รีวิว CyberGhost: สรุปย่อโดยผู้เชี่ยวชาญ
CyberGhost VPN นั้นเป็นหนึ่งใน VPN ที่ดีที่สุดตัวหนึ่ง มันมีอินเทอร์เฟซที่เข้าใจง่าย Unknown มีเซิร์ฟเวอร์ใน 100 ประเทศ และจากการทดสอบของเรา มันทำให้ความเร็วตกลงไปโดยเฉลี่ยเพียง 30% เท่านั้นซึ่งก็ถือว่าดีกว่าคู่แข่งส่วนใหญ่
CyberGhost นั้นใช้งานสำหรับสตรีมมิ่งได้ดีเยี่ยม — มันมีเซิร์ฟเวอร์ถึง 100+ แห่งไว้สำหรับใช้เพื่อสตรีมมิ่งโดยเฉพาะซึ่งตั้งอยู่ใน 20+ ประเทศที่ถูกปรับแต่งมาสำหรับใช้กับ 50+ แอปสตรีมมิ่งอย่าง Netflix, Amazon Prime Video, BBC iPlayer และอีกมากมาย
CyberGhost นั้นยังมีฟีเจอร์ความปลอดภัยระดับมาตรฐานอุตสาหกรรม อย่างการเข้ารหัส 256-bit AES, kill switch และนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลที่ผ่านการตรวจสอบอย่างอิสระมาแล้วด้วย มันอย่างมีส่วนเสริมพิเศษอีกมากมายอย่าง:
- เซิร์ฟเวอร์แบบ RAM-only — ข้อมูลทั้งหมดนั้นจะถูกล้างเวลาที่เซิร์ฟเวอร์รีบูท เพื่อให้ได้ความเป็นส่วนตัวที่ดีกว่า
- Perfect forward secrecy — เปลี่ยนคีย์การเข้ารหัสสำหรับทุกเซสชั่นเพื่อที่ถึงแม้ว่าจะมีคนร้ายได้คีย์ไปคีย์หนึ่ง ทราฟฟิคในอดีตและอนาคตก็จะยังจะมีความเป็นส่วนตัวอยู่
- เซิร์ฟเวอร์ NoSpy — เป็นเซิร์ฟเวอร์ที่ CyberGhost ดูแลเอง เซิร์ฟเวอร์เหล่านี้นั้นจะมีแต่เฉพาะพนักงานของ CyberGhost เท่านั้นที่เข้าถึงได้
- Split-tunneling — ปล่อยให้คุณเลือกได้ว่าแอปไหนที่จะใช้อุโมงค์ VPN และแอปไหนที่จะผ่านเครือข่ายของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) ปกติ
- เซิร์ฟเวอร์พิเศษสำหรับเล่นเกม: ถูกปรับแต่งมาเพื่อให้มีความเร็วสูงและไม่มีอาการแลค
- Smart Rules (กฎอัจฉริยะ) — ทำให้คุณสามารถปรับแต่งและทำการเชื่อมต่อ VPN อย่างอัตโนมัติได้
- ตัวบล็อกโฆษณา — บล็อกโฆษณาของเสิร์ชเอนจินและเว็บไซต์อันตราย
- และอีกมากมาย…
เราชอบ CyberGhost VPN มาก ๆ แต่มันก็ยังมีอีกหลายด้านที่สามารถปรับปรุงได้ น่าเสียดายที่มันใช้งานกับประเทศที่ถูกจำกัดการเข้าถึงได้ไม่ดีนัก และตัวบล็อกโฆษณาของมันก็ไม่สามารถกำจัดโฆษณาได้ทั้งหมด
ถึงแม้ว่ามันจะมีปัญหาเหล่านั้น แต่ CyberGhost VPN นั้นก็ยังเป็น VPN ที่ดีมาก ๆ สำหรับใช้สตรีมมิ่ง, โหลดบิท, เล่นเกม และท่องเว็บในปี 2024 มันมีความเร็วสูง, ปลอดภัย และแพลนการสมัครสมาชิกแบบ 2 ปี (ซึ่งมักจะมาพร้อมกับการแถมให้ใช้ฟรีอีก 3 เดือน) นั้นก็มีราคาดีมาก ๆ นอกจากนี้มันยังมีแพลนสมัครสมาชิกแบบ 1 เดือนกับ 6 เดือนให้เลือกใช้ด้วย แพลนระยะยาวทั้งหมดนั้นมาพร้อมกับการรับประกันคืนเงินภายใน 45 วัน ในขณะที่แพลนระยะสั้นที่สุดนั้นจะรับประกัน 14 วัน
🏅 อันดับโดยรวม | VPN 1 จาก 82 |
🌍 เซิร์ฟเวอร์ | Unknown มีอยู่ 25 เซิร์ฟเวอร์เสมือนในประเทศไทย |
📱 จำนวนอุปกรณ์ | 7 |
💸 ราคาเริ่มต้น | US$2.03 / เดือน |
🎁 แพลนฟรี | ❌ |
💰 การรับประกันคืนเงิน | 45 วัน (สำหรับแพลน 6 เดือน และ 2 ปี);
14 วัน (สำหรับแพลน 1 เดือน) |
45 วันไม่มีความเสี่ยง – รับ CyberGhost เลย
รีวิวฉบับเต็มของ CyberGhost VPN
เราใช้เวลาหลายสัปดาห์ไปกับการทดสอบฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดของ CyberGhost VPN เพื่อตรวจสอบว่ามันเป็นหนึ่งใน VPN ที่ดีที่สุดจริง ๆ หรือไม่
เราพบว่า VPN นี้มีความเป็นส่วนตัวที่แข็งแกร่งจริง ๆ — นโยบายการไม่บันทึกข้อมูลของมันนั้นผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยอย่างอิสระแล้ว และทางผู้ให้บริการก็ได้มีการเผยแพร่รายงานความโปร่งใสเป็นประจำด้วย นอกจากนี้คุณยังได้รับความปลอดภัยที่ดีเยี่ยมผ่านการป้องกันการรั่วไหลอย่างเต็มรูปแบบ, ตัวบล็อกเว็บไซต์อันตราย และฟีเจอร์ที่จะช่วยป้องกันล็อกอินอีเมลของคุณให้ปลอดภัย
นอกจากนี้ CyberGhost VPN นั้นยังมีประสิทธิภาพที่ดีมาก ๆ เลยอีกด้วย — มันมีฟังก์ชันต่าง ๆ มากมาย และก็ใช้งานกับบริการสตรีมมิ่งยอดนิยมได้ทั้งหมด และมันยังเป็นหนึ่งใน VPN ที่เข้าใจง่ายและใช้งานง่ายที่สุดตัวหนึ่งอีกด้วย
ฟีเจอร์ CyberGhost VPN
CyberGhost VPN นั้นมีฟีเจอร์ความปลอดภัยระดับมาตรฐานที่เราคาดหวังจาก VPN พรีเมียมครบครัน:
- การเข้ารหัส 256-bit — มักจะถูกเรียกว่าเป็นการเข้ารหัส “ระดับทหาร”
- Kill switch — ตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตถ้าการเชื่อมต่อ VPN ขาดไป CyberGhost VPN นั้นมี kill switch ที่จะเปิดอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นจะไม่มีเหตุการณ์ที่คุณเผลอไปปิดมันโดยไม่ได้ตั้งใจและทำให้ข้อมูลของคุณต้องตกอยู่ในอันตราย
- นโยบายการไม่บันทึกข้อมูล — ไม่บันทึกข้อมูลการท่องเว็บหรือข้อมูลการเชื่อมต่อ นโยบายการไม่บันทึกข้อมูลของผู้ให้บริการนี้ได้ผ่านการตรวจสอบโดยองค์กรอิสระมาแล้วด้วย
CyberGhost VPN นั้นจะรองรับโปรโตคอล 3 แบบ — OpenVPN, IKEv2/IPSec และ WireGuard โปรโตคอลทั้งหมดนี้ต่างก็มีความปลอดภัยที่แข็งแกร่งและมีความเร็วดี แต่ในบางแอปก็อาจจะไม่มีบางตัวให้เลือกใช้ แอป Android นั้นจะไม่มี IKEv2/IPSec แต่คุณยังสามารถเลือกระหว่าง WireGuard กับ OpenVPN ได้ ซึ่งก็ยังเป็นตัวเลือกที่ดีอยู่ แอป iOS นั้นจะมีเฉพาะ WireGuard ซึ่งก็มีความปลอดภัยสูงมาก ๆ และก็มีความเร็วดี แต่เราคิดว่าถ้ามันมีตัวเลือกให้เปลี่ยนไปใช้ OpenVPN ได้ด้วยมันก็จะดีกว่านี้
เรายังชอบด้วยที่ผู้ให้บริการนั้นมีฟีเจอร์ความปลอดภัยขั้นสูงอย่างเซิร์ฟเวอร์แบบ RAM-only และ perfect forward secrecy ตัวแรกนี่หมายความว่าในทุกครั้งที่เซิร์ฟเวอร์ถูกรีเซ็ต ข้อมูลทั้งหมดก็จะถูกล้างไปด้วย ในขณะที่ตัวหลังนั้นหมายความว่า VPN จะใช้คีย์การเข้ารหัสที่แตกต่างกันในแต่ละเซสชั่น ดังนั้นแฮ็กเกอร์จะไม่สามารถเข้าถึงคีย์ในอดีตและอนาคตเพื่อสอดแนมทราฟฟิคของคุณได้
CyberGhost VPN นั้นมีการป้องกันการรั่วไหลที่ดีเยี่ยม มันมีการป้องกันการรั่วไหลของ DNS ติดมาในตัว (และมันมีการทดสอบการรั่วไหล DNS บนเว็บไซต์ด้วย) มันยังช่วยป้องกันการรั่วไหลของ IPv6 ด้วยการปิดทราฟฟิค IPv6 ทั้งหมดอีกด้วย เราทำการทดสอบการรั่วไหลในขณะที่เชื่อมต่อไปเซิร์ฟเวอร์ใน 10+ ประเทศและก็ไม่พบการรั่วไหลเลย
CyberGhost นั้นยังมีฟีเจอร์เสริมอีกมากมาย ประกอบไปด้วย:
- Split-Tunneling
- Smart Rules (กฎอัจฉริยะ)
- Content Blocker
- เซิร์ฟเวอร์ NoSpy
- Identity Guard (การป้องกันตัวตน)
- ที่อยู่ IP เฉพาะ
- รองรับทราฟฟิค Tor
Split-Tunneling
มีแต่ CyberGhost VPN ของเวอร์ชัน Android เท่านั้นที่จะมี split-tunneling (มันมีชื่อว่า App Split Tunnel) — ฟีเจอร์นี้จะช่วยให้คุณสามารถเลือกได้ว่าแอปไหนที่คุณต้องการให้ใช้งานผ่าน VPN และแอปไหนที่คุณต้องการให้ใช้งานผ่านเครือข่ายปกติของคุณ
เราได้ทำการทดสอบฟีเจอร์นี้ด้วยการเลือกให้แอปธนาคารของเราที่ไม่ต้องใช้งานผ่านการเชื่อมต่อ VPN ในขณะที่การเชื่อมต่อของแอปอื่น ๆ ทั้งหมดนั้นจะใช้งานผ่าน VPN และมันก็ทำงานได้อย่างถูกต้อง ทั้งแอปที่ใช้อินเทอร์เน็ตธรรมดา และแอปที่ใช้ VPN ผ่านฟีเจอร์ split-tunneling ของ CyberGhost ต่างก็ทำงานได้อย่างไม่มีปัญหา
อย่างไรก็ตาม ฉันชอบเครื่องมือ split-tunneling ของ Surfshark และPrivate Internet Access มากกว่า — นอกจากแอปแล้ว ทั้งสองรายนี้ยังเปิดให้คุณสามารถเลือกที่อยู่ IP ได้ด้วย ซึ่งก็จะส่งผลไปถึงเว็บไซต์ตามที่คุณต้องการ
CyberGhost VPN นั้นมีเครื่องมือ Exceptions (การยกเว้น) สำหรับ Windows อยู่ใน “Smart Rules (กฎอัจฉริยะ)” ซึ่งทำให้คุณสามารถเลือกได้ว่าเว็บไซต์ไหนที่คุณต้องการให้ใช้งานผ่าน VPN เพื่อเป็นการทดสอบฟีเจอร์นี้ หนึ่งในผู้ทดสอบของเราได้ทำการยกเว้นเว็บไซต์ของ Netflix และ เธอก็ได้ความเร็วในการเข้าดูเนื้อหาที่เร็วกว่าสำหรับตอนที่เธอเชื่อมต่อไปยังเครือข่ายปกติของเธอ
ฟีเจอร์ split-tunneling ของ CyberGhost VPN สำหรับ Android นั้นใช้งานได้ดีมากสำหรับการเปลี่ยนเส้นทางแอปไปยังเครือข่ายปกติของคุณ แต่เราอยากเห็น CyberGhost VPN เพิ่มเครื่องมือ split-tunneling อย่างเต็มรูปแบบสำหรับ Windows ด้วยเช่นกัน (แทนที่จะต้องใช้ฟังก์ชันการยกเว้น)
Smart Rules (กฎอัจฉริยะ)
ฟีเจอร์ Smart Rules (กฎอัจฉริยะ) (มีให้ใช้งานบน Windows and Mac) จะทำให้คุณสามารถปรับแต่งได้ตามต้องการ เราชอบมากที่การปรับแต่งการตั้งค่าของ CyberGhost นั้นทำได้โดยง่าย — ที่คุณต้องทำก็แค่กดปุ่มเพื่อเปิดหรือปิดฟังก์ชันต่าง ๆ ใน Smart Rules (กฎอัจฉริยะ) นั้นจะมีหมวดหมู่ให้เลือกอยู่ 4 หมวด ซึ่งจะช่วยจัดการเรื่องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยให้กับคุณ:
- กฎการเปิดใช้ CyberGhost คุณสามารถกำหนดค่า VPN ให้ทำการเชื่อมต่อคุณโดยอัตโนมัติไปยังตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ VPN ไหนก็ได้ในตอนที่คุณเปิดแอป เพื่อที่คุณจะไม่บังเอิญเชื่อมต่อไปตอนที่คุณไม่ได้ป้องกันการเชื่อมต่อเอาไว้ก่อน หากจำเป็น คุณก็สามารถตั้งค่าดีเลย์การเชื่อมต่ออัตโนมัติตอนที่เปิดได้นานเท่าที่คุณต้องการ เพื่อให้ระบบของคุณมีเวลาเปิดแอปอื่น ๆ ที่จำเป็นก่อน แต่สิ่งที่เราชอบมาก ๆ เกี่ยวกับกฎการเปิดนี้ก็คือคุณสามารถเลือกแอป (อย่างเช่นอีเมลหรือโซเชียลมีเดีย) เพื่อให้มันเปิดใช้งานอัตโนมัติหลังจากที่คุณเชื่อมต่อเข้ากับ CyberGhost ได้ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่สะดวกมาก
- การป้องกัน Wi-Fi CyberGhost VPN จะเปิดให้คุณเลือกได้ว่าคุณต้องการหรือไม่ต้องการจะเชื่อมต่อไปยัง VPN เวลาที่คุณเชื่อมต่อไปยังเครือข่าย Wi-Fi ที่ปลอดภัย, ไม่ปลอดภัย หรือที่บันทึกเอาไว้
- การยกเว้น คุณสามารถเลือกทำการยกเว้นบางเว็บไซต์จากอุโมงค์ VPN ได้ ยกตัวอย่างเช่น คุณสามารถเลือกยกเว้น maps.google.com ได้ ถ้าคุณต้องการจะใช้บริการตำแหน่งเพื่อค้นหาร้านอาหารที่อยู่ใกล้คุณ แต่โปรดทราบว่าคุณต้องใช้ OpenVPN ถึงจะสามารถทำการยกเว้นได้
- กฎของแอป นี่คือส่วนที่คุณจะสามารถตั้งค่าให้ CyberGhost ทำการเชื่อมต่ออัตโนมัติไปยังเซิร์ฟเวอร์ตอนที่คุณเปิดแอปบางแอปได้ เรากำหนดค่าให้มันเชื่อมต่อไปยังตำแหน่งที่ดีที่สุดสำหรับเราในทุก ๆ ครั้ง เนื่องจากนี่จะช่วยให้เราได้ความเร็วดีที่สุดไม่ว่าเราจะเดินทางไปที่ไหนก็ตาม
CyberGhost นั้นเปิดให้คุณสามารถควบคุมได้ตามใจชอบด้วยฟีเจอร์ Smart Rules (กฎอัจฉริยะ) มี VPN คู่แข่งมากมายที่สามารถเปิด/ปิดฟังก์ชันเหล่านี้ได้ด้วยตัวของคุณเอง แต่เราไม่เคยเห็นคู่แข่งรายไหนเลยที่เปิดให้ปรับแต่งได้เยอะและมีความอัตโนมัติขนาดนี้
Content Blocker
ฟีเจอร์ Content Blocker นั้นมีไว้ใช้เพื่อกำจัดโฆษณาและบล็อกเว็บไซต์อันตราย ฟีเจอร์นี้มีให้ใช้งานได้บน Android, Windows, macOS, Android TV และ Fire TV
Content Blocker นั้นสามารถปกป้องคุณจากเว็บไซต์อันตรายได้ดีมาก ๆ — เราได้พยายามเข้าถึงเว็บไซต์ HTTP ที่ดูไม่น่าเชื่อถือถึง 10 เว็บไซต์ ในขณะที่เปิดใช้งานฟีเจอร์นี้ และมันก็สามารถป้องกันไม่ให้เราเชื่อมต่อไปได้สำเร็จ
น่าเสียดายที่ Content Blocker นั้นกำจัดโฆษณาได้ไม่ดีนัก — มันป้องกันไม่ให้เราต้องดูโฆษณาตอนที่เราใช้เสิร์ชเอนจิน แต่มันไม่สามารถกำจัดโฆษณาส่วนใหญ่บนสื่ออย่าง HuffPost ได้
เราคิดว่าคู่แข่งระดับชั้นนำรายอื่น ๆ นั้นมีตัวบล็อกโฆษณาที่ดีกว่ามาก — ยกตัวอย่างเช่น Private Internet Access และ ExpressVPN นั้นจะมี ตัวบล็อกโฆษณาของ VPN ที่ดีที่สุด เนื่องจากมันสามารถบล็อกเว็บไซต์อันตรายและก็ป้องกันไม่ให้โฆษณาสามารถโหลดบนเว็บเพจได้ ซึ่งทำให้เว็บโหลดได้เร็วขึ้น
โดยรวมแล้ว Content Blocker ของ CyberGhost VPN นั้นจะช่วยปกป้องคุณจากเว็บไซต์ที่น่าสงสัยได้เป็นอย่างดี แต่มันไม่สามารถบล็อกโฆษณาได้ทั้งหมด
เซิร์ฟเวอร์ NoSpy
เซิร์ฟเวอร์ NoSpy ของ CyberGhost VPN นั้นมีความเป็นส่วนตัวเป็นพิเศษ เนื่องจากมันตั้งอยู่ในสำนักงานใหญ่ของผู้ให้บริการเอง ดังนั้นจะมีแต่เจ้าหน้าที่ภายในของ CyberGhost เท่านั้นที่เข้าถึงมันได้ — นี่จะเป็นวิธีการป้องกันไม่ให้คนร้ายหรือพนักงานภายนอกจากศูนย์ข้อมูลของบุคคลที่สามมาสามารถเข้าถึงข้อมูลของคุณได้ เซิร์ฟเวอร์ NoSpy นั้นเปิดให้บริการฟรีสำหรับแพลนระยะยาว และก็มีให้ใช้งานเฉพาะสำหรับ Windows และ macOS
ยิ่งไปกว่านั้น เซิร์ฟเวอร์ NoSpy ทั้งหมดยังตั้งอยู่ที่โรมาเนียซึ่งเป็นประเทศที่เป็นมิตรต่อความเป็นส่วนตัวที่ตั้งอยู่นอกพื้นที่ของพันธมิตร 5/9/14 Eyes (กลุ่มประเทศที่แบ่งปันข้อมูลการสอดแนมให้กันและกัน) — แถมประเทศนี้ยังไม่มีกฎหมายด้านการบังคับให้เก็บข้อมูลอีกด้วย
ตัวแทนของ CyberGhost VPN ได้บอกเราว่าเซิร์ฟเวอร์ NoSpy นั้นเหมาะที่สุดสำหรับคนที่ต้องการความเป็นส่วนตัวที่แน่นหนา — อย่างเช่นนักเคลื่อนไหวทางการเมือง, นักข่าว, ผู้แจ้งเบาะแส และผู้ที่มีความเห็นต่าง นอกจากนี้มันก็เร็วมาก ๆ ด้วย ในการทดสอบของเรา (ข้อมูลจากตอนที่เราเดินทางไปที่สหรัฐอเมริกา) ความเร็วของเรานั้นก็ตกลงไปเพียงแค่ 10% เท่านั้นเมื่อเทียบกับตอนที่เราเชื่อมต่อเครือข่ายปกติ ซึ่งก็ถือว่าเร็วมาก ๆ ซึ่งนี่ก็เป็นตัวเลขที่ดีมาก ๆ เมื่อเทียบกับความเร็วที่ตกลงไป 30% ตอนที่เราเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ในโรมาเนียแบบปกติ
โดยรวมแล้วเซิร์ฟเวอร์ NoSpy ของ CyberGhost VPN นั้นจะช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวได้ เนื่องจากมันตั้งอยู่ในประเทศที่เป็นมิตรต่อความเป็นส่วนตัว และก็จะมีแต่ตัวผู้ให้บริการเองเท่านั้นที่เข้าถึงมันได้
Identity Guard (การป้องกันตัวตน)
Identity Guard (การป้องกันตัวตน) นั้นจะช่วยแจ้งเตือนคุณถ้าอีเมลหรือรหัสผ่านเกิดการรั่วไหล — ฟีเจอร์นี้จะมีให้ใช้งานได้เฉพาะในแดชบอร์ดบัญชี VPN ของคุณบนเว็บไซต์ของผู้ให้บริการ ดังนั้นคุณจะไม่เจอมันอยู่ในแอป
Identity Guard (การป้องกันตัวตน) นั้นเป็นบริการที่เหมือนกับบริการฟรีอย่าง “Have I Been Pwned?” — และถึงแม้ว่าเราจะชอบที่ CyberGhost นั้นมีตัวเฝ้าระวังเว็บมืดติดมาในตัว แต่มันก็มีผลิตภัณฑ์ที่ดีกว่านี้ในการใช้เพื่อเก็บรหัสผ่านของคุณให้ปลอดภัยบนโลกออนไลน์ เช่น Dashlane ซึ่งมาพร้อมกับแดชบอร์ดความปลอดภัยของรหัสผ่าน, การเฝ้าระวังเว็บมืดแบบเรียลไทม์ (โดยจะมีตัวแทนของ Dashlane เป็นคนคอยเฝ้าระวังเว็บมืดให้ตลอดเวลา) และอีกหลายฟีเจอร์ที่จะช่วยให้รหัสผ่านของคุณ รวมถึงบัญชีออนไลน์ของคุณปลอดภัยเป็นที่สุด
โดยรวมแล้ว Identity Guard (การป้องกันตัวตน) นั้นก็เป็นของเสริมที่ดีที่จะช่วยให้คุณสามารถตรวจดูได้ว่าอีเมลและรหัสผ่านของคุณนั้นรั่วไหลไปหรือไม่
ที่อยู่ IP เฉพาะ
CyberGhost VPN มีบริการที่อยู่ IP เฉพาะให้คุณเลือกซื้อได้โดยมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเล็กน้อย ที่อยู่ IP เฉพาะ นั้นจะมีเพียงคุณคนเดียวที่เข้าใช้งานได้ — นี่จะมีประโยชน์มากสำหรับใช้หลีกเลี่ยง reCAPTCHAs หรือตอนที่ใช้เข้าเว็บธนาคาร (ปกติมันมักจะขึ้นบัญชีดำที่อยู่ IP ของ VPN ที่แชร์กันใช้)
มีให้เลือกได้หลากหลาย คุณสามารถเลือกที่อยู่ IP เฉพาะได้จาก 10+ ประเทศ ซึ่งรวมถึงสหรัฐอเมริกา, เนเธอร์แลนด์, แคนาดา, สวิตเซอร์แลนด์ และสหราชอาณาจักร VPN ชั้นนำอื่น ๆ ที่มีที่อยู่ IP เฉพาะอย่าง Private Internet Access นั้นมักจะมีตัวเลือกน้อยกว่า NordVPN นั้นเป็นหนึ่งในไม่กี่รายที่มีที่อยู่ IP เฉพาะให้เลือกถึง 10+ ประเทศเหมือนกับ CyberGhost VPN
และ CyberGhost VPN นั้นก็ออกแบบที่อยู่ IP เฉพาะของพวกเขาให้มีความเป็นส่วนตัวสูง VPN จะตรวจสอบความเป็นเจ้าของที่อยู่ IP เฉพาะผ่านระบบโทเคน ดังนั้นแม้แต่ผู้ให้บริการเองก็จะไม่รู้ว่าคุณได้รับการจัดสรรที่อยู่ IP เฉพาะที่อยู่ไหน Private Internet Access นั้นก็มีการจัดการกับที่อยู่ IP เฉพาะในรูปแบบที่คล้าย ๆ กัน
โดยรวมแล้ว CyberGhost VPN นั้นเปิดให้คุณเข้าถึงที่อยู่ IP เฉพาะได้ใน 10+ ประเทศโดยมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเล็กน้อย และเราก็ชอบมาก ๆ ที่มันใช้ระบบโทเคนเพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน
รองรับทราฟฟิค Tor
CyberGhost VPN รองรับทราฟฟิค Tor (The Onion Router) บนทุกเซิร์ฟเวอร์ ดังนั้นคุณจะสามารถเข้าถึง เว็บไซต์ .onion ได้อย่างปลอดภัยและเป็นส่วนตัว นี่จะเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ ถ้าคุณอยู่ในประเทศที่มีการจำกัดการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตอย่างเข้มงวด เนื่องจาก ISP ของคุณจะมองเห็นได้ว่าคุณกำลังใช้เบราว์เซอร์ Tor และพวกเขาก็จะทำการบล็อกมัน และ CyberGhost นั้นยังช่วยปิดบังที่อยู่ IP จริงของคุณจากโนดการเข้าของ Tor อีกด้วยเพื่อไม่ให้บุคคลที่สามมาเห็นมันได้
การใช้ CyberGhost ร่วมกับ Tor นั้นเป็นเรื่องที่ง่ายมาก ๆ — ที่คุณต้องทำก็แค่เชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ CyberGhost จากนั้นก็เปิดเบราว์เซอร์ Tor
ข้อเสียเดียวก็คือการเชื่อมต่อของคุณจะช้าลงไปมาก ๆ เนื่องจากมีการเข้ารหัสหลายชั้น เครือข่าย Tor นั้นยังมีการเข้ารหัสทราฟฟิคของคุณหลายครั้งอยู่แล้ว การยิ่งเพิ่มการเข้ารหัสของ CyberGhost เข้าไปอีก ก็หมายความว่าเวลาในการโหลดก็จะนานขึ้นมาก จากการทดสอบของเรา เราต้องรอนาน 15–20 วินาทีกว่าที่หน้าของ Tor จะโหลดเสร็จ ตอนที่เราเชื่อมต่อไปยัง CyberGhost และความเร็วการเชื่อมต่อของเราก็ลดลงไปถึง 90%
ถึงแม้ว่า CyberGhost VPN จะรองรับ Tor ได้ดีแต่เราก็ยังชอบ NordVPN และ Proton VPN มากกว่า เนื่องจากมันมีเซิร์ฟเวอร์ที่รองรับ Tor เป็นพิเศษซึ่งจะทำให้คุณสามารถเข้าเว็บมืดได้ผ่านเบราว์เซอร์ทั่วไปอย่าง Firefox, Opera และ Chrome
ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของ CyberGhost VPN
CyberGhost VPN นั้นมีนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลที่แข็งแกร่ง นโยบายนี้ระบุไว้ว่า CyberGhost นั้นจะไม่เก็บบันทึกข้อมูลที่อยู่ IP, เวลาการเชื่อมต่อ, ประวัติการท่องเว็บ และไฟล์ที่คุณดาวน์โหลด
CyberGhost VPN นั้นจะเก็บข้อมูลมาตรฐานที่ VPN ทุกตัวต่างก็เก็บเหมือน ๆ กัน — อย่างเช่นที่อยู่อีเมลและรายละเอียดการชำระเงิน แต่นี่เป็นข้อมูลที่จะใช้สำหรับการชำระเงินและการติดต่อเท่านั้น (เช่นเพื่อส่งอีเมลอัปเดตหรือรีเซ็ตรหัสผ่านของคุณ)
CyberGhost VPN นั้นได้ผ่านการตรวจสอบอย่างอิสระจากองค์กรด้านความปลอดภัยอย่าง Deloitte ในปี 2022 ซึ่งก็ได้รับการยืนยันแล้วว่ามันไม่มีการบันทึกข้อมูลของผู้ใช้งาน — ซึ่งเป็นไปในทางเดียวกันกับคู่แข่งระดับชั้นนำอย่าง ExpressVPN และ Private Internet Access
CyberGhost VPN นั้นตั้งอยู่ใน โรมาเนีย ซึ่งไม่มีกฎหมายเรื่องการเก็บข้อมูล และมันก็ไม่ได้อยู่ในพันธมิตร 5/9/14 Eyes (กลุ่มประเทศที่แบ่งปันข้อมูลให้กันและกัน)
นอกจากนี้มันยังมีการเผยแพร่รายงานความโปร่งใสในทุก ๆ 3 เดือนอีกด้วย ซึ่งมันจะแสดงคำร้องทั้งหมดที่พวกเขาได้รับเกี่ยวกับเรื่องข้อมูลของผู้ใช้งาน (จากหน่วยงานรัฐบาล, เจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมาย และอื่น ๆ) และก็ได้แสดงให้เห็นด้วยว่าพวกเขาปฏิเสธที่จะทำตามคำร้องเหล่านั้น ในรายงานได้ระบุถึงการร้องขอข้อมูลจาก:
- DMCA (Digital Millennium Copyright Act) เจ้าของลิขสิทธิ์จะส่งรายงานเหล่านี้เมื่อพวกเขาตรวจพบว่าที่อยู่ IP ของ CyberGhost VPN ถูกใช้เพื่อแจกจ่ายเนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์
- การปักธงกิจกรรมที่มุ่งร้าย ทางเจ้าหน้าที่และเจ้าของเว็บไซต์จะส่งรายงานเหล่านี้เมื่อพวกเขาตรวจพบว่าหนึ่งในที่อยู่ IP ของผู้ให้บริการนั้นถูกใช้ในการโจมตีทางไซเบอร์
- คำร้องจากตำรวจ หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายจะส่งรายงานเหล่านี้เมื่อการสอบสวนคดีอาชญากรนั้นถูกโยงมาถึงหนึ่งในที่อยู่ IP ของผู้ให้บริการ
โดยรวมแล้ว CyberGhost VPN นั้นมีความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวที่ดีมาก ๆ มันมีนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลที่ครอบคลุม (และผ่านการตรวจสอบแล้ว) รวมถึงมันตั้งอยู่นอกพื้นที่ของพันธมิตร 5/9/14-Eyes และก็มีการเผยแพร่รายงานความโปร่งใสที่ได้บันทึกการปฏิเสธที่จะทำตามคำร้องขอข้อมูลของผู้ใช้งานเอาไว้
ความเร็วและประสิทธิภาพของ CyberGhost VPN
เราได้ทำการทดสอบความเร็วบนเซิร์ฟเวอร์ของ CyberGhost VPN ตอนที่เราเดินทางไปสหรัฐอเมริกา และความเร็วส่วนใหญ่นั้นก็ถือว่าเร็วมาก ๆ สำหรับใช้สตรีมมิ่ง, เล่นเกม, โหลดบิท และสำหรับท่องเว็บทั่วไป เราได้ความเร็วสูงที่สุดตอนที่เชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้เคียงในสหรัฐอเมริกา (ตำแหน่งที่อยู่ของเรา ระหว่างการทดสอบ) CyberGhost VPN นั้นยังสามารถรักษาความเร็วได้ดีเช่นกันตอนที่เราเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ในสหราชอาณาจักร แต่สิ่งที่ทำให้เรารู้สึกประหลาดใจมากที่สุดก็คือความเร็วของเรานั้นก็ยังดีมาก ๆ ถึงแม้ว่าเราจะเชื่อมต่อไปประเทศที่อยู่ห่างไกลอย่างออสเตรเลียก็ตาม
ผู้ให้บริการนั้นสามารถรักษาระดับความเร็วได้ดีเพราะว่าพวกเขาใช้เซิร์ฟเวอร์ 10Gbps (10 กิกะบิต) กิกะบิตนั้นหมายถึงปริมาณแบนด์วิดท์ที่เซิร์ฟเวอร์ VPN สามารถส่งได้ต่อวินาที — ดังนั้นถ้าเซิร์ฟเวอร์สามารถรองรับแบนด์วิดท์ได้มากยิ่งขึ้น ก็จะมีความแออัดน้อยลง ซึ่งก็แปลว่าข้อมูลจะเดินทางได้เร็วยิ่งขึ้น
ตอนแรกสุดเราได้ทำการทดสอบความเร็วโดยที่เรายังไม่ได้เชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ CyberGhost VPN เพื่อที่จะดูความเร็วฐาน
จากนั้นเราก็ใช้ฟีเจอร์ Quick Connect (การเชื่อมต่ออย่างรวดเร็ว) และเราก็พบว่าความเร็วในการดาวน์โหลดของเรานั้นลดลงไป 4% ซึ่งถือว่าเยี่ยมมาก ๆ เราแทบจะไม่สังเกตเห็นถึงความแตกต่างในแง่ของความเร็วเลยตอนที่เราสตรีมดูวิดีโอ, เล่นเกมออนไลน์ และคุย Skype
ถัดไปเราก็ได้เชื่อมต่อไปที่เซิร์ฟเวอร์ในสหราชอาณาจักร และความเร็วในการดาวน์โหลดของเราก็ลดลงไปประมาณ 45% ถึงแม้ว่าความเร็วที่ตกลงไปนั้นจะดูมีนัยสำคัญมาก แต่เราก็ยังสามารถดูวิดีโอในความชัดระดับ HD ได้ และวิดีโอทั้งหมดก็เริ่มเล่นในทันทีและก็เล่นได้อย่างไม่มีสะดุด
และสุดท้ายเราก็ได้เชื่อมต่อไปที่เซิร์ฟเวอร์ในซิดนีย์ และความเร็วของเราก็ตกลงไปประมาณ 23% ซึ่งก็ยังเร็วกว่าตอนที่เชื่อมต่อไปสหราชอาณาจักร แต่ค่าปิงของเรานั้นเพิ่มขึ้นเยอะมากจนสังเกตเห็นได้ เว็บเพจนั้นใช้เวลาอยู่หลายวินาทีกว่าที่จะโหลดเสร็จ แต่เราก็รู้สึกประหลาดใจที่เห็นว่าวิดีโอนั้นเริ่มเล่นในทันที — ถึงแม้ว่าเราจะใช้ความชัดระดับ 1440p ก็ตาม
โดยรวมแล้ว CyberGhost VPN นั้นมีความเร็วสูง และเป็นหนึ่งใน VPN ที่มีความเร็วดีที่สุดของ VPN ชั้นนำในปี 2024 ถึงแม้ว่าการใช้เซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ห่างไกลอย่างออสเตรเลียนั้นจะทำให้เว็บเพจเกิดอาการแลคอยู่บ้าง แต่เราก็ชอบมากที่ VPN นี้สามารถสตรีมวิดีโอในความชัดระดับ 720p และ 1080p ได้ ฟีเจอร์ Quick Connect (การเชื่อมต่ออย่างรวดเร็ว) ช่วยเชื่อมต่อเราไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่เร็วมาก ๆ ในสหรัฐอเมริกา และความเร็วในสหรัฐอเมริกาของเราก็ทำให้เราประทับใจมาก — เราใช้งานแล้วไม่สังเกตเห็นเรื่องความเร็วที่ตกลงไปเลย
เซิร์ฟเวอร์และที่อยู่ IP ของ CyberGhost VPN
CyberGhost VPN มี Unknown เซิร์ฟเวอร์ใน 100 ประเทศ ซึ่งรวมถึง 25 เซิร์ฟเวอร์เสมือนในกรุงเทพ ซึ่งเป็นหนึ่งในเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ VPN ที่ใหญ่ที่สุด — ถ้าเทียบกับเจ้าอื่นแล้ว Private Internet Access มีเซิร์ฟเวอร์ใน 91 ประเทศ และ NordVPN มีเซิร์ฟเวอร์ใน 111 ประเทศ และเราก็ชอบที่เซิร์ฟเวอร์ของมันนั้นกระจายอยู่ทั่วทุกทวีป
ทวีป | จำนวนประเทศ | จำนวนเซิร์ฟเวอร์ |
ยุโรป | 40+ | 6,000+ |
อเมริกา | 15+ | 2,100+ |
เอเชีย / แปซิฟิก | 20+ | 900+ |
แอฟริกา / ตะวันออกกลาง | 10+ | 250+ |
การที่พวกเขามีเซิร์ฟเวอร์อยู่ในหลายประเทศแบบนี้ ทำให้การเลือกใช้เซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้เคียงเพื่อให้ได้ความเร็วสูงนั้นกลายเป็นเรื่องง่าย และก็มีโอกาสสูงมากที่คุณจะเจอเซิร์ฟเวอร์อยู่ในประเทศของคุณ ซึ่งก็จะเป็นตัวเลือกที่เร็วที่สุดสำหรับคุณ
VPN นั้นยังมีตำแหน่งเสมือนให้เลือกอีกมากมายด้วย เซิร์ฟเวอร์เหล่านี้จะจัดสรรที่อยู่ IP จากประเทศที่คุณเชื่อมต่อไป แต่ตำแหน่งที่ตั้งจริง ๆ ของมันนั้นจะตั้งอยู่ที่ประเทศอื่น เราได้ทำการทดสอบตำแหน่งเสมือน 10+ แห่ง และมันก็จัดสรรที่อยู่ IP ให้เราได้ถูกต้องทั้งหมด นอกจากนี้เรายังชอบมากที่ทางผู้ให้บริการนั้นมีความโปร่งใสเกี่ยวกับการใช้ตำแหน่งเสมือน เนื่องจากมันจะถูกระบุเอาไว้บนหน้าของเซิร์ฟเวอร์เลย
CyberGhost นั้นมีเซิร์ฟเวอร์เฉพาะสำหรับใช้สตรีมมิ่ง, เล่นเกม และโหลดบิท รวมถึงยังมีเซิร์ฟเวอร์ NoSpy ด้วย เซิร์ฟเวอร์สำหรับสตรีมมิ่งนั้นถูกปรับแต่งมาเป็นพิเศษสำหรับเว็บไซต์สตรีมมิ่งต่าง ๆ (อย่างเช่น Netflix และ Hulu) ในขณะที่เซิร์ฟเวอร์สำหรับเล่นเกมนั้นจะมีค่าปิงที่ต่ำ ทำให้การเล่นเกมออนไลน์นั้นมีการตอบสนองที่ดียิ่งขึ้น และเซิร์ฟเวอร์สำหรับโหลดบิทของ CyberGhost VPN นั้นก็มีตั้งอยู่ใน 75+ ประเทศ ซึ่งถูกปรับแต่งให้รองรับทราฟฟิค P2P ได้เป็นอย่างดี และสุดท้ายก็มีเซิร์ฟเวอร์ NoSpy ที่จะช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวได้เป็นพิเศษ เนื่องจากมันตั้งอยู่ในสำนักงานใหญ่ของผู้ให้บริการ ดังนั้นจะมีแต่เจ้าหน้าที่ของ CyberGhost VPN เท่านั้นที่จะเข้าถึงมันได้
ผู้ให้บริการนั้นมีที่อยู่ IP เฉพาะให้บริการโดยมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเล็กน้อยอีกด้วย นี่จะเป็นที่อยู่ IP ที่มีเฉพาะคุณเท่านั้นที่จะใช้งานได้ — คุณสามารถใช้มันเพื่อเข้าเว็บไซต์ธนาคารอย่างปลอดภัยได้ (บางธนาคารนั้นจะบล็อกที่อยู่ IP แบบแชร์กันใช้ของ VPN) CyberGhost VPN นั้นมีที่อยู่ IP แบบเฉพาะตั้งอยู่ใน 5+ ประเทศซึ่งรวมถึงสหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร, เยอรมนี, แคนาดา, ฝรั่งเศส, ออสเตรเลีย, สิงคโปร์ และเนเธอร์แลนด์ และเราก็ชอบที่ทางผู้ให้บริการนั้นใช้ระบบโทเคนเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวขึ้นไปอีกในการตรวจสิทธิ์การเป็นเจ้าของที่อยู่ IP เฉพาะ ดังนั้นพวกเขาเองก็จะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่อยู่ IP ใดถูกจัดสรรให้กับบัญชีผู้ใช้งานใด
โดยรวม CyberGhost VPN นั้นมีเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ที่ดีเยี่ยม มันมีเซิร์ฟเวอร์พิเศษสำหรับสตรีมมิ่ง, โหลดบิท และเล่นเกม นอกจากนั้นก็ยังมีเซิร์ฟเวอร์ NoSpy สำหรับเพิ่มความเป็นส่วนตัว รวมถึงที่อยู่ IP เฉพาะด้วย
การรองรับการสตรีมมิ่งของ CyberGhost VPN
CyberGhost VPN นั้นเป็นหนึ่งใน VPN ที่ดีที่สุดสำหรับใช้สตรีมมิ่ง เนื่องจากมันมีเซิร์ฟเวอร์พิเศษถึง 100+ เซิร์ฟเวอร์ที่สามารถใช้งานได้กับ 50+ บริการสตรีมมิ่ง ไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์มยอดนิยมหรือแพลตฟอร์มเล็ก ๆ ก็ตาม เซิร์ฟเวอร์สตรีมมิ่งของมันนั้นตั้งอยู่ใน 20+ ประเทศ ซึ่งรวมถึงสหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร, ญี่ปุ่น, เยอรมนี และฝรั่งเศส เราคิดว่าความหลากหลายของมันนั้นก็ดีมากแล้ว แต่เรายังชอบ ExpressVPN มากกว่าเพราะว่ามันสามารถใช้งานได้กับแอปสตรีมมิ่งถึง 100+ ราย
CyberGhost VPN นั้นยังเป็นหนึ่งใน VPN Netflix ที่ดีที่สุดอีกด้วย เนื่องจากมันสามารถใช้งานกับ Netflix ได้ถึง 15+ ประเทศ ซึ่งรวมถึง Netflix สหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร และญี่ปุ่น (ตามที่ได้รับคำยืนยันจากตัวแทนผู้ให้บริการ) เพื่อนร่วมงานของเราที่โรมาเนีย, นิวซีแลนด์ และสหราชอาณาจักรต่างก็ทำการทดสอบและได้ยืนยันแล้วว่าพวกเขาสามารถดู Netflix ในตำแหน่งที่อยู่ของพวกเขาได้อย่างไม่มีปัญหา ผู้ทดสอบที่อเมริกาของเราก็ได้ทำการทดสอบมันด้วยการเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์พิเศษสำหรับสตรีมมิ่งเพื่อดู Netflix US, Hulu, NFL+, ESPN+ และ YouTube TV และเขาก็สามารถดูเนื้อหาบนเว็บไซต์ต่าง ๆ เหล่านั้นได้จากประเทศของเขาในทุก ๆ ครั้ง นอกจากนี้ยังมีบางเซิร์ฟเวอร์สตรีมมิ่งที่ถูกปรับแต่งมาให้ใช้งานได้กับ Netflix บนแต่ละอุปกรณ์โดยเฉพาะอีกด้วย ซึ่งก็เป็นเรื่องที่สะดวกมาก ๆ — ยกตัวอย่างเช่นเซิร์ฟเวอร์ Netflix สำหรับ Android TV และ Fire Stick ที่ใช้งานได้ใน 5 ประเทศ (สหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร, ฝรั่งเศส, เยอรมนี และอิตาลี)
ยิ่งไปกว่านั้น มันก็ยังสามารถใช้งานกับแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งอื่น ๆ ได้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น Max, Disney+, BBC iPlayer, and Amazon Prime — ทางตัวแทนได้ทำการยืนยันกับเราแล้วว่ามันสามารถใช้งานกับ Amazon Prime ได้ถึง 5+ ประเทศ, Max ใน 5+ ประเทศ และ Disney+ ใน 3 ประเทศ นอกจากนี้มันยังสามารถใช้งานกับ Crunchyroll, Comedy Central, Canal+, Yle, DAZN และ Rai Play ได้ด้วย เราชอบมากที่ CyberGhost VPN นั้นมีการจัดทำรายการบริการสตรีมมิ่งที่ใช้งานได้ เอาไว้บนเว็บไซต์ แบบนี้มันจะเร็วกว่ามากในการที่คุณจะเข้าไปค้นหาว่าผู้ให้บริการรายนี้สามารถใช้งานกับแพลตฟอร์มที่คุณต้องการได้หรือไม่ แทนที่จะต้องสอบถามไปทางไลฟ์แชท
นอกจากนี้ การที่ผู้ให้บริการมี smart DNS ให้บริการก็ถือเป็นเรื่องดีมาก ๆ นี่เป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้คุณสามารถใช้ VPN บนอุปกรณ์ที่ปกติไม่รองรับ VPN ได้ ยกตัวอย่างเช่นเครื่องเล่นเกมและสมาร์ททีวีบางรุ่น — คู่แข่งระดับชั้นนำบางรายอย่างเช่น Proton VPN นั้นจะไม่มี smart DNS CyberGhost VPN นั้นกล่าวอ้างไว้ว่า smart DNS ของพวกเขาสามารถใช้งานกับ Netflix สหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร รวมถึง Hulu สหรัฐอเมริกาได้
โดยรวมแล้วนั้น CyberGhost VPN รองรับการสตรีมมิ่งได้ดีเยี่ยม — มันมีเซิร์ฟเวอร์สตรีมมิ่งถึง 100+ เซิร์ฟเวอร์ ใน 20+ ประเทศ ซึ่งสามารถใช้งานได้กับ 50+ แพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง (รวมถึงเว็บไซต์ชั้นนำอย่าง Netflix และ Amazon Prime) และมันก็มี smart DNS ให้ใช้งานได้ด้วย
การรองรับการโหลดบิทของ CyberGhost VPN
CyberGhost VPN นั้นเป็นหนึ่งใน VPN สำหรับ P2P ที่ดีที่สุด — มันเปิดให้คุณสามารถโหลดบิทได้บน 8900+ เซิร์ฟเวอร์พิเศษสำหรับ P2P ใน 75+ ประเทศ ดังนั้นการโหลดบิทบนเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้เคียงจึงเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายเพื่อให้ได้ความเร็วที่สูงในการดาวน์โหลด
เราได้ลองทดสอบ CyberGhost VPN กับไคลเอนต์ P2P ชั้นนำมากมายอย่างเช่น qBittorrent, Vuze และ uTorrent และมันก็สามารถใช้งานได้อย่างไม่มีปัญหาใด ๆ
qBittorrent | ✅ |
Vuze | ✅ |
Deluge | ✅ |
uTorrent | ✅ |
BitTorrent | ✅ |
Transmission | ✅ |
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นแต่เราก็คิดว่าคู่แข่งระดับชั้นนำรายอื่นนั้นดีกว่าสำหรับใช้โหลดบิทเนื่องจากมันมาพร้อมกับฟีเจอร์ P2P ที่มากกว่า — ยกตัวอย่างเช่น Private Internet Access จะรองรับการทำ port forwarding (ทำให้คุณสามารถเชื่อมต่อหา peer ได้มากกว่าเพื่อให้ได้ความเร็วที่ดีกว่า) และมันก็มีพร็อกซี่เซิร์ฟเวอร์ SOCKS5 ซึ่งจะเปลี่ยนที่อยู่ IP ของคุณเหมือนกับ VPN แต่จะไม่มีการเข้ารหัส เพื่อที่จะทำให้คุณได้ความเร็วในการดาวน์โหลดที่สูงกว่าอย่างมีนัยสำคัญ
CyberGhost VPN นั้นยังมีความปลอดภัยที่แข็งแกร่งในขณะโหลดบิทอีกด้วย เนื่องจากมันมาพร้อมกับ kill switch ที่เปิดตลอดเวลา รวมถึงการป้องกันการรั่วไหลอย่างเต็มรูปแบบ ดังนั้นมันจึงไม่มีความเสี่ยงที่ข้อมูลของคุณจะรั่วไหลออกไปในขณะที่โหลดบิทเลย — เราได้ทำการทดสอบการรั่วไหลบนเซิร์ฟเวอร์ P2P ใน 15+ ประเทศก่อนที่จะทำการดาวน์โหลดไฟล์บิท และเราก็ไม่พบการรั่วไหลใด ๆ เลย ยิ่งไปกว่านั้น เราได้ทำการทดสอบการรั่วไหลของ IP ระหว่างโหลดบิทบน 3 ไคลเอนต์เพื่อตรวจสอบว่าแอปนั้นไม่ได้ทำให้ที่อยู่ IP จริงของเรารั่วไหลออกไปถึง peer คนอื่น ๆ และผลลัพธ์ก็แสดงที่อยู่ IP ของ CyberGhost VPN ในทุก ๆ ครั้ง
นอกจากนี้ เราก็แนะนำให้เปิดฟีเจอร์ Content Blocker ของผู้ให้บริการในขณะที่โหลดบิทด้วย เนื่องจากมันจะบล็อกการเชื่อมต่อไปยังเว็บไซต์ที่อันตราย ซึ่งรวมถึงเว็บ P2P ปลอมด้วย — เราได้ทำการทดสอบฟีเจอร์นี้ด้วยการลองเข้าถึงเว็บโหลดบิทที่ดูไม่น่าเชื่อถือทั้ง 3 เว็บไซต์ และมันก็ป้องกันไม่ให้เราเชื่อมต่อได้สำเร็จ
โดยรวม CyberGhost VPN นั้นรองรับการโหลดบิทได้เป็นอย่างดี — มันมีเซิร์ฟเวอร์ P2P ถึง 8900+ เซิร์ฟเวอร์ ใน 75+ ประเทศ มันสามารถใช้งานได้กับไคลเอนต์โหลดบิทยอดนิยม และมันก็มีความปลอดภัยที่แน่นหนามาจากการป้องกันการรั่วไหลอย่างเต็มรูปแบบ, kill switch และตัวบล็อกเว็บไซต์อันตราย
การรองรับการเล่นเกมของ CyberGhost VPN
CyberGhost VPN นั้นใช้เล่นเกมได้ดีมาก ๆเนื่องจากมันมีเซิร์ฟเวอร์พิเศษสำหรับเล่นเกมตั้งอยู่ในเยอรมนี, ฝรั่งเศส, สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา ซึ่งถูกปรับแต่งมาให้มีค่าปิงและการเชื่อมต่อที่เสถียร เราใช้เซิร์ฟเวอร์เล่นเกมสหรัฐอเมริกาเพื่อเล่น Counter-Strike: Global Offensive บน Steam และมันก็เล่นได้อย่างลื่นไหล — ค่าปิงที่เราได้นั้นมีความเสถียรอยู่ที่ประมาณ 90–92 ms และระหว่างที่เล่นนั้นก็ไม่มีอาการแลคเลย การเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์สำหรับเล่นเกมนั้นก็ไม่เคยขาดไปเลยด้วย
นอกจากนี้ VPN ยังสามารถช่วยป้องกันคุณจาก DDos (การโจมตีแบบปฏิเสธการให้บริการ) ที่จะทำให้คุณถูกตัดการเชื่อมต่อได้ด้วยการเปลี่ยนที่อยู่ IP ของคุณ ยิ่งไปกว่านั้น เซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดของผู้ให้บริการก็มีการป้องกัน DDoS อยู่แล้ว ดังนั้นถึงแม้ว่าพวกขี้แพ้ชวนตีมาพยายาม DDoS ใส่คุณ พวกเขาก็จะไม่สามารถทำอะไรกับเซิร์ฟเวอร์ของ CyberGhost VPN ได้ — ที่อยู่ IP จริงของคุณก็จะปลอดภัยด้วย และเซิร์ฟเวอร์ที่คุณเชื่อมต่อไปก็จะยังใช้งานได้ปกติ
นอกจากนี้เรายังชอบที่คุณสามารถตั้งค่า CyberGhost VPN บนเราเตอร์ได้เอง ดังนั้นคุณจะสามารถใช้มันเล่นเกมได้บนอุปกรณ์ที่ปกติไม่รองรับ VPN อย่างเช่น Xbox และ PlayStation ทางผู้ให้บริการนั้นมีคู่มือสอนแบบเป็นขั้นเป็นตอน (บางขั้นนั้นมีภาพหน้าจอให้ดูด้วย) ซึ่งทำให้กระบวนการตั้งค่านั้นมีความตรงไปตรงมา — เราใช้เวลาเพียง 11–12 นาทีเท่านั้นในการตั้งค่า VPN บนเราเตอร์เพื่อที่จะใช้มันเล่นเกมบน PlayStation 4 ของเรา
โดยรวมแล้ว เราคิดว่า CyberGhost VPN นั้นดีมากสำหรับการใช้เล่นเกมขั้นพื้นฐาน เนื่องจากมันมีการเชื่อมต่อที่เสถียรบนเซิร์ฟเวอร์พิเศษสำหรับเล่นเกม, มีการป้องกัน DDoS และก็สามารถใช้งานบนเราเตอร์ได้ อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณเป็นนักเล่นเกมระดับฮาร์ดคอร์ เราก็ขอแนะนำให้เลือก ExpressVPN จะดีกว่า เนื่องจากมันรองรับแพลตฟอร์มคลาวด์เกมมิ่งได้ (อย่างเช่น Google Stadia และ GeForce Now) และมันก็มีแอปสำหรับเราเตอร์โดยเฉพาะซึ่งติดตั้งและใช้งานง่ายมาก ๆ — นี่ยังไม่รวมถึงเรื่องที่มันเป็น VPN สำหรับเล่นเกมที่ดีที่สุดในปี 2024 ด้วย
CyberGhost VPN กับการหลบหลีกการเซ็นเซอร์
CyberGhost VPN นั้นไม่สามารถรับประกันได้ว่ามันจะทำงานได้ตลอดเวลา 100% ในประเทศที่ถูกจำกัดการเข้าถึงอย่างจีน, รัสเซีย, อิหร่าน, ซาอุดีอาระเบีย และอินโดนีเซีย หากคุณกำลังมองหา VPN ที่จะทำงานได้อย่างเสถียรในประเทศที่ถูกจำกัดการเข้าถึง เราขอแนะนำให้ลองดู ExpressVPN
แพลนและราคาของ CyberGhost VPN
CyberGhost VPN นั้นมีราคาดีมาก ๆ — มันมีแพลนแบบ 1 เดือน, 6 เดือน และ 2 ปี (ซึ่งมาพร้อมกับการแถมให้ใช้ฟรีอีก 3 เดือน) ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง US$2.03 / เดือน นึ่จึงเป็นหนึ่งใน VPN ที่มีราคาดีที่สุด แพลนทั้งหมดนั้นเปิดให้เข้าถึงฟีเจอร์ได้เหมือนกัน
ผู้ให้บริการนั้นเปิดให้เชื่อมต่อได้พร้อมกัน 7 การเชื่อมต่อ ซึ่งก็ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม— หากคุณต้องการบริการที่เชื่อมต่อได้เยอะ ๆ เราขอแนะนำ Private Internet Access เนื่องจากมันอนุญาตให้คุณเชื่อมต่อได้ไม่จำกัดจำนวนอุปกรณ์ และก็มีราคาดีไม่แพ้ CyberGhost VPN
CyberGhost VPN รับการชำระเงินผ่านบัตรเครดิต (Visa, American Express, Mastercard และ Discover), PayPal, Amazon Pay, Google Pay และบิทคอยน์
แพลนรายปีของมันนั้นมีการรับประกันคืนเงินยาวนานถึง 45 วัน (คู่แข่งส่วนใหญ่ ซึ่งรวมถึง ExpressVPN และ Private Internet Access, ต่างก็รับประกันแค่ 30 วัน) แพลน 1 เดือนนั้นจะมาพร้อมกับการรับประกันคืนเงินภายใน 14 วัน
โดยรวมแล้ว CyberGhost VPN นั้นมีราคาที่สมเหตุสมผล โดยที่แพลนแบบ 2 ปีนั้นจะมีความคุ้มค่ามากที่สุด บริการนี้มีแพลนการชำระเงินที่ยืดหยุ่น และก็มีการรับประกันคืนเงินยาวนานถึง 45 วันสำหรับแพลนระยะยาว
ความสะดวกในการใช้งานของ CyberGhost VPN: แอปอุปกรณ์เคลื่อนที่และเดสก์ท็อป
CyberGhost VPN นั้นมีแอปที่ใช้งานง่ายที่สุดตัวหนึ่งในอุตสาหกรรม ทุกแอปนั้นมีหน้าตาที่คล้ายคลึงกัน ได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดี ใช้งานง่ายไม่มีบัค
CyberGhost VPN นั้นรองรับทุกแพลตฟอร์มใหญ่ ซึ่งรวมถึง Android, iOS, Windows, macOS, Linux, สมาร์ททีวี และก็มีส่วนขยายเบราว์เซอร์สำหรับ Firefox กับ Chrome นอกจากนี้ยังใช้งานกับเราเตอร์ได้ด้วย นอกจากนี้เรายังชอบด้วยที่สามารถเข้าถึงเบราว์เซอร์ส่วนตัวได้ฟรี ซึ่งมันจะช่วยลบข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อนอย่างเช่นประวัติการค้นหา, คุกกี้ และรหัสผ่าน รวมถึงบล็อกตัวติดตามโฆษณา และอื่น ๆ และที่เยี่ยมที่สุดคือ เบราว์เซอร์ส่วนตัวนั้นใช้งานได้สำหรับทุกแพลตฟอร์ม
การดาวน์โหลดและติดตั้ง CyberGhost VPN นั้นง่ายและรวดเร็วมาก ๆ — ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที เราก็สามารถติดตั้ง CyberGhost VPN บนอุปกรณ์ของเราได้เสร็จหมดแล้ว
วิธีการติดตั้ง CyberGhost VPN (เพียงแค่ 3 ขั้นตอนง่าย ๆ)
- ขั้นที่ 1: สมัครใช้งาน CyberGhost VPN เลือกแพลนที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับคุณ จากนั้นก็ทำการสร้างบัญชี
- ขั้นที่ 2: ดาวน์โหลดและติดตั้งแอป กระบวนการทั้งหมดนี้ใช้เวลาเต็มที่เพียงแค่ 2 นาที
- ขั้นที่ 3: เปิดแอป VPN เลือกเซิร์ฟเวอร์ที่ต้องการ เชื่อมต่อใช้งานได้เพียง 1 คลิก และก็เริ่มท่องเว็บอย่างปลอดภัยได้เลย
Android
แอป Android นั้นถูกออกแบบมาให้เชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ได้ง่ายมาก ๆ CyberGhost นั้นจะเชื่อมต่อคุณไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่เร็วที่สุดโดยอัตโนมัติในตอนที่คุณกดปุ่มเปิดใช้งานปุ่มใหญ่บนหน้าหลักของแอป แต่ถ้าคุณต้องการจะเลือกเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์เองตามที่คุณต้องการในตำแหน่งอื่น หรือต้องการจะใช้เซิร์ฟเวอร์พิเศษสำหรับสตรีมมิ่ง คุณก็สามารถแตะที่ปุ่ม Best Location (ตำแหน่งที่ดีที่สุด) ที่อยู่ข้างใต้ปุ่มเปิดใช้งานได้
เราชอบที่ CyberGhost VPN นั้นมีการป้องกัน Wi-Fi ที่สามารถปรับแต่งได้บนแอป Android ยกตัวอย่าง CyberGhost จะสามารถส่งคำเตือนให้คุณได้ในทุก ๆ ครั้งที่มันตรวจพบเครือข่าย Wi-Fi ใหม่, สามารถเริ่มการเชื่อมต่อและตัดการเชื่อมต่อ VPN อัตโนมัติได้ในตอนที่คุณเชื่อมต่อไปยังเครือข่าย Wi-Fi ถ้าคุณเชื่อมต่อใช้งานกับ VPN ตลอดอยู่แล้ว และคุณไม่ต้องการให้ CyberGhost ดำเนินการใด ๆ คุณก็สามารถขอให้มันเมินเครือข่าย Wi-Fi ที่ตรวจพบได้เช่นกัน และมันก็จะไม่ส่งข้อความแจ้งเตือนใด ๆ
แต่เราไม่ชอบที่แอป Android นั้นไม่อธิบายการตั้งค่าบางอย่างในแอปสักเท่าไรเลย อย่างเช่นตัวเลือกสำหรับขนาด MTU ขนาด MTU นั้นหมายถึงปริมาณข้อมูลที่อุปกรณ์ Android ของคุณจะส่งผ่านเครือข่ายได้ในเวลาพร้อม ๆ กัน (นี่สามารถส่งผลถึงความเร็วการเชื่อมต่อของคุณได้) แอปไม่อธิบายให้เรารู้เลยว่าขนาด MTU คืออะไรและมันสำคัญยังไง ซึ่งถ้าเป็นผู้ใช้งานที่ไม่มีประสบการณ์ก็จะยิ่งงงเข้าไปใหญ่
เซิร์ฟเวอร์สำหรับโหลดบิทและเล่นเกม รวมถึง เซิร์ฟเวอร์ NoSpy นั้นไม่มีให้ใช้งานบน Android นอกจากนี้ IKEv2 ก็ไม่มีบน Android ด้วย แต่นี่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เนื่องจากคุณสามารถใช้ OpenVPN หรือ WireGuard ได้ (ซึ่งมันเป็นโปรโตคอลที่ดีกว่าอยู่แล้ว)
โดยรวมแล้วแอป Android ของ CyberGhost VPN นั้นถูกออกแบบมาเป็นอย่างดีและใช้งานง่าย และมันก็เป็นแอป CyberGhost ตัวเดียวที่มาพร้อมกับ split-tunneling ด้วย คุณจะไม่สามารถเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์สำหรับโหลดบิทและเซิร์ฟเวอร์ NoSpy หรือโปรโตคอล IKEv2 ได้ แต่เราคิดว่านี่น่าจะไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับคนหมู่มาก
iOS
แอป iOS นั้นจะคล้ายกับแอป Android แต่มันจะมีฟีเจอร์น้อยกว่า: มันจะไม่มี OpenVPN, split-tunneling, Content Blocker และขนาด MTU แต่ VPN ส่วนใหญ่นั้นก็ไม่มี split-tunneling สำหรับ iOS เหมือนกัน นอกจากนี้ WireGuard ก็เร็วกว่า OpenVPN และผู้ใหญ่งานส่วนใหญ่ก็คงจะไม่ได้สนใจ Content Blocker หรือขนาด MTU อยู่แล้ว
แอป iOS นั้นก็มีเครื่องมือต่าง ๆ ที่ Android ไม่มีเหมือนกัน แอป iOS นั้นสามารถเปิดเบราว์เซอร์ส่วนตัว CyberGhost ได้ (ซึ่งจะเป็นแอปแยก) ในตอนที่คุณเชื่อมต่อ VPN และมันก็ยังมาพร้อมกับวิดเจ็ตหน้าโฮมด้วยซึ่งทำให้คุณสามารถเชื่อมต่อ VPN ได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องเปิดแอป
โดยรวมแล้วแอป iOS ของ CyberGhost VPN นั้นใช้งานได้ดีมาก ๆ เราอยากให้แอป iOS นั้นมีฟีเจอร์ที่ Android มีอยู่แล้ว (อย่างเช่น OpenVPN) แต่แอป iOS เองก็มีฟีเจอร์ดี ๆ เหมือนกัน และมันก็ใช้งานง่ายมากด้วย ซึ่งเราก็แนะนำให้คุณลอง
Windows/Mac/Linux (เดสก์ท็อป)
แอป CyberGhost VPN บนเดสก์ท็อปนั้นใช้งานง่ายมาก ๆ — เหมือนกับแอปของ Android และ iOS ด้วยภายในคลิกเดียว (ตรงปุ่มตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ที่ดีที่สุด) CyberGhost VPN ก็จะเชืี่อมต่อคุณไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่เร็วที่สุดให้เลย (คุณสามารถเลือกเซิร์ฟเวอร์เองได้เช่นกัน)
หลังจากที่คุณเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์แล้ว CyberGhost นั้นก็จะมีรายละเอียดการเชื่อมต่อที่มีประโยชน์อย่างเช่นโปรโตคอลที่คุณกำลังใช้, ที่อยู่ IP ของคุณ และความเร็วในการอัปโหลดและดาวน์โหลดให้ดูได้ แผงการเชื่อมต่อของ CyberGhost นั้นก็มีประโยชน์มาก ๆ และถ้าคุณขยายมันไปเป็นหน้าต่างของมันเอง คุณก็จะเห็นรายการเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดของ CyberGhost รวมถึงเซิร์ฟเวอร์พิเศษสำหรับเล่นเกม, โหลดบิท และสตรีมมิ่งได้ด้วย
แอป Mac นั้นจะคล้ายกับของ Windows แต่มันจะไม่รองรับ split-tunneling และ OpenVPN ถึงนี่จะไม่ใช่ปัญหาสำหรับผู้ใช้งานส่วนใหญ่ แต่เราก็แนะนำให้ผู้ใช้งาน Mac ลองไปดู ExpressVPN ก่อนจะดีกว่า เนื่องจากมันเปิดให้ใช้งานได้ทั้ง OpenVPN และ split-tunneling สำหรับอุปกรณ์ Mac
VPN นี้ยังมีแอป CLI Linux ด้วย ซึ่งหมายความว่าคุณต้องใช้ command line ในการตั้งค่าและใช้งานมัน แอปนี้จะมีอยู่บนทั้งหมด 5+ distros ซึ่งรวมถึง Fedora, Ubuntu, Kali และ CentOS แอปจะเปิดให้คุณสามารถเลือกใช้งานได้ทั้ง OpenVPN และ WireGuard และมันก็ยังสามารถเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ P2P และสตรีมมิ่งได้ด้วย แอป Linux ของผู้ให้บริการนั้นพอใช้ได้ แต่น่าเสียดายที่มันไม่มี kill switch และเราก็คิดว่ามันจะเหมาะสำหรับผู้ใช้งานขั้นสูงมากกว่า ถ้าคุณไม่ต้องการจะใช้ command line เราแนะนำให้ลองดู ExpressVPN แทน เนื่องจากแอป Linux ของมันจะมี GUI (ส่วนต่อประสานกราฟิกกับผู้ใช้) ถ้าคุณใช้มันคู่กับส่วนขยายเบราว์เซอร์ — และมันก็มี kill switch ให้ใช้ได้ด้วย
โดยรวมแล้ว CyberGhost VPN นั้นมีแอปสำหรับ Windows กับ macOS ที่ดี เราชอบแอป Windows ของมันมากที่สุด เนื่องจากมันมีฟีเจอร์แบบครบครันมากกว่าของ macOS แอป Linux นั้นก็มีให้ใช้งานได้ซึ่งก็ใช้ได้ดี แต่น่าเสียดายที่มันไม่มี kill switch และ GUI
ส่วนขยายเบราว์เซอร์ (Chrome และ Firefox)
CyberGhost VPN นั้นมีส่วนขยายสำหรับ Chrome และ Firefoxซึ่งเหมาะมาก ๆ สำหรับมือใหม่ — มันมีปุ่มเปิดปิดขนาดใหญ่ซึ่งจะทำการเชื่อมต่อคุณไปยัง VPN และก็มีเมนูดรอปดาวน์ไว้ให้คุณเลือกตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ น่าเสียดายที่ส่วนขยายเบราว์เซอร์นั้นจะเปิดให้คุณเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ได้แค่ 4 แห่งเท่านั้น:สหรัฐอเมริกา, เนเธอร์แลนด์, เยอรมนี และโรมาเนีย
และคุณก็ไม่ต้องใช้บัญชี CyberGhost ในการที่จะใช้ส่วนขยายเบราว์เซอร์ — มันเปิดให้ใช้งานได้ฟรีเลย ซึ่งก็เป็นเรื่องที่สะดวกมาก ๆ
แต่ส่วนขยายของมันจะขาดฟีเจอร์เสริมที่ CyberGhost ปกติมีให้ อย่างเช่น Smart Rules (กฎอัจฉริยะ), เซิร์ฟเวอร์ NoSpy และ Content Blocker
ส่วนขยายของ CyberGhost นั้นเป็นพร็อกซี่ที่ทำงานได้ดี แต่เรายังชอบส่วนขยายเบราว์เซอร์ของ ExpressVPN และ Private Internet Access มากกว่า เนื่องจากมันมีฟีเจอร์ความปลอดภัยและตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์ให้เลือกเยอะกว่า
เราเตอร์
คุณสามารถตั้งค่า CyberGhost VPN บนเราเตอร์ของคุณได้เอง แต่เฉพาะถ้ามันรองรับบริการ VPN เท่านั้น โชคยังดีที่ผู้ให้บริการรายนี้สามารถให้บริการร่วมกับเราเตอร์ได้หลากหลายรุ่นหลากหลายเฟิร์มแวร์ — คู่แข่งชั้นนำรายอื่น ๆ อย่างเช่น TunnelBear นั้นจะไม่รองรับเราเตอร์เลย
เราชอบที่ CyberGhost VPN นั้นมีวิธีการสอนแบบเป็นขั้นเป็นตอน (ที่มาพร้อมกับภาพหน้าจอด้วย) เนื่องจากการตั้งค่า VPN บนเราเตอร์เองนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย — การทำตามคู่มือนี้ มันช่วยให้เราติดตั้งเสร็จได้ภายใน 15 นาที ซึ่งก็ถือว่าดีมาก ๆ
แต่ถ้าคุณแค่สนใจที่ต้องการจะใช้ VPN บนเราเตอร์เป็นหลักเลย เราก็อยากจะแนะนำ ExpressVPN — เนื่องจากมันเป็นหนึ่งใน VPN น้อยรายมาก ๆ ที่มีแอปสำหรับเราเตอร์ ซึ่งก็ติดตั้งใช้งานได้ง่าย (เราใช้เวลาเพียง 7–8 นาทีเท่านั้น) นอกจากนี้มันยังมีอินเทอร์เฟซที่เข้าใจง่าย และก็ยังมาพร้อมกับ Lightway ที่พัฒนาขึ้นเอง ซึ่งเป็นโปรโตคอลที่มีความเร็วดีที่สุดจาก VPN ทั้งหมด
โดยรวมแล้ว CyberGhost VPN นั้นมีการรองรับเราเตอร์ที่ใช้งานได้ดี — มันสามารถรองรับการตั้งค่าเองได้กับเราเตอร์หลายรุ่นหลายเฟิร์มแวร์ และมันก็ยังมีวิธีการให้คุณทำตามได้ซึ่งก็มีประโยชน์มาก ๆ
แอป CyberGhost VPN: CyberGhost นั้นใช้งานง่ายหรือไม่?
CyberGhost นั้นมีแอปสำหรับ Android, iOS, Windows และ Mac ที่ดี และก็มีแอปสำหรับ Linux ที่พอใช้ได้
ทุกแอปนั้นมีหน้าตาที่ดูเข้าใจง่าย ผู้ใช้งานใหม่จะสามารถทำความคุ้นเคยกับมันได้อย่างรวดเร็ว และมันก็มีฟีเจอร์ที่อัดแน่นมาในแอปซึ่งต่างก็ใช้งานง่ายทั้งนั้น แอปเหล่านี้ยังมีการตั้งค่าเบื้องต้นมาแล้วเป็นส่วนใหญ่ด้วย (อย่างการปิด IPv6) ดังนั้นผู้ใช้งานจึงไม่จำเป็นต้องสนใจรายละเอียดเหล่านั้น และสามารถเริ่มใช้ VPN ได้ในทันที และในขณะที่แอป Linux ของมันจะใช้งานได้ดี แต่เราคิดว่ามันน่าเสียดายที่ไม่มี kill switch ให้ใช้ — แถมคุณยังต้องใช้ command line ในการตั้งค่าและใช้งานมันด้วย ดังนั้นมันจึงเหมาะสำหรับผู้ใช้งานขั้นสูงเท่านั้น
Android | iOS | Windows | macOS | Linux | |
ส่วนต่อประสานกราฟิกกับผู้ใช้ (GUI) | ✅ | ✅ | ✅ | ✅ | ❌ |
Kill Switch | ✅ | ✅ | ✅ | ✅ | ❌ |
Split-Tunneling | ✅ | ❌ | ❌ | ❌ | ❌ |
Content Blocker | ✅ | ✅ | ✅ | ✅ | ❌ |
Smart Rules (กฎอัจฉริยะ) | ❌ | ❌ | ✅ | ✅ | ❌ |
ฝ่ายให้บริการลูกค้าของ CyberGhost VPN
ฝ่ายบริการและช่วยเหลือลูกค้าของ CyberGhost นั้นมีความโดดเด่นมาก ๆ คู่มือที่พวกเขามีให้นั้นมีความละเอียดและชัดเจนในตัว แถมยังมีไลฟ์แชทและบริการติดต่อทางอีเมลในเวลางานอีกด้วย ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่มีบริการทางโทรศัพท์ แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับ VPN — IPVanish นั้นเป็น VPN ชั้นนำรายเดียวที่มีบริการทางโทรศัพท์
ในส่วนของการช่วยเหลือของ CyberGhost นั้นถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วนอย่างมีระเบียบเรียบร้อย: การแก้ปัญหา, คู่มือผลิตภัณฑ์ และคำถามที่พบบ่อย ในแต่ละส่วนนั้นจะมีความครอบคลุมและก็มีคู่มือการติดตั้งสำหรับแพลตฟอร์มที่ใช้งานได้ทั้งหมด
แบบฟอร์ม “ส่งคำร้อง” ของ CyberGhost นั้นรองรับภาษาอังกฤษ, เยอรมัน, ฝรั่งเศส และโรมาเนีย ตอนที่ส่งคำร้องไปทางอีเมล เราก็ได้รับการตอบกลับภายในวันถัดไป VPN บางรายอย่างเช่น ExpressVPN นั้นจะตอบคำถามของผู้ใช้งานภายในไม่ถึงหนึ่งวัน แต่การตอบกลับของ CyberGhost นั้นก็มีความละเอียดและตอบข้อกังวลใจของเราได้อย่างชัดเจน
ฝ่ายบริการลูกค้านั้นก็เยี่ยมเช่นกัน! การมีทีมบริการที่ตอบสนองไวและพูดคุยได้หลายภาษานั้นจะช่วยให้สามารถเข้าถึงฐานลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น การที่พวกเขาประมวลผลการคืนเงินอย่างรวดเร็ว โดยที่เราได้รับเงินคืนภายใน 5 วันนั้นก็บ่งบอกให้เห็นถึงความต้องการที่จะสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี
โดยรวมแล้ว CyberGhost VPN นั้นมีฝ่ายให้บริการลูกค้าที่ดีมาก ๆ CyberGhost ทำให้การค้นหาคำตอบของคุณนั้นเป็นเรื่องง่ายด้วยพื้นที่ส่วนการช่วยเหลือของพวกเขา แต่ถ้าคุณต้องการที่จะติดต่อฝ่ายให้บริการลูกค้า เราก็แนะนำให้ใช้ไลฟ์แชท 24/7 ซึ่งมีตัวแทนที่ตอบสนองไว และพร้อมให้การช่วยเหลืออย่างเป็นมิตร
สิ่งที่ CyberGhost สามารถทำได้ดีกว่านี้
CyberGhost VPN นั้นเป็นหนึ่งใน VPN ชั้นนำ แต่มันก็ยังมีเรื่องที่สามารถปรับปรุงได้
การบล็อกโฆษณาของมันนั้นเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ตัวบล็อกโฆษณาของ CyberGhost นั้นสามารถบล็อกโฆษณาได้ดีแค่กับเสิร์ชเอนจินเท่านั้น — มันสามารถบล็อกโฆษณาบนเว็บที่มีโฆษณาเยอะอย่างเช่นเว็บ P2P และเว็บข่าวได้แค่บางส่วน เพื่อเป็นการเปรียบเทียบ ทาง Private Internet Access จะมี MACE ที่สามารถบล็อกโฆษณาได้เกือบทั้งหมดในการทดสอบของเรา อย่างไรก็ตาม มันก็ยังเป็นเครื่องมือที่ดีสำหรับการช่วยป้องกันไม่ให้คุณเผลอไปเข้าเว็บไซต์ที่อาจมีอันตรายได้
เราอยากจะเห็น CyberGhost ขยายการรองรับ P2P ให้กับทุกเซิร์ฟเวอร์ด้วย ปัจจุบัน CyberGhost รองรับการโหลดบิทบนเซิร์ฟเวอร์ใน 75+ ประเทศ (จากทั้งหมด 105) ตำแหน่งเซิร์ฟเวอร์เหล่านี้นั้นกระจายอยู่ทั่วโลก และคุณก็สามารถค้นหาเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้ซึ่งมีการรองรับ P2P ได้อย่างง่ายดายในเกือบทุกภูมิภาค อย่างไรก็ตาม คู่แข่งอย่าง ExpressVPN นั้นรองรับทราฟฟิค P2P บนทุกเซิร์ฟเวอร์ ทำให้ผู้ใช้งานสามารถโหลดบิทได้ง่ายกว่า และก็ไม่ต้องคอยมาเปลี่ยนเซิร์ฟเวอร์
มันจะดีมากถ้า CyberGhost นั้นมีการทำ obfuscation ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่จะปิดบังทราฟฟิค VPN และทำให้คุณสามารถใช้งานในประเทศที่ถูกจำกัดได้ สำหรับตอนนี้ CyberGhost นั้นไม่สามารถใช้งานในประเทศอย่างจีนและรัสเซียได้ เพราะรัฐบาลที่นั่นต่างก็มีกฎการเซ็นเซอร์ที่เข้มงวดและก็บล็อกการใช้ VPN ExpressVPN และ Private Internet Access ต่างก็สามารถใช้งานในประเทศเหล่านั้นได้
สุดท้าย เราอยากจะเห็น CyberGhost นำการป้องกันการรั่วไหล WebRTC มาใช้ในตัว นี่ไม่ใช่ข้อเสียใหญ่อะไร เนื่องจากการจะเปิดการป้องกันการรั่วไหล WebRTC นั้นง่ายมาก ๆ ผ่านบนเบราว์เซอร์ แต่มันจะสะดวกมากกว่าถ้ามันมีมาในแอปเลย เหมือนอย่างที่ ExpressVPN และ Private Internet Access มี
CyberGhost VPN นั้นคุ้มค่าหรือไม่?
CyberGhost VPN เป็นหนึ่งใน VPN ที่ดีที่สุดในปี 2024 มันมี Unknown เซิร์ฟเวอร์ใน 100 ประเทศ ตอนที่ทีมงานนานาชาติของพวกเราได้ทำการทดสอบเซิร์ฟเวอร์ในแต่ละประเทศ พวกเราก็พบกับความเร็วที่ดีใช้ได้และก็สามารถดูเนื้อหาในความชัดระดับ HD, ดาวน์โหลดไฟล์ P2P และโหลดเว็บไซต์ได้โดยมีการดีเลย์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
CyberGhost VPN นั้นมีฟีเจอร์ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยที่ดีเยี่ยม นอกจากฟีเจอร์ความปลอดภัยขั้นมาตรฐานอย่าง การเข้ารหัส 256-bit AES, kill switch และนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลอันเข้มงวดที่ผ่านการตรวจสอบอย่างอิสระมาแล้ว CyberGhost VPN ยังมีเซิร์ฟเวอร์ NoSpy (เซิร์ฟเวอร์ที่เร็วและปลอดภัยเป็นพิเศษ ตั้งอยู่ที่สำนักงานใหญ่ของ CyberGhost ในโรมาเนีย), Identity Guard (การป้องกันตัวตน) ซึ่งจะแจ้งเตือนคุณถ้าอีเมลและรหัสผ่านของคุณถูกเปิดเผยออกไป และ Smart Rules (กฎอัจฉริยะ) ซึ่งจะเปิดให้คุณตั้งค่าความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวได้เอง
CyberGhost VPN นั้นยังมีหนึ่งในอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายที่สุดอีกด้วย แอปทั้งหมดของ CyberGhost VPN นั้นเป็นมิตรต่อผู้ใช้งาน, มีฟีเจอร์อัดแน่น และก็ไม่มีบัคใด ๆ คุณสามารถเชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ได้ภายในคลิกเดียว และ CyberGhost VPN ก็ยังมีเซิร์ฟเวอร์พิเศษสำหรับสตรีมมิ่ง, โหลดบิท และเล่นเกมอีกด้วย คุณยังสามารถตั้งค่าเริ่มต้นได้สำหรับหลายอย่างอีกด้วย อย่างเช่นโปรโตคอลเริ่มต้น และการปิดการเชื่อมต่อ IPv6
ถึงแม้ว่ามันจะทำงานได้ดีในหลาย ๆ จุด แต่ CyberGhost VPN ก็ยังมีบางเรื่องที่สามารถปรับปรุงเพิ่มได้ VPN นี้ใช้งานไม่ค่อยได้ในประเทศที่ถูกจำกัด และตัวบล็อกโฆษณาของมันก็บล็อกโฆษณาได้ไม่ดีนัก และฟีเจอร์ที่อำนวยความสะดวกอย่าง split-tunneling นั้นก็มีให้ใช้ได้แค่กับ Android เท่านั้น
ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่เราก็ชอบ CyberGhost VPN มาก — มันมีความเรียบง่ายที่ดี มีเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์และตำแหน่งให้เลือกได้มากมาย, มีความเร็วที่ดีมาก ๆ, มีฟีเจอร์ความปลอดภัยที่เยี่ยม, 7 การเชื่อมต่อ, แพลนจ่ายเงินที่ราคาไม่แพง และการสมัครสมาชิกแบบ 6 เดือน และ 2 ปี นั้นก็มาพร้อมกับการรับประกันคืนเงินภายใน 45 วัน
คำถามพบบ่อย
คุณสามารถใช้ CyberGhost VPN ฟรีได้ไหม?
ไม่ได้ CyberGhost VPN ไม่มีแพลนระดับฟรี แต่มันมีการรับประกันคืนเงินที่ยาวนาน — 45 วัน ถ้าคุณซื้อแพลนแบบจ่ายเงิน 6 เดือนหรือ 2 ปี (แพลนแบบ 1 เดือนจะมีการรับประกันคืนเงิน 14 วัน) ช่วงเวลาการรับประกันคืนเงินภายใน 45 วันของ CyberGhost VPN นั้นเป็นเวลาที่ยาวนานพอเพื่อที่จะให้คุณใช้ทดสอบความเร็ว, เซิร์ฟเวอร์พิเศษสำหรับสตรีมมิ่ง, โหลดบิท และเล่นเกม รวมถึงฟีเจอร์ความปลอดภัยอื่น ๆ หากคุณไม่ชอบ CyberGhost VPN คุณก็สามารถขอคืนเงินได้ผ่านทางไลฟ์แชท (เราได้รับเงินคืนภายใน 5 วัน)
ถึงแม้ว่าจะมี VPN ฟรี ให้ใช้งานได้ แต่โดยทั่วไปแล้วเราไม่อยากจะแนะนำให้ใช้มัน VPN ฟรีส่วนใหญ่นั้นจะไม่มีฟีเจอร์ความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง, อาจจะมีการบันทึกข้อมูลผู้ใช้งานของคุณ, มีความเร็วที่ต่ำกว่า, จำกัดข้อมูลที่ใช้งานได้ และก็ไม่มีอินเทอร์เฟซที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้งาน
CyberGhost VPN ปลอดภัยหรือไม่?
แน่นอน CyberGhost VPN นั้นปลอดภัยมาก ๆ นอกจากการที่มันจะมีฟีเจอร์ความปลอดภัยระดับมาตรฐานอย่าง kill switch, การเข้ารหัส 256-bit และนโยบายการไม่บันทึกข้อมูลแล้วนั้น CyberGhost VPN ก็ยังมีเซิร์ฟเวอร์ NoSpy ด้วย (มันคือเซิร์ฟเวอร์ที่ปลอดภัยกว่าเซิร์ฟเวอร์อื่น ๆ) และก็ยังมีโปรโตคอลที่ปลอดภัย, การป้องกันการรั่วไหลเต็มรูปแบบ, การป้องกันอีเมล และฟีเจอร์ที่จะช่วยให้คุณสามารถปรับแต่งเรื่องความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวได้
CyberGhost VPN นั้นตั้งอยู่ที่โรมาเนีย ซึ่งไม่มีกฎหมายที่จะมาบังคับให้พวกเขาเก็บข้อมูล และประเทศนี้ก็ตั้งอยู่นอกพื้นที่ของพันธมิตร 5/9/14 Eyes (กลุ่มประเทศที่แบ่งปันข้อมูลให้กันและกัน) CyberGhost VPN นั้นผ่านการตรวจสอบนโยบายความเป็นส่วนตัวและมาตรการด้านความปลอดภัยโดยองค์กรอิสระ และบริษัทนี้ก็ได้เผยแพร่รายงานความโปร่งใสทุก ๆ 3 เดือน ซึ่งจะมีรายละเอียดเกี่ยวกับการที่พวกเขาปฏิเสธที่จะส่งมอบข้อมูลของผู้ใช้งานตามที่รัฐบาลหรือหน่วยงานพิทักษ์กฎหมายได้ทำการร้องขอจากพวกเขา สรุปสั้น ๆ ก็คือ CyberGhost VPN นั้นเป็นหนึ่งใน VPN ที่ปลอดภัยที่สุด
CyberGhost VPN ใช้งานกับ Netflix ได้ไหม?
CyberGhost VPN สามารถใช้งานกับ Netflix ได้ CyberGhost VPN นั้นมีเซิร์ฟเวอร์พิเศษสำหรับสตรีมมิ่งซึ่งถูกปรับแต่งมาให้ใช้งานกับ Netflix ได้ถึง 15+ ประเทศ ซึ่งรวมถึง Netflix ฝรั่งเศส, เยอรมัน, อิตาลี, ญี่ปุ่น, สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา นอกจาก Netflix แล้ว CyberGhost VPN ก็ยังสามารถใช้งานกับเว็บไซต์สตรีมมิ่งอื่น ๆ ได้เป็นอย่างดีด้วย อาทิเช่น BBC iPlayer, Hulu และ HBO
CyberGhost VPN รองรับการโหลดบิทหรือไม่?
CyberGhost VPN รองรับการโหลดบิทได้ มันมีเซิร์ฟเวอร์พิเศษสำหรับใช้โหลดบิทตั้งอยู่ใน 75+ ประเทศ เซิร์ฟเวอร์โหลดบิทนั้นจะมีความเร็วสูงและใช้งานได้กับหลายไคลเอนต์โหลดบิทยอดนิยม (รวมถึง Bittorrent, qBittorrent, and uTorrent)
CyberGhost ทำให้ความเร็วอินเทอร์เน็ตตกลงหรือไม่?
ใช่ แต่คุณคงไม่เห็นถึงเวลาแฝงที่เกิดขึ้นเลย VPN ทุกรายนั้นต่างก็จะทำให้ความเร็วในการเชื่อมต่อตกลง เนื่องจากมันจะทำการเข้ารหัสทราฟฟิคออนไลน์ของคุณ และเปลี่ยนเส้นทางมันไปยังหนึ่งในเซิร์ฟเวอร์ของพวกเขา ดังนั้นมันจึงต้องใช้เวลาเพิ่มก่อนที่ข้อมูลจะเดินทางไปถึงปลายทาง แต่ด้วย VPN ชั้นนำอย่าง CyberGhost นั้น คุณคงจะไม่สังเกตเห็นถึงความเร็วที่ตกลงไปเลย เนื่องจากความเร็วที่สูญเสียไปนั้นต่ำมาก
ในการทดสอบของพวกเรา CyberGhost นั้นมี ความเร็วที่สูงมาก ๆ สำหรับทุกกิจกรรมออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นการท่องเว็บ, สตรีมมิ่ง, โหลดบิท รวมถึงเล่นเกม
CyberGhost เหมาะสำหรับใช้เล่นเกมหรือไม่?
แน่นอน CyberGhost นั้นเหมาะมาก ๆ สำหรับใช้เล่นเกม มันมีเซิร์ฟเวอร์สำหรับเล่นเกมตั้งอยู่ใน 4 ประเทศ (สหราชอาณาจักร, สหรัฐอเมริกา, เยอรมนี และฝรั่งเศส) ซึ่งถูกปรับแต่งมาให้มีค่าปิงและความแลคที่น้อย ตอนที่เราทำการทดสอบเซิร์ฟเวอร์เหล่านั้น เราก็ไม่เจออาการแลคหรือค่าปิงที่สูงเลยในแต่ละเกมที่เราทดสอบ
CyberGhost VPN รองรับอุปกรณ์ใดบ้าง?
CyberGhost นั้นมีแอปที่รองรับสำหรับแพลตฟอร์มใหญ่ ๆ ทั้งหมด ประกอบไปด้วย:
- สมาร์ทโฟน, ทีวี และแท็บเล็ต Android เวอร์ชั่น 5.0(Lollipop) ขึ้นไป
- iPhones, iPads และ iPods ที่ใช้ iOS 13.2 ขึ้นไป
- PC (คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล) ที่ใช้ Windows 7, 8.1, 10 และ 11
- MacBook, iMac, และ Mac ที่ใช้งานเวอร์ชัน High Sierra (10.13) ขึ้นไป
- PC ที่ใช้ Linux distros ซึ่งรวมถึง Ubuntu 19.04, 18.04 และ 16.04; Fedora 29, 30 และ 31; Mint 19, Kali, CentOS 17 และ PoP!_OS
- ส่วนขยายเบราว์เซอร์สำหรับ Chrome และ Firefox
- อุปกรณ์ Amazon Fire Stick (รุ่น 2 ขึ้นไป)
คุณสามารถใช้มันกับอุปกรณ์ที่ไม่รองรับ VPN ได้ด้วย เช่นสมาร์ททีวีและเครื่องเล่นเกม เพราะมันมีฟีเจอร์ Smart DNS มันใช้งานได้กับ Roku, Samsung Smart TV, LG Smart TV, Apple TV, and Amazon Fire TV รวมถึง Xbox One และ Xbox 360 และ PlayStation 3 และ 4
CyberGhost ใช้งานกับเราเตอร์ได้ด้วย แต่คุณจะต้องทำการตั้งค่า VPN บนเราเตอร์ของคุณเอง (ถ้ามันสามารถใช้งานกับ VPN ได้) ข่าวดีก็คือ มันมีคู่มืออยู่มากมายบนหน้าบริการลูกค้าของ CyberGhost ซึ่งจะทำให้การตั้งค่านี้ง่ายขึ้นมาก — คุณแค่ต้องทำตามขั้นตอนก็เสร็จเรียบร้อย!
ฉันสามารถใช้ CyberGhost ได้กับกี่อุปกรณ์?
CyberGhost VPN เปิดให้ใช้งานได้ 7 อุปกรณ์ในเวลาเดียวกัน ในหนึ่งบัญชี ซึ่งถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ปกติมักจะเปิดให้ใช้ได้ถึง 5—10 การเชื่อมต่อ แต่ถึงกระนั้น มันก็น่าจะเพียงพอสำหรับครอบคลุมทุกอุปกรณ์ของคุณ ถ้าคุณอาศัยอยู่ในครอบครัวใหญ่ คุณสามารถปกป้องอุปกรณ์เพิ่มได้ด้วยการกำหนดค่า VPN ให้ทำงานผ่านเราเตอร์ — คุณสามารถดูคู่มือในการทำแบบนั้นได้บนหน้าบริการลูกค้าของ CyberGhost
ฉันจะทำให้ความเร็วสูงขึ้นได้อย่างไรตอนที่ใช้ CyberGhost VPN?
CyberGhost VPN นั้นเร็วมาก ๆ แต่ก็มีวิธีเพิ่มความเร็วได้อยู่ถ้าคุณประสบปัญหาความเร็วที่ตกอย่างเห็นได้ชัด:
- อย่าใช้โปรโตคอล OpenVPN OpenVPN นั้นมีความเร็วที่ดี แต่มันสามารถทำให้ความเร็วของผู้ใช้งานบางรายตกไปอย่างเห็นได้ชัด เราขอแนะนำให้ลองไปใช้ IKEv2/IPSec หรือ WireGuard แทน เนื่องจากมันเร็วกว่า
- เชื่อมต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ใกล้เคียง ยิ่งระยะห่างระหว่างคุณกับเซิร์ฟเวอร์ VPN นั้นไกลมากแค่ไหน ข้อมูลก็ต้องใช้เวลาเดินทางระหว่างเครื่องของคุณไปยังเซิร์ฟเวอร์นานขึ้นเท่านั้น เพื่อให้ได้ความเร็วที่ดีที่สุด ให้ลองใช้เซิร์ฟเวอร์ในประเทศของคุณหรือตำแหน่งที่อยู่ใกล้เคียง
- (Android) ใช้ split-tunneling คุณสามารถใช้เครื่องมือนี้เพื่อส่งเฉพาะทราฟฟิคของแอปบางแอปไปยัง VPN ได้ — อย่างเช่นแอปของ Netflix ถ้า VPN ต้องเข้ารหัสและส่งข้อมูลน้อยลง ความเร็วที่ตกลงไปก็จะน้อยลงไปด้วย
- ปิดแอปพื้นหลัง ปิดแอปที่เชื่อมต่อกับเว็บซึ่งกำลังทำงานอยู่ในพื้นหลังซึ่งคุณไม่ได้ใช้งานกับ VPN การปล่อยให้มันทำงานนั้นจะเป็นการกินแบนด์วิดท์ ซึ่ง VPN ต้องใช้งาน
- ใช้การเชื่อมต่อแบบมีสาย การเชื่อมต่อแบบมีสายนั้นจะมีความเสถียรมากกว่า และเร็วกว่าแบบ Wi-Fi ดังนั้นพยายามใช้วิธีนี้ ถ้าเคล็ดลับก่อนหน้านี้ไม่ได้ผลสำหรับคุณ