส่วนใหญ่นั้นยังมีนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลอย่างเข้มงวดอีกด้วย นี่หมายความว่าผู้ให้บริการจะไม่บันทึกที่อยู่ IP, เว็บไซต์ที่คุณเข้า หรือไฟล์ที่คุณดาวน์โหลด ดังนั้นถึงจะมีผู้มีอำนาจทางกฎหมายมาร้องขอข้อมูลจากพวกเขา พวกเขาก็ไม่มีอะไรจะให้อยู่ดี VPN ที่ดีที่สุดนั้นยังจะต้องได้รับการตรวจสอบยืนยันนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลโดยบุคคลที่สามอย่างอิสระมาแล้วด้วย
และ VPN ที่ดีส่วนใหญ่ รวมถึง VPN ที่เราแนะนำนั้นก็จะมาพร้อมกับตัวบล็อกตัวติดตาม ตัวติดตามนั้นจะติดตามคุณไปทั่วอินเทอร์เน็ตและมันจะเก็บข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมการท่องเว็บของคุณ, ที่อยู่ IP ของคุณ และข้อมูลส่วนตัวอื่น ๆ ของคุณ ข้อมูลนี้มักจะถูกส่งต่อไปให้ผู้โฆษณาและบริษัทที่ทำเกี่ยวกับการตลาด ผู้ที่จะใช้ข้อมูลนี้ในการทำโฆษณาแบบระบุเป้าหมายกับคุณ บางครั้งมันยังอาจจะถูกใช้โดยรัฐบาลผู้ที่อยากรู้ว่าคุณทำอะไรบนโลกออนไลน์อีกด้วย
การใช้ VPN ในประเทศไทย ผิดกฎหมายหรือไม่?
VPN นั้นจะเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมายในประเทศส่วนใหญ่ สิ่งที่สำคัญกว่าคือคุณใช้ VPN ทำอะไร การดาวน์โหลดเนื้อหามีลิขสิทธิ์นั้นไม่ว่ายังไงก็เป็นเรื่องผิดกฎหมายอยู่ดีไม่ว่าคุณจะใช้หรือไม่ใช้ VPN ก็ตาม
มีบางประเทศที่ VPN นั้นจะผิดกฎหมายไปเลยหรือไม่ก็ถูกจำกัดการเข้าถึง อย่างเช่นประเทศจีน, รัสเซีย, อิหร่าน, ตุรกี และปากีสถาน
ที่ SafetyDetectives พวกเราไม่สนับสนุนให้คุณใช้ VPN เพื่อทำเรื่องผิดกฎหมาย และเราแนะนำให้คุณค้นคว้าเกี่ยวกับกฎหมายในประเทศที่คุณอยู่หรือจะเดินทางไปเกี่ยวกับการใช้ VPN ให้ดีก่อนใช้งาน
VPN มีข้อเสียบ้างไหม?
มี มันมีข้อเสียที่คุณควรจะต้องรู้เอาไว้
- ความเร็วที่จะลดลง VPN ทั้งหมดนั้นจะทำให้ความเร็วของคุณตกลง นี่ก็เพราะว่ามันทำการเข้ารหัสทราฟฟิคทั้งหมดของคุณซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา และเพราะว่าข้อมูลของคุณจะต้องเดินทางไกลขึ้นเล็กน้อยผ่านเซิร์ฟเวอร์ VPN ก่อนที่มันจะไปถึงจุดหมายปลายทางสุดท้ายได้ อย่างไรก็ตาม คุณจะแทบไม่สังเกตเห็นถึงเวลาแฝงเลยถ้าคุณใช้ VPN ชั้นนำ
- บริการที่ถูกบล็อก บางเว็บไซต์และบริการนั้นจะบล็อกทราฟฟิคที่มาจากเซิร์ฟเวอร์ VPN ซึ่งเป็นที่รู้จัก ยกตัวอย่างเช่นแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งอย่าง Netflix นั้นจะจำกัดการเข้าถึงเนื้อหาไว้สำหรับแต่ละประเทศ และก็จะทำการบล็อก VPN อยู่เป็นประจำเพื่อให้ผู้ใช้งานทำตามข้อจำกัดนี้ ถ้าพวกเขาตรวจพบทราฟฟิค VPN พวกเขาก็จะบล็อกการเข้าถึงเว็บไซต์ ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ได้พยายามเข้าถึงเนื้อหาที่ถูกจำกัดในพื้นที่ก็ตาม ย้ำอีกครั้งว่า VPN ชั้นนำนั้นแทบจะไม่มีปัญหาเหล่านี้เลย พวกเขาจะทำการอัปเดตและเปลี่ยนที่อยู่ IP อยู่เป็นประจำเพื่อให้สามารถเข้าถึงเว็บไซต์สตรีมมิ่งยอดนิยมได้โดยง่าย
- ถูกปักธงว่ามีความน่าสงสัย VPN นั้นมักจะใช้ที่อยู่ IP แบบแชร์ ซึ่งแปลว่ามันจะจัดที่อยู่ IP เดียวกันให้ทั้งคุณและผู้ใช้งานคนอื่น ๆ ถ้าผู้ใช้งานคนอื่น ๆ ทำกิจกรรมที่น่าสงสัย อย่างเช่นการสแปม ทางเว็บไซต์ก็อาจจะปักธงที่อยู่ IP นั้น นี่เป็นสาเหตุว่าทำไมคุณถึงอาจจะเจอ CAPTCHA บ่อยมากตอนที่กำลังท่องเว็บ (ถ้าผู้ใช้งานหลายคนเข้าถึงเว็บไซต์เดียวกันโดยใช้ที่อยู่ IP เดียวกัน ทางเว็บไซต์ก็จะมองเห็นว่านี่เป็นกิจกรรมที่น่าสงสัย)
แต่โดยรวมแล้ว การใช้ VPN นั้นก็ยังถือว่าคุ้มค่า ข้อดีมากมายที่ได้จาก VPN อย่างเช่นความเป็นส่วนตัวที่เพิ่มมากขึ้น ความปลอดภัยของข้อมูล และความสามารถที่จะหลบหลีกการเซ็นเซอร์ของรัฐบาลรวมถึงการถูกจำกัดในพื้นที่นั้นมีประโยชน์มากกว่าข้อเสียเป็นไหน ๆ
คำถามพบบ่อย
จำเป็นไหมที่ต้องใช้ VPN?
จำเป็นถ้าคุณให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวทางออนไลน์ถ้าไม่มี VPN แล้ว ทราฟฟิคอินเทอร์เน็ตของคุณก็จะสามารถถูกเปิดอ่านโดยบุคคลที่สามได้ ไม่ว่าจะเป็น ISP, รัฐบาล หรือผู้โฆษณาก็ตาม พวกเขาจะบอกได้คร่าว ๆ เลยว่าคุณกำลังอยู่ที่ไหน, เว็บไซต์อะไรที่คุณดู และคุณดาวน์โหลดไฟล์อะไร แฮ็กเกอร์นั้นยังสามารถดักจับทราฟฟิคอินเทอร์เน็ตของคุณและสามารถขโมยเอาข้อมูลละเอียดอ่อนอย่างเช่นรหัสผ่านหรือข้อมูลบัตรเครดิตได้ด้วย
VPN นั้นจะช่วยป้องกันเรื่องทั้งหมดนี้ ด้วยการซ่อนที่อยู่ IP จริงของคุณและทำการเข้ารหัสข้อมูลของคุณ เพื่อไม่ให้มีใครสามารถมาอ่านได้ VPN ชั้นนำส่วนใหญ่นั้นจะยังมาพร้อมกับตัวบล็อกโฆษณา, ตัวติดตาม, มัลแวร์อีกด้วย มันจะช่วยหยุดโฆษณาป๊อปอัพที่น่ารำคาญ, ป้องกันไม่ให้บริษัทโฆษณาหรือการตลาดมาเก็บข้อมูลพฤติกรรมการท่องเว็บของคุณ และป้องกันเว็บไซต์อันตรายได้
การใช้ VPN ตลอดนั้นมีข้อเสียไหม?
มี การใช้ VPN ตลอดเลยนั้นจะมีข้อเสียอยู่ การใช้ VPN นั้นจะลดความเร็วการเชื่อมต่อของคุณลงเล็กน้อย เนื่องจากมันมีกระบวนการเข้ารหัสและระยะทางการเดินทางของข้อมูลที่ไกลขึ้น บางเว็บไซต์และบริการนั้นจะบล็อกทราฟฟิคจาก VPN ซึ่งเป็นที่รู้จักอีกด้วย นอกจากนี้เพราะว่าที่อยู่ IP ของ VPN นั้นมักจะเป็นแบบแชร์กันใช้กับหลายผู้ใช้งาน คุณจึงอาจจะถูกปักธงโดยเว็บไซต์ว่ามีกิจกรรมน่าสงสัย และอาจจะถูกบังคับให้ต้องทำ CAPTCHA เพื่อพิสูจน์ตัวตนว่าคุณไม่ใช่บอทอยู่หลายครั้ง
ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ตาม การจะปิด VPN ตอนที่คุณไม่ต้องการใช้งานมันนั้นก็เป็นเรื่องง่าย หรือไม่คุณก็สามารถใช้ฟังก์ชั่น split tunneling เพื่อที่จะตั้งค่าให้แอปและเว็บไซต์ที่คุณกำหนดเท่านั้นที่จะต้องใช้อุโมงค์ VPN
VPN ฟรี ที่ดีที่สุดคือ?
เราไม่แนะนำให้ใช้ VPN ฟรี เพราะว่ามันจะมีข้อจำกัดเยอะมาก ยกตัวอย่างเช่น คุณจะสามารถเข้าถึงจำนวนเซิร์ฟเวอร์ได้น้อย, พวกเขาอาจจะควบคุมความเร็วของคุณ และ VPN ฟรีส่วนใหญ่นั้นจะมีการจำกัดข้อมูลที่ใช้ได้รายวันและรายเดือนอีกด้วย VPN ฟรี นั้นไม่ค่อยรองรับการสตรีมมิ่งและการโหลด torrent และมันก็มักจะมีฟีเจอร์ให้ใช้งานน้อย
นอกจากนี้ VPN ฟรีนั้นยังไม่ปลอดภัยอีกด้วย ซึ่งก็ผิดจุดประสงค์ของการใช้งาน VPN อันที่จริง บาง VPN นั้นถึงขั้นเก็บข้อมูลของคุณไปขายให้บุคคลที่สามเลยก็มี เราแนะนำเป็นอย่างยิ่งให้คุณเลือกใช้ VPN แบบจ่ายเงินที่มีราคาไม่แพงอย่างเช่น VPN ที่เราแนะนำในรายการนี้ จะดีกว่า
การใช้ VPN นั้นถูกกฎหมายหรือไม่?
การใช้ VPN เป็นเรื่องถูกกฎหมายในหลายประเทศ อย่างไรก็ตาม มีบางประเทศที่สั่งห้ามการใช้ VPN หรือมีการจำกัดการเข้าถึงอย่างสูง ซึ่งรวมถึงประเทศจีน, รัสเซีย และอิหร่าน และก็โปรดทราบว่า ถึงแม้การใช้ VPN อย่างเดียวนั้นจะไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมาย แต่การใช้ VPN ทำเรื่องผิดกฎหมายอย่างเช่นการดาวน์โหลดเนื้อหาลิขสิทธิ์นั้นก็ยังเป็นเรื่องผิดกฎหมายอยู่ดี เราและทีมงานไม่สนับสนุนให้คุณใช้ VPN เพื่อทำเรื่องเช่นนั้น และเราก็ขอแนะนำให้คุณศึกษากฎหมายให้ดีก่อน เพื่อให้คุณสามารถใช้งาน VPN ได้อย่างมั่นใจ