มีเวลาไม่พอใช่ไหม นี่คือวิธีกำจัดไวรัส & มัลแวร์จากสมาร์ทโฟนของคุณในปี 2024:
- 1. ติดตั้งแอนตี้ไวรัส & ทำการสแกน — ดาวน์โหลดโปรแกรมแอนตี้ไวรัสที่เชื่อถือได้ อย่าง Norton และทำการสแกนเต็มรูปแบบ
- 2. กำจัดไวรัส & มัลแวร์ — เมื่อการสแกนเสร็จสิ้น ให้ตรวจสอบไฟล์ที่ตรวจพบและลบภัยคุกคามทั้งหมด
- 3. รับการปกป้องอยู่เสมอ — ใช้แพ็คเกจความปลอดภัยที่น่าเชื่อถือและเชื่อถือได้เพื่อปกป้องอุปกรณ์ของคุณจากภัยคุกคามในอนาคต ฉันชอบบริการของ Norton มากเป็นพิเศษ บริการมีอัตราการตรวจจับมัลแวร์ 100% ในการทดสอบของฉัน นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์เพิ่มเติมที่ยอดเยี่ยม เช่น การป้องกันเว็บ, การตรวจสอบเครือข่าย Wi-Fi, ไฟร์วอลล์, เครื่องมือกรอง SMS สแปม, เครื่องมือจัดการรหัสผ่านและอื่น ๆ Norton ยังมีการรับประกันคืนเงินภายใน 60 วัน ดังนั้นคุณสามารถทดลองใช้ก่อนตัดสินใจซื้อได้
การลบไวรัสและมัลแวร์ออกจากสมาร์ทโฟนนั้นทำได้ง่าย อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนอาจแตกต่างกันเล็กน้อยขึ้นอยู่กับว่าคุณใช้ Android หรือ iOS
ยกตัวอย่างเช่น หากคุณดาวน์โหลดมัลแวร์ลงในมือถือ Android โดยไม่ได้ตั้งใจ คุณต้องดาวน์โหลดแอปแอนตี้ไวรัส (อย่างเช่น Norton) และทำการสแกนเต็มระบบเพื่อกำจัดมัลแวร์ แต่ถ้าคุณใช้ iOS คุณไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับมัลแวร์ คุณแค่ต้องมีแอปป้องกันไวรัสเพื่อปกป้องอุปกรณ์ของคุณจากภัยคุกคามต่าง ๆ เช่น การโจรกรรมข้อมูล เว็บฟิชชิ่งและการโจมตีแบบสมิชชิง
แต่การมีแอปแอนตี้ไวรัสที่เชื่อถือได้บนสมาร์ทโฟนของคุณ ไม่ว่าคุณจะใช้ระบบปฏิบัติการใดก็เป็นตัวเลือกที่ดีเสมอ คู่มือนี้จะแสดงวิธีการปกป้องอุปกรณ์ของคุณและกู้คืนอุปกรณ์หากถูกโจมตีโดยมัลแวร์ นอกจากนี้ยังจะเสนอเคล็ดลับการรักษาความปลอดภัยของสมาร์ทโฟนเพิ่มเติมที่คุณจำเป็นต้องรู้อีกด้วย2024
มัลแวร์แบบไหนที่มีผลเสียต่ออุปกรณ์
หมายเหตุ: ถ้าคุณต้องการกำจัดมัลแวร์ คุณสามารถข้ามไปดูที่คำแนะนำการกำจัดมัลแวร์ได้เลย
มีมัลแวร์หลายประเภทด้วยกันที่สามารถส่งผลกระทบต่ออุปกรณ์มือถือของคุณได้ มัลแวร์มักจะเข้าสู่อุปกรณ์ของคุณเมื่อคุณดาวน์โหลดแอปที่เป็นอันตรายหรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ที่ไม่น่าไว้วางใจ มัลแวร์มือถือได้แก่:
- ไวรัส — ลบข้อมูลของคุณ ขโมยข้อมูลและทำการสั่งซื้อของต่าง ๆ โดยไม่ได้รับอนุญาต
- แรนซัมแวร์ — ล็อคอุปกรณ์ของคุณไว้จนกว่าคุณจะจ่ายค่าไถ่
- สปายแวร์ — จับตาการใช้งานข้อมูลและขโมยข้อมูลบัญชีการใช้งานหรือข้อมูลส่วนตัวของคุณ
- บอตเน็ต — ใช้โทรศัพท์ของคุณเพื่อส่งอีเมล์หลอกลงและทำการโจมตีผู้ใช้งานคนอื่น ๆ
- รูทคิด — ช่วยให้แฮ็คเกอร์สามารถเข้าถึงอุปกรณ์ของคุณเพื่อขโมยข้อมูลส่วนตัวและดัดแปลงระบบปฏิบัติการ
- แอดแวร์ — สร้างรายได้ให้กับแฮ็กเกอร์ด้วยการแสดงโฆษณาที่ไม่ต้องการบนอุปกรณ์ของคุณอย่างต่อเนื่อง
- แอปที่ไม่ต้องการ (PUAs) — สามารถขโมยข้อมูลและแพร่มัลแวร์อื่น ๆ ลงในอุปกรณ์ของคุณได้
คุณยังสามารถถูกขโมยข้อมูลได้หลังจากเข้าไปใช้งานเว็บฟิชชิ่ง ดังนั้นการติดตั้งแอนตี้ไวรัสอย่าง Norton จึงเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะบริการมาพร้อมกับการป้องกนเว็บที่สามารถช่วยปิดกั้นไม่ให้คุณเข้าถึงเว็บที่เป็นอันตรายได้
วิธีกำจัดมัลแวร์ & ป้องกันปัญหาด้านความปลอดภัยต่าง ๆ บนมือถือของคุณ (คำแนะนำอย่างละเอียด)
ถ้าคุณคิดว่าโทรศัพท์ของคุณติดมัลแวร์ คุณสามารถทำตาม 3 ขั้นตอนด้านล่างเพื่อกำจัดภัยคุกคามและรับการปกป้องเพิ่มเติม วิธีที่ง่ายที่สุดในการกำจัดมัลแวร์และป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาเดียวกันในอนาคตอีกคือการดาวน์โหลดและติดตั้งแอนตี้ไวรัสอย่าง Norton ลงในมือถือ
แต่ถึงแม้จะมีโปรแกรมป้องกันไวรัสทำงานอยู่ คุณก็ยังควรใช้ความระมัดระวังเมื่อใช้งานอินเทอร์เน็ต อย่าคลิกลิงก์ที่คุณไม่รู้จัก อย่าดาวน์โหลดแอปจากที่อื่นนอกจาก Google Play หรือ Apple App Store และอย่าให้รายละเอียดของคุณกับคนที่คุณไม่ไว้วางใจ
ขั้นตอนที่ 1 ติดตั้งแอปแอนตี้ไวรัสสำหรับมือถือและทำการค้นหามัลแวร์หรือภัยคุกคามอื่น ๆ
ดาวน์โหลดและติดตั้งแอปแอนตี้ไวรัสที่เชื่อถือได้ Norton เป็นตัวเลือกโปรดของฉันสำหรับมือถือ เพราะบริการมาพร้อมกับฟีเจอร์ที่ยอดเยี่ยมหลายอย่าง:
- มัลแวร์สแกนเนอร์ (Android เท่านั้น) — สแกนอุปกรณ์ Android ของคุณเพื่อหามัลแวร์และภัยคุกคามต่าง ๆ รับประกันเลยว่าเครื่องมือสแกนนี้ตรวจพบทุกอย่างแน่นอน
- การป้องกันเว็บ — ปิดกั้นไม่ให้คุณเข้าถึงเว็บที่เป็นอันตรายที่สามารถขโมยข้อมูลและข้อมูลส่วนตัวของคุณได้
- App Advisor (Android เท่านั้น) — แจ้งเตือนเมื่อพบแอปอันตรายก่อนที่คุณจะติดตั้ง
- เครือข่ายส่วนตัวเสมือน (VPN) — ปกป้องความเป็นส่วนตัวของคุณโดยการซ่อนหมายเลข IP ของคุณ
- เครื่องมือจัดการรหัสผ่าน (แอปแยก) — แอปใช้การเข้ารหัส AES 256-bit เพื่อจัดเก็บรหัสผ่านในที่เก็บรหัสผ่านที่ปลอดภัย แฮ็คเกอร์ไม่สามารถขโมยข้อมูบส่วนตัวของคุณได้และคุณก็ไม่ต้องเสียเวลาจำด้วย
- และอื่น ๆ อีกมากมาย…
หากคุณเป็นผู้ใช้ Android เมื่อคุณติดตั้งแอปป้องกันไวรัสแล้ว ให้ทำการสแกนอุปกรณ์ของคุณ สิ่งสำคัญคือคุณต้องปล่อยให้การสแกนทำงานจนเสร็จสิ้น เนื่องจากวิธีนี้จะช่วยให้แน่ใจว่าแอปหรือไฟล์ที่เป็นอันตรายจะถูกตรวจสอบ เมื่อแอนตี้ไวรัสพาคุณไปยังรายการไฟล์ที่ติดไวรัส คุณสามารถดำเนินการต่อไปยังขั้นตอนที่ 2
หากคุณใช้อุปกรณ์ iOS คุณสามารถข้ามไปยังขั้นตอนที่ 3 ได้เลย เพราะอุปกรณ์ iOS นั้นไม่เสี่ยงต่อการติดมัลแวร์ Apple ใช้แอป iOS ทั้งหมดในโหมดแซนด์บ็อกซ์ ดังนั้นแม้ว่าแอปที่เป็นอันตรายจะเข้าสู่อุปกรณ์ iOS ของคุณ แอปก็จะไม่สามารถสร้างความเสียหายใด ๆ ได้
ขั้นตอนที่ 2 กำจัดมัลแวร์และแก้ปัญหาด้านความปลอดภัย
หลังจากแอนตี้ไวรัสของคุณสแกนระบบทั้งหมดเสร็จสิ้นแล้ว โปรแกรมจะแยกไฟล์ที่น่าสงสัยในอุปกรณ์ของคุณ ไฟล์ที่น่าสงสัยเหล่านี้จะถูกย้ายไปยังโฟลเดอร์ที่ปลอดภัย ซึ่งคุณสามารถตรวจทานก่อนที่จะลบออกได้ เข้าไปที่โฟลเดอร์ของแอนตี้ไวรัสของคุณก่อนที่จะทำการลบใด ๆ เพราะบางครั้งแอนตี้ไวรัสก็อาจตรวจจับผิดพลาดได้เช่นกัน
หากคุณเป็นผู้ใช้ขั้นสูง คุณจะรู้ได้เองว่าไฟล์ไหนผิดพลาด อย่างไรก็ตามหากคุณไม่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี ให้สอบถามทีมช่วยเหลือลูกค้าของผู้ให้บริการแอนตี้ไวรัสของคุณ ว่ามีไฟล์ใดที่คุณไม่แน่ใจเกี่ยวว่าควรลบหรือไม่
เมื่อคุณลบมัลแวร์ทั้งหมดออกจากอุปกรณ์ Android แล้ว คุณควรรีสตาร์ทโทรศัพท์และทำการสแกนระบบทั้งหมดอีกครั้ง ทำขั้นตอนนี้ซ้ำไปเรื่อย ๆ จนกว่าคุณจะสแกนอุปกรณ์ของคุณและไม่พบไฟล์ที่น่าสงสัยปรากฏในโฟลเดอร์อีก เมื่อเสร็จสิ้นชั้นตอนที่แล้ว ให้ไปขั้นตอนที่ 3
ขั้นตอนที่ 3 ปกป้องอุปกรณ์ของคุณจากภัยคุกคามอื่น ๆ
หลังจากที่คุณลบมัลแวร์ออกจากโทรศัพท์ Android ของคุณแล้ว (หรือปกป้องอุปกรณ์ iOS ของคุณด้วยแอนตี้ไวรัสอย่าง Norton) คุณต้องทำการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหามัลแวร์ซ้ำอีก
- เปิดแอนตี้ไวรัสไว้อยู่ตลอด การเปิดใช้แอนตี้ไวรัสตลอดเวลานั้นช่วยลดความเสี่ยงของการดาวน์โหลดมัลแวร์เพิ่มเติมลงในอุปกรณ์และปกป้องคุณจากเว็บฟิชชิ่ง สมิ่งชิ่ง การขโมยข้อมูลส่วนตัวและอื่น ๆ อีกมากมาย
- อัพเดทมือถือของคุณอยู่เสมอ หากมือถือของคุณใช้เฟิร์มแวร์เก่าหรือแอปที่ล้าสมัย มันอาจเสี่ยงต่อการถูกโจมตีได้ เมื่อนักพัฒนาพบช่องโหว่ในซอฟต์แวร์ พวกเขาจะแก้ไขผ่านการอัปเดตซอฟต์แวร์
- เพื่ออัพเดทอุปกรณ์ Android:
- เปิดการตั้งค่า
- เลื่อนไปที่ด้านล่างของเมนูและคลิกไปที่ ระบบ & การอัพเดท (ใน Android บางเวอร์ชั่น ปุ่มนี้มีชื่อว่า ระบบ)
- คลิกอัพเดทระบบ
- เพื่ออัพเดทอุปกรณ์ iOS:
- คลิกตั้งค่า
- คลิกทั่วไป
- คลิกซอฟท์แวร์อัพเดท
- เปิดการปกป้องแบบเรียลไทม์ โปรแกรมป้องกันไวรัสที่ดีจะมีการป้องกันแบบเรียลไทม์ ซึ่งจะตรวจสอบและสแกนไฟล์อย่างต่อเนื่องเพื่อหยุดไม่ให้ภัยคุกคามสร้างความเสียหายต่ออุปกรณ์ของคุณ
- ใช้การป้องกันเว็บฟิชชิ่ง การป้องกันเว็บฟิชชิงจะจดจำเว็บไซต์ที่เป็นอันตรายและปิดกั้นไม่ให้คุณเข้าชม ดังนั้นอาชญากรไซเบอร์จึงไม่สามารถขโมยข้อมูลของคุณโดยใช้เว็ฟิชชิ่งได้
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าแอนตี้ไวรัสของคุณมีการป้องกันแรนซัมแวร์ แอปแอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดสามารถปกป้องแอปและไฟล์ของคุณจากการถูกล็อคโดยแรนซัมแวร์ได้ Norton, McAfee และ TotalAV สามารถป้องกันการโจมตีจากแรนซัมแวร์ในการทดสอบของฉันได้
- ดาวน์โหลดแอปจากแอปสโตร์เท่านั้น Apple App และ Google Play นั้นทำการยืนยันแอปก่อนที่จะเผยแพร่ในแอปสโตร์ ดังนั้นมั่นใจได้ว่าคุณจะไม่ดาวน์โหลดแอปที่อันตราย เพื่อการป้องกันเพิ่มเติม Norton มี App Advisor สำหรับ Android จะแจ้งเตือนหากมีแอปที่ไม่น่าไว้ใจหลุดลอดเข้ามาใน Google Play คุณสามารถดาวน์โหลดแอป Android ได้อย่างปลอดภัยจากแอปของ Amazon
- ป้องกันเครือข่าย Wi-Fi เครือข่าย Wi-Fi ของคุณควรได้รับการป้องกันโดยใช้รหัสผ่านที่ปลอดภัย หากมีคนสามารถเข้าถึงเครือข่าย Wi-Fi ของคุณได้ บุคคลนั้นก็สามารถเข้าถึงข้อมูลในเครือข่าย Wi-Fi ของคุณได้ เครื่องมือจัดการรหัสผ่านอย่าง 1Password สามารถสร้างรหัสผ่านที่แข็งแกร่ง เข้ารหัสและจัดเก็บรหัสผ่านของคุณเพื่อไม่ให้ใครสามารถเข้าถึงได้
แอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับสมาร์ทโฟนในปี 2024
สรุปแอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับสมาร์ทโฟนในปี 2024:
🥇 1. Norton — แอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับมือถือโดยรวม2024
Norton นำเสนอการปกป้องที่ยอดเยี่ยมสำหรับ Android และ iOS โปรแกรมสแกนมัลแวร์มีอัตราการตรวจจับที่สมบูรณ์แบบและใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีในการค้นหาตัวอย่างมัลแวร์ทั้งหมดบนอุปกรณ์ Android ของฉัน ซึ่งรวมถึงแรนซัมแวร์ สปายแวร์ แอดแวร์และอื่น ๆ
Norton ยังมี:
- App Advisor (Android เท่านั้น)
- การป้องกันเว็บ
- การตรวจสอบดาร์กเว็บ
- รายงานความปลอดภัย (iOS)
- VPN (เครือข่ายส่วนตัวเสมือน)
- เครื่องมือกรอง SMS
- แอป Android ในภาษาไทย
- และอื่น ๆ อีกมากมาย…
การป้องกันเว็บของ Norton ใช้งานได้ดี ฉันลองเข้าถึงเว็บฟิชชิ่งในทั้ง Android และ iOS และ Norton ปิดกั้นเว็บไซต์ได้ในทั้งสองอุปกรณ์
ฉันยังชอบที่ Norton มีฟีเจอร์ App Advisor สำหรับ Android เมื่อฉันเข้าใช้ Google Play มันช่วยบอกฉันว่าแอปใดสามารถดาวน์โหลดได้อย่างปลอดภัย
VPN ของ Norton นั้นใช้งานได้ดีเช่นกัน มันสามารถซ่อนหมายเลข IP ของคุณ ทำให้แฮคเกอร์ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลของคุณได้ บริการมีมากกว่า 2,000 เซิร์ฟเวอร์ในกว่า 30 ประเทศ ไม่มีข้อกำจัดข้อมูล (ไม่เหมือนคู่แข่งอย่าง Bitdefender) และมีความเร็วเครือข่ายที่ดี
Norton Mobile Security สามารถใช้งานได้ในหนึ่งอุปกรณ์ Android หรือ iOS ในราคาเพียง US$19.99 / ปี* แต่ถ้าคุณมีหลายอุปกรณ์และระบบปฏิบัติการที่ต้องการปกป้อง คุณควรเลือก Norton 360 Deluxe แทน ในราคาเพียง US$49.99 / ปี* คุณสามารถปกป้องได้มากถึง 5 อุปกรณ์ ได้รับแอปการควบคุมของผู้ปกครองเพิ่มและพื้นที่เก็บข้อมูลบนคลาวด์ 50 GB แผนบริการทั้งหมดของ Norton มาพร้อมกับการรับประกันคืนเงิน 60 วัน
อ่านรีวิวตัวเต็มของ Norton ได้ที่นี่
🥈 2. McAfee — การป้องกันเว็บที่น่าประทับใจสำหรับ Android และ iOS
McAfee เป็นแอปแอนตี้ไวรัสสำหรับ Android และ iOS ที่นำเสนออัตราการตรวจจับมัลแวร์ที่สมบูรณ์แบบ บริการสามารถตรวจจับตัวอย่างมัลแวร์ได้ 100% ทุกครั้งที่ทำการทดสอบบนอุปกรณ์ Android
McAfee ยังมีฟีเจอร์:
- การป้องกันเว็บฟิชชิ่ง
- VPN (เครื่องข่ายส่วนตัวเสมือน) ที่ปลอดภัย
- การสแกน Wi-Fi
- แอป Android ในภาษาไทย
- และอื่น ๆ อีกมากมาย…
การป้องกันเว็บของ McAfee นั้นใช้งานได้ดีมาก ฉันลองเข้าถึงเว็บฟิชชิ่งจำนวนหลายสิบเว็บบนอุปกรณ์ Android และ iOS และ McAfee ก็สามารถบล็อคเว็บส่วนใหญ่ได้ แต่พลาดเพียงแค่สองถึงสามเว็บที่ Norton สามารถตรวจจับได้
ฉันชอบที่ McAfee มีฟีเจอร์สแกนเครือข่าย Wi-Fi ซึ่งจะสแกนเพื่อหาปัญหาในเครือข่าย Wi-Fi ของคุณ อย่างเช่น รหัสผ่านที่ไม่แข็งแกร่งหรือช่องโหว่ที่อาจถูกโจมตี SSL ได้ เมื่อฉันลองลบรหัสผ่าน Wi-Fi ของฉัน McAfee ก็แจ้งเตือนว่าเครือข่ายของฉันขาดรหัสผ่านในไม่เกิน 5 นาที ซึ่งน่าประทับใจมาก!
McAfee Mobile Security มีราคา US$39.99 / ปี ซึ่งนำเสนอการปกป้องอุปกรณ์ Android หรือ iOS เพียงเครื่องเดียวเท่านั้น หากคุณต้องการการปกป้องที่มากขึ้น ฉันแนะนำTotal Protection Premium ซึ่งมีราคา US$49.99 / ปี และนำเสนอการปกป้องไม่จำกัดจำนวนอุปกรณ์ เพื่อให้คุณสามารถปกป้องอุปกรณ์ Android และ iOS และคอมพิวเตอร์ Windows หรือ Mac ในบ้านของคุณได้ ทุกแผนมาพร้อมกับการรับประกันคืนเงิน 30 วัน
แผนบริการของ McAfee อาจแตกต่างกันไปตามตำแหน่งที่คุณอยู่ มันอาจใช้ชื่อคนจะอย่าง มีฟีเจอร์ไม่เหมือนกันและนำเสนอระยะเวลาในการบริการไม่เหมือนกัน
อ่านรีวิวตัวเต็มของ McAfee ได้ที่นี่
🥉 3. TotalAV — แอนตี้ไวรัสที่ดีที่สุดสำหรับมือใหม่
TotalAV มาพร้อมกับการป้องกันมัลแวร์ที่ยอดเยี่ยมในแพ็คเกจที่ใช้งานง่ายและเหมาะสำหรับผู้ใช้เริ่มต้น บริการพบมัลแวร์ตัวอย่างทุกอันในมือถือ Huawei P30 Lite ของฉันและใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีในการสแกนระบบทั้งหมด ขณะที่การสแกนกำลังทำงาน ฉันไม่พบการชะลอใด ๆ เลย อย่างไรก็ตาม ฉันสังเกตเห็นว่าแบตเตอรี่ของฉันหมดเร็วกว่า Norton หรือ McAfee
TotalAV ยังมีฟีเจอร์:
- การป้องกันเว็บฟิชชิ่ง
- App locker (Android เท่านั้น)
- เครื่องมือการปรับแต่งระบบ
- เบราเซอร์ที่ปลอดภัย
- VPN
- และอื่น ๆ อีกมากมาย…
ฉันชอบเครื่องมือการปรับแต่งระบบของ TotalAV เป็นพิเศษ เครื่องนี้จะมองหาไฟล์แคช รูปที่ซ้ำกันและอื่น ๆ อีกมากมาย ฉันประหยัดพื้นที่ได้มากกว่า 1,000 MB ทั้งบนโทรศัพท์ Android และ iOS
VPN ของ TotalAV ยังใช้งานได้ดีมากอีกด้วย ที่จริงแล้วมันเป็นหนึ่งในแอนตี้ไวรัสที่มี VPN ที่ฉันชอบมากที่สุดในปี 2024 เลย มันมีการเชื่อมต่อความเร็วสูง สามารถใช้งานในเว็บสตรีมมิ่งได้ ไม่เหมือน VPN ของ Norton คุณยังสามารถใช้ VPN เพื่อทอร์เรนต์ได้อีกด้วย
TotalAV Mobile Security นำเสนอการปกป้องอุปกรณ์เพียงแค่เครื่องเดียวและมีราคา US$19.00 / ปี อย่างไรก็ตามถ้าคุณต้องการการปกป้องสำหรับอุปกรณ์หลายเครื่อง TotalAV Total Security ที่มีราคา US$49.00 / ปี และมาพร้อมกับฟีเจอร์ทั้งหมดของ TotalAV และใช้การปกป้องมากถึง 6 อุปกรณ์ในระบบปฏิบัติการหลักทั้งหมด แผนบริการทั้งหมดของ TotalAV มาพร้อมกับการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
อ่านรีวิวตัวเต็มของ TotalAV ได้ที่นี่
สิ่งที่ควรทำเมื่อโทรศัพท์ติดมัลแวร์ (และไม่สามารถทำการสแกนได้)
หากมัลแวร์ทำการปิดกั้นโทรศัพท์ของคุณไม่ให้สามารถใช้งานแอนตี้ไวรัสได้ คุณมีตัวเลือกดังนี้ ถ้าคุณใช้ Android คุณจะต้องบู๊ตอุปกรณ์ของคุณเข้าสู่เซฟโหมดและลบแอปใด ๆ ที่ติดตั้งล่าสุดหรือรีเซ็ตอุปกรณ์เป็นค่าเริ่มต้นจากโรงงาน
ถ้าคุณใช้ iOS คุณสามารถเชื่อมต่อโทรศัพท์ของคุณกับ Mac หรือ Windows PC และกู้คืนโทรศัพท์ของคุณผ่าน Finder หรือ iTunes
คลิกไปที่ตัวเลือกด้านล่างนี้:
กู้คืนอุปกรณ์ Android ที่ถูกบล็อก
ในการเข้าถึง Android ที่ถูกบล็อก ก่อนอื่นคุณต้องบู๊ตโทรศัพท์เข้าสู่เซฟโหมด ขั้นตอนในการทำเช่นนี้อาจแตกต่างกันไปตามรุ่นของโทรศัพท์ของคุณ:
- เมื่อโทรศัพท์ปิดอยู่ให้กดปุ่มเปิด/ปิดและปุ่มลดระดับเสียงค้างไว้ โทรศัพท์ของคุณจะบู๊ตเข้าสู่เมนูการกู้คืนหรือเข้าสู่เซฟโหมดโดยตรง หากไม่เป็นเช่นนั้น ให้ลองขั้นตอนนี้อีกครั้ง แต่ให้กดปุ่มเปิด/ปิดและปุ่มเพิ่มระดับเสียงค้างไว้แทน
หมายเหตุ: หากทั้งสองวิธีล้มเหลว ให้ตรวจสอบข้อมูลออนไลน์ (หรือในคู่มือโทรศัพท์ของคุณ) เพื่อดูคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีบู๊ตเข้าสู่เซฟโหมด
หากโทรศัพท์ของคุณบู๊ตเข้าสู่เมนูการกู้คืน คุณสามารถใช้ปุ่มปรับระดับเสียงเพื่อนำทางได้ ไปที่เซฟโหมดแล้วกดปุ่มเปิด/ปิดเพื่อบู๊ตโทรศัพท์เข้าสู่เซฟโหมด
- ขณะใช้งานเซฟโหมด ให้ไปที่การตั้งค่าโทรศัพท์ของคุณ คลิก Apps สองครั้งจากนั้นเลือกดูรายการแอป ถอนการติดตั้งแอปที่น่าสงสัยโดยคลิกที่แอปนั้นแล้วคลิก ถอนการติดตั้ง
- ลองรีบูตโทรศัพท์ตามปกติเพื่อดูว่าโทรศัพท์สามารถใช้งานได้อีกครั้งหรือไม่ หากโทรศัพท์สามารถใช้งานได้อีกครั้ง ให้ทำการสแกนมัลแวร์อีกรอบโดยทำตามขั้นตอนในด้านบน
หากโทรศัพท์ยังใช้งานไม่ได้ คุณต้องรีเซ็ตอุปกรณ์เป็นค่าเริ่มต้น ทำตามขั้นตอนที่ 1 ด้านบนเพื่อบู๊ตโทรศัพท์กลับเข้าสู่โหมดปลอดภัย จากนั้นทำตามขั้นตอนด้านล่าง:
สำรองข้อมูลของคุณ:
- คลิกตั้งค่า
- คลิก Google
- คลิกสำรองข้อมูล
- คลิกสำรองข้อมูลตอนนี้
หมายเหตุ: หากคุณต้องการสำรองข้อมูลรูปภาพและวิดีโอ ตรวจดูว่าตัวเลือก “รูปภาพ & วิดีโอ” นั้นได้เปิดอยู่
รีเซ็ตอุปกรณ์ของคุณ:
- คลิกตั้งค่า
- คลิกระบบ & อัพเดท
- คลิกรีเซ็ต
- คลิกรีเซ็ตอุปกรณ์
- เมื่ออุปกรณ์ถามเพื่อยืนยัน ให้คลิกรีเซ็ตอุปกรณ์อีกครั้ง
- รอให้อุปกรณ์รีเซ็ตเป็นการตั้งค่าเริ่มต้นจากโรงงาน
เมื่อคุณทำเสร็จแล้ว คุณสามารถกู้คืนข้อมูลสำรองล่าสุดของคุณได้ ทำตามขั้นตอนบนหน้าจอหลังจากรีเซ็ตเป็นค่าเริ่มต้นจากโรงงานเพื่อกู้คืน เมื่อเสร็จแล้วคุณควรติดตั้งแอปแอนตี้ไวรัส เช่น Norton เพื่อไม่ให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอีก
ตอนนี้คุณสามารถทำตามคำแนะนำด้านความปลอดภัยอื่น ๆ ของสมาร์ทโฟนได้แล้ว
กู้คืนอุปกรณ์ iOS ที่ถูกบล็อก
หากต้องการเข้าถึงอุปกรณ์ iOS ที่ถูกบล็อก คุณต้องปิด iPhone และเชื่อมต่อผ่าน USB กับคอมพิวเตอร์ Windows หรือ Mac และให้ทำขั้นตอนนี้ต่อ:
- เปิด Finder (Mac) หรือ iTunes (Windows)
- ทำให้ iPhone ของคุณเข้าสู่โหมด DFU ขั้นตอนการทำเช่นนี้ขึ้นอยู่กับรุ่นของโทรศัพท์คุณด้วย ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนสำหรับ iPhone รุ่นล่าสุด:
- กดปุ่มเพิ่มระดับเสียงอย่างรวดเร็ว
- กดปุ่มลดระดับเสียงอย่างรวดเร็ว
- กดปุ่มด้านข้างค้างไว้ เมื่อหน้าจอ iPhone ของคุณดับลง ให้กดปุ่มลดระดับเสียงค้างไว้ในขณะที่ยังคงกดปุ่มด้านข้างค้างไว้
- รอประมาณ 5 วินาที จากนั้นปล่อยปุ่มด้านข้างเท่านั้น (หากคุณเห็นโลโก้ Apple ปรากฏขึ้น แสดงว่าคุณกดปุ่มด้านข้างค้างไว้นานเกินไป)
- จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ Finder หรือ iTunes จะตรวจพบอุปกรณ์ในโหมด DFU
หมายเหตุ: หากไม่ได้ผล ให้ค้นหาวิธีตามรุ่นบน iPhone อินเตอร์เน็ต (เช่น iPhone 6) และทำตามคำแนะนำในการบูตเข้าสู่โหมด DFU ในขณะที่โทรศัพท์ของคุณเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์
- Finder/iTunes จะตรวจพบสิ่งผิดปกติในโทรศัพท์ของคุณโดยอัตโนมัติ และคุณจะได้รับตัวเลือกในการกู้คืน อย่างไรก็ตาม โปรดทราบว่าการทำเช่นนั้นจะลบข้อมูลทั้งหมดของคุณ
หมายเหตุ: เว้นแต่คุณจะสำรองข้อมูลทั้งหมดของคุณไปยัง iCloud ก่อนที่โทรศัพท์ของคุณจะถูกระงับ วิธีเดียวที่จะกู้คืนข้อมูลของคุณก่อนที่จะกู้คืน iPhone ของคุณคือการใช้แอพของบุคคลที่สาม เช่น EaseUS MobiSaver แอปเหล่านี้สามารถสแกน iPhone ของคุณจากคอมพิวเตอร์และอนุญาตให้คุณกู้คืนไฟล์ที่คุณไม่สามารถเข้าถึงได้ แต่ไม่มีการรับประกันว่าจะใช้งานได้ แต่อย่างไรก็ตาม คุณสามารถดาวน์โหลดแอปอย่าง EaseUS MobiSaver เพื่อทดลองใช้ฟรีได้ ดังนั้นจึงไม่มีความเสี่ยงในการทดลองใช้
ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด เมื่อ iPhone ของคุณกู้คืนแล้ว คุณควรรีสตาร์ทได้ตามปกติ เมื่อเสร็จสิ้นแล้วให้ติดตั้งแอปแอนตี้ไวรัสสำหรับมือถือ เช่น Norton เพื่อป้องกันไม่ให้มัลแวร์บล็อกโทรศัพท์ของคุณได้อีกในอนาคต
คำแนะนำด้านความปลอดภัยอื่น ๆ สำหรับสมาร์ทโฟน
คุณควรปฏิบัติตามคำแนะนำด้านความปลอดภัยข้างต้นและอุปกรณ์ Android หรือ iOS ของคุณจะปราศจากไวรัสและมัลแวร์อื่น ๆ อย่างไรก็ตาม เรายังมีคำแนะนำด้านความปลอดภัยเพิ่มเติมอีกสองสามข้อที่คุณควรพิจารณา:
- ติดตั้งเครื่องมือจัดการรหัสผ่าน (เช่น 1Password)
- ติดตั้ง VPN ที่ปลอดภัย (เช่น ExpressVPN)
- เปิดใช้งานการยืนยันตัวตนสองขั้นตอน (เช่น การยืนยันตัวตนด้วยไบโอเมตริก)
- ปรับการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของโทรศัพท์ของคุณให้เหมาะสม
ติดตั้งเครื่องมือจัดการรหัสผ่าน (เช่น 1Password) เพื่อให้คุณจัดเก็บรหัสผ่านของคุณได้อย่างปลอดภัย คุณยังสามารถเก็บข้อมูลส่วนตัว เช่น ข้อมูลทางการเงิน, หมายเลขหนังสือเดินทางและใบขับขี่ เครื่องมือจัดการรหัสผ่านจัดเก็บข้อมูลนี้โดยใช้การเข้ารหัส AES 256-bit ซึ่งหมายความว่าแฮ็กเกอร์จะไม่สามารถขโมยข้อมูลของคุณได้ นอกจากนี้บริการยังสร้างและจดจำรหัสผ่านที่รัดกุมได้อีกด้วย ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะถอดรหัสโดยใช้บ็อตเน็ตอย่าง Mirai
คุณควรใช้เครือข่ายส่วนตัวเสมือน (VPN) เช่น ExpressVPN VPN จะให้หมายเลข IP เสมือนแก่คุณ ดังนั้นอาชญากรไซเบอร์จึงไม่สามารถเห็นตำแหน่งที่แท้จริงของคุณได้ VPN ที่ดีที่สุดยังมีเซิร์ฟเวอร์ในหลายประเทศ
การเปิดใช้งานการยืนยันตัวตนสองขั้นตอน (2FA) ยังเป็นขั้นตอนสำคัญเพื่อหยุดแฮ็กเกอร์ไม่ให้เข้าถึงอุปกรณ์หรือบัญชีของคุณได้ 2FA จะไม่ให้ใครสามารถเข้าถึงบัญชีได้เว้นแต่มีการระบุตัวตนอีกขั้นตอน เช่น ที่อยู่อีเมลหรือหมายเลขโทรศัพท์ 2FA ขั้นสูงยังช่วยให้คุณล็อคบัญชีของคุณหลังแอปยืนยันตัวตน (เช่น Authy) หรือคีย์ USB (เช่น YubiKey) เพื่อเปิดใช้ 2FA บน Android เข้าไปที่บัญชี Google, กด ความปลอดภัย, ลงชื่อเข้าใช้ Google, เปิดใช้ 2-Step Verification จากนั้น คลิกเริ่มต้น สำหรับ iOS ให้เข้าไปที่การตั้งค่า, คลิกชื่อบัญชีของคุณ, รหัสผ่าน & ความปลอดภัย จากนั้น เปิดใช้งานการยืนยันตัวตนสองขั้นตอน
คุณควรตรวจสอบการตั้งค่าความปลอดภัยของโทรศัพท์คุณด้วย สำหรับ Android เปิดการตั้งค่า คลิกไปที่ความปลอดภัยและเลือกข้อมูลที่ต้องการให้แต่ละแอปเข้าถึงได้ ในการทดสอบของฉัน ฉันรู้สึกประหลาดใจที่พบว่าแอปต่าง ๆ เช่น Amazon Music สามารถเข้าถึงรายชื่อผู้ติดต่อในโทรศัพท์ของฉันได้ หากคุณใช้ iOS เข้าไปที่การตั้งค่า คลิกที่ความเป็นส่วนตัว & ความปลอดภัย จากนั้นไปที่รายงานความปลอดภัยแอป เมื่อดำเนินการนี้จะสร้างรายงานสิ่งที่แอป iOS ทั้งหมดสามารถเข้าถึงได้และทำให้ง่ายต่อการปรับสิทธิ์ของแต่ละแอป หากคุณมี Norton 360 Deluxe ฟีเจอร์การควบคุมความปลอดภัยของ Norton จะให้รายชื่อนายหน้าที่ขายข้อมูลระบุตัวตน (PII) ของคุณ หากคุณพบว่ามีการขาย PII ของคุณ คุณสามารถส่งคำขอให้ลบข้อมูลของคุณออกจากฐานข้อมูลของนายหน้าได้
คำถามที่พบบ่อย
มัลแวร์สามารถติดบนสมาร์ทโฟนได้จริงหรือ
ใช่ มัลแวร์สามารถติดบนมือถือสมาร์ทโฟนได้ โทรศัพท์ Android มีความเสี่ยงต่อแอปอันตรายที่มีไวรัส แรนซัมแวร์ สปายแวร์ และอื่น ๆ โทรศัพท์ iOS มีความเสี่ยงน้อยกว่า Android แต่คุณยังเสี่ยงต่อการเข้าถึงเว็บไซต์ที่ขโมยข้อมูล รวมถึงข้อมูลทางการเงินและรหัสผ่านของคุณอยู่ดี
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ดีที่คุณควรมีแอนตี้ไวรัสที่ดีอยู่ในมือถือ Norton เป็นตัวเลือกที่ดี เพราะมีฟีเจอร์มากมายสำหรับ iOS และ Android ที่จะช่วยให้อุปกรณ์ของคุณปลอดภัย2024
มือถือ Android สามารถติดมัลแวร์ได้จริงหรือ
ใช่ แฮ็กเกอร์สามารถติดตั้งมัลแวร์บนอุปกรณ์ Android ของคุณได้ ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ เช่น ทำให้อุปกรณ์ทำงานช้าลง ทำลายข้อมูลของคุณและแม้แต่ทำให้อุปกรณ์หยุดทำงาน มัลแวร์ส่วนใหญ่ติดตั้งโดยบังเอิญเมื่อคุณดาวน์โหลดไฟล์ .APK ที่เป็นอันตรายจากภายนอก Google Play Store แต่ไฟล์นี้ก็ยังมาพร้อมกับอีเมลของคุณหรือโดยการเยี่ยมชมเว็บไซต์ที่เป็นอันตรายได้อีกด้วย
คุณไม่ควรเปิดอีเมลที่ไม่น่าเชื่อถือหรือดาวน์โหลดแอปจากภายนอก Google Play Store อย่างไรก็ตามหากคุณมีความรู้ด้านเทคนิคมากพอและต้องการดาวน์โหลดแอปจากบุคคลที่สาม คุณก็ควรมีแอปแอนตี้ไวรัสที่ดี เช่น Norton เปิดใช้งานอยู่ตลอด
มือถือ iOS สามารถติดมัลแวร์ได้จริงหรือ
มัลแวร์ไม่สามารถติดบนสมาร์ทโฟน iOS ได้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าผู้ใช้ iOS จะปลอดภัย คุณยังสามารถเข้าถึงเว็บไซต์ที่เป็นอันตราย ตกเป็นเหยื่อของการโจมตีเครือข่าย ถูกขโมยข้อมูลหรือถูกละเมิดบัญชีออนไลน์ของคุณได้
เนื่องจากอุปกรณ์ iOS ไม่สามารถติดมัลแวร์ได้และ Apple ไม่อนุญาตให้แอปรักษาความปลอดภัยทำการสแกนไวรัส แอนตี้ไวรัสสำหรับ iOS จึงไม่มีฟีเจอร์การสแกนมัลแวร์ อย่างไรก็ตามแอปแอนตี้ไวรัสบน iOS มาพร้อมกับฟีเจอร์อื่น ๆ มากมายที่ปกป้องอุปกรณ์ของคุณจากภัยคุกคามด้านความปลอดภัย ตัวอย่างเช่น Norton Mobile Security มาพร้อมกับการป้องกันเว็บไซต์ที่ยอดเยี่ยมและการตรวจสอบดาร์กเว็บ ซึ่งจะแจ้งเตือนคุณหากพบข้อมูลส่วนบุคคลของคุณบนดาร์กเว็บ
จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อมัลแวร์ติดบนมือถือคุณ
หากโทรศัพท์ของคุณมัลแวร์ มีหลายสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้ โทรศัพท์ของคุณอาจทำงานช้ากว่าปกติ คุณอาจได้รับโฆษณาที่น่ารำคาญหรืออาจมีแอปที่คุณไม่รู้จักปรากฏบนหน้าจอของคุณ อาชญากรไซเบอร์อาจขโมยข้อมูล ซึ่งอาจรวมถึงข้อมูลทางการเงิน หมายเลขประกันสังคมและอื่น ๆ ของคุณ
ดังนั้นหากคุณรู้ว่าสมาร์ทโฟนมีมัลแวร์ คุณควรลบมันออกทันที ทำตามขั้นตอนในด้านบน ซึ่งจะให้คำแนะนำวิธีการลบมัลแวร์ออกจากสมาร์ทโฟนโดยใช้โปรแกรมป้องกันไวรัส เช่น Norton